เรื่องที่ 3 สถานการณ์หมอกควัน
3.1 สถานการณ์หมอกควันในประเทศไทย สถานการณ์ปัญหาหมอกควันในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหมอกควันมักเกิดในช่วงฤดูแล้ง (มกราคม-เมษายน) ของทุก ปี โดยเฉพาะใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ล าพูน น่านและแพร่ เนื่องจากในพื้นที่ทางภาคเหนือจะประสบปัญหาไฟป่า และการลักลอบเผาในที่โล่ง เช่น การเผาเศษวัชพืชและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร การเผาขยะ มูลฝอยและเศษใบไม้ กิ่งไม้ในพื้นที่ชุมชน ประกอบกับภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะและมี ภูเขาล้อมรอบ รวมทั้งผลกระทบจากการเผาในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มภูมิภาคลุ่มน้ าโขง จึง ทำให้เพิ่มความรุนแรงของปัญหายิ่งขึ้น และยังพบว่าในบางพื้นที่ของประเทศ เช่น ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สงขลา ฯลฯ ประสบปัญหาหมอกควันเช่นเดียวกัน โดยเกิดจากปัญหาหมอกควันข้ามแดน จากไฟป่าในเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศ อินโดนีเชียแล้ว ปัญหาหมอกควันข้ามแดนยังส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน ฯลฯ
3.1.1 สถานการณ์ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ
จากข้อมูลการเฝ้าระวังค่าเฉลี่ยช่วงเวลา 24 ชั่วโมงของฝุ่นละอองที่มีขนาด เล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) ของกรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (http://aqnis.pcd.go.th) ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน พ.ศ. 2559 ข้อมูลจากแยกตามจุดตรวจวัดจำนวน 17 แห่ง พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐาน (ค่ามาตรฐานเท่ากับ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) อยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2559 จังหวัดที่มีจำนวนวันของค่าฝุ่น ละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด เรียงตามลำดับ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย มีค่าฝุ่นละอองเกินค่า มาตรฐานสูงสุดเท่ากับ 319 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 รองลงมา ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานสูงสุดเท่ากับ 264 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์ เมตร เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559 และจังหวัดน่าน มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานสูงสุดเท่ากับ 238 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 จุดตรวจวัดที่มีจำนวนวันที่มีค่าฝุ่นละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด ในช่วง ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 เมษายน 2559 มากที่สุด คือที่จุดตรวจวัดตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีจำนวนวันที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 38 วัน รองลงมาคือ จุดตรวจวัดที่ ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจำนวนวันที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่า มาตรฐาน 25 วัน และที่จุดตรวจวัด ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนวันที่มีค่า ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน 23 วัน
3.1.2 สถานการณ์หมอกควันภาคใต้ สาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันภาคใต้
