เรื่องที่ 2 สึนามิ…ภัยธรรมชาติที่ต้องระวัง
2.1 สาเหตุและปัจจัยการเกิดสึนามิ หากกล่าวถึงสึนามิมักเป็นที่เข้าใจกันดีว่าสึนามิไม่ได้เกิดจากลมพายุเหมือนกับคลื่นธรรมดาทั่วไปเพราะไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือขณะที่เกิดสึนามิท้องฟ้าอาจปลอดโปร่งไม่มีลมพายุเลยก็ได้ นักวิชาการในสมัยก่อนคิดว่าการเกิดสึนามิอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำขึ้นน้ำลงที่ผิดปกติในท้องทะเล ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของจุดดับบนดวงอาทิตย์ (sun spots) หรือเกิดจากการวางตัวของดาวเคราะห์ต่างๆที่สัมพันธ์กับตำแหน่งที่ตั้งของโลก ดังนั้น จึงเรียก คลื่นชนิดนี้ว่า คลื่นน้ำขึ้นลง (tidal waves) แต่ปัจจุบันเราได้ทราบแล้วว่า สึนามิไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของน้ำทะเลแต่เกิดจากการไหวสะเทือนของเปลือกโลกอย่างรุนแรงใต้พื้นท้องทะเลและ มหาสมุทรโดยมีการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกมีอยู่ 3 แบบคือ
2.1.1 แบบกระจายตัว คือ แผ่นเปลือกโลกสองแผ่นเคลื่อนที่ออกจากกัน
2.1.2 แบบมุดตัว คือ แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนเข้าหากัน โดยที่แผ่นเปลือกโลกแผ่น หนึ่งมุดเข้าไปอยู่ใต้แผ่นเปลือกโลกอีกแผ่นหนึ่ง
2.1.3 แบบเปลี่ยนรูป คือ แผ่นเปลือกโลกจำนวนสองแผ่นเคลื่อนที่ในแนวนอนผ่านซึ่งกันและกันซึ่งปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา ทำให้มวลน้ำในมหาสมุทรเกิดการเคลื่อนไหวกลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่แผ่กระจายเป็นวงกว้างออกไปจากบริเวณที่เป็นจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว และเนื่องจากคลื่นชนิดนี้มิได้เกิดจากการขึ้นลงของน้ำทะเลนักวิชาการในปัจจุบันจึงไม่นิยมเรียกว่า คลื่นน้ำขึ้นลง (tidal waves) แต่เปลี่ยนมาเรียกว่า สึนามิ(tsunami )อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเกิดสึนามิส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงใต้พื้นท้องมหาสมุทรแต่ถ้ามีสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ในท้องมหาสมุทรโดยมิใช่เกิดจากการกระทำของลมพายุแล้วก็ถือเป็นสึนามิได้เช่นกัน
2.2 สิ่งบอกเหตุก่อนเกิดสึนามิ สิ่งที่สามารถบอกได้ค่อนข้างชัดเจนก่อนเกิดสึนามิ คือ การเกิดแผ่นดินไหวที่สามารถ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินและสิ่งที่อยู่รอบตัว หรือการได้รับแจ้งข่าวแผ่นดินไหวจากสื่อต่างๆอาจสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจจะเกิดสึนามิตามมาทั้งนี้สังเกตได้จาก
2.2.1 สันคลื่นเป็นกำแพงขนาดใหญ่สันคลื่นที่ปรากฏในทะสามารถมองเห็นเป็นกำแพงขนาดใหญ่ระลอกคลื่นก่อตัวเป็นกำแพงขนาดใหญ่
2.2.2 น้ำทะเลลดลงผิดปกติก่อนเกิดสึนามิระดับน้ำทะเลมีการลดลงอย่างผิดปกตินั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าคลื่นยักษ์กำลังก่อตัว ต้องรีบออกจากพื้นที่โดยด่วนสาเหตุที่น้ำ ทะเลลดลง เพราะว่าสึนามิที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดจากการที่แผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งเกิดการมุดลงไปอยู่ข้างใต้แผ่นเปลือกโลกอีกแผ่นหนึ่งทำให้น้ำปริมาณจำนวนหนึ่งถูกดูดลงมาในบริเวณที่แผ่น เปลือกโลกมุดซ้อนกัน จึงทำให้น้ำบริเวณชายฝั่งทะเลเกิดการลดลงมากอย่างผิดปกติและน้ำ ดังกล่าวจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับนำคลื่นมาด้วย
