จากสภาพฝนแล้งและฝนทิ้งช่วง จะเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดภัยแล้ง ความแห้งแล้งของ สภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ จะทำให้เกิดไฟไหม้ป่าหรือสภาพดินแห้งแตกระแหงได้
2.1 สาเหตุและปัจจัยการเกิดภัยแล้ง ปัจจัยที่ทำให้เกิดภัยแล้งเกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการ ทั้งที่เกิดขึ้นเองโดย ธรรมชาติและจากการกระทำของมนุษย์
2.1.1 โดยธรรมชาติ
1) การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลกคือ บรรยากาศของโลก เป็นสิ่งที่ เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา (Dynamic) ภูมิอากาศของโลกจึงมีการเปลี่ยนแปลงเป็นช่วงเวลาสั้นบ้าง ยาวบ้าง ขึ้นอยู่กับปัจจัยสาเหตุนานาประการ ตัวอย่างเช่น การระเบิดของภูเขาไฟทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพียงช่วงเดือนหรือปี การพุ่งชนของอุกาบาตทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงหลายสิบปี การเพิ่มขึ้นของมลภาวะทางอากาศก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนับศตวรรษ การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในมหาสมุทรและขนาดของแผ่นน้ำแข็งตลอดจนการเปลี่ยนแปลง ของวงโคจรโลก
2) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ คือ การเปลี่ยนแปลงการกระจายทางสถิติของรูปแบบสภาพอากาศ เมื่อสภาพอากาศเฉลี่ยหรือความ แปรผันของเวลาของสภาพอากาศเกี่ยวกับภาวะเฉลี่ยที่กินเวลานานหลายสิบปีถึงหลายล้านปี อาจมีการเปลี่ยนแปลงคือ มีเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วมากขึ้นหรือน้อยลง การเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศมีสาเหตุจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น กระบวนการชีวนะ ความแปรผันของรังสีดวงอาทิตย์ ชุดวิชา การเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 - 6 ที่โลกได้รับ การแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค และการปะทุของภูเขาไฟ กิจกรรมบางอย่างของมนุษย์ ยังถูกระบุว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศล่าสุดมักเรียกว่า “โลกร้อน”
3) การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล คือ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น บ่งชี้ การเปลี่ยนแปลงอากาศเมื่ออุณหภูมิมหาสมุทรสูงขึ้น ได้ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น หรือเรียกว่า Sea Level Rise มาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ การขยายตัวของมวลน้ำทะเลจากที่อุณหภูมิสูงขึ้น (ประมาณร้อยละ 30) และการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำทะเล เนื่องจากการละลายของธารน้ำแข็ง บนแผ่นดินและการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก (ประมาณร้อยละ 55) 4) ภัยธรรมชาติ เช่น วาตภัย คือ ภัยจากลม หรือ พายุที่มีความรุนแรงจน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในวงกว้าง คำว่า วาตภัย เกิดจากคำสองคำมาผสมกัน คือคำว่า วาต ที่แปลว่า ลม และคำว่า ภัย ที่แปลว่า อันตรายวาตภัย สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดพายุหมุนเขตร้อน เช่น พายุไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อน โดยเมื่อเกิดพายุ จะทำให้เกิดลมแรง สามารถพัดให้บ้านเรือนเสียหาย ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น ป้ายโฆษณาพังถล่ม ซึ่งเกิดอันตราย ต่อชีวิตและทรัพย์สิน แต่ถ้าพายุดังกล่าวเกิดในทะเล จะทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงพัดถล่ม ชายฝั่ง ซึ่งสามารถทำให้สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ชายฝั่ง เรือประมงหรือเรือประเภทอื่น ๆ เสียหาย ในบางครั้งพบว่าเรือขนาดใหญ่พลิกคว่าได้ แผ่นดินไหว คือ เป็นปรากฏการณ์สั่นสะเทือนหรือเขย่าของพื้นผิวโลก เพื่อปรับตัวให้ อยู่ในสภาวะสมดุล ซึ่งแผ่นดินไหวสามารถก่อให้เกิดความเสียหายและภัยพิบัติต่อบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย สิ่งมีชีวิต ส่วนสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวนั้นส่วนใหญ่เกิดจากธรรมชาติ โดยแผ่นดินไหวบางลักษณะ สามารถเกิดจากการกระทำของมนุษย์ได้ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่าที่ เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่น เปลือกโลก (แนวระหว่างรอยต่อธรณีภาค) ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของชั้นหินขนาดใหญ่เลื่อน เคลื่อนที่ หรือแตกหักและเกิดการโอนถ่ายพลังงานศักย์ผ่านในชั้นหินที่อยู่ติดกัน พลังงานศักย์นี้ อยู่ในรูปคลื่นไหวสะเทือน
2.1.2 จากการกระทำของมนุษย์
1) การทำลายชั้นโอโซน ชั้นโอโซนเป็นส่วนหนึ่งชั้นบรรยากาศของโลกที่ ประกอบด้วยโอโซนในปริมาณมาก ชั้นโอโซนช่วยดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ประมาณร้อยละ 97-99 ของรังสีทั้งหมดที่แผ่มายังโลก
โอโซน คือ รูปแบบพิเศษของออกซิเจนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในชั้นของ บรรยากาศชั้นบน ๆ ชั้นโอโซนนี้มีความส าคัญและมีประโยชน์ต่อโลก ชั้นโอโซนอยู่ห่างจากผิวโลก ประมาณ 20 ไมล์ โดยอยู่ในบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ ชั้นโอโซนจะช่วยป้องกันไม่ให้รังสีอุลตรา ไวโอเล็ตจากดวงอาทิตย์ส่องมาถึงโลกของเรา ดวงอาทิตย์ทำให้ชีวิตบนโลกดำรงอยู่ได้ ความอบอุ่น และพลังงานของดวงอาทิตย์ ส่งผลต่อดิน น้ำ อากาศ และสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง แต่ดวงอาทิตย์ทำให้ เกิดรังสีที่เป็นอันตรายต่อชีวิตด้วย ชั้นโอโซนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทำหน้าที่เป็นเกราะคุ้มกัน ปกป้องพืชและสัตว์จากรังสีที่เป็นอันตรายของดวงอาทิตย์ ดังนั้น เมื่อใดที่โอโซนบางลงเราก็ ได้รับการปกป้องน้อยลงด้วย เราเรียกรังสีที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์ว่า อุลตราไวโอเล็ต เป็นรังสีที่ไม่สามารถมองเห็นได้ หากมีปริมาณน้อยรังสีอุลตราไวโอเล็ตจะปลอดภัยและมีประโยชน์ โดยช่วยให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินอี แต่ถ้าเราได้รับรังสีอุลตราไวโอเล็ตที่มากเกินไป จะเป็น สาเหตุให้ผิวหนังอักเสบเนื่องจากแพ้แดดได้นอกจากนี้รังสีอุลตราไวโอเล็ตปริมาณมาก ยังทำลาย พืชในไร่และต้นพืชเล็ก ๆ ในทะเลซึ่งเป็นอาหารของปลา
2) ผลกระทบของภาวะเรือนกระจก ปรากฏการณ์เรือนกระจก คือ ปรากฏการณ์ที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น เนื่องจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงความยาวคลื่นอินฟาเรดที่สะท้อนกลับ ถูกดูดกลืนโดยโมเลกุล ของไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ ในบรรยากาศ ท าให้โมเลกุลเหล่านี้มี พลังงานสูงขึ้น มีการถ่ายเทพลังงานซึ่งกันและกันทำให้อุณหภูมิชั้นบรรยากาศสูงขึ้น การถ่ายเท พลังงานและความยาวคลื่นของโมเลกุลต่อ ๆ กันไปในบรรยากาศ ทำให้โมเลกุลเกิดการสั่น การเคลื่อนไหวตลอดเวลาและมาชนถูกผิวหนังของเราทำให้เรารู้สึกร้อน
3) การพัฒนาด้านอุตสาหกรรม การพัฒนาอุตสาหกรรม (industrial development) หมายถึง การทำให้ภาคอุตสาหกรรมเจริญเติบโต (growth) หรือขยายตัว (expand) และมีการใช้เทคโนโลยี การผลิตเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดมลภาวะทางอากาศการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอาจจะเกิดสภาวะโลกร้อนได้
