จาก NEXTEMPIRE by Pae,Feb 23, 2018 5:29 PM
writer of Thought Leader
HIGHLIGHTS
Mark Zuckerberg (มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก) เป็นเศรษฐีที่ยิ่งกว่าอายุน้อยร้อยล้าน เพราะเขารวยเป็นพันล้าน! ในวัยเพียงแค่ 33 ปี เขามีทรัพย์สินมากถึง 72 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งได้ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 5 จาก Forbes 2017 Billionaires
Facebook เป็น Social Network ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เทคโนโลยีของโลก มันคือ Epic ของชายที่ชื่อว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ด้วยความที่มันเป็นที่นิยมมากทั่วโลก แม้กระทั่งประเทศจีนที่ปิดกั้นไว้เพื่อความมั่นคงของชาติ Mark ก็สามารถใช้สัมพันธไมตรีทางการฑูต มีแพลตฟอร์มที่เหมือน Facebook เข้าไปเปิดใช้งานในประเทศจีนได้
Social Network ของ Mark เปลี่ยนชีวิตคนบนโลกได้ และมันก็เปลี่ยนชีวิตเขาเช่นกัน...
ตอนนั้น Mark ยังอยู่แค่ประถม แล้วก็กำลังเบื่อ ๆ อยู่พอดี คุณพ่อซึ่งเป็นคนที่ชอบเรื่องเทคโนโลยี เขาเป็นหมอฟันที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยแสกนปากคนไข้ จึงได้แนะนำให้ Mark ได้รู้จักคอมพิวเตอร์ แล้วก็สอนเขียนโปรแกรมด้วย Atari BASIC Mark และคุณพ่อช่วยกันเขียนโปรแกรมที่ชื่อ "ZuckNet" โดยสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ที่ทำงานกับที่บ้านได้ เวลาคนไข้มาก็จะรับรู้ได้ เขาบอกว่ามันดียิ่งกว่าการมีรีเซปต์ชั่นคอยตะโกนเรียกคุณหมอเสียอีก นี่แหละคือโปรแกรมแรกในชีวิตที่ Mark เขียนตอนประถม!
l Mark สนุกกับการเขียนโปรแกรมมาก เขาเขียนเกมคอมพิวเตอร์ขึ้นมาขำ ๆ เพราะเห็นเพื่อนวาดรูปการ์ตูน ก็เลยหยิบคาแรคเตอร์นั้นมาทำเป็นเกมซะเลย
เมื่อช่วงมัธยม หลังจากที่ Mark เรียนวิทยายุทธ์เขียนโปรแกรมจากคุณพ่อจนเต็มเปี่ยม Mark ก็ได้ไปเรียนเสริมเกี่ยวกับการเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง แล้วเขาก็ได้ไปเจออดัม (Adam D'Angelo) ทั้งคู่เรียนรู้วิธีการแฮคด้วยกัน สร้างโปรแกรมด้วยกัน จนได้ Music Player ที่ชื่อ "Synapse" ซึ่งความเจ๋งของมันคึือ เป็นโปรแกรมที่สามารถเรียนรู้รสนิยมเพลงของคนฟังและแนะนำให้ได้ถูกจริต ซึ่งเมื่อปล่อยโปรแกรมออกไปไม่นาน ไมโครซอฟท์ก็สนใจอยากจะซื้อรวมไปจนถึงเจรจาว่าจ้าง Mark ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่ Mark ก็ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมดที่ได้รับ
l Mark เป็นผู้ที่มีแผนของตัวเองอยู่เสมอ ต่อให้เขาจะได้รับข้อเสนอสุดพิเศษขนาดไหน แต่ถ้ามันไม่ตรงกับแผนของเขา ก็พร้อมที่จะปฏิเสธทุกเมื่อ
หลังจากเรียนจบมัธยม Mark ก็ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์ดวาร์ด โปรแกรมที่เขาเขียนและสร้างชื่อให้เขาได้คือ "CourseMatch" ช่วยให้นักศึกษาตัดสินใจเลือกวิชาเรียนได้ และยังช่วยให้พวกเขารวมกลุ่มเพื่อการเรียนด้วยกันได้อีกด้วย โดยโปรแกรมจะรวบรวมการตัดสินใจของนักศึกษาคนอื่น ๆ ซึ่งสถิติตรงนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการตัดสินใจเลือกวิชาเรียนแก่ผู้ใช้งานได้
หลังจากนั้นประมาณปี 2003 ช่วงซัมเมอร์ ตอนนั้น Mark อยู่ในหอพักแล้วก็นอนไม่หลับ จู่ ๆ ก็มีไอเดียสุดเจ๋งขึ้นมา นั่นคือ "FaceMash" เป็น Website โหวตความฮ็อทของนักศึกษาทั้งชายและหญิง โดยแฮ็ค Database ของมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาอัพโหลดรูปโปรไฟล์ แล้วเอามาแมตช์คู่กันประชันกัน ชาย-ชาย หญิง-หญิง แล้วถามว่า ใครฮ็อทกว่ากัน? ซึ่งมันได้รับความสนใจมาก มากขนาดที่ว่าเซิร์ฟเวอร์ของมหาวิทยาลัยล่ม หลังจากนั้น Mark ก็โดนจำกัดการใช้งาน Internet แถมยังโดนกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อระบบความปลอดภัยของข้อมูลภายในมหาวิทยาลัย
l ความฮ็อทของ FaceMash คือ เปิดให้บริการเพียง 4 ชั่วโมง เซิร์ฟเวอร์ก็ล่มทันที!