2.2.3 ระบบแจ้งเตือนคลื่นสึนามิเนื่องจากคลื่นสึนามิขณะอยู่กลางทะเลมีฐาน กว้างถึง 100 กิโลเมตร แต่สูงเพียง 1 เมตร อีกทั้งยังมีคลื่นทะเลทั่วไปซึ่งเกิดจากกระแสลมอยู่วางซ้อนข้างบนอีก ดังนั้นการสังเกตการณ์จากเครื่องบินหรือดาวเทียมจึงแยกไม่ได้เลยการ สังเกตการณ์จึงทำได้จากการตรวจจับสัญญาณจากทุ่นลอย และเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวเท่านั้น ระบบแจ้งเตือนคลื่นสึนามิระบบแรกของโลกถูกจัดตั้งขึ้นหลังจากอุบัติภัยที่ หมู่เกาะฮาวายในปี พ.ศ.2489 สหรัฐอเมริกาได้จัดตั้ง “ศูนย์แจ้งเตือนคลื่นสึนามิแปซิฟิก” (Pacific Tsunami Warning Center) หรือ PTWC โดยมีการติดตั้งสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวใน ทะเลจำนวน 50 แห่ง รอบมหาสมุทรแปซิฟิกระบบทำงานทำได้โดยการตรวจจับคลื่น แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว (Seismic wave) ซึ่งเดินทางรวดเร็วกว่าคลื่นสึนามิ 15 เท่า ข้อมูลที่ตรวจวัดได้จากทุกสถานีถูกนำรวมกันเพื่อพยากรณ์หาตำแหน่งที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดคลื่นสึนามิ เมื่อคลื่นสึนามิถูกตรวจพบระบบจะแจ้งเตือนไปยังเมืองที่อยู่ชายฝั่งรวมทั้งประมาณเวลาสถานการณ์ที่คลื่นจะเข้าถึงชายฝั่งเพื่อที่จะอพยพประชาชนไปอยู่ที่สูงและให้เรือที่จอดอยู่ชายฝั่งสามารถเดินทางออกไปสู่ท้องทะเลลึกที่คลื่นสึนามิไม่ส่งผลกระทบอันใด อย่างไรก็ตามระบบเตือนภัยนี้สามารถทำการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นการอพยพผู้คนมักทำได้ไม่ทันท่วงที เนื่องจากคลื่นสึนามิเดินทางเร็วมาก
DART ย่อมาจาก Deep-ocean Assessment and Reporting of Tsunamis เป็นระบบเตือนภัยยุคใหม่ซึ่งพัฒนาโดยองค์การบริหารบรรยากาศและมหาสมุทร (NOAA) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการติดตั้งเซนเซอร์วัดแรงสั่นสะเทือนไว้ที่ท้องมหาสมุทร เซนเซอร์จะเก็บข้อมูลแผ่นดินไหวและส่งสัญญาณไปยังทุ่นลอยซึ่งอยู่บนผิวน้ำเพื่อรีเลย์สัญญาณไปยังดาวเทียม GOES และส่งกลับลงบนสถานีภาคพื้นอีกทีหนึ่งนักวิทยาศาสตร์นำข้อมูลที่ได้มาสร้างแบบจำลองด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อพยากรณ์แนวโน้มการเกิดคลื่นสึนามิ หากผลการจำลองและวิเคราะห์ว่ามีโอกาสความเป็นไปได้จะเกิดคลื่นยักษ์ก็จะแจ้งเตือนไปยังศูนย์ชายฝั่งเพื่อให้ประชาชนและชาวประมงในพื้นที่ รีบอพยพจากบริเวณที่อันตราย
2.3 ผลกระทบที่เกิดจากสึนามิ
2.3.1 ผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อบุคคล
1) ทำให้ประชนเสียชีวิต หรือสูญหาย
2) ประชาชนได้รับบาดเจ็บ เช่น ถูกต้นไม้กิ่งไม้หรือสิ่งของกระแทก
3) เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ หลังจากเกิดภัยสึนามิ เช่น โรคระบบ ทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ โรคน้ำกัดเท้าเป็นต้น
4) ท าให้สุขภาพจิตเสื่อม เนื่องจากการหวาดผวา หวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น หรือความเศร้าโศกจากการสูญเสียทรัพย์สินและบุคคลอันเป็นที่รัก
5) ประชาชนขาดรายได้เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้หรือธุรกิจการค้าต่างๆ หยุดชะงักทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ
2.3.2 ผลกระทบที่เกิดอันตรายต่อทรัพย์สิน
1) อาคารบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน สาธารณสถาน และสิ่งก่อสร้างต่างๆได้รับความเสียหายอย่างหนัก
2) การสื่อสาร ระบบโทรคมนาคมถูกตัดขาดไฟฟ้า น้ำประปา ได้รับความเสียหาย
3) แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลถูกทำลายส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ประเทศชาติ
2.3.3 ผลกระทบจากการเกิดสึนามิต่อประเทศไทย ความเสียหายที่ประเทศไทยได้รับจากการเกิดเหตุการณ์พิบัติภัยสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ถือเป็นภัยธรรมชาติร้ายแรงมากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยได้รับถึงแม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะมากเป็นอันดับ 4 รองจากประเทศอินโดนีเซีย ศรีลังกา และอินเดียก็ตาม การที่พิบัติภัยจากสึนามิมีความรุนแรงมากเป็นเพราะสาเหตุต่างๆ ดังนี้
1) ประเทศไทยยังไม่มีระบบเตือนภัยสึนามิและขาดเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องสึนามิโดยตรง ทั้งนี้เนื่องจากในบริเวณทะเลอันดามันไม่เคยเกิดพิบัติภัยจากสึนามิมาก่อนประเทศไทยและประเทศอื่นๆที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลอันดามันจึงขาดการ ระมัดระวังป้องกันภัยไม่เหมือนกับประเทศที่อยู่ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีการสร้างระบบเตือนภัยจากสึนามิไว้เรียบร้อยแล้วในตอนเช้าของวันที่ 26 ธันวาคม นั้น กรมอุตุนิยมวิทยาซึ่งมี เครื่องตรวจจับความสั่นสะเทือนของแผ่นเปลือกโลกจากแผ่นดินไหวอยู่ที่สำนักงาน ได้ทราบว่าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่บริเวณนอกฝั่งตะวันตกของหัวเกาะสุมาตราจึงได้ออกประกาศแจ้งให้ประชาชน ทราบ แต่มิได้มีการเตือนภัยว่าจะมีสึนามิเกิดขึ้นเพราะไม่มีเครื่องมือตรวจวัดความสูงของคลื่นในทะเลและเจ้าหน้าที่ก็มิได้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องสึนามิด้วย ดังนั้นเมื่อเกิดสึนามิขึ้นที่เกาะสุมาตรา และกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาที่พื้นที่ชายฝั่งภาคใต้ของไทยจึงไม่มีการแจ้งเตือนภัยให้ ประชาชนในท้องถิ่นได้ทราบล่วงหน้าทำให้เกิดความสูญเสียจำนวนมาก
2) บริเวณที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลที่สำคัญของไทยและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมเดินทางมาพักผ่อนกันมากประกอบกับอยู่ในช่วงเวลาเทศกาลคริสต์มาสและใกล้ วันปีใหม่จำนวนนักท่องเที่ยวจึงมีมากเป็นพิเศษเมื่อเกิดพิบัติภัยขึ้นจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจึงมีทั้งนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางมาจากประเทศในยุโรปเหนือ เช่น สวีเดน นอร์เวย์และเดนมาร์ก มีจำนวนมากกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่น
3) นักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่มีความรู้และประสบการณ์ เกี่ยวกับปรากฏการณ์สึนามิมาก่อนจึงขาดการเฝ้าระวังภัยและการหนีภัย ดังจะเห็นได้จากกรณีมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งเดินลงไปดูที่บริเวณชายหาดเมื่อเกิดน้ำลงผิดปกติก่อนที่คลื่นใหญ่จะ เคลื่อนตัวเข้ามาและเมื่อคลื่นถาโถมเข้ามาก็ไม่สามารถหนีภัยได้ทันต้องเสียชีวิตทั้งหมดนอกจากนี้ผู้ที่พักอยู่ในบังกะโลหรือนั่งพักผ่อนอยู่ที่ร้านค้าและร้านอาหารบริเวณชายหาดส่ว ใหญ่ก็ไม่สามารถหนีภัยได้ทันเช่นกัน
4) เนื่องจากเป็นพิบัติภัยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอีกทั้งมิได้มีการเตรียมแผนแก้ไขสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าการช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิตและบาดเจ็บจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเลและล่าช้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเกาะห่างจากฝั่งความช่วยเหลือไปถึงล่าช้ากว่า บนพื้นแผ่นดินใหญ่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการบาดเจ็บจึงมีเพิ่มมากขึ้น
