การบันทึกรายรับ-รายจ่าย
ขั้นตอนการจัดทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย การทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายไม่มีกฎหรือข้อบังคับตายตัว แต่หากจะทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการวางแผนการเงิน การบันทึกรายรับ-จ่ายควรมีขั้นตอนดังนี้
1.กำหนดระยะเวลาที่จะบันทึก เช่น 1 เดือน 1 ปี หรือตลอดไป โดยจะต้อง เลือกระยะเวลาที่สามารถท ได้จริงและสามารถบันทึกได้ทุกวันและเพื่อประโยชน์ในการ วางแผนการเงินควรบันทึกทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย1เดือนซึ่งจะทให้ทราบพฤติกรรมใช้จ่าย ที่แท้จริง
2.เลือกสมุด เพื่อใช้บันทึกรายรับ-รายจ่ายโดยควรเลือกสมุดเล่มเล็กที่สามารถ พกพาได้สะดวกหรืออาจใช้วิธีจดลงในสมุดเล่มเล็กระหว่างวัน แล้วกลับมาเขียนลงในสมุดบันทึกรายรับ-รายจ่ายตัวจริงที่บ้านอาจบันทึกลงในสมาร์ตโฟนผ่านแอปพลิเคชันต่างหรือ ๆ
3.จดการรับและจ่ายเงินทุกครั้ง ในบันทึกรายรับ-รายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นเงิน จำนวนมากหรือเงินจ านวนน้อย ก็ไม่ควรละเลยวรปรับเปลี่ยนตัวเลขหรือรายการและมีค่าทั้งนี้ ก็เพื่อให้ทราบพฤติกรรมการใช้จ่ายที่แท้จริง โดยจะต้องแยกรายจ่ายออกเป็น 2 ประเภท ไ รายจ่ายจ าเป็น และรายจ่ายไม่จจำเป็น
ส่วนของการบันทึกรายรับ-รายจ่าย ควรเป็นตารางที่มีความยาวเพียงพอ ต่อการบันทึกตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน
(อาจใช้กระดาษมากกว่ 1 หน้า) โดยจะต้อง ประกอบด้วยหัวข้อดังนี้
1.วันที่–กรอกวันที่ที่มีรายรับหรือรายจ่ายเกิดขึ้น
2.รายการ – กรอกรายการรายรับหรือรายจ่ายที่เกิดขึ้น และหากมี คำอธิบายเพิ่มเติมก็สามารถกรอกลงในช่องนี้ได้
3.รายรับ– กรอกจำนวนเงินสำหรับรายการที่เป็นรายรับ
4. เงินออม– กรอจำนวนเงินสำหรับรายการที่การออมเงิน
5. รายจ่าย– กรอกจำนวนเงินสำหรับรายการที่เป็นรายจ่าย ซึ่งผู้บันทึกต้องแยกระหว่างรายจ่ายจำเป็นและรายจ่ายไม่จำเป็น โดยพิจารณาถึง ความจำเป็นของรายจ่ายนั้นต่อการดำรงชีวิต
ส่วนของการสรุปรายรับ-รายจ่าย
เป็นสรุปการใช้จ่ายในแต่ละเดือนเพื่อให้ ทราบว่า ผู้บันทึกใช้จ่ายเกินรายรับที่ได้รับมาหรือไม่ สามารถคำนวณยอดรวมจากรายรับตลอดทั้งเดือน ลบออกด้วยเงินออมและรายจ่ายทั้ง 2 ประเภทที่เกิดขึ้น ระยะเวลา 1 เดือน หากผลลัพธ์ที่ได้เป็นบวกามีการใช้จ่ายน้อยกว่ารายรับที่มีอยู่แสดงว่าจึงยังมีเงินเหลือตามจำนวนที่คำนวณได้ และเมื่อพบว่าเงินเหลือ ก็ควรวางแผนจัดสรรว่าจะนำไปทำอะไร เช่น นำไปเป็นเงินออมเพิ่มเติมจากที่ออมไปแล้วเมื่อมีรายได้เข้ามา นำไปใช้หรือตั้งเป็นเงินออมอีกก้อนหนึ่งเพื่อนไปลงทุน แต่หากผลลัพธ์ติดลบ แสดงว่ามีการใช้เงินเกินรายรับที่มีอยู่ที่ติดลบ จึงต้องหาสาเหตุของการใช้เงินเกิน เช่น อาจมีค่าใช้จ่ายบางประเภทมากเกินไ มากกว่าปกติ ดังนั้น จะต้องวางแผนลดรายจ่ายโดยเริ่มพิจารณาจาก“รายจ่ายไม่จำเป็น” ว่ามี รายการใดที่สามรถลดได้ หรือพิจารณาจาก“รายจ่ายจ ำป็น” ว่ามีรายจ่ายที่ไม่จำเป็น แอบแฝงอยู่หรือไม่
ประโยชน์ของการบันทึกรายรับ-รายจ่าย
บันทึกรายรับ-รายจ่ายที่มีข้อมูลครบถ้วน และบันทึกติดต่อกันอย่างน 1 เดือน จะมีประโยชน์ดังนี้
• ทำให้รู้พฤติกรรมการใช้จ่ายที่อาจทำให้เกิดปัญหาเงินไม่พอใช้การบันทึก รายจ่ายที่เกิดขึ้นทุกครั้ง จะทำให้ทราบว่าใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งใดบ้าง เช่น จ่ายค่าเหล้าเดือนละ 2,000 บาท (1 ปีก็เป็นเงิน 24,000 บาท) ซื้อหวยงวดละ 1,000(แต่ในบาท ระยะเวลา 2 ปี ถูกรางวัลแค่ 1 ครั้งได้เินรางวัลน้อยกว่าค่าหวยที่เสียไป)เมื่อทราบว่าเงิน หายไปไหน ก็สามารถวางแผนให้มีเงินพอใช้ได้ เช่น ลดค่าเหล้าเหลือเดือนละ 1,000 บาท (ก็จ ได้เงินเก็บปีละ 12,000 บาท) หรืองดเหล้าไปเลย เลิกซื้อหวยเดือนละ 1,000 บาทแล้วนำเงิน ออมแทน (สิ้นปีก็เหมือนถูกรางวัล 24,000 บาท 4 ปี เกือบแสนมีเงินเก็บ)
• ทำให้สามารถวางแผนการเงินที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของตนเองได้ บันทึกจะทำให้ทราบลักษณะของรายรับและรายจ่ายว่ามีความถี่แค่ไหน จำนวนเท่าไห ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนจัดสรรเงินที่ได้รับ ให้มีพร้อมและรายจ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน และหากพบว่ารายรับไม่เพียงพอกับรายจ่าย ก็สามารถวางแผน ลดรายจ่ายหรือหารายได้เพิ่มได้
• ทำให้เห็นสัญญาณของปัญหาทางการเงินและสามารถวางแผนแก้ไขได้ การบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นประจ า จะทำให้ทราบทันทีหากมีสัญญาณของปัญหาการเงิน เช่น มีรายจ่ายเกินรายรับติดต่อกันหลายเดือนจนต้องก่อหนี้ (เงินไม่พอใช้อยู่แล้ว พอก่อหนี้เพิ่มเงินจ่ายหนี้) ต้องจ่ายหนี้มากกว่า 1 ใน 3 ของรายรับ (อาจทำให้ไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ จนต้องก่อหนี้เพิ่ม หนี้ก็มีมากอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนเงินไม่พอจ่าย) ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อน ก็ต้องก่อหนี้) และเมื่อทราบสัญญาณของปัญหา ก็จะวางแผนแก้ไขก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่โต