คลิกเพื่อทำแบบทดสอบ
แนวข้อสอบ
การเตรียมตัวสอบวิชาภาษาจีนสากล 3 จะครอบคลุมเนื้อหาหลักๆ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ รูปแบบประโยคพื้นฐาน (บอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม) ประโยคเปรียบเทียบ และ การซ้ำคำ การทำความเข้าใจหลักไวยากรณ์และบริบทการใช้งานของแต่ละส่วนจะช่วยให้คุณสามารถสร้างประโยคได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
ในภาษาจีนมีโครงสร้างประโยคที่ไม่ซับซ้อนมากนัก โดยส่วนใหญ่จะเรียงตามลำดับ ประธาน + กริยา + กรรม (Subject + Verb + Object) เช่น "ฉันกินข้าว" (我吃饭 - Wǒ chī fàn)
ประโยคบอกเล่า: เป็นประโยคพื้นฐานที่เล่าถึงเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริง
โครงสร้าง: ประธาน + กริยา + กรรม (หากมี)
ตัวอย่าง:
我学习汉语。(Wǒ xuéxí Hànyǔ.) - ฉันเรียนภาษาจีน
他在学校工作。(Tā zài xuéxiào gōngzuò.) - เขาทำงานที่โรงเรียน (มีการวางบุพบทวลีบอกสถานที่ 在... ไว้หน้ากริยา)
ประโยคปฏิเสธ: การปฏิเสธในภาษาจีนมีคำหลักๆ ที่ต้องจำคือ 不 (bù) และ 没 / 没有 (méi / méiyǒu)
不 (bù): ใช้ปฏิเสธการกระทำที่เป็นนิสัย ความตั้งใจ ความชอบ หรือการปฏิเสธในปัจจุบันและอนาคต
ตัวอย่าง:
我不吃肉。(Wǒ bù chī ròu.) - ฉันไม่กินเนื้อ (โดยปกติ)
我不喜欢咖啡。(Wǒ bù xǐhuān kāfēi.) - ฉันไม่ชอบกาแฟ
没 / 没有 (méi / méiyǒu):
没 (méi): ใช้ปฏิเสธการกระทำที่ "ยังไม่ได้ทำ" หรือ "ไม่ได้ทำ" ในอดีต มักจะละคำว่า 有 (yǒu) ไว้
ตัวอย่าง: 我没去学校。(Wǒ méi qù xuéxiào.) - ฉันยังไม่ได้ไปโรงเรียน
没有 (méiyǒu): ใช้ปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งของ หรือความเป็นเจ้าของ
ตัวอย่าง: 他没有手机。(Tā méiyǒu shǒujī.) - เขาไม่มีโทรศัพท์มือถือ
ประโยคคำถาม (ใช่/ไม่ใช่): สร้างได้ง่ายๆ โดยการเติมคำว่า 吗 (ma) ไว้ท้ายประโยคบอกเล่า
โครงสร้าง: ประโยคบอกเล่า + 吗?
ตัวอย่าง:
你喜欢中国菜吗?(Nǐ xǐhuān Zhōngguó cài ma?) - คุณชอบอาหารจีนไหม?
你会说汉语吗?(Nǐ huì shuō Hànyǔ ma?) - คุณพูดภาษาจีนได้ไหม?
การเปรียบเทียบในภาษาจีนมีหลายรูปแบบ เพื่อบอกความเท่ากัน มากกว่า น้อยกว่า หรือด้อยกว่า
ขั้นกว่า (比 - bǐ): ใช้บอกว่าสิ่งหนึ่งมีคุณสมบัติ "กว่า" อีกสิ่งหนึ่ง
โครงสร้าง: A + 比 (bǐ) + B + คำคุณศัพท์ / กริยา
ตัวอย่าง:
他比我高。(Tā bǐ wǒ gāo.) - เขาสูงกว่าฉัน
今天比昨天热。(Jīntiān bǐ zuótiān rè.) - วันนี้ร้อนกว่าเมื่อวาน
เท่ากัน/เหมือนกัน (跟...一样 - gēn... yíyàng): ใช้บอกว่าสิ่งหนึ่ง "เท่ากับ" หรือ "เหมือนกับ" อีกสิ่งหนึ่ง
โครงสร้าง: A + 跟 (gēn) + B + 一样 (yíyàng) + (คำคุณศัพท์ / กริยา)
ตัวอย่าง:
我的书包跟你的书包一样大。(Wǒ de shūbāo gēn nǐ de shūbāo yíyàng dà.) - กระเป๋าของฉันกับของเธอมีขนาดเท่ากัน
她跟我一样喜欢跳舞。(Tā gēn wǒ yíyàng xǐhuān tiàowǔ.) - เธอชอบเต้นเหมือนฉัน
ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ (越来越 - yuè lái yuè): ใช้บอกว่าสิ่งหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง "เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"
โครงสร้าง: ประธาน + 越来越 (yuè lái yuè) + คำคุณศัพท์ / กริยา
ตัวอย่าง:
天气越来越冷了。(Tiānqì yuè lái yuè lěng le.) - อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ
我的中文越来越好了。(Wǒ de zhōngwén yuè lái yuè hǎo le.) - ภาษาจีนของฉันดีขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ได้กว่า (不比 - bù bǐ): เป็นการปฏิเสธการเปรียบเทียบขั้นกว่า อาจหมายถึงเท่ากันหรือน้อยกว่า
โครงสร้าง: A + 不比 (bù bǐ) + B + คำคุณศัพท์ / กริยา
ตัวอย่าง: 他不比我聪明。(Tā bù bǐ wǒ cōngmíng.) - เขาไม่ได้ฉลาดกว่าฉัน (อาจจะฉลาดเท่าฉันหรือน้อยกว่า)
สู้...ไม่ได้ (不如 - bù rú): ใช้บอกว่าสิ่งหนึ่ง "สู้" อีกสิ่งหนึ่ง "ไม่ได้" หรือด้อยกว่าอย่างชัดเจน
โครงสร้าง: A + 不如 (bù rú) + B + (คำคุณศัพท์ / กริยา)
ตัวอย่าง: 我的中文不如你。(Wǒ de zhōngwén bù rú nǐ.) - ภาษาจีนของฉันสู้คุณไม่ได้
การซ้ำคำในภาษาจีนมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวา ความละเอียดอ่อน ความหนักแน่น หรือแสดงความรู้สึกต่างๆ ซึ่งคำที่นำมาซ้ำได้แก่ คำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ และคำลักษณนาม
จุดประสงค์หลัก: เพิ่มความมีชีวิตชีวา, ทำให้ประโยคเป็นธรรมชาติ, เน้นความรู้สึก, หรือแสดงความหมายว่า "ลองทำดู" "เล็กน้อย" "แต่ละ/ทุกๆ"
ประเภทของการซ้ำคำ:
การซ้ำคำนาม (AA): มักจะหมายถึง "ทุกๆ..." หรือ "แต่ละ..."
ตัวอย่าง: 人人 (rénrén) - ทุกคน
孩子们个个都喜欢吃糖。(Háizimen gègè dōu xǐhuan chī táng.) - เด็กๆ แต่ละคน/ทุกคน ล้วนชอบกินขนม
การซ้ำคำกริยา (AA/A一下): มักแสดงการกระทำที่ทำเพื่อผ่อนคลาย, ลองทำดู, หรือใช้เวลาสั้นๆ
โครงสร้าง: กริยา + กริยา
ตัวอย่าง: 你看看这本书。(Nǐ kànkan zhè běn shū.) - คุณลองดูหนังสือเล่มนี้หน่อย
ข้อควรระวัง: คำซ้ำกริยาไม่สามารถตามด้วย 了 (le) โดยตรงเพื่อแสดงการเสร็จสิ้นการกระทำได้
การซ้ำคำคุณศัพท์ (AA/AABB): มักใช้เพื่อเน้นระดับความเข้มข้นของคุณสมบัติ หรือทำให้ความรู้สึกดูเป็นกันเองมากขึ้น
โครงสร้าง: คำคุณศัพท์ + คำคุณศัพท์ (AA) หรือ คำคุณศัพท์ + คำคุณศัพท์ + คำคุณศัพท์ + คำคุณศัพท์ (AABB)
ตัวอย่าง:
高高兴兴 (gāogāoxīngxīng) - มีความสุขมากๆ
他高高兴兴地回家了。(Tā gāogāoxīngxīng de huí jiā le.) - เขากลับบ้านอย่างมีความสุขมากๆ (ใช้ 地 เมื่อขยายกริยา)
慢慢地走。(Mànmàn de zǒu.) - เดินช้าๆ
คำกริยาวิเศษณ์ที่ดูเหมือนคำซ้ำ: บางคำมีรูปแบบเหมือนคำซ้ำแต่เป็นคำเดี่ยวที่มีความหมายเฉพาะตัว และไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เช่น 渐渐 (jiànjiàn) ที่แปลว่า "ค่อยๆ, ทีละน้อย" หรือ 仅仅 (jǐnjǐn) ที่แปลว่า "เพียงแค่"
การทบทวนแต่ละหัวข้ออย่างละเอียด จะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการพื้นฐานของภาษาจีนได้ดียิ่งขึ้นค่ะ ขอให้โชคดีกับการสอบนะคะ!