2.3.4 ความเสียหายที่เกิดขึ้นในด้านต่าง ๆ
1) ความเสียหายด้านชีวิตและทรัพย์สินจากรายงานเบื้องต้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 หลังการเกิดพิบัติภัยคลื่นสึนามิได้ 15 วันจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นคนต่างชาติมีถึง 1,240 คน จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5,309 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตที่ไม่ทราบว่าเป็นคน ไทยหรือคนต่างชาติอีก 2,341 คน ส่วนผู้สูญหายจำนวนทั้งหมด 3,370 คน นั้น ได้มาจากการรับแจ้งต่อทางราชการจากญาติพี่น้องของผู้ประสบภัยภายหลังการเกิดเหตุ ต่อมาจำนวนดังกล่าวนี้ลดลงเพราะได้พบผู้ที่รับแจ้งว่าสูญหายบางคนแล้ว นอกจากนี้ยังมีการค้นพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมทั้งมีการตรวจสอบเอกลักษณ์ของศพที่เก็บรักษาไว้เพื่อให้ทราบว่าเป็นผู้ใดในรายงานของกระทรวงมหาดไทยที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2548 หลังเกิดเหตุการณ์คลื่น สึนามิได้ 3 เดือนเศษได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขผู้เสียชีวิตผู้บาดเจ็บและผู้สูญหายแยกเป็นคนไทยและคนต่างชาติ ดังนี้ เชื้อชาติ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ผู้สูญหาย คนไทย 1,952 6,005 1,998 คนต่างชาติ 1,953 2,392 908 ไม่ระบุ 1,490 - - รวม 5,395 8,457 2,906 นอกจากจะมีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บและสูญหายเป็นจำนวนมากแล้ว ยังมี ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน เป็นจำนวนมากเช่นกัน ได้แก่ อาคารของโรงแรมขนาดใหญ่ ที่พักของนักท่องเที่ยวประเภทบังกะโลและเกสต์เฮาส์ ร้านค้าและร้านอาหารบริเวณชายหาด บ้านเรือนของราษฎรที่มีอาชีพทางการประมง ทรัพย์สินส่วนตัวของนักท่องเที่ยวที่ประสบภัย ยานพาหนะ เรือประมงและเรือของหน่วยงานราชการ ตลอดจนสาธารณูปโภคของท้องถิ่น เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนนหนทาง ความเสียหายที่เกิดขึ้น กับทรัพย์สินเหล่านี้ ถ้าคิดเป็นมูลค่า แล้ว มีจำนวนหลายพันล้านบาท
2) ความเสียหายด้านเศรษฐกิจ ที่สำคัญที่สุดคืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เนื่องจากบริเวณที่ได้รับพิบัติภัยหลายแห่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากมีการลงทุนสร้างโรงแรมที่พักในระดับต่างๆ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวนอกจากจะเสียหายในด้านทรัพย์สินแล้วการหยุดกิจการของธุรกิจต่างๆที่ประสบพิบัติภัยยังทำให้บุคลากรเป็นจำนวนมากต้องสูญไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการเอง หรือพนักงานลูกจ้างของกิจการนั้น ถึงแม้ว่ากิจการอื่นๆที่ไม่ประสบพิบัติภัยโดยตรงยังสามารถดำเนินงานอยู่ได้ก็อาจมีปัญหาการขาดแคลนลูกค้าเนื่องจากนักท่องเที่ยวเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเดินทางมาเสี่ยงภัยอีกปรากฏว่าภายหลังการเกิดภัยคลื่นสึนามิ จำนวนนักท่องเที่ยวใน 6 จังหวัด ภาคใต้ได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด โดยรวมแล้วแหล่งท่องเที่ยวที่ประสบความเสียหายมาก มี 8 แห่งดังนี้ คือ
(1) ชายทะเลเขาหลัก ในอุทยานแห่งชาติเขาหลัก ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด เนื่องจากเป็น แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ มีโรงแรมและที่พักนักท่องเที่ยวตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก
(2) เกาะสิมิลัน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
(3) หาดราไวย์ ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองฯ จังหวัด
(4) หาดกะรน ตำบลกะรน อำเภอเมืองฯ จังหวัด
(5) หาดกะทู้ ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัด
(6) หาดกมลา ตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
(7) หาดป่าตอง ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัด
(8) เกาะพีพี อำเภออ่าวนาง จังหวัดกระบี่ นอกจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแล้ว ความเสียหายด้านเศรษฐกิจที่ สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการประมง เนื่องจากมีหมู่บ้านประมงหลายแห่งได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติสึนามิทั้งในด้านอาคารบ้านเรือนและเรือประมงที่ใช้ในการประกอบอาชีพหมู่บ้านประมงที่ได้รับความเสียหายมาก คือ บ้านน้ำเค็ม ซึ่งตั้งอยู่ที่ปากคลองปากเกาะในอ่าวแหลมป้อม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และที่บ้านสุขสำราญ ตำบลกำพวน กิ่งอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง
3) ความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คลื่นสึนามิที่ซัด เข้าสู่ฝั่งด้วยพลังแรงและมีระดับยอดคลื่นสูงหลายเมตร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนชายฝั่งได้มาก ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเงินได้ ตัวอย่างของความเสียหายที่สำคัญๆได้แก่ความเสียหายของปะการังใต้น้ำซึ่งถูกคลื่นกระแทกแตกหักเสียหายหรือถูกตะกอนและวัสดุต่างๆ ที่น้ำพัดพามาจากท้องทะเลและบนพื้นดินทับถมกันบนส่วนยอดของปะการังความเสียหายของป่าชายเลนที่ถูกคลื่นซัดจนหักโค่น หรือหลุดลอยไป กับมวลน้ำการเปลี่ยนแปลงของแนวชายหาดโดยบางส่วนถดถอยเข้ามาในบริเวณชายฝั่งเนื่องจากการกัดเซาะของพลังคลื่น และบางส่วนอาจรุกล้ำออกไปในทะเลจากการทับถมของตะกอนที่น้ำพัดพามาการเปลี่ยนแปลงของบริเวณปากแม่น้ำ ซึ่งอาจขยายกว้างออกหรือเคลื่อนที่ไปจากเดิม เนื่องจากพลังการกัดเซาะของคลื่นและการเปลี่ยนเส้นทางน้ำไหลจากปากน้ำออกสู่ทะเลการมีซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างตามบริเวณชายหาด ซึ่งทำให้เกิดความสกปรก รกรุงรัง รวมทั้ง มีเศษขยะต่างๆที่คลื่นซัดมากองไว้เป็นจำนวนมาก 2.4 พื้นที่เสี่ยงภัยในการเกิดสึนามิ พื้นที่เสี่ยงภัยในประเทศไทยมีทั้งหมด 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดชุมพร จังหวัดตรัง จังหวัดตราด จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดพังงา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัด ภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดระยอง จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล และจังหวัดสุราษฏร์ธาน สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยในทวีปเอเชียและประเทศต่างๆในโลกที่มีโอกาสเกิดคลื่นสึนามิสูงคือบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนแบบมุดตัวและเกาะที่เกิดจากภูเขาไฟหรือแนวภูเขาไฟที่ผุดขึ้นมาคู่กับร่องลึกในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณดังกล่าวนี้เรียกว่า “วงแหวนแห่ง ไฟ” (Ring of Fire) นั่นเอง