ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย ” ผลงานของ พระองค์ท่านคือ ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411
เป็นนักเคมีและนักจุลชีววิทยา เกิดที่เมืองโคล ประเทศฝรั่งเศสผลงานการทดลองที่มีชื่อเสียงของ หลุยส์ ปาสเตอร์ คือ การค้นพบวัคซีนในการรักษาโรคพิษสุนัขบ้าและเซรุ่มแก้พิษงู
เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นนักธรรมชาติวิทยาและเป็นค้นพบเรื่องกลไกการกำเนิดสิ่งมีชีวิตใหม่และสร้างทฤษฎีที่ชื่อว่า“ ทฤษฎีวิวัฒนาการการคัดเลือกตามธรรมชาติ ”
เป็นนักคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกา เขาประดิษฐ์หลอดไฟหลอดแรกของโลกได้เป็นผลสำเร็จและผลงานชิ้นเอกของเขาคือ หลอดไฟฟ้า เครื่องบันทึกเสียง
เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ มีความสนใจในด้านปรากฏการณ์ทางธรรมชาติคือฟ้าแลบฟ้าร้อง และฟ้าผ่าและเรื่องของประจุไฟฟ้า เขาจึงคิดค้นสายล่อฟ้า ได้เป็นคนแรก ของโลก
เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ มีความสนใจในด้านสิ่งประดิษฐ์เครื่องจักรกลต่าง ๆ ผลงานของเขาคือเป็นผู้คิดค้นและปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำสำหรับรถไฟจนใช้งานได้ดี
นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องรับส่งวิทยุโทรเลข จากผลงานการค้นคว้าและประดิษฐ์วิทยุจึงทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์
ท่านเป็นผู้ทุ่มเทให้การเกษตรและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของเกษตรกรในเรื่องของเกษตรกรรม จนได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการเกษตรแผนใหม่"
คือ แก๊สที่มีสภาพเป็นไอออน และมักจะถือเป็นสถานะหนึ่งของสสาร การมีสภาพเป็นไอออนดังกล่าวนี้ หมายความว่า จะมีอิเล็กตรอนอย่างน้อย 1 ตัว ถูกดึงออกจากโมเลกุลประจุไฟฟ้าอิสระทำให้พลาสมามีสภาพการนำไฟฟ้าเกิดขึ้นพลาสมาสามารถเกิดได้โดย การให้สนามไฟฟ้าปริมาณมากแก่ก๊าซที่เป็นกลาง เมื่อพลังงานส่งผ่านไปยังอิเล็กตรอนอิสระมากพอ จะทำให้อิเล็กตรอนอิสระชนกับอะตอม และ
การผสมกันของสีตามการทดลองของ Maxwell การผสมสีแบบบวกนี้เป็นการผสมกันของสีของแสง ซึ่งมีแม่สี หลักคือแสง สีแดง เขียวและน้ำเงิน และเราจะเรียกสีที่เกิด จากการผสมกันของแม่สีบวกว่า แม่สีรอง ดังนี้
สีน้ำเงิน + สีแดง ได้ สีม่วงแดง
สีแดง + สีเขียว ได้ สีเหลือง
สีน้ำเงิน + สีเขียว + สีแดง ได้ สีขาว
ค้นพบโดย ไมเคิล ฟาราเดย์ เส้นแรงแม่เหล็ก หมายถึง เส้นสมมุติที่แสดงให้เห็นการส่งผ่านอำนาจแม่เหล็ก ที่แสดงทิศทางการเคลื่อนที่จากขั้วเหนือเข้าสู่ขั้วใต้
แดเนียล เบอร์นูลี นักวิทยาศาสตร์ชาวสวิส กล่าวว่า เมื่ออากาศมีความเร็วเพิ่มขึ้นความดันของอากาศจะลดลง เนื่องจากอากาศที่กำลังเคลื่อนที่จะมีพลังงานจลน์ และอากาศที่มีความเร็วสูงจะมีพลังงานจลน์มากกว่าอากาศที่มีความเร็วต่ำ ดังนั้นขณะที่อากาศมีความเร็วสูงขึ้นจะมีพลังงานจลน์เพิ่มขึ้น ทำให้แรงกระทำต่อพื้นที่ลดลง เป็นเหตุให้ความดันลดลงด้วย
