3.1 สถานการณ์การเกิดวาตภัยในประเทศไทย
พายุหมุนเขตร้อนที่พัดเข้าสู่ประเทศไทย และก่อความเสียหายอย่างมากมายต่อ ทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชน ที่รู้จักกันดีมีอยู่ 2 ลูก ได้แก่ พายุโซนร้อน “แฮร์เรียต” และพายุ ไต้ฝุ่น “เกย์”
3.1.1 พายุ“แฮร์เรียต” เป็นพายุโซนร้อนลูกแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย นับตั้งแต่ พ.ศ. 2494 ที่มีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพายุอย่างเป็นทางการ พายุนี้เริ่มก่อตัวจากหย่อม ความกดอากาศต่ำกำลังแรงในทะเลจีนใต้ ใกล้ปลายแหลมญวน ในวันที่ 24 ตุลาคม 2505 จากนั้น ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเข้าสู่อ่าวไทย และมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชั่นอยู่ทาง ทิศตะวันออกของจังหวัดสงขลาประมาณ 200 กิโลเมตร ในตอนเช้า ของวันที่ 25 ตุลาคม 2505 ก่อนที่จะค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทวีกำลังแรงเพิ่มขึ้นเป็นพายุโซนร้อน เมื่อขึ้นฝั่งบริเวณแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันเดียวกัน โดยความเร็วลมสูงสุดวัดได้ที่สถานีตรวจอากาศนครศรีธรรมราช สูงถึง 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากลมที่พัดแรงแล้ว พายุลูกนี้ยังพัดคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง ทำให้น้ำทะเล หนุนเข้าอ่าวปากพนัง พัดพาบ้านเรือนราษฎรเสียหายอย่างมาก มีผู้เสียชีวิตกว่า 900 คน
3.1.2 พายุไต้ฝุ่น “เกย์” เป็นพายุหมุนเขตร้อน ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยลูกแรกที่มี ความรุนแรง ถึงระดับพายุไต้ฝุ่น พายุนี้เริ่มก่อตัวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2532 ในบริเวณตอนใต้ ของอ่าวไทย และเคลื่อนตัวขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือค่อนไปทางเหนือ เดิมพายุลูกนี้ มีทิศทาง มุ่งเข้าหาฝั่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาในตอนเช้าของวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 พายุนี้ได้ ทวีกำลังแรงขึ้นจนถึงระดับพายุไต้ฝุ่น และเปลี่ยนทิศทางไปทางเหนือ และเคลื่อนตัวผ่านฐานขุด เจาะน้ำมันของบริษัทยูโนแคลในอ่าวไทย ทำให้เรือขุดเจาะชื่อ “ซีเครสต์” (Sea Crest) พลิกคว่ำ มีเจ้าหน้าที่ประจำเรือเสียชีวิต 91 คน พายุไต้ฝุ่น “เกย์” ทวีกำลังแรงเพิ่มขึ้น ด้วยอัตราความเร็ว ลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางพายุ 100 นอต ก่อนเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่บริเวณรอยต่อระหว่าง อำเภอปะทิว กับอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ในตอนเช้าของวันที่ 4 พฤศจิกายน 2532 ปรากฏว่า นอกจากทำให้ มีผู้เสียชีวิต และทำความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในพื้นที่ของจังหวัดชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ โดย มีน้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่แล้ว พายุนี้ยังส่งผลกระทบต่อจังหวัดใกล้เคียงตามชายฝั่ง อ่าวไทย รวมทั้งจังหวัดตามชายฝั่งทะเลตะวันออกด้วย มีผู้เสียชีวิตราว 500 คน สูญหาย 400 คน ทรัพย์สินของทางราชการและเอกชนเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท เรือกสวนไร่นาเสียหายกว่า ชุดวิชา การเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 - 25 9 แสนไร่ เรือประมงจมลงสู่ใต้ท้องทะเลประมาณ 500 ลำ ศพลูกเรือลอยเกลื่อนทะเล และ สูญหายไปเป็นจำนวนมาก นับเป็นการสูญเสียจากพายุไต้ฝุ่นครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
3.2 สถานการณ์วาตภัยในเอเชีย
