เรื่องที่ 3 สถานการณ์การเกิดไฟป่า
3.1 สถานการณ์การเกิดไฟป่าในประเทศไทยในประเทศไทย แม้จะยังไม่มีการศึกษาถึงประวัติการเกิดไฟป่าอย่างจริงจังมาก่อนแต่จากการศึกษาประวัติการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่มีอายุนับร้อยปีโดยการวิเคราะห์วงปีของต้นไม้พบหลักฐานว่าได้เกิดไฟป่าขึ้นหลายครั้งในช่วงชีวิตของต้นไม้นั้นๆจึงพอบอกได้ว่าอย่างน้อยที่สุดก็มีไฟไหม้ป่ามาเป็นเวลานับร้อยปีแล้วอย่างไรก็ตามเนื่องจากในอดีตนั้นพื้นที่ประเทศไทยยังมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และเป็นป่าประเภทที่มีความชุ่มชื้นสูงไฟป่าที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์มีไม่บ่อยนักจึงอยู่ใน วิสัยที่กลไกของธรรมชาติจะปรับตัวเพื่อรักษาสภาวะสมดุลของระบบนิเวศป่าไม้เอาไว้ได้ แต่ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา อัตราการเพิ่มของประชากรไทยเป็นไปอย่างรวดเร็วทำให้ความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้มีมากขึ้นตามไปด้วยป่าไม้ถูกแผ้วถางเป็นพื้นที่ทางการเกษตรกรรมพื้นที่ป่าถูกจัดสรรให้เป็นที่ตั้งและขยายชุมชนต่างๆทำให้พื้นที่ป่าถูกทำลายลงเป็นอันมากผืนป่าที่เหลืออยู่ก็อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมและเปลี่ยนแปลงไปสู่ป่าประเภทที่มีความชุ่มชื้นน้อยลง เช่น ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าละเมาะและป่าหญ้า ซึ่งเป็นป่าที่ เกิดไฟป่าได้ง่าย ประกอบกับความยากจนของผู้คนในชนบทบีบบังคับให้ประชาชนต้องอาศัยป่า เพื่อการยังชีพมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการเก็บหาของป่า ล่าสัตว์ บุกรุกป่าเพื่อทำการเกษตร กิจกรรม เหล่านี้ล้วนต้องใช้ไฟและเป็นสาเหตุให้เกิดไฟป่าทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ ไฟป่าจากการประกอบกิจกรรมของประชาชน จึงมีความถี่และความรุนแรง มากเกินกว่าที่กลไกธรรมชาติจะปรับตัวเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศป่าไม้เอาไว้ได้ ไฟป่าจึงเป็น ปัจจัยที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ไฟป่า กลายเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ ที่ทุกฝ่ายตระหนักและห่วงใยอยู่ในขณะนี้ ปัจจุบัน จากการสำรวจพื้นที่ไฟไหม้ป่า เปรียบเทียบการเกิดไฟไหม้ป่าในช่วงเวลาเดียวกัน ระหว่างปีพ.ศ. 2557 - 2558 พบว่า ภาคเหนือมีพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้มากที่สุด
3.2 สถานการณ์การเกิดไฟป่าของโลก บนพื้นผิวโลกเกือบทุกทวีป ต่างเคยประสบกับปัญหาการเกิดไฟป่ามาแทบทั้งสิ้นการเกิด ไฟป่ามีความรุนแรงมากหรือน้อยแตกต่างกันไป แม้แต่ประเทศที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีก็ไม่ อาจหลีกเลี่ยงการเกิดไฟป่าได้ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย แคนาดา อเมริกา และออสเตรเลีย เป็นต้น ไฟไหม้ป่าที่อินโดนีเซีย การเกิดเหตุไฟไหม้ป่าบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ไม่เพียงก่อให้เกิดความ เดือดร้อนเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น แต่กลุ่มควันสีดำที่หนาทึบถูกลมพัดพาเข้าสู่ประเทศ เพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมถึงทางภาคใต้ของประเทศไทยด้วย