จากหลักการนี้ จึงนำไปสร้างปีกเครื่องบินให้มีผิวด้านบนโค้ง ด้านล่างเรียบ เมื่อเครื่องบินเคลื่อนที่อากาศด้านบนของปีกเครื่องบินมีความเร็วมากขึ้น ความดันลดลง ทำให้อากาศด้านล่างของปีกออกแรงดันปีกเครื่องบินให้ยกขึ้น
ฟ้าผ่าเกิดจากการถ่ายเทของประจุไฟฟ้าในบรรยากาศ เมื่อมีลมพัดผ่านผิวพื้นดิน หรืออาคาร จะทำให้ลมซึ่งประกอบด้วยโมเลกุลของแก๊สชนิดต่าง ๆ ได้รับอิเล็กตรอนจากการขัดสี และพาอิเล็กตรอนไปยังก้อนเมฆในอากาศ ทำให้บริเวณพื้นดินมีประจุไฟฟ้าเป็นบวกขณะเดียวกันบริเวณด้านล่างของก้อนเมฆจะมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ แต่เนื่องจากก้อนเมฆซึ่งประกอบด้วยโมเลกุลของไอน้ำจึงเป็นตัวนำ ไฟฟ้าได้ดีกว่าอากาศ จึงทำให้อิเล็กตรอนที่บริเวณด้านล่างของก้อนเมฆจะเหนี่ยวนำให้เกิดประจุไฟฟ้าบวกขึ้นที่ด้านบนของก้อนเมฆ จนในที่สุด ทำให้บริเวณด้านบนของก้อนเมฆมีประจุไฟฟ้าบวกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และบริเวณด้านล่างของก้อนเมฆจะมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไปรวมกันอยู่มากเมื่อนานขึ้นประจุลบจะเกิดมากขึ้น ประกอบกับที่ผิวโลกก็จะเกิดประจุไฟฟ้าบวกขึ้นทั้งนี้เพราะสูญเสียอิเล็กตรอนไป จึงทำให้เกิดแรงดูดระหว่างประจุบวกที่ผิวโลกกับอิเล็กตรอนที่ด้านล่างของก้อนเมฆ จึงทำให้อิเล็กตรอนเคลื่อนที่จากด้านล่างของก้อนเมฆลงสู่พื้น และในการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนลงสู่พื้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจึงเกิดแรงผลักอากาศให้แยกออกจากกันอย่างรวดเร็วและเมื่ออากาศเคลื่อนที่มากระทบกันจะเกิดเสียงดังขึ้น และมีประกายไฟเกิดขึ้นด้วย
เป็นเครื่องแสดงการเกิดกระแสไหลวนโดยการให้ไฟฟ้ากระแสสลับไหลในขดลวดรอบแกนเหล็กอ่อนเมื่อมีการไหลของกระแสในขดลวดจะเกิดกระแสเหนี่ยวนำ ขึ้นโดยรอบแกนเหล็ก เส้นแรงแม่เหล็กดังกล่าวจะตัดกับโลหะที่อยู่ในรัศมี ซึ่งในกรณีนี้ใช้วงแหวนอลูมิเนียมที่คล้องอยู่กับแกนเหล็กเนื่องจากวงแหวนเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าจึงไหลวนอยู่ในวงแหวนและเกิดเป็นแรงแม่เหล็กที่มีทิศทางตรงข้ามกับเส้นแรงจากขดลวดในครั้งแรกจึงเกิดแรงผลักให้วงแหวนอลูมิเนียมลอยขึ้นจากพื้นไปตามท่อจนหมดแรงก็จะตกลงมา หลักการของการเกิดกระแสไหลวนนี้ (วงแหวนกระโดด)
คือการที่วัตถุเคลื่อนที่กลับไปมาซ้ำรอยเดิมไปยังตำแหน่งที่เสมือนเป็นที่รวมของมวลทั้งหมดของวัตถุซึ่งเรียกตำแหน่งนี้ว่าจุดศูนย์กลางการแกว่งและสำหรับวัตถุชิ้นเดิม เมื่อนำจุดศูนย์กลาง การแกว่งมาเป็นจุดหมุนจะได้คาบการแกว่งเท่ากับคาบการแกว่งเดิม ถ้าออกแรงผลักลูกตุ้มที่จุดศูนย์กลาง การแกว่ง จะไม่มีแรงกระแทกเกิดขึ้นกับจุดที่ถูกแรงผลักการเคลื่อนที่แบบนี้ เรียกว่า การเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิคการใช้ประโยชน์ของการนำหลักการนี้ไปใช้ เช่น การแกว่งของ
การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1. การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงที่ไปทิศทางเดียวกันตลอด เช่น โยนวัตถุขึ้นไปตรงๆ รถยนต์ กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในแนวเส้นตรง
2. การเคลื่อนที่ในแนวเส้นเส้นตรง แต่มีการเคลื่อนที่กลับทิศด้วย เช่น รถแล่นไปข้างหน้าในแนวเส้นตรง เมื่อรถมีการเลี้ยวกลับทิศทาง ทำให้ทิศทางในการเคลื่อนที่ตรงข้ามกัน
อัตราเร็ว ความเร่ง และความหน่วงในการเคลื่อนที่ของวัตถุ
1. อัตราเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุ คือระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ใน 1 หน่วยเวลา
2. ความเร่งในการเคลื่อนที่ หมายถึง ความเร็วที่เพิ่มขึ้นใน 1 หน่วยเวลา เช่น วัตถุตกลงมาจากที่สูงในแนวดิ่ง
3. ความหน่วงในการเคลื่อนที่ของวัตถุ หมายถึง ความเร็วที่ลดลงใน 1 หน่วยเวลา เช่น โยนวัตถุขึ้นตรงๆ ไปในท้องฟ้า
การเคลื่อนที่แบบต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
1 การเคลื่อนที่แบบวงกลม หมายถึง การเคลื่อนที่ของวัตถุเป็นวงกลมรอบศูนย์กลาง เกิดขึ้นเนื่องจากวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่จะเดินทางเป็นเส้นตรงเสมอ แต่ขณะนั้นมีแรงดึงวัตถุเข้าสู่ศูนย์กลางของวงกลม เรียกว่า แรงเข้าสู่ศูนย์กลางการเคลื่อนที่ จึงทำให้วัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลมรอบศูนย์กลาง เช่น การโคจรของดวงจันทร์รอบโลก
2 การเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวราบ เป็นการเคลื่อนที่ของวัตถุขนานกับพื้นโลก เช่น รถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่บนถนน
3 การเคลื่อนที่แนววิถีโค้ง เป็นการเคลื่อนที่ผสมระหว่างการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งและในแนวราบ
จากภาพที่เห็นเป็นโต๊ะมี 4 ขา ความจริงแล้วเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่มีกระจกเงาระนาบปิดไว้ 2 ด้านที่มุมกล่องมีแท่งไม้ ลักษณะคล้ายขาโต๊ะสามขา ภาพสะท้อนจากกล่องอีก 2 กล่องในกระจกทำให้เรามองเห็นขาโต๊ะอีก 1 ขารวมทั้งภาพสะท้อนจากพื้นและผนังที่ทำด้วยสีเดียวกัน ทำให้เรามองเห็นเหมือนมีโต๊ะ 4 ขาตั้งอยู่และมองดูเหมือนกับว่า เพื่อนของเรามีแต่หัววางอยู่บนโต๊ะ
แสงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นต้นกำเนิดที่ทำให้เกิดภาพที่ตาของเราสามารถมองเห็น แสงที่เราเห็นเป็นสีขาวประกอบด้วยคลื่นแสงของสีหลาย ๆ สีมารวมกัน เมื่อแสงเดินทางไปกระทบวัตถุหนึ่ง ๆ คลื่นแสงของสีบางสีถูกวัตถุดูดกลืนไปและสะท้อนคลื่นแสงสีอื่นเข้าสู่ตาเราทำให้เรามองเห็นวัตถุเป็นสีนั้น การที่ตาของเราเห็นความเข้มของแสงที่บริเวณต่าง ๆ บนผิวของวัตถุไม่เท่ากันเนื่องมาจากระยะห่างระหว่างแหล่งกำเนิดแสงกับผิวของวัตถุที่บริเวณต่าง ๆ ยาวไม่เท่ากัน และระนาบของผิวของวัตถุทำมุมกับแหล่งกำเนิดแสงไม่เท่ากัน บริเวณที่สว่างที่สุดบนผิววัตถุเรียกว่า Highlight ส่วนบริเวณของวัตถุที่ไม่ถูกแสงกระทบจะพบกับความมืด ความมืดบนผิวของวัตถุจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ามีแสงจากที่ใดที่หนึ่งมากระทบน้อยหรือมาก บริเวณที่มืดที่สุดบนผิววัตถุเรียกว่า High Shade การที่แสงส่องมายังวัตถุ จะถูกตัววัตถุบังไว้ทำให้เกิดเงาของวัตถุไปปรากฏบนพื้นที่ที่วางวัตถุนั้น บริเวณของเงาจะแบ่งได้เป็น 3 ส่วน ส่วนที่มืดที่สุดเรียกว่า Umbra ส่วนที่มืดปานกลางเรียกว่า Penumbra ส่วนที่มืดน้อย เป็นวงจาง ๆ ถัดจาก Penumbra เรียกว่า Antumbraซึ่งบางครั้งจะไม่ปรากฏชั้นของ Antumbraให้เห็น
คือเส้นโค้งชนิดหนึ่ง นิยามจากรอยเคลื่อนที่ของจุดจุดหนึ่งบนเส้นรอบรูปวงกลม (ล้อกลม) ซึ่งรูปวงกลมนั้นกลิ้งไปตามเส้นตรง ทำให้เกิดเส้นโค้งนูนเป็นลอนเป็นระยะ
ไซคลอยด์เป็นตัวอย่างหนึ่งของรูเลตต์ (roulette) ซึ่งเกิดจากกลิ้งล้อกลมบนเส้นโค้งอื่น และเป็นกรณีหนึ่งของโทรคอยด์ (trochoid) ซึ่งจุดไม่จำเป็นต้องอยู่บนเส้นรอบรูปวงกลม
ทาวเวอร์ออฟฮานอย (Tower of Hanoi) เป็นเกมคณิตศาสตร์ ประกอบด้วยหมุด 3 แท่ง และ จานกลมแบนขนาดต่างๆ ซึ่งมีรูตรงกลางสำหรับให้หมุดลอด เกมเริ่มจากจานทั้งหมดวางอยู่ที่หมุดเดียวกัน โดยเรียงตามขนาดจากใหญ่ที่สุดอยู่ทางด้านล่าง จนถึงจานขนาดเล็กที่สุดอยู่ด้านบนสุด เป็นลักษณะกรวยคว่ำตามรูป
เป้าหมายของเกมคือ พยายามย้ายกองจานทั้งหมดไปไว้ที่อีกหมุดหนึ่ง โดยการเคลื่อนย้ายจานจะต้องเป็นไปตามกติกาคือ
สามารถย้ายจานได้เพียงครั้งละ 1 ใบ
ไม่สามารถวางจาน ไว้บนจานที่มีขนาดเล็กกว่าได้
สามเหลี่ยมปาสคาล มีต้นกำเนิดมาจากความช่างสังเกตของนักคณิตศาสตร์ ที่พบว่า เมื่อเรานำสัมประสิทธิ์ที่ได้จากการกระจายทวินาม (a + b)n มาเขียนเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยมแล้ว ตัวเลขที่อยู่ข้างล่างของรูปสามเหลี่ยมจะมีค่าเท่ากับตัวเลขที่อยู่ข้างบน 2 ตัวที่อยู่เยื้องๆ กับตัวมันบวกกัน
พิจารณา (a + b)n เมื่อ n เป็นจำนวนเต็มบวกต่างๆกัน
เมื่อ n = 0 =>(a + b)0 = 1
เมื่อ n = 1 =>(a + b)1 = a + b ส.ป.ส.เป็น 1 และ 1 ตามลำดับ
เมื่อ n = 2 =>(a + b)2 = a2 + 2ab + b2 ส.ป.ส.เป็น 1, 2, 1 ตามลำดับ
เมื่อ n = 3 =>(a + b)3 = a3 + 3a2b + 3ab2 + b3 ส.ป.ส.เป็น 1, 3 , 3, 1 ตามลำดับ
เมื่อ n = 4 =>(a + b)4 = a4 + 4a3b + 6a2b2 + 4ab3 + b4 ส.ป.ส.เป็น 1, 4, 6 , 4, 1 ตามลำดับ
วิธีการสร้างที่พื้นฐานและอธิบายได้ง่ายที่สุด คือ ที่ด้านบนสุดของสามเหลี่ยมปาสกาลให้เป็น 1 ซึ่งเราจะให้เป็นแถวที่ 0 แถวที่ 1 คือ แถวที่มีเลข 1 และ 1 สร้างได้ผลรวมของจำนวนที่อยู่เหนือมันทางซ้ายและทางขวา 2 จำนวน ซึ่งในกรณีนี้คือ 1 และ 0 (ให้ถือว่าจำนวนที่อยู่นอกสามเหลี่ยมเป็น 0 ทั้งสิ้น) จากนั้นดำเนินการในทำนองเดียวกันนี้ในการสร้างจำนวนในอื่นๆ
