พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี มีชื่อเดิมว่า สุรศักดิ์ เพ็งอาทิตย์ เกิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่โรงเรียนนครหลวงวิทยาคาร โรงเรียนนครหลวงพิบูลย์ประเสริฐวิทย์ และ โรงเรียนอุดมรัชวิทยา ในเขตอ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเด็กที่เอาใจใส่การเรียนเป็นอย่างดี มักได้รับคำชมจากครูผู้สอนอยู่เสมอ แต่ท่านได้รับอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นต้องหยุดพักการเรียนไปช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นก็ช่วยทางบ้านประกอบอาชีพเป็นต้นหนเดินเรืออยู่ราว ๗ ปี ต่อมาได้เลิกอาชีพเดินเรือ แล้วศึกษาต่อในโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ จากนั้นก็ศึกษาทางสายวิชาชีพ เรียนช่างยนต์ ช่างเชื่อมโลหะ จนอายุได้ ๒๔ ปี บิดามารดาของท่านอยากให้ได้บวชเรียน จึงอุปสมบทเมื่อวันที่ ๖ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๑๘ ณ วัดพร้าวโสภณาราม ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีท่านพระครูอดุลธรรมเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า เขมรํสี แปลว่า ประทีปธรรมนำความสงบและหลุดพ้น
ต่อมาท่านได้ไปปฏิบัติกรรมฐาน ณ สำนักวิปัสสนานครหลวง โดยการแนะนำจากญาติฝ่ายโยมบิดา จึงประจักษ์แก่ตนในความสงบร่มเย็นที่แท้จริง จนทำให้ท่านเปลี่ยนความตั้งใจ ที่เดิมคิดว่าจะบวชเพียงพรรษาเดียว เป็นตั้งมั่นจะอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์เพื่อศึกษาหลักธรรมให้แตกฉานยิ่งขึ้น ในเวลาต่อมา ท่านมีโอกาสเข้ากราบนมัสการพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานที่สำนักวัดเพลงวิปัสสนา เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ท่านมีศรัทธาแรงกล้าใคร่ศึกษาพระอภิธรรมคัมภีร์ จึงได้ไปสมัครเรียนที่อภิธรรมโชติกวิทยาลัย ในบริเวณวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ กรุงเทพฯ ด้วยความพากเพียรศึกษาจนแตกฉาน สามารถสอบได้คะแนนสูงสุดเป็นที่หนึ่งของประเทศ และได้รับความไว้วางใจ แต่งตั้งให้เป็นครูสอนพระอภิธรรม ในขณะที่ท่านมีอายุพรรษาเพียง ๓ พรรษา
วัดมเหยงคณ์ แต่เดิมเป็นอาณาบริเวณของวัดที่สมเด็จพระบรมราชาธิราช ๒ (เจ้าสามพระยา) ทรงสร้างไว้เมื่อปีพ.ศ.๑๘๗๑ ซึ่งในขณะนั้นเป็นวัดร้างตั้งอยู่ในท้องที่ต.หันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา มีสภาพเสื่อมโทรมเป็นอันมาก ด้วยปณิธานที่มุ่งหวังจะมีส่วนช่วยในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ที่นี้ คือจุดเริ่มต้นของสำนักปฏิบัติกรรมฐาน วัดมเหยงคณ์ และด้วยแรงศรัทธาของญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ทำให้บริเวณโดยรอบโบราณสถานวัดมเหยงคณ์ ได้กลายเป็นสำนักปฏิบัติกรรมฐานที่สงบร่มรื่นในระยะเวลาไม่กี่ปี ต่อมายิ่งมีผู้เลื่อมใสศรัทธาเข้ามาปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้น ทำให้ศาลาเดิมที่สร้างด้วยไม้ไผ่หลังคามุงจาก คับแคบลงไปมาก จำเป็นต้องสร้างศาลาใหม่ที่ถาวรกว้างขวางเพื่อรองรับญาติโยม ศาลาปฏิบัติธรรมหลังใหม่นี้คือ "ศาลา เขมรังสี"
ต่อมาในปีพ.ศ.๒๕๒๙ พระอาจารย์ของท่าน คือท่านพระครูสังวรมาธิวัตรได้มีบัญชาให้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดคูบางหลวงอนุกิจวิธูร ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี โดยทำหน้าที่ควบคู่ไปกับการเป็นผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติกรรมฐาน วัดมเหยงคณ์
ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ ท่านพระอาจารย์ ก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท โดยได้รับพระราชนามสมณศํกดิ์ที่ พระครูเกษมธรรมทัต และในวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๐ ได้รับพระราชทาน เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในปีพ.ศ. ๒๕๕๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ ในราชทินนามที่ พระภาวนาเขมคุณ วิ. และในปีพ.ศ ๒๕๖๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชภาวนาวชิรญาณ วิ.
พระอาจารย์เขมรังสี จัดให้มีกิจวัตรอบรมธรรมกรรมฐานภาวนาแก่พุทธศาสนิกชนอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ศรัทธา มีการก่อสร้าง ขยายอาคารกว้างขวางขึ้น เพื่อรองรับญาติโยมสาธุชนผู้เดินทางมาปฏิบัติธรรมทั้งส่วนบุคคลและสถาบัน มีสำนักงานบุญนิธิ (ชื่อสุปฏิปันโน) ห้องสมุด ห้องรับรองพระสงฆ์อาคันตุกะ ห้องปฏิสันถารเป็นอาคารอเนกประสงค์
🌏 เฟสบุ๊คและเว็บไซต์
➡️ เว็บไซต์ "วัดมเหยงคณ์"
➡️ เฟสบุ๊ค "วัดมเหยงคณ์ สารธรรม"
กลุ่ม "เขมรังสี ภิกขุ" มีจำนวน ๖๑ เล่ม