ได้แก่ มลพิษหมอกควันข้ามแดน และ หมอกควันจากการเผาพื้นที่พรุในภาคใต้ของไทย เช่น ในเดือนมิถุนายน 2556 จังหวัดในภาคใต้ ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย ได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนอันมีสาเหตุจากการเผาป่าและพื้นที่ เกษตรบริเวณตอนกลางของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกิดหมอกควันปกคลุม หนาแน่น ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดควันที่เกิดขึ้นไปยังช่องแคบมะละกา ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ทะเลจีนใต้ และภาคใต้ของประเทศไทย โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมาก คือ จังหวัด สงขลา และนราธิวาส ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในจังหวัดนราธิวาส สูงสุด 129 ไมโครกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ซึ่งสูงเกินมาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อ สุขภาพ หลังจากวันที่ 26 มิถุนายน 2556 มีฝนตกทั้งในพื้นที่ไฟไหม้บริเวณตอนกลางของเกาะสุมาตราและหลายจังหวัดในภาคใต้ตอนล่างรวมทั้งจังหวัดนราธิวาสทำให้ปริมาณหมอกควันเริ่มลดลงตามลำดับ จนคุณภาพอากาศในทุกสถานีตรวจวัดของภาคใต้กลับเข้าสู่ระดับปกติ สถานการณ์หมอกควันภาคใต้ของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2558 เกิดจากการเผา พื้นที่พรุในเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย อีกเช่นกัน ควันที่เกิดขึ้นถูกพัดพาโดยลมส่งผลกระทบ ต่อสิงคโปร์ มาเลเซีย และภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย
ข้อมูลคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในภาคใต้ของกรม ควบคุมมลพิษ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2558 ต่อเนื่องถึงต้นเดือนกันยายน 2558 พบค่าฝุ่น ละออง PM10 เกินค่ามาตรฐานสูงสุด 136 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในวันที่ 3 กันยายน 2558 ที่อ าเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ หลังจากนั้นปริมาณฝุ่นละอองในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยได้ลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ แม้ว่าจะยังพบการเผาและการปกคุลมของหมอกควันเหนือ เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2558
ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ของประเทศไทยเริ่มลดลง ส่งผลให้หมอกควันจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียที่ถูกพัดมายังประเทศ มาเลเซีย ลอยขึ้นมาส่งผลกระทบกับภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยอีกครั้ง หลายจังหวัดใน ภาคใต้เกิดสภาพฟ้าหลัว มีหมอกควันปกคลุมที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ประชาชนได้กลิ่น ควันไฟ และเกิดอาการแสบตาแสบจมูก พบการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างชัดเจนทุกจังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และจังหวัดสตูล โดยในระหว่าง วันที่ 5-8 ตุลาคม 2558 พบปริมาณฝุ่นสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อ สุขภาพในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดสตูลที่พบปริมาณฝุ่นละอองสูงสุดถึง 210 ไมโครกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ
ปัญหาหมอกควันข้ามแดนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของไทยอาจได้รับผลกระทบ จากหมอกควันข้ามแดนในลักษณะเป็นครั้งคราว จากปรากฏการณ์“เอลนิญโญ” ระดับปานกลาง ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ในปี พ.ศ. 2558 ทำให้หน้าแล้งของอินโดนีเซียซึ่งปกติอยู่ในช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม ยาวนานไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม หากภาวะแห้งแล้งเกิดติดต่อกันหลายวัน โดยไม่มีฝนตกจะเป็นปัจจัยให้เกิดการเผาป่าและพื้นที่เกษตรเพิ่มขึ้น เมื่อประกอบกับอิทธิพลของ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะพัดพาหมอกควันเข้าสู่ประเทศที่อยู่ทางตอนบนของเกาะสุมาตรา ซึ่งรวมถึงภาคใต้ของประเทศไทย ก็จะได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนด้วยเช่นกัน
3.2 สถานการณ์หมอกควันในเอเชีย ประเทศในแถบทวีปเอเชียหลายประเทศประสบภาวะหมอกควันที่สร้างความรำคาญ และเป็นอันตรายต่อผู้คนจำนวนไม่น้อย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน อินเดีย เป็นต้น