ไฟป่าที่เมืองฟอร์ท แมคเมอร์เรย์รัฐอัลแบร์ตา ประเทศแคนาดา เมื่อพฤษภาคม 2559 มีไฟป่าครั้งใหญ่เกิดที่เมืองฟอร์ท แมคเมอร์เรย์รัฐอัลแบร์ตา ประเทศ แคนาดาไฟป่าที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนในเมืองฟอร์ทแมคเมอร์เรย์ ทั้งหมด รวม 88,000 คนต้อง อพยพ นับเป็นการอพยพจากเหตุไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคนาดา ต้องใช้เวลาถึง 4 วัน ไฟป่าลามแผ่กระจายไปทั่วภาคเหนือของอัลแบร์ต้า จนกระทั่งถึงกลางเดือนมิถุนายนจึงมีฝน มาช่วยดับไฟป่าได้ ไฟป่าที่เกิดขึ้นกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างกว่า 1,010 ตารางกิโลเมตร
ไฟป่าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นรัฐที่มักเกิดไฟป่าขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจาก สภาพแวดล้อมและสภาพอากาศที่แห้งแล้ง มีลมแรง และอากาศร้อน ปี พ.ศ. 2558 กรมป่าไม้และการป้องกันอัคคีภัยของรัฐแคลิฟอร์เนียมีบันทึกไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2558 เกิดไฟไหม้ป่าทั่วทั้งรัฐแคลิฟอร์เนียถึง 6,337 ครั้ง เผาพลาญพื้นที่ไปถึง 1,245 ตาราง กิโลเมตร (778,125 ไร่) หนึ่งในเหตุการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงมากคือเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 สภาพอากาศที่แห้งแล้งเป็นปัจจัยเอื้ออำนวยให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการเกิดฟ้าผ่า ยังเป็นสาเหตุที่ท าให้เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่พร้อม ๆ กัน เพราะช่วงเวลาเพียง 3 วัน ได้เกิดฟ้าผ่า หลายพันครั้ง ไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ได้เผาผลาญพื้นที่ป่ากว่าแสนไร่ กินพื้นที่ 3 เมือง ประชาชนกว่า 12,000 คน ซึ่งอาศัยอยู่ในอาคารบ้านเรือน 5,100 หลัง ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนเพื่อความ ปลอดภัย พ.ศ. 2559 กรมป่าไม้และการป้องกันอัคคีภัยของรัฐแคลิฟอร์เนียมีบันทึกไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2559 ในช่วงระยะเพียงครึ่งปี (ถึงเดือนมิถุนายน 2559) ได้เกิดไฟไหม้ป่าทั่วทั้งรัฐ แคลิฟอร์เนียถึง 2,017 ครั้ง เผาพลาญพื้นที่ไปแล้วถึง 68.07 ตารางกิโลเมตร (42,543 ไร่) ผลจาก สภาวะปรากฏการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2558-2559
ไฟป่าในออสเตรเลีย ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เกิดไฟป่าบ่อยครั้งในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่มี อากาศร้อน และแห้งแล้งมาก โดยเฉพาะรัฐวิคตอเรีย เป็นรัฐที่ต้องเผชิญกับไฟป่าที่ร้ายแรง บ่อยครั้ง เช่น เมื่อปี พ.ศ. 2552 รัฐวิคตอเรียเกิดไฟป่าที่มีชื่อเรียกว่า แบล็กแซทเทอร์เดย์ (Black Saturday fires) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 173 คน อาคารบ้านเรือน 2,000 หลังถูกท าลาย ในช่วงปี พ.ศ. 2558 - 2559 นับเป็นช่วงที่ร้ายแรงที่สุดในแง่ของการสูญเสียทรัพย์สิน เช่นกันโดยออสเตรเลียต้องสูญเสียบ้านพักอาศัย 400-410 หลังและอาคารสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ อีกอย่างน้อย 500 อาคาร ซึ่งเป็นผลมาจากไฟไหม้ป่าในช่วงเวลาระหว่าง 1 มิถุนายน 2558 และ 31 พฤษภาคม 2559 นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตที่เป็นผลโดยตรงจากการเกิดไฟป่ามีการเสียชีวิตของ นักดับเพลิงอาสาสมัครเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนสุขภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ตามมาอีกด้วย เหตุการณ์ไฟป่าที่ร้ายแรงของออสเตรเลียส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรัฐวิคตอเรียเวสเทิร์นส์ออสเตรเลีย และรัฐเซาท์ออสเตรเลีย