เนื้อหาเรื่อง เล่นล้อวงกลม
ล้อวงกลมหรือตีลูกล้อ เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทย อุปกรณ์ในการเล่นประกอบไปด้วยวงล้อและไม้ตีที่ทำจากไม้ไผ่ ล้อวงกลมมีวิธีการเล่นโดยการออกแรงใช้ไม้ตีหรือผลักที่ขอบของวงล้อ ทำให้วงล้อเคลื่อนที่ เราสามารถนำวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ที่เหมาะสมมาใช้ในการเล่นล้อวงกลมแทนวัสดุที่ทำจากไม้ไผ่ ในการแข่งขันเล่นล้อวงกลมสามารถกำหนดระยะทางในการแข่งขัน โดยใช้หน่วยที่ไม่ใช่หน่วยมาตรฐานในการวัดและบอกระยะทาง
แรงและการเคลื่อนที่
แรง หมายถึง สิ่งที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนตำแหน่งได้ เช่น ทำให้วัตถุที่อยู่นิ่งเคลื่อนที่ไป หรือทำให้วัตถุที่เคลื่อนที่อยู่แล้วเคลื่อนที่เร็วหรือช้าลง
ตัวอย่างเมื่อเราดันหรือดึงประตู หรือหน้าต่าง หรือแม้แต่ยกหนังสือ ยกกระเป๋า เข็นรถ ทำไมประตูหน้าต่างถึงเปิดปิดได้ ทำไมหนังสือหรือกระเป๋าจึงถูกยกขึ้น ทำไมรถยนต์หรือรถเข็นจึงเคลื่อนที่ได้ และสิ่งที่ทำให้วัตถุต่างๆ ที่กล่าวมานี้เคลื่อนที่ได้ เราเรียกว่า แรง แรงมีหลายชนิด ได้แก่
แรงย่อย หมายถึง แรงที่เป็นส่วนประกอบของแรงหลายๆ แรง เช่น การเล่นชักเย่อ แยกเป็นสองฝ่าย ถ้าจำนวนคนเท่ากัน ถ้าสองฝ่ายออกแรงเท่ากัน จะไม่มีฝ่ายใดชนะ แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดออกแรงมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายที่ออกแรงมากกว่า จะชนะทันที
แรงลัพธ์ หมายถึง ผลรวมของแรงย่อยทั้งหมด หรือ ผลรวมแรงย่อยสุดท้าย เช่น ในภาพเล่นชักเย่อ ฝ่ายซ้ายมือเป็นฝ่ายชนะ เพราะผลของแรงลัพธ์มีมากกว่า ถ้ามีเพียงแรงเดียวก็จะแสดงตัวเป็นทั้งแรงย่อยและแรงลัพธ์ไปในตัว ผลของแรงลัพธ์ที่มีค่าเป็นศูนย์ จะทำให้สิ่งต่างๆ หยุดนิ่งอยู่กับที่ เช่น ภาพการออกแรงผลักวัตถุสองข้างด้วยแรงที่เท่ากัน
แรงดึง คือ แรงที่กระทำต่อวัตถุที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่เข้ามาหาตัวเรา เช่น เราดึงแขนคุณแม่มาหาเรา เราลากเก้าอี้ เราดึงผ้าจากราวตากผ้า คนเล่นชักเย่อ เด็กลากรถ เราลากควาย ฯลฯ
แรงผลัก คือ แรงที่กระทำต่อวัตถุที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ออกจากตัวเรา เช่น การผลักหน้าต่าง ผลักประตู เตะฟุตบอล เข็นรถ ตีลูกเทนนิส ฯลฯ
การใช้แรงผลักสิ่งที่นิ่งอยู่กับที่กับสิ่งที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ก็ต่างกัน เช่น เมื่อเตะฟุตบอลที่กำลังกลิ้งไปข้างหน้าอยู่แล้ว เราเตะต่อก็จะใช้แรงน้อยกว่าเตะฟุตบอลที่อยู่นิ่ง ส่วนบอลที่กำลังกลิ้งสวนทางมาหาตัวเรา เราต้องใช้แรงผลักหรือเตะมากขึ้น ดังนั้น ถ้าเราใช้แรงผลักกับวัตถุที่เคลื่อนที่ไปทางเดียวกันกับตัวเราจะใช้แรงน้อยกว่าผลักวัตถุที่เคลื่อนที่สวนทางกับเราหรือวิ่งมาหาเรา
แรงทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างไร
ผลของการออกแรงไม่ใช่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ได้หรือหยุดเคลื่อนที่เท่านั้น แต่แรงยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของวัตถุด้วย เช่น กระดาษที่ถูกขยำ จะยับยู่ยี่ไม่เรียบ เมื่อเราออกแรงบีบหรือปั้น ดินเหนียว ดินน้ำมันให้มีรูปร่างตามต้องการ จะเห็นว่า ดินมีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไป รูปร่างจะไม่กลับมาอยู่ในสภาพเดิม วัตถุบางชนิดเมื่อออกแรงกระทำแล้วรูปร่างของวัตถุจะเปลี่ยนแปลงชั่วคราว และจะกลับคืนเหมือนเดิม เช่น ฟองน้ำ ยางรัดของ สปริง ลูกโป่ง ฯลฯ
ดังนั้นเราจึงสรุปเรื่อง แรงได้ดังนี้
แรง คือ สิ่งที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่