3.2.1 พายุไซโคลน “ซิดร์” ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเล บริเวณ อ่าวเบงกอลทางตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่เกาะอันดามันในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2550 และเริ่ม ก่อตัวเป็นพายุหมุนเขตร้อนในอีก 2 วันต่อมาพายุหมุนลูกนี้มีการพัฒนาขึ้นเป็นดีเปรสชั่นที่มี ความเร็วลม 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ในทิศตะวันตกเฉียงใต้จนถึงเช้าของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 ดีเปรสชั่นลูกนี้มีการพัฒนาตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นพายุไซโคลนซิดร์ที่มี ความรุนแรงมากที่สุดในระดับ 4 ในเช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน 2550 มีความเร็วลมถึง 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและได้อ่อนกำลังลงเมื่อพัดเข้าสู่แผ่นดินและทำความเสียหายให้ประเทศบังคลาเทศ อย่างร้ายแรงที่สุดโดยสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่กว่า 25 เขตจากทั้งหมด 64 เขตทั่วประเทศ
3.2.2 พายุไซโคลน “นาร์กีส” เป็นพายุลูกแรกที่ตั้งชื่อโดยกรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศ ปากีสถาน ก่อนเกิดพายุลูกนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียได้ตรวจพบหย่อมความกดอากาศต่ำกำลัง แรงในอ่าวเบงกอลเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2551 และคาดว่าจะกลายเป็นพายุไซโคลนนาร์กิสใน วันรุ่งขึ้น ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 พายุไซโคลนนาร์กิสได้พัดเข้าสู่ประเทศพม่า ทำให้ กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าให้ทางการพม่า ทว่าไม่มีการตอบกลับจากทางการ พม่าแต่อย่างใดทำให้เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 (หรือย่างเข้าวันที่ 3) พายุไซโคลนนาร์กิสมีความรุนแรงมากถึงระดับ 4 มีความเร็วลมสูงสุดวัดได้ 215 กิโลเมตรต่อ ชั่วโมง พัดขึ้นฝั่งบริเวณพื้นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำอิระวดีในประเทศพม่าคลื่นที่ก่อตัวในทะเลซึ่งมี ความสูงกว่า 3.5 เมตรซัดเข้าหมู่บ้านริมชายฝั่ง ก่อให้เกิดความเสียหายในพื้นที่เมือง 7 เมืองใน มณฑลอิระวดีและอีกหลายเมืองในมณฑลพะโค และมณฑลย่างกุ้งซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกันมีผู้เสียชีวิต ถึง 133,000 คน อีก 55,917 คนยังสูญหาย บาดเจ็บอีก 19,359 คน ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งหมดกว่า 2.5 ล้านคน นาข้าวของชาวบ้านถูกทำลายไปกว่า 650,000 เอเคอร์ทั้งในมณฑล ย่างกุ้งและในมณฑลอิระวดี สถานการณ์วาตภัยในทวีปยุโรป ทวีปยุโรป เป็นทวีปทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในทางภูมิศาสตร์ยุโรป เป็นอนุทวีปที่อยู่ทางด้านตะวันตกของมหาทวีปยูเรเชีย ยุโรปมีพรมแดนทางเหนือติดกับมหาสมุทร อาร์กติก ทางตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก ทางใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและ ทะเลดำ ด้านตะวันออกติดกับเทือกเขายูรัลและทะเลสาบแคสเปียน
วันที่ 6 ธันวาคม 2556 ได้เกิดพายุรุนแรงระดับเฮอริเคน “ซาเวอร์” ในพื้นที่ตอน เหนือของทวีปยุโรป ด้วยความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางพายุกว่า 228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กระทบ ชายฝั่งทะเลเหนือ ตั้งแต่สกอตแลนด์ อังกฤษ เยอรมันนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และ สวีเดน ก่อให้เกิดคลื่นทะเลยกตัวหรือคลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge) สูงที่สุดในรอบ 60 ปี จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและเกิดความสูญเสียอย่างมาก
3.4 สถานการณ์วาตภัยในทวีปอเมริกาเหนือ