4) การตัดไม้ทำลายป่า การทำลายป่า คือ สภาวะของป่าตามธรรมชาติที่ถูกทำลายโดยการตัด ไม้และการเผาป่า เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การนำต้นไม้และถ่านไม้มาใช้หรือเพื่อจำหน่าย การตัดไม้โดยไม่ปลูกทดแทนด้วยจำนวนที่เพียงพอ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย ต่อความ หลากหลายทางชีวภาพ และปัญหาความแห้งแล้ง ซึ่งส่งผลเสียต่อการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศโดยพืช พื้นที่ป่าที่ถูกทำลายโดยมากจะเกิดความเสียหายจากการพังทลายของหน้าดิน และคุณภาพของดินจะลดลงกลายเป็นที่ดินที่ทำประโยชน์มิได้ ในประเทศไทย ภัยแล้งเกิดจากสาเหตุหลักๆ 4 ประการ
1. ปริมาณฝนตกน้อยเกินไปเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงติดต่อกันเป็นเวลานานหรือ การกระจายน้ำฝนที่ตกไม่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี ซึ่งกรณีหลังจะทำให้การขาดแคลนน้ำเป็นบางช่วง หรือบางฤดูกาลเท่านั้น แต่ถ้าหากฝนตกน้อยกว่าอัตราการระเหยของน้ำก็จะทำให้บริเวณนั้นเกิด สภาพการขาดแคลนน้ำที่ต่อเนื่องอย่างถาวร
2. ขาดการวางแผนในการใช้น้ำที่ดี เช่น ไม่จัดเตรียมภาชนะหรืออ่างเก็บน้ำรองรับ น้ำฝนที่ตกเพื่อนำไปใช้ในช่วงขาดแคลนน้ำ
3. ลักษณะภูมิประเทศไม่อำนวยจึงทำให้บริเวณนั้นไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ และถาวรหรืออยู่ใกล้ภูมิประเทศลาดเอียงและดินไม่อุ้มน้ำ จึงทำให้การกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำได้ยาก เช่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
4. พืชพันธุ์ธรรมชาติถูกทำลายโดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธาร
2.2 ผลกระทบที่เกิดจากภัยแล้งภัยแล้งในประเทศไทยมีผลกระทบโดยตรงกับการเกษตรและแหล่งน้ำ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ ภัยแล้งจึงส่งผลเสียหายต่อการเกษตร เช่น พื้นดินขาดความชุ่มชื้น พืชขาดน้ำ พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตที่ ได้มีคุณภาพต่ำ รวมถึงปริมาณลดลงส่วนใหญ่ภัยแล้งที่มีผลต่อการเกษตร มักเกิดในฤดูฝนที่มีฝน ทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ฉะนั้นจึงเกิดผล
กระทบด้านต่าง ๆ ดังนี้
2.2.1 ด้านเศรษฐกิจ สิ้นเปลืองและสูญเสียผลผลิตด้านเกษตร ปศุสัตว์ ป่าไม้ การประมง เศรษฐกิจทั่วไป เช่น ราคาที่ดินลดลง โรงงานผลิตเสียหาย การว่างงานสูญเสีย อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่งผลให้รายได้ของประเทศลดลงก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ
2.2.2 ด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อสัตว์ต่างๆ ทำให้ขาดแคลนน้ำ เกิดโรคกับสัตว์ สูญเสียความหลากหลายพันธุ์ รวมถึงผลกระทบด้านอุทกวิทยา ทำให้ระดับและปริมาณน้ำลดลง พื้นที่ชุ่มน้ำลดลง ความเค็มของน้ำเปลี่ยนแปลง ระดับน้ำในดินเปลี่ยนแปลง คุณภาพน้ำ เปลี่ยนแปลง เกิดการกัดเซาะของดิน ไฟป่าเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพอากาศและสูญเสียทัศนียภาพ เป็นต้น
2.2.3 ด้านสังคม เกิดผลกระทบในด้านสุขภาพอนามัย เกิดความขัดแย้งในการใช้น้ำ และการจัดการคุณภาพชีวิตลดลง
2.3 ห้วงเวลาการเกิดภัย และพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดภัยแล้งในประเทศไทย ห้วงเวลาการเกิดภัยและพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดภัยแล้งในประเทศไทย ช่วงฤดูหนาว ต่อเนื่องถึงฤดูร้อน ซึ่งเริ่มจากครึ่งหลังของเดือนตุลาคมเป็นต้นไป บริเวณประเทศไทย ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก จะมีปริมาณฝนลดลงเป็นลำดับ จนกระทั่ง เข้าสู่ฤดูฝนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป ซึ่งภัยแล้งลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ตารางแสดงห้วงเวลาการเกิดภัยแล้งและพื้นที่เสี่ยงภัย