พระครูวินัยธรมั่น ภูริทัตโต หรือ หลวงปู่มั่น ชื่อเดิม มั่น แก่นแก้ว เกิดเมื่อ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๑๓ ณ บ้างคำบง ต.สงยาง อ.โขงเจียม (ปัจจุบันคือ อ.ศรีเมืองใหม่) จ.อุบลราชธานี เมื่ออายุ ๑๕ ปี ได้ออกบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านคำบง แต่หลังจากบวชได้ ๒ ปี โยมบิดาได้ขอให้ลาสิกขาเพื่อช่วยงานทางบ้าน แต่จิตของท่านยังระลึกถึงร่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่เสมอ ครั้งหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ได้เดินธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่บ้านคำบง ท่านจึงได้เข้าถวายการรับใช้และเกิดจิตศรัทธาในข้อวัตรของหลวงปู่เสาร์ ต่อมาจึงได้ถวายตัวเป็นศิษฐ์ติดตามเข้าเมืองอุบลราชธานี เมื่ออายุได้ ๒๓ ปี ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๓๖ ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยมีพระอริยกระวี (อ่อน ธมฺมรกฺขิโต) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ภูริทตฺโต แปลว่า ผู้ให้ปัญญา
พระอาจารย์มั่น ได้ศึกษาธรรมปฏิบัติ และเดินธุดงค์ติดตามหลวงปู่เสาร์ ไปตามลำแม่น้ำโขงทั้งฝั่งประเทศไทยและประเทศลาว ต่อมาในปีพ.ศ.๒๔๔๓ ท่านได้ธุดงค์วิเวกไปจำพรรษา ณ พระธาตุพนม ซึ่งในขณะนั้นชาวบ้านไม่รู้ความสำคัญและไม่มีใครสนใจพระธาตุพนม คณะของท่านจึงได้บอกญาติโยมว่าพระธาตุพนมเป็นพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ บรรจุอัฐิของพระพุทธเจ้า เมื่อชาวบ้านรู้เช่นนั้น จึงพากันปิติยินดี ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณพระธาตุพนม และพากันทำบุญจนเป็นพิธีสืบต่อกันมา ในกาลต่อมาได้มีการบูรณะขึ้นจนเป็นปูชนียสถานสำคัญของภาคอีสาน ซึ่งปัจจุบันคือ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
พระอาจารย์มั่น เป็นพระสายกรรมฐานพระป่า ยึดถือธุดงค์วัตรอย่างเคร่งครัด ได้ธุดงค์วิเวกไปตามสถานที่ต่างๆ เช่น ปีพ.ศ.๒๔๕๕ ได้ธุดงค์ไปพำนักปักหลักบำเพ็ญเพียรที่ถ้ำสาริกา จ.นครนายก ธุดงค์ไปพำนักที่ถ้ำสิงโต เขาพระงาม จ.ลพบุรี ครั้นในปีพ.ศ.๒๔๕๗ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) ได้นิมนต์ท่านไปจำพรรษาในกรุงเทพณ เพื่ออบรมด้านวิปัสสนากรรมฐานให้แก่พระสงฆ์สามเณร รวมถึงฆราวาส ณ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร
ในปีพ.ศ.๒๔๕๘ พระอาจารย์มั่นได้เดินทางกลับไปจ.อุบลราชธานี จำพรรษาที่วัดบูรพาราม หลังออกพรรษาแล้วจึงได้ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่เสาร์ ไปจำพรรษาที่ถ้ำภูผากูด อ.คำชะอี จ.นครพนม (ปัจจุบันจ.มุกดาหาร) ระหว่างนั้นได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่เสาร์จนรู้แจ้ง หลังจากนั้นท่านจึงออกธุดงค์วิเวกไปพำนักตามสถานที่ต่างๆ ในจ.เลย จ.อุดรธานี จ.หนองคาย จ.สกลนคร จ.นครพนม จ.อุบลราชธานี และท่านได้เริ่มเทศนาอบรมธรรมปฏิบัติจิตภาวนาให้กับภิกษุสามเณรและฆราวาส จนมีคณะศิษย์มากมาย
ปีพ.ศ.๒๔๗๑ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) ซึ่งกำลังอาพาธ ได้แต่งตั้งให้พระอาจารย์มั่น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จ.เชียงใหม่ ซึ่งท่านจำใจรับตำแหน่งเพราะเห็นแก่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูวินัยธรและพระอุปัชฌาย์ ท่านได้เป็นพระอุปัชฌาย์ให้พระอาจารย์เกตุ วณฺณโก เพียงรูปเดียว หลังจำพรรษาได้เพียง ๑ พรรษา ท่านได้พิจารณาว่า "ลาภสักการะฆ่าบุรุษให้ตาย เพราะมัวเมาในลาภยศ การปฏิบัติก็จะจมลงทุกที ที่สุดก็เอาแต่สบาย ไม่บำเพ็ญกรรมฐานให้ยิ่งขึ้น มัวแต่จะหาชื่อเสียงให้มีคนนับถือมากขึ้นด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นการฆาตกรรมตัวเอง" หลังออกพรรษาท่านจึงได้สละสมณศักดิ์และตำแหน่งเจ้าอาวาส ออกธุดงค์วิเวกตามป่าเขาทางภาคเหนือเป็นเวลาถึง ๑๒ ปี
ปีพ.ศ.๒๔๘๒ พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธฺโล) เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ ได้นิมนต์ท่านให้กลับไปสั่งสอนลูกศิษย์ทางภาคอีสาน ท่านจึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯโดยรถไฟ พำนักที่วัดบรมนิวาส ได้สนทนาธรรมกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) จากนั้นจึงเดินธุดงค์ไปยังจ.นครราชสีมา พำนักที่วัดป่าสาลวัน แล้วจึงไปจำพรรษาที่วัดป่าโนนนิเวศน์ จ.อุดรธานี ต่อมาในช่วงปัจฉิมวัยท่านได้เดินทางไปจำพรรษา ณ วัดป่าบ้านหนองผือ (ปัจจุบันคือวัดป่าภูริทัตภิราวาส) ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านได้ทุ่มเทสอนอุบายธรรมให้กับลูกศิษย์คณะสงฆ์และฆราวาสทั้งหลาย โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยตราบจนวาระสุดท้าย
หลวงปู่มั่น ภูริทัตตะมหาเถระ หลังจากท่านพักอาพาธที่วัดป่าบ้านกลางโนนภู่ ๑๑ วันแล้ว คณะศิษฐ์ได้อาราธนาท่านนอนเปลพยาบาลขึ้นรถมาพัก ณ วัดป่าสุทธาวาส และได้ละสังขารเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๒ สิริรวมอายุ ๗๙ ปี พรรษา ๕๖ ณ วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
🌏 เฟสบุ๊คและเว็บไซต์
➡️ เว็บไซต์ "หลวงปู่มั่น"
➡️ เฟสบุ๊ค "แฟนพันธ์แท้ศิษย์หลวงปู่มั่น"
กลุ่ม "ลป.มั่น ภูริทตฺโต" มีจำนวน ๒๘ เล่ม