3.4.1 วันที่ 25 ธันวาคม 2556 เกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติครั้งสำคัญที่สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ในทวีปอเมริกาเหนือทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา ที่เผชิญ สภาพอากาศเลวร้ายเนื่องจากถูกพายุหิมะพัดถล่ม ชาวบ้านนับหลายแสนคนในเมืองโตรอนโตของ แคนนาดา และรัฐมิชิแกนตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา ประสบปัญหาไฟฟ้าดับหลังจากเผชิญพายุ หิมะรุนแรง ส่งผลให้พบกับปัญหาไม่มีไฟฟ้า
4.2 เฮอร์ริเคน “ไอรีน” 27 สิงหาคม 2554พายุเฮอร์ริเคน “ไอรีน” พัดถล่มพื้นที่ตามแนวชายฝั่งด้าน ตะวันออกของสหรัฐอเมริกาบริเวณรัฐนอร์ธแคโรไลนาขณะมีกำลังแรงเป็นพายุเฮอร์ริเคนระดับ 1 ด้วยความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นเคลื่อนตัวไปทางเหนือ พัดเข้าถล่มชุมชนใหญ่กลางเมืองนิวยอร์กและนิวเจอร์ซี่ย์ซึ่งทางราชการได้อพยพประชาชน ออกจากพื้นที่ตามแผนรับสถานการณ์ของพายุล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากเกรงภัยอันเกิดจากน้ำท่วม และพายุซัดฝั่ง นอกจากนี้ทางราชการนิวยอร์กยังได้ปิดระบบรถไฟใต้ดินและรถโดยสารทั้งหมด ส่งผลให้เมืองนิวยอร์กกลายเป็นเมืองร้าง ส่วนกองทัพได้สั่งการให้ทหารกองกำลังพิทักษ์ประเทศ กว่า 1 แสนคน เพื่อเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชน อิทธิพลของพายุส่งผลให้เกิดฝนตกหนักลมกระโชกแรงพัดต้นไม้เสาไฟฟ้า หักโค่น มีผู้เสียชีวิตในหลาย ๆ รัฐรวมกันอย่างน้อย 38 ราย ทางราชการต้องตัดกระแสไฟฟ้าส่งผล กระทบต่อประชาชนใน 13 รัฐรวมถึงกรุงวอชิงตันดีซีมากกว่า 6 ล้านคน และมีการยกเลิกเที่ยวบิน มากกว่า 8,300 เที่ยว ประชาชนต้องอพยพถิ่นฐานมากกว่า 2.3 ล้านคน ส่วนแม่น้ำหลายสายและ ลำธารบางแห่งมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
3.5 สถิติการเกิดวาตภัยในประเทศไทย ประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างบริเวณแหล่งกำเนิดของพายุหมุนเขตร้อนทั้งสองด้าน ด้านตะวันออกคือมหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีนใต้ ส่วนด้านตะวันตกคือ อ่าวเบงกอล และทะเล อันดามัน โดยพายุมีโอกาสเคลื่อนจากมหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีนใต้เข้าสู่ประเทศไทยทางด้าน ตะวันออก มากกว่าทางตะวันตก บริเวณที่พายุมีโอกาสเคลื่อนผ่านเข้ามามากที่สุด คือภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ดังนี้ 3.5.1 พายุหมุนเขตร้อนในทะเลจีนใต้หรืออ่าวไทยนั้น เกิดในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือน พฤษภาคมถึงตุลาคม หรือพฤศจิกายน ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ปรากฏไม่มากนัก อาจมีเพียง 1 - 2 ลูก แต่ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน อาจมีพายุถึง 3 - 4 ลูก พายุที่เกิด ในช่วงนี้มักจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนาม แล้วค่อยๆ อ่อนกำลังลงตามลำดับ ไม่มีอันตรายจาก ลมแรง แต่พายุที่เกิดในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน ส่วนใหญ่จะผ่านมาทางตอนใต้ของปลาย แหลมญวน หากเป็นพายุใหญ่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทย อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ เช่น พายุ เขตร้อน “แฮร์เรียต” และพายุไต้ฝุ่น “เกย์” เป็นต้น ชุดวิชา การเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 - 28 3.5.2 พายุหมุนเขตร้อนในทะเลอันดามัน เกิดได้ใน 2 ช่วงเวลาของปี คือ ช่วงที่ 1 ในเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ช่วงที่ 2 ในกลางเดือนตุลาคมถึงธันวาคมพายุหมุนเขต ร้อนที่เข้าสู่ประเทศไทยเฉลี่ยปีละประมาณ 3 ลูก พายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย โดยมีกำลังแรงถึงขั้นพายุ โซนร้อนขึ้นไป ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495-2550 มีจ านวน 14 ลูก แต่ที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง มีจำนวน 8 ลูก ดังนี้ ชื่อพายุ บริเวณที่พายุ เคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง