อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางการสื่อสารที่สะดวกและรวดเร็ว ทำให้เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือคนที่ไม่รู้จัก สามารถติดต่อหากันได้อย่างง่ายดาย ความสะดวกสบายเหล่านี้นอกจากจะเอื้อ ประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการแล้ว ก็เอื้อประโยชน์ต่อมิจฉาชีพเช่นกัน อินเทอร์เน็ตจึงกลายเป็นอีก ช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากเหยื่อ
ลักษณะกลโกงภัยออนไลน์
1.แอบอ้างเป็นบุคคลต่าง ๆ
มิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นบุคคลต่าง ๆ และหลอกเหยื่อว่าจะโอนเงินจำนวนมากให้แก่เหยื่อ พร้อมทั้งส่งหลักฐานการโอนเงินปลอมให้ดูว่ามีการโอนเงินจริง แต่แท้จริงไม่มีการโอนเงินใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากนั้นจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ธนาคารกลางของประเทศต้นทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสหประชาชาติ แจ้งเหยื่อว่า เงินที่โอนมาถูกระงับและขอตรวจสอบเงินจากนั้นจะขอให้เหยื่อจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อยกเลิกการระงับเงินโอน โดย จะเริ่มจากค่าธรรมเนียมที่ไม่มากนักแล้วค่อย ๆ เพิ่มมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าเหยื่อจะรู้ตัวเหยื่อบางรายโอนเงินให้แก่มิจฉาชีพมากกว่าสิบครั้ง มูลค่าความเสียหายรวมกันเป็นหลักล้าน ซึ่งมิจฉาชีพเหล่านี้มักใช้มุกอ้างดังนี้
นักธุรกิจต้องการสั่งสินค้าจำนวนมาก - เหยื่อส่วนมากเป็นผู้ประกอบ ธุรกิจขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต มิจฉาชีพจะส่งอีเมลแอบอ้างเป็นนักธุรกิจต่างชาติที่ต้องการ สั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก แล้วส่งหลักฐานการโอนเงินปลอมให้เหยื่อตายใจว่าโอนเงินแล้ว ส่วนเหยื่อ นอกจากจะไม่ได้เงินค่าสินค้าแล้ว ยังเสียเงินทุนและเวลาในการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้ออีกด้วย (บางรายส่งสินค้าไปให้มิจฉาชีพแล้ว)
ผู้ใจบุญต้องการบริจาคเงินจำนวนมาก – เหยื่อมักจะเป็นองค์กรการกุศลที่ เปิดรับเงินบริจาคอยู่แล้ว โดยมิจฉาชีพจะส่งอีเมลติดต่อเหยื่อว่า ต้องการบริจาคเงินพร้อมทั้งขอเลขที่บัญชีของเหยื่อ เมื่อได้ข้อมูลทางการเงินของเหยื่อแล้ว มิจฉาชีพจะนำข้อมูลดังกล่าวไป สร้างหลักฐานการโอนเงินปลอมแล้วส่งมาให้เหยื่อดูเสมือนว่ามีการโอนเงินจริง
ทายาทที่ไม่สามารถรับมรดกได้ – มิจฉาชีพมักติดต่อเหยื่อผ่านช่องทาง โซเชียลมีเดีย(social media) ต่าง ๆ แล้วอ้างว่าตนเองได้รับมรดกเป็นเงินจำนวนมากใน ประเทศหนึ่ง แต่ไม่สามารถรับมรดกนั้นได้ด้วยติดเหตุผลทางการเมืองหรือเหตุผลอื่น ๆ จึงขอใช้
ชายหนุ่มที่ต้องการหารักแท้ – มิจฉาชีพจะเริ่มทำความรู้จักกับเหยื่อผ่าน ทางโซเชียลมีเดียโดยอ้างว่าตนเป็นชาวต่างชาติที่มีรายได้และหน้าที่การงานที่ดี แล้วใช้เวลาตีสนิทเป็นปีก่อนจะบอกว่าอยากย้ายมาแต่งงานและอยู่เมืองไทยกับเหยื่อ และหลอกว่าได้โอนเงินมาให้เพื่อเตรียมซื้อบ้านพร้อมส่งหลักฐานการโอนเงินปลอมมาให้แก่เหยื่อนอกจากหลอกว่าจะโอนเงินมาให้เหยื่อแล้ว มิจฉาชีพบางรายก็อ้างว่า ส่งของขวัญพร้อมเงินสดมาให้เหยื่อ แล้วอ้างตัวเป็นกรมศุลกากรเรียกเก็บค่าภาษี หรือค่าธรรมเนียมในการนำเงินสดออกมา องค์กรใจดีแจกเงินทุนหรือรางวัล – เหยื่อจะได้รับอีเมลแจ้งว่าเหยื่อได้รับ เงินทุนหรือรางวัล แต่เหยื่อจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่แจ้งมาตามอีเมล ซึ่งจะต้องจ่ายค่าเปิด บัญชี ค่าธรรมเนียม ค่าเอกสารต่าง ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้รับเงินทุนหรือรางวัลใด ๆ
