รื่องที่ 2 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอุทกภัย
อุทกภัย คือ ภัยที่เกิดจากน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก หรือน้ำไหลเอ่อล้นฝั่งแม่น้ำไหลท่วมบ้านเรือนด้วยความรุนแรง
2.1 ลักษณะการเกิดของอุทกภัย
ลักษณะการเกิดอุทกภัยมี 4 ลักษณะ ได้แก่
2.1.1.น้ำล้นตลิ่งเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องปริมาณน้ำจำนวนมากระบายไหลลงสู่แม่น้ำลำธารออกสู่ทะเลไม่ทันทำให้เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมสวน ไร่นา และบ้านเรือ ทำให้เกิดความเสียหาถนนและสะพานชำรุดเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาดได้
2.1.2 น้ำท่วมฉับพลัน/น้ำป่าไหลหลาก เป็นภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเนื่องจากฝนตกหนักมักเกิดขึ้นในบริเวณทราบระหวางหุบเขาซึ่งอาจจะไม่มีฝนตกหนักในบริเวณนั้นมาก่อนเลยแต่มีฝนตกหนักมากบริเวณต้นน้ำที่อยู่ห่างออกไปหรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำพังทลายทำให้ถนนสะพานและชีวิตมนุษย์/สัตว์ได้รับความเสียหาย
2.1.3 คลื่นพายุซัดฝัง คือ คลื่นที่เกิดพร้อมกับพายุโซนร้อน เมฆฝนก่อตัวฝนตกหนัก ลมพัดแรง พื้นที่ชายฝั่งจะมีความกดอากาศต่ำน้ำทะเลยกตัวสูงกว่าปกติกลายเป็นโดมน้ำขนาดใหญ่ซัดจากทะเลเข้าชายฝั่งอย่างรวดเร็วจนสร้างความเสียหายต่อชีวิต อาคารบ้านเรือนและ ทรัพย์สินบริเวณพื้นที่ชายฝั่ง
2.1.4 น้ำท่วมขัง เป็นน้ำท่วมที่เกิดจากระบบระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพมักเกิดขึ้นในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำและบริเวณชุมชนเมืองใหญ่ๆมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปซึ่งเกิดจากฝนตกหนักในบริเวณนั้นติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน
2.2 สาเหตุและปัจจัยการเกิดอุทกภัย
สาเหตุและปัจจัยสำคญที่ทำใหเกิดอุทกภัยมี 2 ประการ คือ การเกิดภัยธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์
2.2.1 การเกิดภัยธรรมชาติ ได้แก่
1) ฝนตกหนักจากพายุหืรอพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นพายุที่เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงมีปริมาณฝนตกหนักมากจนไม่อาจไหลลงสู่แม่น้ำลำธารได้ทันจึงท่วมพื้นที่ที่อยู่ในที่ต่ำซึ่งมักเกิดในช่วงฤดูฝนหรือฤดูร้อน
2)ฝนตกหนักจากพายุหมุนเขตร้อนเมื่อพายุนี้เกิดที่แห่งใดแห่งหนึ่งเป็นเวลานานหรือแทบไม่เคลื่อนที่จะทำให้บริเวณนั้นมีฝนตกหนักติดต่อกันตลอดเวลายิ่งพายุมีความรุนแรงมากเช่นมีความรุนแรงขนาดพายุโซนร้อนหรือไต้ฝุ่นเมื่อเคลื่อนตัวไปถึงที่ใดก็ทำให้ที่นั้นเกิดพายุลมแรงฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างและมีน้ำท่วมขังนอกจากนี้ถ้าความถี่ของพายุที่เคลื่อนที่เข้ามาหรือผ่านเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ถึงแม้จะในช่วงสั้นแต่ก็ทำให้น้ำท่วมเสมอ