ต่อไปนี้คือแนวข้อสอบกลางภาค วิชาภาษาจีนสากล 3 ที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแนวทางสำหรับการติว เพื่อช่วยให้คุณทบทวนและทำความเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่มีเฉลยระบุไว้ เพื่อให้คุณได้ฝึกคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองค่ะ
คำชี้แจง: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
ข้อใดคือโครงสร้างพื้นฐานของประโยคบอกเล่าในภาษาจีน?
ก. กริยา + ประธาน + กรรม (Wèiyǔ + Zhǔyǔ + Bīnyǔ)
ข. ประธาน + กรรม + กริยา (Zhǔyǔ + Bīnyǔ + Wèiyǔ)
ค. ประธาน + กริยา + กรรม (Zhǔyǔ + Wèiyǔ + Bīnyǔ)
ง. กรรม + กริยา + ประธาน (Bīnyǔ + Wèiyǔ + Zhǔyǔ)
แนวคิด/คำแนะนำ: ลองนึกถึงลำดับของส่วนประกอบประโยคหลักๆ ในภาษาจีนที่พบได้บ่อยที่สุด เช่น ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร
ประโยค "我学习汉语。(Wǒ xuéxí Hànyǔ.)" มีความหมายตรงกับข้อใด?
ก. ฉันชอบภาษาจีน
ข. ฉันเรียนภาษาจีน
ค. ฉันพูดภาษาจีน
ง. ฉันเข้าใจภาษาจีน
แนวคิด/คำแนะนำ: พิจารณาความหมายของคำกริยา "学习 (xuéxí)" ซึ่งเป็นคำสำคัญในประโยคนี้
หากต้องการบอกว่า "เขาทำงานที่โรงเรียน" ควรใช้ประโยคใด?
ก. 他工作在学校。(Tā gōngzuò zài xuéxiào.)
ข. 他在学校工作。(Tā zài xuéxiào gōngzuò.)
ค. 他学校工作在。(Tā xuéxiào gōngzuò zài.)
ง. 他在工作学校。(Tā zài gōngzuò xuéxiào.)
แนวคิด/คำแนะนำ: ทบทวนการวางตำแหน่งของบุพบทวลีบอกสถานที่ "在... (zài...)" ในประโยคภาษาจีน
คำใดที่ใช้ในการสร้างประโยคปฏิเสธในภาษาจีน เมื่อพูดถึงการไม่ทำบางสิ่งในปัจจุบันหรืออนาคต?
ก. 没 (méi)
ข. 没有 (méiyǒu)
ค. 不 (bù)
ง. 都 (dōu)
แนวคิด/คำแนะนำ: คำปฏิเสธในภาษาจีนมีหลายคำ แต่ละคำมีบริบทการใช้งานต่างกัน พิจารณาคำที่ใช้ปฏิเสธการกระทำที่เป็นปกติหรือไม่เกิดขึ้นในอนาคต
ประโยค "我不吃肉。(Wǒ bù chī ròu.)" มีความหมายตรงกับข้อใด?