แถวที่ 2 คือ 0 + 1 = 1, 1 + 1 = 2 และ 1 + 0 = 1
แถวที่ 3 คือ 0 + 1 = 1, 1 + 2 = 3, 2 + 1 = 3, 1 + 0 = 1
วงรี3F, F’ เป็นจุดคงที่ เรียกว่าจุดโฟกัส (Focus)
V, V’ เป็นเส้นตรงที่ผ่านจุดโฟกัส และมีจุดปลายทั้งสองเป็นจุดยอด เรียกว่า แกนนอก
B, B’ เป็นเส้นตรงที่ผ่านจุดศูนย์กลางและตั้งฉากกับแกนเอก โดยมีจุดปลายทั้งสองอยู่บนวงรี เรียกว่า แกนโทm1m2, m1‘m2‘ เป็นเส้นตรงที่ผ่านจุดโฟกัส และตั้งฉากกันแกนของรูป เรียกว่าเส้นลาตัสเรกตัม
4. ทายตัวเลข (เลขฐาน 2)
เนื่องจาก วัน ก็คือ วันในแต่ละเดือนซึ่ง มีค่า 1-31พยายามกระจาย 1-31 ให้อยู่รูปผลบวกของ 1,2,4,8,16ดังนี้
1 = 1
2 = 2
3 = 1+2
4 = 4
5 = 1+4
6 = 2+4
7 = 1+2+4
8 = 8
9 = 1+8
10 = 2+8
11 = 1+2+8
12 = 4+8
13 = 1+4+8
14 = 2+4+8
15 = 1+2+4+8
16 = 16
17 = 1+16
18 = 2+16
19 = 1+2+16
20 = 4+16
21 = 1+4+16
22 = 2+4+16
23 = 1+2+4+16
24 = 8+16
25 = 1+8+16
26 = 2+8+16
27 = 1+2+8+16
28 = 4+8+16
29 = 1+4+8+16
30 = 2+4+8+16
31 = 1+2+4+8+16
กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 1 เป็นตัวบวกซึ่งได้แก่ 1,3,5,7,9,11,13,15,17,19,21,23,25,27,29,31
กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 2 เป็นตัวบวกได้แก่ 2,3,6,7,10,11,14,15,18,19,22,23,26,27,30,31
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 4 เป็นตัวบวกได้แก่ 4,5,6,7,12,13,14,15,20,21,22,23,28,29,30,31
กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 8 เป็นตัวบวกได้แก่ 8,9,10,11,12,13,14,15,24,25,26,27,28,29,30,31
กลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 16 เป็นตัวบวได้แก่ 16,17,18,19,20,21,22,23,24,25,26,27,28,29,30,31
ต่อไป นำเลขทั้ง 5 กลุ่ม ไปเขียน ลงใน เศษกระดาษ 5 แผ่นๆละ กลุ่ม
1. ให้นำกระดาษ 5 แผ่นที่เตรียมไว้ ให้ผู้ที่เราต้องการรู้วันเกิดของเขา โดยให้เขาดูกระดาษทีละแผ่น
2. แล้วถามเขาว่า ตัวเลขในแผ่นนี้มี วันเกิดของคุณมั้ย (ถามอย่างนี้จนครบทั้ง 5 แผ่น)
3. เก็บแผ่นที่เขาบอกว่ามีวันเกิดของเขาไว้ แล้ว นำตัวเลขซึ่งแทนกลุ่ม ที่เราทำการกระจายในตอนแรก (คือเลข 1,2,4,8,16) มารวมกันก็จะรู้วันเกิดของเขาคนนั้นทันที
ตัวอย่าง ต้องการทายวันเกิดของ นาย A
-นำกระดาษแผ่นแรกซึ่งเขียนเลขใน กลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 1 เป็นตัวบวก(1,3,5,7,9,11,13,15,17,19,21,23,25,27,29,31) ให้ A ดูA บอกว่า ในแผ่นนี้ มีวันเกิดของเขาอยู่
-นำกระดาษแผ่นที่สองซึ่งเขียนเลขใน กลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 2 เป็นตัวบวก(2,3,6,7,10,11,14,15,18,19,22,23,26,27,30,31) ให้ A ดูA บอกว่า ในแผ่นนี้ มีวันเกิดของเขาอยู่