3.2.1 สถานการณ์หมอกควันในอินโดนีเซีย จากการเกิดไฟป่าครั้งใหญ่บนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียในเดือนมิถุนายน 2558 หมอกควันจากไฟป่าลอยปกคลุมท้องฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านคือ มาเลเซียและสิงคโปร์ ก่อให้เกิดมลพิษในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ พยายามกดดันให้อินโดนีเซียลงโทษผู้ที่เป็นต้นตอของไฟป่า แต่ทางอินโดนีเซียโต้กลับว่าไฟป่า ดังกล่าวเกิดขึ้นจากโรงงานเกษตรที่มีเจ้าของเป็นชาวมาเลเซียและชาวสิงคโปร์เอง โดยเฉพาะ โรงงานผลิตน้ำมันปาล์มของมาเลเซียบนเกาะสุมาตราที่ยังคงใช้วิธีเผาตอของต้นปาล์มที่ตัดแล้ว เพื่อแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากไฟป่าในเกาะสุมาตราและกาลิมันตันใน ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งกลายเป็นปัญหาหมอกควันที่สร้างมลพิษในประเทศเพื่อนบ้านและมี แนวโน้มรุนแรงมากขึ้นทุก ๆ ปีจึงได้มีการประชุมหารือของผู้แทนจากประเทศสมาชิกสมาคม อาเซียน 5 ประเทศ คือ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์และไทย เกี่ยวกับปัญหาไฟป่า ซึ่งใช้ ชื่อว่าการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามพรมแดน โดยมีการประชุม ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 จนกระทั่งปีพ.ศ. 2559 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุม คณะทำงานอาเซียนเพื่อยกร่างโรดแมปอาเซียนปลอดหมอกควันขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกำหนด เป้าหมายตัวชี้วัด มาตรการ แนวทางการดำเนินงาน และยกร่างเป็นโรดแมปอาเซียนปลอดหมอก ควัน เพื่อเปลี่ยนให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคปลอดหมอกควันภายในปี พ.ศ. 2563
3.2.2 สถานการณ์หมอกควันในมาเลเซีย ประเทศมาเลเซีย เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน จากปัญหาหมอกควันเช่นกัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เผชิญปัญหาหมอกควันจากไฟป่าเมื่อย่างเข้าฤดู ร้อน ส่งผลให้มลพิษในอากาศเพิ่มสูงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดัชนีมลพิษทางอากาศใน มาเลเซียบางปีพุ่งสูงถึง 150 ใน 7 พื้นที่ โดยเฉพาะกรุงกัวลาลัมเปอร์และรัฐสลังงอร์ซึ่งเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ค่ามลพิษในอากาศระหว่าง 100-200 ซึ่งถือว่าอยู่ในขั้น “ไม่ดีต่อ สุขภาพ” บางวันสถานการณ์หมอกควันหนาทึบ ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์มีทัศนวิสัยในการ มองเห็นลดลงเหลือไม่ถึง 1 กิโลเมตร ขณะที่ตึกแฝดปิโตรนาสซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง ก็ถูกหมอกควันบดบังจนเห็นไม่ชัดเจน
กระทรวงสิ่งแวดล้อมมาเลเซีย ระบุว่า ปัญหาหมอกควันพิษมักเกิดจากประเทศ เพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์เผชิญวิกฤตหมอกควันครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ สิบปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากการแผ้วถางและเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันบนเกาะสุมาตรา ของอินโดนีเซีย ประเทศเพื่อนบ้านต่างพยายามกระตุ้นให้รัฐบาลอินโดนีเซียรับรองและลงนามใน ข้อตกลงของอาเซียนว่าด้วยปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามพรมแดนหรือ AATHP ซึ่งคือ การกำหนดให้ทุกประเทศในอาเซียนยอมรับว่าหมอกควันจากไฟป่านั้นเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของประเทศต่าง ๆ ในการจัดการร่วมกัน และประเทศที่ร่วมลงนามต้อง น ามาตรการป้องกัน ตรวจสอบและเตือนภัยไฟป่าที่เป็นมาตรฐานเดียวกันมาปรับใช้ รวมถึงการ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศด้วย ถือเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศฉบับแรกในโลกที่ ผูกมัดประเทศสมาชิกให้ช่วยกันแก้ไขและจัดการปัญหาหมอกควันที่เกิดจากไฟป่าในประเทศใด ประเทศหนึ่งร่วมกัน