องค์กรใจดีแจกเงินทุนหรือรางวัล – เหยื่อจะได้รับอีเมลแจ้งว่าเหยื่อได้รับ เงินทุนหรือรางวัล แต่เหยื่อจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่แจ้งมาตามอีเมล ซึ่งจะต้องจ่ายค่าเปิด บัญชี ค่าธรรมเนียม ค่าเอกสารต่าง ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้รับเงินทุนหรือรางวัลใด ๆ
2.แอบอ้างเป็นคนรู้จัก
มิจฉาชีพบางรายอาจแอบอ้างเป็นผู้ให้บริการอีเมลโดยส่งอีเมลแจ้งเหยื่อว่า จะปิดการให้บริการบัญชีอีเมลของเหยื่อ หากเหยื่อไม่ทำการยืนยันการใช้งานโดยการ กรอกข้อมูลชื่อบัญชีผู้ใช้อีเมล( email address ) และรหัสผ่าน ( password ) ในหน้าจอของอีเมล ที่ส่งมาหากไม่ยืนยันก็จะปิดบัญชีอีเมลของเหยื่อเหยื่อหลายรายหลงเชื่อและกรอกชื่อบัญชีผู้ใช้อีเมลและรหัสผ่านไป มิจฉาชีพจึงนำมูลดังกล่าวไปเข้าใช้บัญชีอีเมลของเหยื่อ หลังจากนั้นจะส่งอีเมลหาเพื่อนของเหยื่อโดยสร้างเรื่องเพื่อหลอกให้โอนเงิน เช่นเหยื่อไปต่างประเทศและได้ทำกระเป๋าเงินหาย จึงใช้ความเป็นห่วงเพื่อนในการหลอกให้เพื่อนของเหยื่อโอนเงินให้แก่มิจฉาชีพ
3.หลอกขายของออนไลน์
มิจฉาชีพมักประกาศขายสินค้าดีราคาถูกในเว็บไซต์แล้วหลอกให้เหยื่อโอน เงินค่าสินค้าหรือเงินมัดจำให้ เมื่อถึงเวลาส่งของ ผู้ซื้อก็ไม่ได้รับสินค้าและไม่สามารถติดต่อคนขายได้ เงินค่าสินค้าหรือเงินมัดจำที่โอนไปก็ไม่ได้คืน เมื่อตรวจสอบก็พบว่า มิจฉาชีพใช้วิธีจ้างคนอื่นเปิดบัญชีหรือหลอกใช้บัญชีคนอื่นรับเงินโอนเพื่อหลีกหนีการจับกุม มิจฉาชีพบางรายก็ประกาศขายสินค้าโดยใช้เลขที่บัญชีของผู้ขายรายอื่น เมื่อมีเหยื่อสั่งซื้อและโอนเงินให้ มิจฉาชีพจะติดต่อเจ้าของบัญชีนั้นแล้วอ้างว่าตนโอนเงินผิด ไปและขอรับคืนเป็นเงินสด ขณะเดียวกันเหยื่อที่สั่งซื้อสินค้าก็ไม่ได้รับสินค้า เจ้าของบัญชีรายนั้นจึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที ดังนั้น หากมีผู้อื่นอ้างว่าได้โอนเงินผิดเข้าบัญชี ไม่ควรถอนเงินสดหรือโอนเงินคืนด้วยตนเอง ควรให้ผู้ที่อ้างว่าโอนผิดติดต่อแจ้งยกเลิกการโอนเงินและขอเงินคืนผ่านธนาคาร
4.ขอเลขที่บัญชีเงินฝากเป็นที่พักเงิน
มิจฉาชีพจะประกาศรับสมัครงานผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรืออาจติดต่อเหยื่อ ไปเองว่าเป็นบริษัทจากต่างประเทศที่ส่งสินค้าเข้ามาขายในประเทศไทย ต้องการพนักงานที่ คอยรวบรวมเงินค่าสินค้าในประเทศไทย จึงต้องใช้บัญชีเงินฝากของเหยื่อเป็นที่พักเงิน โดย ตกลงว่าจะแบ่งส่วนแบ่งจากการขายสินค้าให้ ( เช่น ร้อยละ 25 ของเงินค่าสินค้า )วันหนึ่งเหยื่อได้รับโทรศัพท์จากมิจฉาชีพแจ้งว่า มีคนโอนค่าสินค้า ให้เหยื่อหักส่วนแบ่งไว้ตามที่ตกลงกัน และให้โอนเงินที่เหลือให้แก่บริษัทแม่ เมื่อเหยื่อตรวจสอบบัญชี เงินฝาก ก็พบว่ามีเงินเข้ามาจริง จึงโอนเงินที่เหลือหลังหักส่วนแบ่งแล้วให้แก่มิจฉาชีพ เวลาผ่านไป เหยื่อได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เงินที่เข้ามาในบัญชีเงินฝากของเหยื่อนั้นเป็นเงินที่มิจฉาชีพไปหลอกเหยื่อรายอื่นมา สุดท้ายเหยื่อกลายเป็น ผู้ต้องสงสัย ส่วนมิจฉาชีพตัวจริงก็ลอยนวลหายไป
