ดร.สนอง วรอุไร มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นบุตรคนที่ ๖ จากทั้งหมด ๘ คน บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำไร่ทำสวน บิดาของท่านเป็นกำนันของตำบลคลองหลวงแพ่ง และเป็นมัคทายกของวัดในระแวกบ้าน ในวัยเด็ก ดร.สนองจึงรับหน้าที่ใส่บาตรตอนเช้าทุกวัน และนำอาหารที่มารดาของท่านจัดเตรียมไว้ ไปถวายพระในวันพระและวันสำคัญทางศาสนา
ท่านเริ่มเข้าศึกษาที่โรงเรียนสุวรรณศิลป์ใกล้ๆบ้าน ก่อนที่จะย้ายมาศีกษาต่อที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัย กรุงเทพฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุด ท่านเริ่มสนใจฝึกหัดสมาธิในช่วงกำลังศึกษาระดับมัธยม โดยพูดคุยกันระหว่างพี่ๆน้องๆ แล้วนำมาฝึกปฏิบัติเมื่อมีโอกาส ต่อมาท่านได้ศึกษาต่อและจบการศึกษาปริญญาตรี สาขาโรคพืช จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีพ.ศ.๒๕๐๕ หลังสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ท่านได้เข้าทำงานเป็นนักวิชาการเกษตร ให้วิชาความรู้ในการปลูกข้าว เพาะเลี้ยงเห็ดกับชาวบ้านในภาคอีสานอยู่ราว ๒ ปี ระหว่างนี้ท่านได้แต่งงานและมีครอบครัว และได้โอนย้ายมาเป็นอาจารย์รุ่นบุกเบิกของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จากนั้นในปีพ.ศ.๒๕๑๔ ท่านสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาเชื้อรา จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และในปีเดียวกันนั้น ท่านได้รับทุนโคลัมโบ เดินทางไปศึกษาต่อจนจบระดับปริญญาเอก สาขาไวรัสวิทยา จากมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๘ หลังจากกลับมาเมืองไทยในเดือนมีนาคมปีเดียวกันนั้น ท่านมีเวลาว่างในช่วงก่อนเปิดเทอมก่อนที่จะไปสอนนักศึกษา จึงตัดสินใจอุปสมบทที่วัดปรินายก ถนนราชดำเนินนอก ได้ฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับพระเทพสิทธิมุนี (โชดก ปธ.๙) ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ ท่าพระจันทร์ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ท่านตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างมอบกายถวายชีวิต เป็นเวลา ๑ เดือนกับ ๑๓ วัน จนนักวิทยาศาสตร์อย่างท่านต้องยอมศิโรราบต่อพระปัญญาของพระพุทธเจ้า เนื่องจากท่านได้รู้เห็นและพิสูจน์ด้วยตนเองในคุณอันวิเศษแห่งธรรม ได้รับรู้ประสบการณ์ทางจิต และก้าวหน้าในญาณต่างๆ จุดนี้เองเป็นจุดเปลี่ยนวิถีชีวิต เพื่อทดแทนคุณของพระศาสนา ตั้งปณิธานที่จะเผยแผ่ธรรมแก่ทั้งฆราวาสและพระสงฆ์
หลังจากท่านลาสิกขาแล้ว วิถีชีวิตได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งด้านความคิด คำพูด และการกระทำ ตามที่ได้รับจากการพัฒนาจิตวิญญาณในขณะบวชนั่นเอง ท่านได้รับเชิญไปเป็นองค์บรรยายหลักธรรม คุณธรรม จริยธรรม ในหน่วยงานและองค์กรณ์จ่างๆมากมาย จนหลังเกษียญอายุราชการที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านก็ยังเป็นอาจารย์พิเศษ ถวายความรู้แก่พระนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา มีกลุ่มคณะศิษฐ์ก่อตั้งชมรมกัลยาณธรรม ร่วมกันเผยแผ่ประสบการณ์และผลงานต่างๆของท่าน โดยทำเป็นหนังสือออกมาหลายเล่ม เช่น ทางสายเอก บ่อเกิดแห่งบุญ ชีวิตหลังความตาย ฯ รวมถึงสื่ออื่นๆ เช่น เทป ซีดี วิดิทัศน์ ฯ อีกเป็นจำนวนมาก
ดร.สนอง วรอุไร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๕ มารดาของท่านยืนยันว่าจะไม่มีการจัดงานศพ ตามที่ดร.สนอง ได้เน้นย้ำไว้เสมอเมื่อครั้งยังมีชีวิต และได้บริจาคร่างกายให้แก่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ต่อไป
🌏 เฟสบุ๊คและเว็บไซต์
➡️ เฟสบุ๊ค "ดร.สนอง วรอุไร"
กลุ่ม "ดร.สนอง วรอุไร" มีจำนวน ๖๓ เล่ม