3.2.3 สถานการณ์หมอกควันในจีน จีนเป็นประเทศที่ประสบกับปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศ โดยจีนมี ระบบการจัดระดับมลพิษทางอากาศอยู่ 4 ระดับ โดยระดับที่ร้ายแรงที่สุดคือ สีแดง รองลงมาเป็น สีส้ม ตามมาด้วย สีเหลือง และสีฟ้าตามลำดับเมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม กรุงปักกิ่งของจีนมักจะ ประสบกับปัญหาหมอกควันพิษ เช่นในเดือนตุลาคม 2557 รัฐบาลจีนต้องประกาศยกระดับเตือน ภัยมลพิษทางอากาศเป็นระดับสีส้มซึ่งหมายถึง “มีอันตรายต่อสุขภาพ” ทั้งนี้ดัชนีคุณภาพอากาศ อย่างเป็นทางการของปักกิ่งในช่วงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 และปรากฏว่าผลการวัดระดับฝุ่นละออง ขนาด 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซึ่งเป็นฝุ่นละอองขนาดละเอียด ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อปอดนั้น สูงถึง 455 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือสูงกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกระบุไว้ถึง 18 เท่า ปลายปี พ.ศ.2558 จีนมีการประกาศยกระดับภัยมลพิษทางอากาศเป็นระดับ สีแดง (สูงสุด) ถึงสองครั้ง เนื่องจากมีค่าฝุ่นละอองพิษขนาดเล็กจิ๋ว 2.5 ไมโครเมตร สูงเกิน 400 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มากกว่าค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกถึง 16 เท่า (ค่าสูงสุดที่ วัดได้ 1400 ไมโครกรัมหรือเกินมาตรฐาน 56 เท่าในเดือนพฤศจิกายน 2558) ฝุ่นละอองขนาด ละเอียดนี้สามารถลอดผ่านระบบกรองอากาศของร่างกายมนุษย์เข้าไปสะสมอยู่ในถุงลมปอดได้ เมื่อสะสมมากก็มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากขึ้น หมอกควันพิษยังทำให้ทัศนวิสัยเลวลงสามารถ มองเห็นได้แค่ในระยะทางเพียง 500 เมตรนานนับเดือนบางวันมองเห็นได้เพียงระยะ 100 เมตร เท่านั้น ทางการจึงต้องสั่งปิดการจราจรในถนนสายหลักหลายสาย และเตือนให้ประชาชนสวมใส่ หน้ากากกันมลพิษก่อนออกจากบ้าน กรมควบคุมมลภาวะและสิ่งแวดล้อมของปักกิ่งชี้แจงว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหา ของหมอกควันพิษเลวร้ายลง เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออ านวย ทำให้อากาศเสียไม่สามารถ ระบายออกไปได้ จึงลอยไปปกคลุมมณฑลและหัวเมืองรอบ ๆ กรุงปักกิ่ง ประกอบกับการเผาฟาง ข้าวตามชนบทในมณฑลเหอเป่ย เหอหนาน และซานตง ว่ามีส่วนทำให้สถานการณ์หมอกควัน เลวร้ายลง หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนพยายามแก้ไขปัญหานี้ในปักกิ่งและเมืองข้างเคียง โดยการ ออกมาตรฐานต่าง ๆ อย่างจริงจังเเละเข้มงวดมากขึ้น แต่ปัญหาก็ยังมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกปี
3.2.4 สถานการณ์หมอกควันในอินเดีย อินเดียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาคุณภาพอากาศในกรุงนิวเดลี เลวร้ายลงตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองพร้อมกับ การขยายตัวของยวดยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซล มลภาวะจากโรงไฟฟ้าถ่านหินและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ในช่วงหลังเทศกาลดิวาลีหรือดิปาวาลี หรือเทศกาลแห่งแสงไฟ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ ของชาวฮินดู มีการเฉลิมฉลองทั่วประเทศนานติดต่อกันถึง 5 วัน ด้วยแสงไฟจากตะเกียงดินเผา เทียน ดอกไม้ไฟ พลุ และประทัด ปรากฏว่าหลังผ่านพ้นเทศกาลนี้เพียงแค่วันเดียว ค่ามลพิษทาง อากาศในกรุงนิวเดลีพุ่งขึ้นจนอยู่ในระดับ “ร้ายแรง” โดยมีค่า PM2.5 หรือความหนาแน่นของ อนุภาคในอากาศ สูงกว่า 250 เกินเกณฑ์ปลอดภัยที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ 10 เท่า
3.3 สถานการณ์หมอกควันของโลก สถานการณ์การเกิดหมอกควัน นับเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับสิ่งมีชีวิต ทั้งคน สัตว์พืชและสิ่งแวดล้อมอย่างมากมาย ทุกทวีปทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบและความ เดือดร้อนจากหมอกควันเป็นประจำทุกปี โดยส่วนใหญ่แล้ว ปัญหามลพิษจากหมอกควันที่สร้าง ความเดือดร้อนให้เรามากที่สุด เป็นหมอกควันจากการเผาป่า ทั้งที่ป่าถูกเผาโดยธรรมชาติและการ กระทำของมนุษย์ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงมลพิษของหมอกควันจากการเผาผลาญของยวดยาน พาหนะ การเผาขยะมูลฝอย ใบไม้ใบหญ้าและเศษวัสดุทางการเกษตรด้วย ความเสียหายและความ รุนแรงของหมอกควันแต่ละทวีปมีมากน้อยแตกต่างกันไป ต่อไปนี้เป็นเพียงตัวอย่างของหมอกควัน จากทวีปต่าง ๆ ทั่วโลกที่เกิดขึ้นและสร้างความเดือดร้อนให้กับสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และบริเวณใกล้เคียง