ก. ฉันไม่ได้กินเนื้อ (ในอดีต)
ข. ฉันไม่กินเนื้อ (โดยปกติ)
ค. ฉันไม่มีเนื้อ
ง. ฉันไม่ชอบเนื้อ
แนวคิด/คำแนะนำ: สังเกตการใช้คำปฏิเสธ "不 (bù)" ซึ่งมักใช้กับพฤติกรรมที่เป็นนิสัย ความตั้งใจ หรือการปฏิเสธทั่วไป
หากต้องการบอกว่า "ฉันยังไม่ได้ไปโรงเรียน" ควรใช้ประโยคใด?
ก. 我不去学校。(Wǒ bù qù xuéxiào.)
ข. 我没有去学校。(Wǒ méiyǒu qù xuéxiào.)
ค. 我没去学校。(Wǒ méi qù xuéxiào.)
ง. 我不是去学校。(Wǒ bú shì qù xuéxiào.)
แนวคิด/คำแนะนำ: คำว่า "ยังไม่ได้ทำ" ในอดีต มักใช้คำปฏิเสธที่บ่งบอกถึงการไม่เกิดขึ้นของเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นแล้ว
คำใดที่ใช้ในการสร้างประโยคปฏิเสธ เมื่อต้องการบอกว่า "ไม่มีสิ่งของ" หรือ "ไม่มีความเป็นเจ้าของ"?
ก. 不 (bù)
ข. 没 (méi)
ค. 没有 (méiyǒu)
ง. 不是 (bú shì)
แนวคิด/คำแนะนำ: คำที่ใช้ปฏิเสธการมีอยู่ (to have/there is) มักเป็นคำเฉพาะ
ประโยค "他没有手机。(Tā méiyǒu shǒujī.)" มีความหมายตรงกับข้อใด?
ก. เขาไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ
ข. เขายังไม่ได้ซื้อโทรศัพท์มือถือ
ค. เขาไม่มีโทรศัพท์มือถือ
ง. เขาไม่ชอบโทรศัพท์มือถือ
แนวคิด/คำแนะนำ: พิจารณาความหมายของคำปฏิเสธ "没有 (méiyǒu)" ที่แสดงถึงการขาดแคลนหรือการไม่มีอยู่
การใช้ "不 (bù)" ในประโยคปฏิเสธเหมาะสมกับกรณีใด?
ก. ปฏิเสธการกระทำที่ยังไม่ได้ทำในอดีต
ข. ปฏิเสธการมีสิ่งของ
ค. ปฏิเสธพฤติกรรมที่เป็นประจำหรือในอนาคต
ง. ปฏิเสธสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้ว
แนวคิด/คำแนะนำ: ทบทวนการใช้ "不" กับกริยาที่แสดงถึงนิสัย ความชอบ หรือการกระทำที่ยังไม่เกิดขึ้น
การใช้ "没 (méi)" ในประโยคปฏิเสธเหมาะสมกับกรณีใด?
ก. ปฏิเสธพฤติกรรมที่เป็นประจำ
ข. ปฏิเสธการที่ "ยังไม่ได้ทำ" ในอดีต
ค. ปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งของ
ง. ปฏิเสธความจริงทั่วไป
แนวคิด/คำแนะนำ: คำปฏิเสธ "没" มักใช้เพื่อบ่งบอกว่าการกระทำนั้น "ยังไม่เกิดขึ้น" หรือ "ไม่ได้เกิดขึ้น" ในอดีต
หากต้องการเปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคคำถามแบบ "ใช่/ไม่ใช่" ควรเติมคำใดที่ท้ายประโยค?
ก. 呢 (ne)
ข. 吗 (ma)
ค. 吧 (ba)
ง. 了 (le)
แนวคิด/คำแนะนำ: คำช่วยเสริมน้ำเสียงบางคำเมื่อวางท้ายประโยคจะเปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบยืนยัน/ปฏิเสธ
ประโยค "你喜欢中国菜吗?(Nǐ xǐhuān Zhōngguó cài ma?)" หมายความว่าอย่างไร?
