เรื่องที่ 2 ลักษณะการเกิดหมอกควัน ฝุ่นละอองที่มีอยู่ในบรรยากาศโดยทั่วไปมีขนาดตั้งแต่ 0.002 ไมครอน ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ไปจนถึงขนาดใหญ่กว่า 500 ไมครอน ซึ่งเป็นฝุ่นทรายขนาดใหญ่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าฝุ่นละอองที่แขวนลอยอยู่ในอากาศได้นานมักจะเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 10 ไมครอน หากมีการไหลเวียนของอากาศและกระแสลมก็จะทำให้ แขวนลอยอยู่ในอากาศได้นานมากขึ้น ฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่ คือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า 100 ไมครอนอาจแขวนลอยอยู่ในบรรยากาศได้เพียง 2-3 นาที แต่ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 0.5 ไมครอน อาจแขวนอยู่ในอากาศได้นานเป็นปี ชั้นบรรยากาศที่มีอุณหภูมิผกผันและเต็มไปด้วยหมอกควันเปรียบเสมือนกำแพงที่กั้นไม่ให้ ฝุ่น ควันลอยขึ้นไปยังบรรยากาศชั้นบนได้ มักเกิดในช่วงฤดูหนาวก่อนเข้าสู่ฤดูร้อน เพราะเป็นช่วงที่อากาศนิ่งชั้นของอากาศเย็นมีความหนาแน่นสูงกว่าและมีความชื้นน้อยกว่าจากสภาพความกด อากาศสูงดังกล่าวทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่ถูกพัดพาขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศระดับสูง แต่จะวนเวียน อยู่ในระดับที่ประชาชนอยู่อาศัยจึงกลายเป็นลักษณะโดมอากาศ ดังนั้นฝุ่นควันจึงถูกกักไว้และส่งผลกระทบทางสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หมอกควันประกอบด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) ซึ่งเกิดจากกระบวนการเผาไหม้หรือสันดาปที่ไม่สมบูรณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์และจะเกาะตัวหรือตกตะกอนได้ในส่วนต่างๆของระบบทางเดินหายใจก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะนั้นๆ เช่น เนื้อเยื่อปอดซึ่งหากได้รับในปริมาณมากหรือในช่วงเวลานานจะสามารถสะสมในเนื้อเยื่อปอด เกิดเป็นพังผืดหรือแผลขึ้นได้ทำให้การทำงานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพลงทำให้หลอดลมอักเสบเกิดหอบหืดถุงลมโป่งพองและมีโอกาสเกิดโรคระบบทางเดินหายใจเนื่องจากติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้
2.1 สาเหตุและปัจจัยการเกิดหมอกควัน
2.1.1 สาเหตุของการเกิดหมอกควัน ประกอบด้วย
1) ไฟป่า ไฟป่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดหมอกควันการเผาไหม้เชื้อเพลิงจำพวกเศษไม้ เศษใบไม้ เศษวัชพืช ปริมาณมากทำให้เกิดเป็นหมอกควันปกคลุมอยู่ในบริเวณที่เกิดไฟป่าและพื้นที่ใกล้เคียงเมื่อมีการพัดพาของกระแสลมจะทำให้หมอกควันกระจายตัวไปยังพื้นที่อื่น ๆ
โดยทั่วไปไฟป่าจะเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ
- เกิดจากธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสี ภูเขาไฟระเบิด ก้อนหิน กระทบกันแสงแดดตกกระทบผลึกหินแสงแดดส่องผ่านหยดน้ำปฏิกิริยาเคมีในดินป่าพรุ การลุกไหม้ในตัวเองของสิ่งมีชีวิต
- เกิดจากมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นความประมาทความคึกคะนองหรือตั้งใจก่อให้เกิดไฟป่าโดยมีสาเหตุต่างๆกันไป เช่น การจุดไฟเผาเพื่อให้พื้นที่ป่าโล่งเดินสะดวกการจุดไฟเพื่อล่าสัตว์เก็บหาของป่าการจุดไฟเผาป่าเพื่อบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าการจุดไฟเผาป่าให้โล่งมีสภาพเป็นทุ่งหญ้าเพื่อเป็นแหล่งอาหารสัตว์ สาเหตุของการเกิดไฟป่าในประเทศไทยพบว่าส่วนใหญ่เกิดจากมนุษย์
2)การเผาเศษวัชพืช วัสดุทางการเกษตรและวัชพืชริมทาง เช่น ตอซัง ข้าวซังข้าวโพดการเผาเศษหญ้าริมทางฯลฯโดยเกษตรกรมีความเชื่อว่าการเผาเป็นการกำจัดเศษ วัชพืชและเชื้อโรคในดินได้ ซึ่งในการเตรียมดินเพาะปลูกจำเป็นที่ต้องมีการถางพื้นที่เพื่อกำจัดเศษวัชพืชโดยการเผาเศษวัชพืชเป็นวิธีการที่เกษตรกรนิยมใช้กันมากเนื่องจากเป็นวิธีการที่ง่ายสะดวกและประหยัดจากการติดตามคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษพบว่าในจังหวัดที่มีการทำการเกษตรมาก เช่น ปทุมธานี อยุธยา อ่างทอง ราชบุรี สระบุรี กาญจนบุรี นครสวรรค์ เชียงใหม่ ขอนแก่น จะมีปริมาณของฝุ่นละอองในอากาศสูงในช่วงฤดูแล้งเนื่องจากสภาวะอากาศที่แห้งและนิ่งทำให้ฝุ่นสามารถแขวนลอยอยู่ในบรรยากาศได้นานและในช่วงดังกล่าวเกษตรกรจะมี การเผาเศษวัสดุทางการเกษตรเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับทำการเกษตรในช่วงฤดูฝน
3)การเผาขยะจากชุมชนการเผาขยะจากชุมชนถือว่าเป็นแหล่งปลดปล่อย มลพิษทางอากาศเข้าไปในบรรยากาศโดย พบว่าปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นจากชุมชนมีเพียงร้อยละ 70-80 ที่ได้รับการเก็บขนไปกำจัดและมีเพียงร้อยละ 30 ที่ได้รับการกำจัดถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลส่วนขยะที่ไม่ได้รับการกำจัดจะถูกกองทิ้งกลางแจ้งและเผา ซึ่งก่อให้เกิดปัญหามลพิษ ทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง เขม่า ควัน ก๊าซ และไอระเหย ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาวการเผาขยะ 1 กิโลกรัม ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีอันตรายต่อสุขภาพ 19 กรัม หรือเท่ากับ 45.7 กรัม ต่อครัวเรือนต่อวันนอกจากนี้ในขยะที่มีพลาสติกปนอยู่หากมีการเผาในที่โล่งจะก่อให้เกิดสารอินทรีย์ระเหยประมาณ 14 กรัมต่อขยะมูลฝอย 1 กิโลกรัม หรือประมาณ 35 กรัม ต่อครัวเรือนต่อวันโดยพบสารพิษที่เกิดจากการเผาขยะ ได้แก่
- ไดออกซิน สารก่อมะเร็งเกิดจากการเผาไหม้พลาสติก
- ฟิวแรน สารก่อมะเร็งเกิดจากการเผาไหม้พลาสติกที่มีส่วนผสมของ คลอรีน
- สไตรีน สารก่อมะเร็งเกิดจากการเผาไหม้โฟม
- คาร์บอนมอนนอกไซด์ เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีคาร์บอนอย่างไม่ สมบูรณ์
- ซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันหรือซัลเฟอร์เป็นสาเหตุของฝนกรด
- ไนโตรเจนออกไซด์ ทำให้ระคายเคืองต่อตาและเยื่อบุต่างๆในร่างกาย
- ไฮโดรเจนซัลไฟด์ก๊าซไข่เน่าที่มีกลิ่นเหม็น
- นอกจากนี้หากมีการทิ้งโลหะหนักในกองขยะ เช่น ตะกั่ว ปรอท จะทำให้ เกิดการฟุ้งกระจายสู่สิ่งแวดล้อมด้วย
4) การคมนาคมขนส่ง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่มีการใช้ยานพาหนะในการคมนาคมและขนส่งมากสารมลพิษมาจากการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นภายในเครื่องยนต์ ได้แก่ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน เช่น ออกซิแดนท์สารอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนเขม่าก๊าซไนตริกออกไซด์ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์รวมทั้งก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งปริมาณของสารมลพิษที่ออกมาจากระบบท่อไอเสียนั้นจะมีความสัมพันธ์ กับความสมบูรณ์ในการเผาไหม้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์โดยพบว่าเครื่องยนต์ดีเซลจะปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมาน้อยกว่าเครื่องยนต์เบนซิน แต่ในขณะเดียวกันกลับปล่อยก๊าซ ไนโตรเจนออกไซด์และอนุภาคต่างๆออกมาสูงกว่า
5) มลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมเช่นโรงถลุงและ หลอมโลหะอุตสาหกรรมกลั่นน้ ามันอุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมผลิตอาหาร ฯลฯ ก่อให้เกิด สิ่งเจือปนในอากาศได้แตกต่างกันทั้งปริมาณและคุณภาพโดยทั่วไปโรงงานอุตสาหกรรมนับว่าเป็น แหล่งกำเนิดของมลพิษทางอากาศที่สำคัญและเป็นแหล่งที่ถูกกล่าวโทษเป็นอย่างมากเนื่องจาก สามารถมองเห็นควันที่ปล่อยออกมาจากปล่องควันได้อย่างชัดเจนสารมลพิษทางอากาศที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมส่วนมาก ได้แก่ ฝุ่นละออง เขม่า ควันก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซ คาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ และก๊าซพิษอื่น ๆ
2.1.2 ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดหมอกควันประกอบด้วย
ปัจจัยที่ 1 การเผาที่เกิดขึ้นภายในประเทศทั้งในกรณีของไฟป่า และการเผา เพื่อการเกษตร การเผาวัชพืชริมทาง และการเผาขยะมูลฝอยในชุมชน
ปัจจัยที่ 2 การเผาที่เกิดขึ้นบริเวณรอบ ๆ ประเทศซึ่งทำให้เกิดปัญหาหมอก ควันข้ามแดนนับเป็นปัญหาร่วมของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และภูมิภาคอาเซียน
ปัจจัยที่ 3 สภาพภูมิอากาศเช่นอุณหภูมิ ความชื้นความกดอากาศทิศทางลม ในวันที่มีความกดอากาศสูงหรือไม่มีการพัดผ่านของลม จะทำให้หมอกควันลอยปกคลุมในพื้นที่ ยาวนานกว่าวันที่มีอากาศแจ่มใสหรือมีลมพัดผ่านโดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูหนาวก่อนเข้าฤดูแล้ง ของประเทศไทย จะมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมอยู่บริเวณภาคเหนือเรียกว่า “ความ กดอากาศสูง” ทำให้อากาศไม่สามารถลอยตัวสูงขึ้นได้
ปัจจัยที่ 4 สภาพภูมิประเทศ ภูมิประเทศที่เอื้อให้เกิดหมอกควันปกคลุม ได้แก่ พื้นที่เขตเมืองที่มีอาคารสูงพื้นที่แอ่งกระทะที่มีภูเขาล้อมรอบหรือพื้นที่ปิดระหว่างหุบเขา จะมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาหมอกควันรุนแรงกว่าพื้นที่อื่น ๆ เนื่องจากมีภูเขาล้อมรอบอยู่ทำให้ หมอกควันไม่สามารถแพร่กระจายไปแหล่งอื่นได้
2.2 ผลกระทบที่เกิดจากหมอกควัน
2.2.1 ผลกระทบด้านสุขภาพ พื้นที่ที่ประสบปัญหาหมอกควันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในพื้นที่เป็นอย่างมากผู้ที่สูดหายใจเอาอากาศที่มีฝุ่นละอองขนาด เล็กกว่า 10 ไมครอนหรือที่เรียกว่า PM10 ในความเข้มข้นต่ออากาศที่สูงเกินระดับมาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอากาศ จะเกิดอาการตั้งแต่ระดับน้อย ๆ ไปจนถึงเป็นอันตรายต่อชีวิต ได้ และเกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ โดยฝุ่นละอองเมื่อเข้าไปถึงส่วนที่ อยู่ลึกที่สุดของทางเดินหายใจ ซึ่งก็คือ ถุงลม ปอด อาจเกิดการสะสมเป็นปริมาณมากจะทำให้เกิด การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อปอดจนเกิดเป็นโรคปอดอักเสบได้ ซึ่งจะมีผลต่อร่างกายรุนแรงแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเวลาที่สัมผัส อายุ ภูมิต้านทานของแต่ละคน และปริมาณฝุ่นละอองที่ได้รับ ผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดกับระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่
1) ระบบตา เกิดอาการระคายเคืองตา ตาแดง แสบตา ตาอักแสบ
2) ระบบผิวหนัง ระคายเคืองผิวหนัง เกิดผื่นคันผิวหนัง
3) ระบบทางเดินหายใจเกิดอาการระคายเคืองเยื่อบุจมูก แสบจมูก ไอ มี เสมหะ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด หายใจถี่ และทำให้เกิดโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบทั้ง แบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง
4) ระบบหลอดเลือดและหัวใจ เกิดอาการแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก หายใจถี่ เมื่อยล้า สั่นผิดปกติ ทำให้เกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจตาย เส้นเลือด ในสมองตีบ
โดยทั่วไปแล้วเมื่อร่างกายสูดดมหมอกควันเข้าสู่ร่างกายในระยะเวลาสั้น ๆ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ คือ มีอาการแสบจมูก จาม ไอ ฯลฯ ซึ่งประชาชนทั่วไปที่มี สุขภาพแข็งแรงจะสามารถปรับตัวและฟื้นฟูสภาพร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และไม่เกิดผลกระทบต่อ สุขภาพในระยะยาว แต่ในประชากรกลุ่มเสี่ยงนั้นเมื่อสูดดมหมอกควันเข้าสู่ร่างกายอาจเกิดปัญหา ต่อสุขภาพรุนแรงกว่า เช่น หายใจล าบาก มีอาการหอบหืด หัวใจเต้นแรง แน่นหน้าอก หน้ามืด เป็นลมหมดสติ ชัก และอาจหัวใจวายเฉียบพลัน โดยประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการได้รับ ผลกระทบจากหมอกควันรุนแรง มี 4 กลุ่ม คือ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจากหมอกควันรุนแรง
1)กลุ่มเด็กเล็ก ในกลุ่มเด็กเล็กถึงแม้จะไม่มีปัญหาการเจ็บป่วยหรือโรคเรื้อรัง ก็ยังถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากปอดของเด็กยังอยู่ในภาวะกำลังพัฒนา ทำให้มีความเสี่ยงต่อ มลพิษทางอากาศมากว่าผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ ปัจจัยที่ส่งผลให้เด็กมีความเสี่ยงมากกว่า ผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่มักใช้เวลาทำกิจกรรมอยู่นอกบ้านเช่น สนามเด็กเล่น สนามกีฬา ลาน กิจกรรม ฯลฯ และมีการเคลื่อนไหวเช่น การวิ่งเล่น การกระโดด ปีนป่าย ฯลฯ มากกว่าผู้ใหญ่ เด็กจึงมีการหายใจเอาปริมาตรอากาศเข้าสู่ร่างกาย (ปริมาตรอากาศต่อน้ำหนักตัว) สูงกว่าผู้ใหญ่
2) ผู้สูงอายุมักจะมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของปอดและปัญหาโรคหัวใจทำให้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการได้รับฝุ่นหรือหมอกควันมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ทั้งนี้เนื่องจาก ประสิทธิภาพการทำงานของระบบป้องกันของปอดจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
3) หญิงตั้งครรภ์จากการศึกษาพบว่าหญิงตั้งครรภ์ได้รับผลกระทบต่อ สุขภาพจากการรับควันบุหรี่ซ้ำ ๆ ทั้งการรับโดยตรงและโดยอ้อม และควันไฟป่ามีองค์ประกอบ หลายชนิด ที่คล้ายกับองค์ประกอบของควันบุหรี่ นอกจากนี้การรับสัมผัสกับมลพิษทางอากาศใน เมืองใหญ่ ๆ มีผลต่อน้ำหนักตัวของเด็กทารกและมักมีการคลอดก่อนกำหนด
4) ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจระบบหัวใจและ หลอดเลือด เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากหมอกควัน ซึ่งควรได้รับการดูแลสุขภาพอย่าง ใกล้ชิด ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดจะเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดการเจ็บ หน้าอก ชั่วคราว หัวใจวาย หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือหัวใจล้มเหลวได้
2.2.2 ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบของหมอกควันและมลพิษทางอากาศ มีส่วนทำให้รายได้เข้าสู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวลดลงอย่างกะทันหัน หมอกควันที่ปกคลุมในเขต ภาคเหนือซึ่งมักจะเกิดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนในแต่ละปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว รวมทั้งยังเป็นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนและเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าปัญหาหมอกควันจะสร้างความเสียหายต่อธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย ทำให้ จำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัดนี้ลดลงประมาณร้อยละ 25 ส่งผลให้สูญเสียรายได้จากการ ใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไปสู่ธุรกิจบริการต่าง ๆ และส่งผลถึงสภาวะการว่างงานของประชาชน จำนวนมากได้ นอกจากนี้ประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาหมอกควันที่ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้น และทำให้ขาดรายได้จากการหยุดงานอีกด้วย
2.2.3 ผลกระทบทางด้านคมนาคม ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน แม้ไม่ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่หากมีการสะสมรวมกันในปริมาณมาก ๆ ก็สามารถปกคลุมให้ ท้องฟ้ากลายเป็นสีขาวขุ่นได้ และทำให้ทัศนวิสัยของการมองเห็นต่ำลง ส่งผลกระทบต่อการจราจร ทั้งทางบกและทางอากาศ ในช่วงที่เกิดปัญหาหมอกควันนั้น สายการบินจำเป็นต้องมีการงด เที่ยวบินบางเที่ยว ด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการ สัญจรทั้งในท้องถิ่นและบนเส้นทางหลวงระหว่างจังหวัดด้วย