3.3.1 สถานการณ์หมอกควันในอเมริกา ในประเทศสหรัฐอเมริกา มักเกิดไฟป่าขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากสภาพแวดล้อม และสภาพอากาศที่แห้งแล้ง มีลมแรง และอากาศร้อน โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิไปจนถึง ฤดูใบไม้ร่วง จึงมักทำให้เกิดไฟป่าที่มีความรุนแรงในระดับปานกลางไปจนถึงระดับร้ายแรงได้ จากเหตุการณ์การเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหลายรัฐ ทั้งพื้นที่ทาง ตะวันตกเฉียงใต้ของเขตภูเขา เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด และหลายรัฐในฝั่งตะวันตกของสหรัฐ เช่น ในปี พ.ศ. 2558 กรมป่าไม้และการป้องกันอัคคีภัยของรัฐแคลิฟอร์เนียมีบันทึกไว้ว่า เกิดไฟ ไหม้ป่าทั่วทั้งรัฐแคลิฟอร์เนียถึง 6,337 ครั้ง หนึ่งในเหตุการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงมาก คือ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย และในปี พ.ศ. 2559 ในช่วงระยะเพียงครึ่งปี (ถึงเดือนมิถุนายน 2559) ได้เกิดไฟไหม้ป่าทั่วทั้งรัฐ แคลิฟอร์เนียถึง 2,017 ครั้ง ไฟป่าได้เผาพลาญพื้นที่ไปแล้วถึง 68.07 ตารางกิโลเมตร (42,543 ไร่) จากสภาวะปรากฏการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2558-2559 สภาพอากาศที่แห้งแล้งเป็น ปัจจัยเอื้ออำนวยให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการเกิดฟ้าผ่ายังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่าใน หลายพื้นที่พร้อม ๆ กันไฟป่าเหล่านี้ทำให้เกิดหมอกควันและมลพิษซึ่งแผ่ขยายไปในวงกว้าง แม้ ทางการสหรัฐจะใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ช่วยในการดับไฟ แต่ด้วยสภาวะที่แห้งแล้งประกอบกับมีลม กรรโชกแรงขณะเกิดไฟป่า ทำให้หมอกควันถูกพัดไปในระยะทางไกล ส่งผลต่อการด าเนินชีวิตของผู้คนจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี
3.3.2 สถานการณ์หมอกควันในออสเตรเลีย ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เกิดไฟป่าบ่อยครั้งในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ซึ่งเป็น ช่วงที่มีอากาศร้อน และแห้งแล้งมาก และในแต่ละปีไฟป่าจะส่งผลกระทบต่อการเกิดเพลิงไหม้ ครอบคลุมพื้นที่กว้างนับแสนไร่ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและการสูญเสียชีวิตมนุษย์ ไปไม่น้อย ซึ่งทำให้เกิดปัญหาหมอกควัน โดยเฉพาะที่นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย ถูกปกคลุมด้วย หมอกควันไฟจากไฟป่าที่ยังลุกไหม้อยู่ในเขตบลูเมาท์เท่น รัฐนิวเซาธ์เวลส์ บางครั้งท าให้แทบมอง ไม่เห็นสะพานซิดนีย์ฮาเบอร์บริดจ์ และโอเปราเฮาส์ สัญลักษณ์ของเมือง ขณะที่บางพื้นที่ค่า มลภาวะในอากาศพุ่งสูงจากระดับปกติถึง 15 เท่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเมืองเตือน ประชาชนให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคหัวใจ และแพ้ควัน
3.3.3 สถานการณ์หมอกควันในยุโรป ทวีปยุโรป เป็นทวีปที่มีอาณาเขตกว้างขวาง ประกอบด้วยประเทศต่าง ๆ จำนวนมาก และเป็นอีกทวีปหนึ่งที่ประสบปัญหาหมอกควันปกคลุมหลายพื้นที่ ทั้งนี้สาเหตุส่วน ใหญ่เกิดจากไฟป่า นอกจากหมอกควันที่เกิดจากไฟป่าแล้ว การปะทุของภูเขาไฟ นับเป็นสาเหตุ สำคัญอีกประการหนึ่งของการเกิดหมอกควัน เห็นได้จากในเดือนเมษายน 2553 ภูเขาไฟใน ประเทศไอซ์แลนด์เกิดการปะทุขึ้นมา ทำให้เกิดลาวาและขี้เถ้าภูเขาไฟเป็นเหมือนหมอกควันลอย ฟุ้งกระจายบริเวณกว้างปกคลุมน่านฟ้าในทวีปยุโรป ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินของสายการบิน หลายประเทศในทวีปยุโรป เช่น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์อิตาลีฟินแลนด์ฮังการี โรมาเนีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น