ก. คุณชอบกินอะไร
ข. คุณอยากกินอาหารจีนไหม
ค. คุณชอบอาหารจีนไหม
ง. คุณเคยทานอาหารจีนไหม
แนวคิด/คำแนะนำ: พิจารณาความหมายของคำกริยา "喜欢 (xǐhuān)" และคำถาม "吗 (ma)"
ประโยค "他是老师吗?(Tā shì lǎoshī ma?)" เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบแบบใด?
ก. ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ
ข. ใช่หรือไม่ใช่
ค. เหตุผลของการเป็นครู
ง. รายละเอียดเกี่ยวกับครู
แนวคิด/คำแนะนำ: ลักษณะของคำถามที่ลงท้ายด้วย "吗 (ma)" มักต้องการคำตอบที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา
หากต้องการถามว่า "คุณสามารถพูดภาษาจีนได้ไหม?" ควรใช้ประโยคใด?
ก. 你说汉语吗?(Nǐ shuō Hànyǔ ma?)
ข. 你会说汉语吗?(Nǐ huì shuō Hànyǔ ma?)
ค. 你喜欢说汉语吗?(Nǐ xǐhuān shuō Hànyǔ ma?)
ง. 你想说汉语吗?(Nǐ xiǎng shuō Hànyǔ ma?)
แนวคิด/คำแนะนำ: คำกริยาช่วยที่แสดงความสามารถในการทำบางสิ่งได้เป็นคำสำคัญในข้อนี้
คำว่า 比 (bǐ) มีความหมายตรงกับข้อใดในการเปรียบเทียบ?
ก. เท่ากับ
ข. เหมือนกับ
ค. กว่า
ง. สู้...ไม่ได้
แนวคิด/คำแนะนำ: คำ "比 (bǐ)" เป็นโครงสร้างหลักของการเปรียบเทียบขั้นกว่า
ประโยค "他比我高。(Tā bǐ wǒ gāo.)" มีความหมายว่าอย่างไร?
ก. เขาเหมือนฉันสูง
ข. เขาไม่สูงเท่าฉัน
ค. เขาสูงกว่าฉัน
ง. เขาสูงเท่าฉัน
แนวคิด/คำแนะนำ: ประโยคนี้ใช้โครงสร้าง "A 比 B + คำคุณศัพท์" ซึ่งแสดงถึงการเปรียบเทียบว่า A มีคุณสมบัติมากกว่า B
หากต้องการบอกว่า "วันนี้ร้อนกว่าเมื่อวาน" ควรใช้ประโยคใด?
ก. 今天昨天热。(Jīntiān zuótiān rè.)
ข. 今天跟昨天一样热。(Jīntiān gēn zuótiān yíyàng rè.)
ค. 今天不比昨天热。(Jīntiān bù bǐ zuótiān rè.)
ง. 今天比昨天热。(Jīntiān bǐ zuótiān rè.)
แนวคิด/คำแนะนำ: ใช้โครงสร้างการเปรียบเทียบขั้นกว่าเพื่อแสดงว่าสิ่งหนึ่งมีคุณสมบัติมากกว่าอีกสิ่งหนึ่ง
สำนวน 跟...一样 (gēn... yíyàng) ใช้เพื่อแสดงความหมายใด?
ก. ไม่ดีเท่า
ข. ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ค. เท่ากับ, เหมือนกับ
ง. ไม่ได้กว่า
แนวคิด/คำแนะนำ: สำนวนนี้ใช้เพื่อแสดงความเท่าเทียมกันหรือความเหมือนกันระหว่างสองสิ่ง
ประโยค "我的书包跟你的书包一样大。(Wǒ de shūbāo gēn nǐ de shūbāo yíyàng dà.)" หมายความว่าอย่างไร?
ก. กระเป๋าของฉันใหญ่กว่าของเธอ
ข. กระเป๋าของฉันไม่ใหญ่เท่าของเธอ
ค. กระเป๋าของฉันกับของเธอมีขนาดเท่ากัน
ง. กระเป๋าของฉันไม่ใช่ของเธอ
แนวคิด/คำแนะนำ: พิจารณาโครงสร้าง "A 跟 B 一样 + คำคุณศัพท์" ที่แสดงถึงความเหมือนกันในด้านคุณสมบัติ
หากต้องการบอกว่า "เธอชอบเต้นเหมือนฉัน" ควรใช้ประโยคใด?