5.เงินกู้ออนไลน์
เหยื่อรายหนึ่งต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วนแต่ไม่มีเงินสำรองไว้ จึงคิดหาทางออกโดยการกู้เงินนอกระบบ พอดีได้อ่านประกาศบริการเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยต่ำใน อินเทอร์เน็ต จึงรีบติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ทันทีเมื่อเหยื่อติดต่อไป มิจฉาชีพ ( ผู้ให้กู้ ) ก็อ้างว่าจะส่งสัญญามาให้เหยื่อเซ็น โดยเหยื่อจะต้องชำระค่าทำสัญญา ค่าเอกสาร ค่ามัดจำ หรือดอกเบี้ยล่วงหน้าภายในเวลาที่กำหนด เช่น ภายในวันนี้เวลา 18.00 น. (เพื่อเร่งให้เหยื่อตัดสินใจโดยไม่ไตร่ตรอง) แต่เมื่อโอนเงินไปแล้ว กลับไม่สามารถติดต่อผู้ให้กู้ได้อีกเลย
6.เรียกค่าไถ่ข้อมูลด้วยมัลแวร์
มิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ เช่น บริษัทขนส่งสินค้า ส่งอีเมลที่แนบไฟล์เรียกค่าไถ่หรือไฟล์แรนซัมแวร์ (ransomware) หรือแนบลิงก์ให้เหยื่อติดตั้งแรนซัมแวร์ในคอมพิวเตอร์ของเหยื่อแรนซัมแวร์เป็นมัลแวร์ซึ่ง ( malware ) หรือไวรัสชนิดหนึ่งเมื่อถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์จะทำการเข้ารหัสลับ ( encryption ) ในไฟล์เอกสารต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเปิดใช้งานหรือแก้ไขไฟล์ได้ หากไม่มีรหัสจากผู้สร้างแรนซัมแวร์เพื่อถอดรหัสลับข้อมูล ( decryption ) เสมือนถูกเรียกค่าไถ่ หลังจากนั้นหน้าจอจะแสดงหน้าต่างเรียกค่าไถ่ โดยผู้ใช้งานจะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับการถอดรหัสใช้งานไฟล์ดังกล่าว แต่ก็ไม่มีใครรับประกันว่าจ่ายเงินแล้ว เราจะได้รับรหัสหรือใช้ไฟล์งานเอกสารเหล่านั้นหรือไม่ เหยื่ออาจต้องลบข้อมูลทั้งหมดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อกำจัดแรนซัมแวร์
วิธีป้องกันภัยร้ายบนโลกออนไลน์
1.คิดทบทวน ว่าเรื่องที่เจอหรือได้ยินมามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน หากโอนเงินไปแล้วมีปัญหา จะมีโอกาสได้คืนไหม
2.เปิดเผยเท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลมีเดียที่มิจฉาชีพอาจนำไปแอบอ้างใช้
ทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้
3.ตรวจสอบข้อมูลก่อนโอนเงิน หากอ้างถึงบุคคล หน่วยงาน หรือองค์กรใด ๆ ควรติดต่อสอบถามบุคคลนั้น หรือองค์กรนั้น ๆ โดยตรง
4.ติดตามข่าวสารกลโกงเป็นประจำ เพื่อรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง
ทำอย่างไรเมื่อตกเป็นเหยื่อภัยร้ายบนโลกออนไลน์
1.หากถูกแอบอ้างใช้บัญชีอีเมล ให้ติดต่อผู้ให้บริการอีเมลทันที เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านหรือปิดบัญชี
2.หากโอนเงินให้มิจฉาชีพแล้ว
1)ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ( call center ) ของธนาคารนั้น ๆ เพื่อระงับการโอน และถอนเงิน โดยรวบรวมเอกสารเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการขอระงับการโอนและถอนเงิน ทั้งนี้ แต่ละธนาคารมีวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกัน ควรติดต่อสอบถามขั้นตอนจากธนาคารโดยตรง
2)แจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามคนร้าย