แรงลัพธ์ คือ ผลรวมของแรงย่อยทั้งหมด ถ้าผลรวมของแรงย่อยเป็นศูนย์วัตถุจะไม่เคลื่อนที่
แรงดึง คือ แรงที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่เข้ามาหาตัวเรา
แรงผลัก คือ แรงที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ออกจากตัวเรา
แรงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ หลังจากออกแรงแล้ว เกิดการเคลื่อนที่และเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง แรงผลักกับวัตถุเคลื่อนที่ไปทางเดียวกันจะใช้แรงน้อยกว่าแรงที่วัตถุเคลื่อนที่สวนทางหรือวิ่งเข้าหา
ทรงกระบอก
ทรงกระบอก เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานสองฐานเป็นรูปวงกลมที่เท่ากันทุกประการและอยู่บนระนาบที่ขนานกัน และเมื่อตัดรูปเรขาคณิตสามมิตินั้นด้วยระนาบที่ขนานกับฐานแล้ว จะได้หน้าตัดเป็นวงกลมที่เท่ากันทุกประการกันฐานเสมอ ด้านข้างเป็นผิวเรียบโค้งส่วนต่างๆของทรงกระบอก
ข้อแตกต่างของปริซึมกับทรงกระบอก คือ
- ฐาน ปริซึมเป็นรูปหลายเหลี่ยมทรงกระบอกเป็นวงกลม- ด้านข้าง ปริซึมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงกระบอกเป็นผิวเรียบโค้ง
พีระมิด
พีระมิด เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปเหลี่ยมใดๆ มียอดแหลมที่ไม่อยุ่บนระนาบเดียวกันกับฐาน และหน้าทุกหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดร่วมกันที่ยอดแหลมนั้น การเรียกชื่อพีระมิดจะเรียกตามรูปฐานของพีระมิด ส่วนต่างๆของพีระมิ
กรวย
กรวย เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปวงกลม มียอดแหลมที่ไม่อยู่ในระนาบเดียวกันกับฐาน และเส้นที่ต่อระหว่างจุดยอดกับจุดใดๆ บนขอบของฐานเป็นส่วนของเส้นตรงด้านข้างเป็นผิวโค้งเรียบระมิ
ส่วนต่างๆของกรวย
ข้อแตกต่างของพีระมิดกับกรวย คือ- ฐาน พีระมิดฐานรูปหลายเหลี่ยมกรวยฐานรูปวงกลม
- ด้านข้าง พีระมิดเป็นรูปสามเหลี่ยมผืนผ้า
กรวยเป็นผิวเรียบโค้ง
ทรงกลม
ทรงกลม เป็น รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีด้านข้างเป็นผิวโค้งเรียบ และจุดทุกจุดบนผิวโค้งอยู่ห่างจากจุดคงที่จุดหนึ่งเป็นระยะเท่ากัน เรียกจุดคงที่ว่า จุดศูนย์กลางของทรงกลม
เรียกระยะที่เท่ากันว่า รัศมีของทรงกลม
ส่วนต่างๆของทรงกลม
การวัดระยะทาง
การวัดระยะทาง หมายถึง การหาความยาวระหว่างจุดที่ต้องการ โดยใช้เครื่องมือและวิธีต่างๆกัน และมีหน่วยความยาวที่เป็นมาตรฐาน สำหรับกำหนดขนาดของระยะ หรือเป็นการหาระยะทาง ระหว่างเส้นดิ่งของจุดทั้งสองที่ความสูงเดียวกัน ระยะที่ใช้วัดในการสำรวจ มีลักษณะที่พึงประสงค์ 2 ประการคือ ต้องเป็นระยะทางในแนวราบ และเป็นระยะในเส้นตรงการวัดระยะเพื่อหาความยาว หรือระยะห่างของจุดต่างๆ
วิธีการวัดระยะ
การวัดระยะโดยทั่วไป แบ่งได้ตามลักษณะและวิธีที่ใช้ในการวัดระยะ 3 วิธี ดังนี้
1. การวัดระยะโดยวิธีทางตรง (Direct Measurement) การวัดระยะโดยวิธีทางตรง เป็นวิธีการวัดที่ต้องมีการปฏิบัติเพื่อหาความยาวระหว่างจุดหรือตำแหน่งที่ต้องการจริงๆ เช่น การใช้โซ่หรือเทป และการนับก้าววัดระยะ
2. การวัดระยะโดยวิธีทางอ้อม (Indirect Measurement) การวัดระยะโดยวิธีทางอ้อมเป็นวิธีการหาระยะระหว่างจุดที่ต้องการโดยใช้เครื่องมือชนิดต่างๆและใช้วิธีการคำนวณเข้าช่วยเพื่อคำนวณหาระยะแต่ไม่มีการปฏิบัติเพื่อทำการวัดระยะนั้นๆโดยตรง การวัดระยะทางอ้อมมีหลายวิธี เช่น การใช้เครื่องมือสับเทนบาร์ (Subtense Bar) การทำสเตเดีย (Stadia) และการวัดระยะบนแผนที่โดยการคำนวณตามมาตราส่วน 40
3. การวัดระยะด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Distance Measurement หรือ EDM.)