ก. 她比我喜欢跳舞。(Tā bǐ wǒ xǐhuān tiàowǔ.)
ข. 她跟我一样喜欢跳舞。(Tā gēn wǒ yíyàng xǐhuān tiàowǔ.)
ค. 她没有我喜欢跳舞。(Tā méiyǒu wǒ xǐhuān tiàowǔ.)
ง. 她越来越喜欢跳舞。(Tā yuè lái yuè xǐhuān tiàowǔ.)
แนวคิด/คำแนะนำ: เลือกสำนวนที่ใช้แสดงความเหมือนกันในแง่ของความชอบหรือพฤติกรรม
สำนวน 越来越 (yuè lái yuè) ใช้เพื่อแสดงความหมายใด?
ก. ไม่ได้ดีเท่า
ข. ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ค. เท่ากัน
ง. ไม่ดีกว่า
แนวคิด/คำแนะนำ: สำนวนนี้ใช้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประโยค "天气越来越冷了。(Tiānqì yuè lái yuè lěng le.)" มีความหมายว่าอย่างไร?
ก. อากาศไม่หนาว
ข. อากาศเริ่มหนาวแล้ว
ค. อากาศหนาวขึ้นเรื่อย ๆ
ง. อากาศไม่เคยหนาว
แนวคิด/คำแนะนำ: พิจารณาความหมายของ "越来越 (yuè lái yuè)" ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่อง
หากต้องการบอกว่า "ภาษาจีนของฉันดีขึ้นเรื่อย ๆ" ควรใช้ประโยคใด?
ก. 我的中文好。(Wǒ de zhōngwén hǎo.)
ข. 我的中文比你好。(Wǒ de zhōngwén bǐ nǐ hǎo.)
ค. 我的中文越来越好了。(Wǒ de zhōngwén yuè lái yuè hǎo le.)
ง. 我的中文不如你。(Wǒ de zhōngwén bù rú nǐ.)
แนวคิด/คำแนะนำ: เลือกสำนวนที่ใช้แสดงการพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำนวน ไม่比 (bù bǐ) ใช้เพื่อแสดงความหมายใด?
ก. สู้...ไม่ได้
ข. ไม่ได้กว่า (ไม่เก่ง/ไม่ดีกว่า)
ค. ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ง. เท่ากัน
แนวคิด/คำแนะนำ: สำนวนนี้เป็นการปฏิเสธการเปรียบเทียบขั้นกว่า ซึ่งอาจหมายถึงเท่ากันหรือแย่กว่า
ประโยค "他不比我聪明。(Tā bù bǐ wǒ cōngmíng.)" หมายความว่าอย่างไร?
ก. เขาฉลาดกว่าฉัน
ข. เขาฉลาดเท่าฉัน
ค. เขาไม่ได้ฉลาดกว่าฉัน (อาจจะฉลาดเท่ากันหรือน้อยกว่า)
ง. เขาไม่ฉลาด
แนวคิด/คำแนะนำ: ตีความการปฏิเสธการเปรียบเทียบขั้นกว่าในบริบทนี้
หากต้องการบอกว่า "อาหารจานนี้อร่อยไม่เท่าจานนั้น" ควรใช้ประโยคใด?
ก. 这道菜比那道好吃。(Zhè dào cài bǐ nà dào hǎochī.)
ข. 这道菜跟那道好吃。(Zhè dào cài gēn nà dào hǎochī.)
ค. 这道菜不比那道好吃。(Zhè dào cài bù bǐ nà dào hǎochī.)
ง. 这道菜越来越好吃。(Zhè dào cài yuè lái yuè hǎochī.)
แนวคิด/คำแนะนำ: เลือกโครงสร้างที่แสดงถึงการเปรียบเทียบแบบ "ไม่ดีกว่า" หรือ "ไม่ได้ดีกว่า"
สำนวน 不如 (bù rú) ใช้เพื่อแสดงความหมายใด?