-นำกระดาษแผ่นที่สามซึ่งเขียนเลขใน กลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 4 เป็นตัวบวก(4,5,6,7,12,13,14,15,20,21,22,23,28,29,30,31) ให้ A ดูA บอกว่า ในแผ่นนี้ ไม่มีวันเกิดของเขาอยู่
-นำกระดาษแผ่นที่สี่ซึ่งเขียนเลขใน กลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 8 เป็นตัวบวก
(8,9,10,11,12,13,14,15,24,25,26,27,28,29,30,31) ให้ A ดูA บอกว่า ในแผ่นนี้ ไม่มีวันเกิดของเขาอยู่
-นำกระดาษแผ่นที่ห้าซึ่งเขียนเลขใน กลุ่มของเลขที่กระจายออกมา โดยมี 16 เป็นตัวบวก
(16,17,18,19,20,21,22,23,24,25,26,27,28,29,30,31) ให้ A ดูA บอกว่า ในแผ่นนี้ มีวันเกิดของเขาอยู่
เนื่องจาก แผ่นที่ A บอกว่ามีวันเกิดของเขาอยู่ คือ แผ่นที่มี 1 เป็นตัวบวก , แผ่นที่มี 2 เป็นตัวบวก , แผ่นที่มี 16 เป็นตัวบวก
แสดงว่า A เกิด วันที่ 1+2+16 = 19
ความน่าจะเป็น คือการวัดหรือการประมาณความเป็นไปได้ว่า บางสิ่งบางอย่างจะเกิดขึ้นหรือถ้อยแถลงหนึ่ง ๆ จะเป็นจริงมากเท่าใด ความน่าจะเป็นมีค่าตั้งแต่ 0 (โอกาส 0% หรือ จะไม่เกิดขึ้น) ไปจนถึง 1 (โอกาส 100% หรือ จะเกิดขึ้น) ระดับของความน่าจะเป็นที่สูงขึ้น คือความเป็นไปได้มากขึ้นที่เหตุการณ์นั้นจะเกิด หรือถ้ามองจากเงื่อนเวลาของการสุ่มตัวอย่าง คือจำนวนครั้งมากขึ้นที่เหตุการณ์เช่นนั้นคาดหวังว่าจะเกิด
มโนทัศน์เหล่านี้มาจากการแปลงคณิตศาสตร์เชิงสัจพจน์ในทฤษฎีความน่าจะเป็น ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในขอบเขตการศึกษาต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ สถิติศาสตร์ การเงิน การพนัน วิทยาศาสตร์ ปัญญาประดิษฐ์/การเรียนรู้ของเครื่อง และปรัชญา เพื่อร่างข้อสรุปเกี่ยวกับความถี่ที่คาดหวังของเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นอาทิ ทฤษฎีความน่าจะเป็นก็ยังนำมาใช้เพื่ออธิบายกลไกรากฐานและความสม่ำเสมอของระบบซับซ้อน
ระหว่างปีค.ศ.1707-1783 นักคณิตศาสตร์ชาวสวิสชื่อเลียวร์นาร์ดอูเลอร์ ได้พิจารณา คำกล่าวอ้างของชาวเมือง Konigsberg ในเชิงคณิตศาสตร์ โดยการเขียนเส้นแสดงให้เห็นเป็นสะพานและจุดเป็นผังแม่น้ำซึ่งในแผนผังจุด Bจุด D เป็นเกาะจุด A และ C เป็นฝั่งแม่น้ำ อูเลอร์พิสูจน์ถึงโครงข่ายที่เชื่อมต่อกันของจุด 4 จุดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินติดต่อกันโดยไม่ซ้ำเส้นทางและสะพานเลยถ้าเส้นทางในการบรรจบกันของจุดเป็นเส้นทางจำนวนคี่ สำหรับกรณีของเมืองKonigsbergที่จุด A,C และ D มีเส้นทางไปบรรจบได้ 3 เส้นทางและที่จุด b มีเส้นทางไปบรรจบได้ 5 เส้นทางซึ่งทุกจุดเป็นเส้นทางจำนวนคี่ ในโครงข่ายเป็นของ 8 สะพาน จุด A และ C เท่านั้นที่มีเส้นทางบรรจบเป็นจำนวนคี่เพราะฉะนั้นมันจะเป็นไป ได้ในการที่จะสร้างวงจรของเมืองใหม่ด้วยการสร้างสะพานเพิ่มเพื่อให้เดินข้ามสะพานแต่ละสะพานครั้งเดียวและไม่ซ้ำเส้นทางเดิม