3)ฝนตกหนักในป่าบนภูเขา ทำให้ปริมาณน้ำบนภูเขาหรือแหล่งต้นน้ำมีมากมีการไหลเชี่ยวอย่างรุนแรงลงสู่ที่ราบเชิงเขาเกิดน้ำท่วมขึ้นอย่างกะทันหันเรียกว่าน้ำท่วมฉับพลันเกิดขึ้นหลังจากที่มีฝนตกหนักในช่วงระยะเวลาสั้นๆหรือเกิดก่อนที่ฝนจะหยดตก มักเกิดขึ้นในลำธารเล็กๆโดยเฉพาะตอนที่อยู่ใกล้ต้นน้ำของบริเวณลุ่มน้ำระดับน้ำจะสูงขึ้นนอย่างรวดเร็วจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงกับเทือกเขาสูง เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
4)ผลจากน้ำทะเลหนุนในระยะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ในแนวที่ทำให้ระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุดน้ำทะเลจะหนุนให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นอีกมากประกอบกับระยะเวลาที่น้ำป่าและน้ำจากภูเขาไหลลงสู่แม่น้ำน้ำในแม่น้ำจึงไม่อาจไหลลงสู่ทะเลได้ทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งและท่วมเป็นบริเวณกว้างยิ่งถ้ามีฝนตกหนักหรือมีพายุเกิดขึ้นในช่วงนี้ความเสียหายก็ยิ่งจะมีมากขึ้น
5)ผลจากลมมรสุมที่มีกำลงแรงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เป็นมรสุมที่พัดพาความชื้นจากมหาสมทรอินเดียเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมเมื่อมีกำลังแรงเป็นระยะเวลาหลายวันทำให้เกิดคลื่นลมแรงระดับน้ำในทะเลตามขอบฝั่งจะสูงขึ้น ประกอบกับมีฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมได้ยิ่งถามีพายุเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ก็จะยิ่งเสริมให้มรรสมดังกล่าวมีกำลังแรงขึ้นอีกสวนมรสุมตะวนออกเฉียงเหนือพัดจากประเทศจีนเขาสู่ประเทศไทยปะทะขอบฝั่งตะวันออกของภาคใต้มรสุมนี้มีกำลงแรงเป็นครั้งคราวเมื่อบริเวณความกดอากาศสูงในประเทศจีนมีกำลงแรงขึ้นจะทำให้มีคลื่นค่อนข้างใหญ่ในอ่าวไทยและระดับน้ำทะเลสูงกว่าปกติบางครั้งทำให้ มีฝนตกหนักในภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง
6)ผลจากแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดเมื่อเกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟบนบกและภเขาไฟใต้น้ำระเบิดเปลือกของผิวโลกบางส่วนจะได้รับความกระทบกระเทือนต่อเนื่องกันบางส่วนของผิวโลกจะสูงขึ้นบางส่วนจะยุบลงทำให้เกิดคลื่นใหญ่ในมหาสมุทรซัด ขึ้นฝั่งเกิดน้ำท่วมตามหมู่เกาะและเมืองตามชายฝั่งทะเลได้เกิดขึ้น่บอยครั้งในมหาสมทรแปซิฟิก
2.2.2 การกระทำของมนุษย์ ได้แก่
1)การตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่เสี่ยงภัยเมื่อเกิดฝนตกหนักจะทำให้อัตราการไหลสูงสุดเพิ่มมากขึ้นและไหลมาเร็วขึ้นเป็นการเพิ่มความรุนแรงของน้ำในการทำลายและยิ่งเป็นสาเหตุของดินถล่มด้วยนอกจากนี้ยิ่งทำให้ดินและรากไม้ขนาดใหญ่ถูกชะล้างให้ไหลลงมาในท้องนาทำให้ท้องนาตื้นเขินไม่สามารถระบายน้ำได้ทันที ทั่งก่อให้เกิดความสูญเสียชีวตและบาดเจ็บของประชาชนทางด้านท้ายนา