ก. ดีกว่า
ข. สู้...ไม่ได้
ค. เท่ากับ
ง. ไม่ได้แย่ไปกว่า
แนวคิด/คำแนะนำ: สำนวนนี้ใช้บ่งบอกว่าสิ่งหนึ่งด้อยกว่าอีกสิ่งหนึ่งอย่างชัดเจน
ประโยค "我的中文不如你。(Wǒ de zhōngwén bù rú nǐ.)" หมายความว่าอย่างไร?
ก. ภาษาจีนของฉันดีกว่าคุณ
ข. ภาษาจีนของฉันสู้คุณไม่ได้
ค. ภาษาจีนของฉันเท่ากับคุณ
ง. ภาษาจีนของฉันแย่ลงเรื่อย ๆ
แนวคิด/คำแนะนำ: พิจารณาความหมายของ "不如 (bù rú)" ที่แสดงถึงความไม่เท่าเทียมกันในทางที่ด้อยกว่า
จุดประสงค์หลักของการใช้คำซ้ำในภาษาจีนคืออะไร?
ก. ลดความซับซ้อนของประโยค
ข. ทำให้ประโยคเป็นทางการมากขึ้น
ค. เพิ่มความมีชีวิตชีวา ความละเอียดอ่อน และความรู้สึกในการสื่อสาร
ง. ทำให้ประโยคสั้นลง
แนวคิด/คำแนะนำ: การใช้คำซ้ำมักจะเพิ่มอรรถรสหรือความหนักแน่นของความหมาย
คำว่า 人人 (rénrén) จัดอยู่ในการซ้ำคำประเภทใด?
ก. การซ้ำของคำกริยา
ข. การซ้ำของคำคุณศัพท์
ค. การซ้ำของคำนาม
ง. การซ้ำของคำลักษณนาม
แนวคิด/คำแนะนำ: ลองพิจารณาประเภทของคำ "人 (rén)" ก่อนที่จะซ้ำ และความหมายที่เปลี่ยนไปเมื่อซ้ำคำ
ประโยค "孩子们个个都喜欢吃糖。(Háizimen gègè dōu xǐhuan chī táng.)" ความหมายของคำซ้ำ 个个 (gègè) คืออะไร?
ก. เด็กบางคน
ข. เด็กสองคน
ค. เด็กทุกคน/แต่ละคน
ง. เด็กกลุ่มใหญ่
แนวคิด/คำแนะนำ: พิจารณาคำว่า "个 (gè)" ซึ่งเป็นลักษณนามทั่วไป และผลของการซ้ำคำลักษณนาม
การซ้ำคำกริยามักแสดงความหมายใด?
ก. การกระทำที่ใช้เวลานาน
ข. การกระทำที่ทำเพื่อผ่อนคลาย หรือลองทำดู
ค. การกระทำที่ยังไม่เกิดขึ้น
ง. การกระทำที่เป็นการสั่งอย่างเร่งด่วน
แนวคิด/คำแนะนำ: การซ้ำคำกริยามักลดระดับความจริงจังหรือความมุ่งมั่นของการกระทำ
ประโยค "你看看这本书。(Nǐ kànkan zhè běn shū.)" หมายถึงอะไร?
ก. คุณมองไม่เห็นหนังสือเล่มนี้
ข. คุณเอาหนังสือเล่มนี้ไป
ค. คุณลองดูหนังสือเล่มนี้หน่อย (ดูแป๊บเดียว)
ง. คุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว
แนวคิด/คำแนะนำ: การซ้ำกริยา "看 (kàn)" สื่อถึงลักษณะการกระทำที่เบาๆ หรือชั่วคราว
คำซ้ำกริยาไม่สามารถตามด้วยคำใดโดยตรง เพื่อแสดงการเสร็จสิ้นการกระทำ?