หลังจากปรากฎการณ์ FaceMash ชื่อเสียงของ Mark ก็เป็นที่โด่งดังมากขึ้นไปอีก และตอนนั้นเขาก็ได้รับการติดต่อจากเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยอย่าง นาเรนดา (Divya Narendra) และ ฝาแฝดตระกูล Winklevoss (ที่โด่งดังมากในโลกของ Bitcoin ในปัจจุบัน) พวกเขาเข้ามาคุยเพื่อที่จะสร้าง "Harvard Connection" (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ConnectU) ซึ่งโปรเจคนี้มีจุดประสงค์ให้สมาชิกเข้ามาโพสต์รูปโปรไฟล์และข้อมูลส่วนตัวของตนเอง Mark ทำงานร่วมกับทีมนี้ได้สักพักก็ออกมา เพราะเขามีไอเดียเกี่ยวกับ Social Network ของตัวเอง ซึ่งนั่นก็คือ "Facebook"
Timeline ของ Facebook เรียกได้ว่ามันเป็น Epic จริง ๆ การเติบโตของ Facebook มันก้าวกระโดดมาก เพราะจุดเริ่มต้นของโปรเจคนี้คือปี 2004 ซึ่งผ่านมาเพียงแค่ 14 ปี จากโปรเจคที่ทำเพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้นักศึกษาเพียงกลุ่มหนึ่ง สู่ Social Network ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก!
l Mark เป็นคนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเองมาก เห็นได้จากความตั้งใจแรกในการสร้าง Facebook คืออะไร ทุกวันนี้ก็ยังทำแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
จากข่าวคราวการปรับหน้า News Feed ของ Facebook ครั้งใหญ่เมื่อต้นปี 2018 Mark ได้บอกเหตุผลว่า เขาอยากให้ลูกโตขึ้นแล้วรู้สึกว่าพ่อได้สร้างสิ่งที่ดีมีประโยชน์สำหรับโลก Mark จึงอยากปรับระบบ แม้จะมีผลกระทบต่อธุรกิจแต่เขามั่นใจว่าในอนาคตทุกอย่างจะลงตัว
ตอนนี้ Mark มีลูกสาววัยกำลังซน 2 คน เขาเป็นคนที่ใส่ใจในความสัมพันธ์มาก เห็นได้จาก Facebook นี่ก็สร้างเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของผู้คน ไม่แปลกเลยที่เขาจะรักครอบครัวเป็นพิเศษ และที่สำคัญ Markกับภรรยามีความคิดที่ตรงกันว่า อยากจะมูลนิธิการกุศลเป็นของตนเอง จึงได้ก่อตั้ง Chan Zuckerberg Initiative เพื่อพัฒนาโลกและเพื่อนมนุษย์ที่มีความสามารถ โดยพวกเขาตั้งใจจะแบ่งเงินปันผลจาก Facebook ถึง 99% เพื่อบริจาคตลอดชีวิต!
ผู้คนไม่ได้สนใจในสิ่งที่คุณพูด พวกเขาสนใจในสิ่งที่คุณสร้าง
"People don't care about what you say, they care about what you build." - Mark Zuckerberg
-----------
บางคนฝันถึงความสำเร็จ ในขณะที่บางคนตื่นขึ้นมาและทำงานหนักเพื่อความสำเร็จ
"Some people dream of success... while others wake up and work hard at it." - Mark Zuckerberg
----------
ผู้คนมักคิดว่านวัตกรรมเจ๋ง ๆ คือต้องมีไอเดียที่ดี แต่จริง ๆ แล้วเราแค่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและลองอะไรหลาย ๆ อย่าง
"People think innovation is just having a good idea, but a lot of it is just moving quickly and trying a lot of things." - Mark Zuckerberg
----------
เราไม่ได้สร้างบริการเพื่อเงิน แต่เราทำเงินเพื่อสร้างบริการที่ดีขึ้น
"We don't build services to make money; We make money to build better services." - Mark Zuckerberg
----------
หลักปรัชญาของเราคือ เราใส่ใจในผู้คนเป็นอันดับแรก
"Our philosophy is that we care about people first." - Mark Zuckerberg
----------
จุดมุ่งหมายของผมไม่ใช่ว่าจะสร้าง Facebook ให้เจ๋ง เพราะผมไม่ใช่คนที่เจ๋ง
"My goal was never to make Facebook cool. I am not a cool person." - Mark Zuckerberg
----------
นี่คือเรื่องเล่าของมหาเศรษฐีอันดับที่ 5 Mark Zuckerberg จาก Forbes 2017 Billionaires แม้จะโดนขัดขวางด้วยการถูกฟ้อง ยื่นข้อเสนอสุดพิเศษ หรือปัญหาอะไรก็ตามแต่ Mark ก็ไม่เคยที่จะลืมอุดมการณ์หลักสำคัญในการสร้าง Facebook และคนที่ยืนหยัดและศรัทธาในความตั้งใจของตนเอง ย่อมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แบบนี้แหละ เรายังเหลือมหาเศรษฐีอันดับที่ 6 ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่จะมาเล่าเรื่องราวอันน่าสนใจให้ได้รู้กัน ติดตามได้ในตอนต่อไป
Sources
https://www.biography.com/people/mark-zuckerberg-507402
https://astrumpeople.com/mark-zuckerberg-biography-success-story-of-facebook-founder-and-ceo/
https://chanzuckerberg.com/about