2)การขยายเขตเมืองลุกล่ำเข้าไปในพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำธรรมชาติทำให้ไม่มีที่รับน้ำเมื่อน้ำล้นตลิ่งกจะเข้าไปท่วมบริเวณที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งเป็นเขตเมืองที่ขยายใหม่ก่อน
3)การก่อสร้างโครงสร้างขว้างทางน้ำธรรมชาติทำใหม่ผลกระทบต่อการระบายน้ำและก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วม
4)การออกแบบทางระบายน้ำของถนนไม่เพียงพอทำให้น้ำล้นเอ่อในเมืองทำความเสียหายให้แก่ชุมชนเมืองใหญ่เนื่องจากการระบายน้ำได้ช้ามาก
5)การบริหารจัดการน้ำที่ไม่ดีเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมโดยเฉพาะบริเวณด้านท้ายเขื่อนหรืออ่างเก็บนา
2.3 ผลกระทบที่เกิดจากอุทกภัย
อุทกภัยไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อชีวิตผู้คน ทรัพย์สิน อาคาร บ้านเรือน
เท่านั้นแต่ยังเกิดผลกระทบตามมาอีกหลายๆด้าน เช่น
2.3.1 ผลกระทบทางด้านการศึกษา
สถานศึกษาที่ถูกน้ำท่วมเกิดความเสียหายเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนนักศึกษาและลดปัญหาการเดินทาง ทำให้ต้องปิดการเรียนการสอนซึ่งจำเป็นต้องมีการสอนชดเชย หรือการปิดภาคเรียนไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด
2.3.2 ผลกระทบทางด้านการเกษตร
เมื่อเกิดอุทกภัย จะทำให้ผลผลิตทางด้านการเกษตร เช่น ข้าว พืชไร่ พืชสวนตลอดจนพืชผลทางการเกษตรทุกชนิดที่ได้รับผลกระทบ ได้รับความเสียหายส่วนด้านการประมงการปศุสัตว์ ก็ได้รับผลกระทบทั้งสิ้นนอกจากนี้เครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆจะได้รับความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อราคาข้าว พืชไร่ พืชสวน สัตว์น้ำและผลผลิตอื่นๆทำให้การผลิตการขนส่งมีต้นทุนสูงขึ้นกว่าปกติ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่ไม่มีเงินทุนสำรองจะต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อลงทุนทำการเกษตรต่อไป
2.3.3 ผลกระทบด้านอุตสาหกรรม
นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุทกภัยทำให้เกิดความขัดข้องในการผลิตและการขาดแคลนปัจจัยเพื่อป้อนโรงงานทั่วโลกประเทศที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย เช่น ญี่ปุ่น ก็ได้รับผลกระทบส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลงตามไปด้วยรายได้ลูกจ้างในไทยก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกันนอกจากนี้ยังส่งผลต่อการส่งออกเพราะขาดวัตถุดิบในการผลิตสินค้า
2.3.4 ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
จากการขาดวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอาจทำให้สินค้าขาดตลาดประกอบกับการจัดส่งที่ยากลำบากจะยิ่งทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและอาจส่งผลกระทบทั่วโลกเพราะไทยเป็นแหล่งผลิตใหญ่ของโลกในปัจจุบัน อุทกภัยยังส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง เนื่องจากความเสียหายทางด้านทรัพย์สินและความสูญเสียจากค่าเสียโอกาส เช่น การผลิต การส่งออกเป็นต้น นอกจากนี้ ธุรกิจการท่องเที่ยวก็ได้รับความเสียหายในรูปแบบของการสูญเสียรายได้เข้าสู่ประเทศรวมถึงชื่อเสียงของประเทศเนื่องจากรัฐบาลของหลายประเทศ ได้เตือนภัยให้ชุดวิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 - 40 นักท่องเที่ยวของตนเองระมัดระวังในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง
2.3.5 ผลกระทบด้านการสาธารณสุข
เมื่อเกิดน้ำท่วมติดต่อกันยาวนานมักจะพบกับปัญหาเกิดสิ่งปนเปื้อนของแหล่งน้ำและโรคที่มากับน้ำทำให้เกิดโรคระบาด เช่น โรคตาแดง โรคไข้ฉี่หนู โรคอุจจาระร่วงน้ำกัดเท้า น้ำกัดเล็บ ฯลฯ จึงส่งผลให้ประสบปัญหาการขาดยาและเวชภัณฑ์รวมถึงสุขภาพจิตของประชาชนมีเพิ่มขึ้นด้วย
2.4 สัญญาณบอกเหตุก่อนเกิดอุทกภัย
ก่อนการเกิดอุทกภัยครั้งใดมักจะมีสัญญาณบอกเหตุให้เราทราบล่วงหน้าอยู่เสมอสัญญาณบอกเหตุดังกล่าวมีทั้งสญญาณที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติและจากพฤติกรรมของสัตว์
2.4.1 สัญญาณบอกเหตุจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ
โดยธรรมชาติแล้วเมื่อจะเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งสามารถสังเกตุได้จากสภาพของอากาศร้อนผิดปกติเกิดฝนตกฟ้าคะนองอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานานนอกจากนี้ยังสามารถสงเกตุพฤติกรรมของสัตว์ได้ เช่น มด หรือแมลง มักจะเคลื่อนย้ายที่อยู่ไปยังที่สูง
2.4.2 สัญญาณเตือนก่อนเกิดภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ (ภูมิปัญญาชาวบาน)
1) ในเวลากลางวันถ้ามีเมฆจำนวนมากท้องฟ้ามีแสงสแดงลมสงบ ผิวน้ำ ทะเลไม่มีระลอกคลื่น เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังจะมีพายุลมแรงและฝนตกหนักมาก
2) ในเวลากลางคืนถ้ามองไม่เห็นดวงดาวท้องฟ้ามีแสงสีแดง ลมสงบ เป็นสัญญาณเตือนว่าภายในคืนนี้จะมีพายุลมแรงและจะมีฝนตกหนักมาก
3) เวลากลางวันในฤดร้อนถ้าอากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกันสองวันพอเข้าวันที่สามมีเมฆมากตามแนวขอบฟ้า ลมสงบ ก้อนเมฆใหญ่ขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นสัญญาณเตือนว่าตอนเย็นจนถึงใกล้ค่ำจะมีพายุฤดูร้อนจะมีฝนฟ้าคะนองรุนแรงมีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าฝ่า ลมกระโชกแรง และอาจจะมีพายุงวงลงมาจากฐานเมฆ
4) ฤดูร้อนในตอนบ่ายถ้ามีลมค่อนข้างแรงพัดเข้าสู่ภูเขาจนถึงเย็นเป็ สัญญาณเตือนว่าคืนนี้จะมีฝนตกหนัก
5) ฤดูร้อนปีใดพบรังผึ้งรังมดแดงทำรังบนยอดไม เป็นสัญญาณเตือนว่าในหน้าฝนปีนี้ฝนจะน้อย
6) ฤดูร้อนปีใดไม่พบรังนกบนต้นไม้หรือนกย้ายไปทำรังตามถ้ำตามใต้ หน้าผา ซอกเหลือบหินบนภูเขา เป็นสัญญาณเตือนว่าฤดูฝนปีนั้นจะมีพายุลมแรงฝนตกหนักมาก
7) ฤดูร้อนปีใดมดที่ขุดรูอาศัยใต้ดินขนเอาขุยดินขึ้นมาทำเป็นแนวกันดินกลมๆรอบรู้ไว้เป็นสัญญาณว่าฤดูฝนปีนี้จะมีฝนดี
8) ฤดูร้อนปีใดต้นทองกวาวออกดอกเต็มต้นมะขามติดฝักดก ต้นหว้าลูกดก หญ้าแพรกช่อยาวต้นตรงเป็นสัญญาณว่าฤดูฝนปีนี้จะมีฝนดี
9) ในช่วงฤดูฝนมดดำขนไข่อพยพขนไปอยู่ทที่สูงเป็นสัญญาณเตือนว่าภายในสองวันจะมีฝนตกหนักจนน้ำท่วม
10)ฤดูฝนถ้าลงไปงมหอยในดินโคลนริมฝั่งแม่น้ำแล้วพบว่าหอยต่างๆย้ายลงไปอยู่ในแนวร่องนากลางแม่น้ำเป็นสัญญาณเตือนว่าเป็นนาแล้ง
11) ฤดูฝนถ้านกนางแอ่นมาเกาะเสาไฟฟ้าสายไฟฟ้าจำนวนมากเป็นสัญญาณเตือนว่าในทะเลจะมีพายุลมแรง
12) ฤดูฝนถ้านกปากห่างบนเป็นฝูงใหญ่ๆลงมาอาศัยอยู่แถบจังหวัดอยุธยา ปทุมธานี เป็นสัญญาณเตือนว่าอากาศหนาวกำลังตามมาภายในหนึ่งเดือน
13) ฤดูฝนปีใดมีน้ำท่วมใหญ่น้ำท่วมนานแสดงว่าในฤดูหนาวจะมีแผ่นดินยุบ ดินถล่ม
14) ฤดูหนาวปีใดหนาวนานจะบ่งบอกว่าผลไม้จะติดดอกออกผลดกปีนั้นจะมีฝนดีน้ำท่าจะมาก
15) ฤดูหนาวหากปีใดฤดูหนาวจะหนาวเป็นช่วงสั้นๆเป็นสัญญาณเตือนว่าปีนี้ฝนจะแล้ง
16) ถ้าสัตว์เลื่อยคลานหนีออกมากจากรูหนูวิ่งไปมาวุ่นวาย ปลากระโดดออกจากบ่อหรือกระชัง เป็ด ไก่บินกระเจิง หมู ม้า กระโดดโลดเต้นอยากออกจากคอกบางทีก็กัดกัน นกบินแบบตื่นท่าทางตระหนกบินกระเจิงหลงทิศไม่เป็นระเบียบสุนัขเห่าหอนวิ่งเข้าวิ่งออกจากบ้านซ้ำไปมาแมววิ่งขึ้นต้นไม้อย่างหวาดกลัวบ่อน้ำพุร้อนมีระดับน้ำสูงขึ้นมากกว่าปกติจนล้นและมีอุณหภูมิของน้ำร้อนสูงขึ้นจนมีควันไอร้อนชัดเจนอากาศทั่วไปร้อนขึ้นอาจมีเสียงดังคล้ายฟ้าร้องหรือเสียงเลื่อนลากวัตถุที่มีน้ำหนักมากๆเป็นสัญญาณเตือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ภายใน 24 ชั่วโมง
17) ถ้าอยู่ชายฝั่งทะเลแล้วรู้สึกว่าแผ่นดินหาดทรายสั่นสะเทือนจนมึนงงเหมือนเมารถเมาเรือหรือเมาคลื่นเป็นสัญญาณเตือนว่าได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญใต้ท้องทะเลขึ้นแล้วและหลังจากนั้นถ้ามีปรากฏการณ์น้ำทะเลลดลงหางจากฝั่งไปอย่างรวดเร็วจนปลาเกยตื้นเพราะว่าลงไปตามน้ไม่ทันเป็นสัญญาณเตือนว่าผลจากการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ใต้ท้องทะเลนั้น มีความรุนแรงมากพอที่จะทำให้เกิดคลื่นสนาม(คลื่นใต้น้ำ)และคลื่นดังกล่าวกำลังจะเข้าใกล้ชายหาดและกำลังจะซัดฝั่งภายในเวลาอันใกล้ให้หนีออกห่างจากฝั่งทะเลให้ไกลไม่น้อยกว่าสองกิโลเมตรและต้องติดตามรอฟังข่าวจากทางราชการจนแน่ใจว่าปลอดภัยก่อนหรือคอยจนกว่าจะเลยสามชั่วโมงไปแล้วจึงคอยออกทะเล
2.5 พื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดอุทกภัย
ในอดีตประเทศไทยมีป่าไม้ที่อุดมสมบรณ์แต่จากการบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอยและการตัดไม้เพื่อการค้าของกลุ่มนายทุนทำให้ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ลดน้อยลงอย่างน่าใจหายและนับเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุทุกภัยหรือภัยจากน้ำท่วมขึ้นประเทศไทยมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุทุกภัยได้แต่ระดับความเสียงจะมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับบองค์ประกอบที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค
2.5.1 พื้นที่ลุ่มน้ำภาคตะวนออกเฉียงเหนือการแบ่งระดับพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทุกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ พิจารณาจาก
1) พื้นที่เสี่ยงอุทุกภัยระดับสูงกำหนดให้เป็นพื้นที่ที่เกิดอุทุกภัยรุนแรงมากและทำความเสียหายต่อชีวตและทรัพย์สินตลอดจน
สิ่งก่อสร้าง
2)พื้นที่เสี่ยงอุทุกภัยระดับปานกลางกำหนดให้เป็นพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยรุนแรงปานกลางและทำความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนมากแต่ไม่มีการสูญเสียชีวิต
3) พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยระดับต่ำ กำหนดให้เป็นพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยรุนแรงน้อยและทำความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนไม่มาก
4) พื้นที่ไม่เสี่ยงอุทุกภัยกำหนดให้เป็นพื้นที่ที่เกิดอุทุกภัยไม่รุนแรงและไม่ทำให้สญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
2.5.2 พื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้
การแบ่งระดับพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทุกภัยสำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้พิจารณาจาก
1) พื้นที่เสี่ยงจากดินโคลนไหลทับถมมักเป็นพื้นที่บริเวณเชิงเขาที่น้ำป่าไหลหลากพาดินโคลน หินต้นไม้ลงมาทับถม
2) พื้นที่เสี่ยงจากนาไหลหลากเป็นพื้นที่ถัดจากเชิงเขาที่โคลนไหลมาทับถม คือ มีโคลนน้อยกว่าและค่อนข้างราบกว่าพื้นที่เชิงเขาแต่น้ำป่าไหลหลากผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อม ทั้งมีโคลนบางสวนตกตะกอน
3) พื้นที่เสี่ยงจากน้ำท่วมขังเป็นพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตาปีและคลองพุมดวงจังหวัดสุราษฏร์ธานีซึ๋งระบายน้ำลงสู่ทะเลไม่ทัน
4) พื้นที่เสี่ยงจากน้ำท่วมซ้ำซากเป็นพื้นที่ที่ประสบกับน้ำท่วมขังเป็นประจำเกือบทุกปีแต่อาจไม่ท่วมขังตลอดปีหรือเกิดขึ้นปีเว้นปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดฝน
5) พื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นพื้นที่ราบตามนาท่วมขังหรือมสภาพชื้นแฉะตลอดเวลา
2.6ลักษณะภูมิประเทศที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทุกภัย มีดังนี้
2.6.1บริเวณที่ราบเนินเขาจะเกิดอุทุกภัยแบบฉับพลันน้ำไหลบ่าอย่างรวดเร็วและมีพลังทำลายสูงลักษณะแบบนี้ เรียกว่า “น้ำป่า” เกิดขึ้นเพราะมีน้ำหลากจากภูเขา อันเนื่องจากมฝนตกหนักบริเวณต้นน้ำจึงทำให้เกิดน้ำหลากท่วมฉับพลัน
2.6.2พื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำและชายฝั่งเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นช้าๆจากน้ำล้นตลิ่งเมื่อเกิดจะกินพื้นที่บริเวณกว้างน้ำท่วมเป็นระยะเวลานาน
2.6.3 บริเวณปากแม่น้ำ เป็นอุทกภัยทเกิดจากน้ำที่ไหลจากที่สูงกว่าและอาจจะมีน้ำทะเลหนุนประกอบกับแผ่นดินทรุดจึงทำให้เกิดน้ำท่วมขังในที่สุด