ก. 了 (le)
ข. 吗 (ma)
ค. 呢 (ne)
ง. 吧 (ba)
แนวคิด/คำแนะนำ: การซ้ำกริยามักจะบ่งบอกถึงการกระทำที่ยังไม่เสร็จสิ้น หรือทำเพื่อลองดู ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับคำที่แสดงความสมบูรณ์
ประโยค "他高高兴兴地回家了。(Tā gāogāoxīngxīng de huí jiā le.)" คำว่า 高高兴兴 (gāogāoxīngxīng) เป็นการซ้ำคำประเภทใด และมีความหมายอย่างไร?
ก. คำนามซ้ำ, กลับบ้านอย่างมีความสุข
ข. คำกริยาซ้ำ, กลับบ้านอย่างรวดเร็ว
ค. คำคุณศัพท์ซ้ำ, กลับบ้านอย่างมีความสุขมากๆ
ง. คำลักษณนามซ้ำ, ทุกคนกลับบ้านอย่างมีความสุข
แนวคิด/คำแนะนำ: คำว่า "高高兴兴" มีโครงสร้าง AABB และ "高兴 (gāoxìng)" เป็นคำคุณศัพท์
หากต้องการเน้นว่า "เดินช้าๆ" ควรใช้คำซ้ำคุณศัพท์แบบใด?
ก. 慢慢的走。(Mànmàn de zǒu.)
ข. 慢慢地走。(Mànmàn de zǒu.)
ค. 慢慢得走。(Mànmàn de zǒu.)
ง. 慢的慢走。(Màn de màn zǒu.)
แนวคิด/คำแนะนำ: เมื่อคำคุณศัพท์ซ้ำทำหน้าที่ขยายกริยา มักจะต้องมีคำช่วยเชื่อม
คำว่า 渐渐 (jiànjiàn) เป็นการซ้ำคำประเภทใด และหมายความว่าอย่างไร?
ก. คำนามซ้ำ, ทุกครั้ง
ข. คำกริยาวิเศษณ์ซ้ำ, ค่อยๆ, ทีละน้อย
ค. คำคุณศัพท์ซ้ำ, มากขึ้นเรื่อยๆ
ง. คำลักษณนามซ้ำ, ทุกๆ ส่วน
แนวคิด/คำแนะนำ: พิจารณาหน้าที่ของคำนี้ในประโยค ซึ่งมักใช้ขยายการกระทำหรือการเปลี่ยนแปลง
คำใดที่ดูเหมือนคำซ้ำแต่เป็น คำศัพท์เฉพาะ ที่ไม่ได้เกิดจากการซ้ำของคำเดี่ยวๆ และความหมายไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามกฎการซ้ำทั่วไป?
ก. 好好 (hǎohǎo)
ข. 看看 (kànkan)
ค. 常常 (chángcháng)
ง. 仅仅 (jǐnjǐn)
แนวคิด/คำแนะนำ: คำบางคำในภาษาจีนมีรูปแบบเหมือนคำซ้ำ แต่จริงๆ แล้วเป็นคำเดี่ยวที่มีความหมายเฉพาะตัว
ข้อใดคือข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้คำซ้ำ?
ก. ใช้คำซ้ำเพื่อเพิ่มความหมาย
ข. ใช้คำซ้ำในบทสนทนาประจำวัน
ค. ใช้คำซ้ำผิดประเภท (เช่น ใช้คำนามซ้ำในความหมายที่ต้องการกริยาซ้ำ)
ง. ใช้คำซ้ำเพื่อให้ประโยคเป็นธรรมชาติ
แนวคิด/คำแนะนำ: ข้อผิดพลาดมักเกิดจากการไม่เข้าใจกฎการใช้คำซ้ำแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้
ในเพลง "甜蜜蜜,你笑得甜蜜蜜" (Tiánmìmì, nǐ xiào de tiánmìmì) คำซ้ำ 甜蜜蜜 (tiánmìmì) มีจุดประสงค์ใด?
ก. แสดงการกระทำซ้ำๆ
ข. เน้นความหวานซึ้งมากๆ
ค. บ่งบอกถึงความเป็นเอกพจน์
ง. ใช้เพื่อเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น
แนวคิด/คำแนะนำ: การซ้ำคำคุณศัพท์มักเพิ่มระดับความเข้มข้นของความหมาย
ขอให้คุณสนุกกับการทบทวนและเตรียมตัวสอบนะคะ!