เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าจำเป็นต้องขอกู้ยืม ในลำดับต่อมาผู้ขอสินเชื่อ ควรพิจารณาว่าจะเลือกกู้ยืมจากแหล่งใด โดยควรเลือกกู้ยืมจากผู้ให้บริการในระบบเพราะมี หน่วยงานของทางการก ากับดูแล ปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อในระบบหลายประเภท ทั้งที่เป็น สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และผู้บริการที่ไม่ใช่ สถาบันการเงิน (non-bank) เช่น บริษัทผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ (สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่ต้องใช้หลักประกัน) นอกจากเลือกการกู้ยืมกับผู้ให้บริการในระบบ แล้ว ผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือภาคธุรกิจก็ต้องเลือกประเภทสินเชื่อที่ตรงกับความ ต้องการที่จะใช้ด้วย เช่น อุปโภคบริโภค ประกอบอาชีพ
สินเชื่อรายย่อย เป็นสินเชื่อที่สถาบันการเงินให้แก่บุคคลธรรมดา เพื่อนำไปใช้ตาม วัตถุประสงค์ต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่คือน าไปใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่ไม่ได้นำไปใช้ประกอบ ธุรกิจ ในที่นี้จะขอกล่าวถึงตัวอย่างสินเชื่อรายย่อยและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการ ได้รับสินค้าและบริการก่อน โดยยังไม่ต้องจ่ายเงินทั้งก้อนในทันที ดังนี้
1. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นสินเชื่อที่สถาบันการเงินให้ บุคคลธรรมดากู้ยืม เพื่อนำเงินไปใช้ในการจัดหาที่อยู่ อาศัย เช่น ซื้อที่ดินและสร้างที่อยู่อาศัย ซื้อที่ดินพร้อมสิ่ง ปลูกสร้าง ซื้อห้องชุด หรือเพื่อปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม ที่อยู่อาศัย
1) วงเงิน โดยทั่วไปสถาบันการเงินจะให้สินเชื่อประมาณ 80% ของมูลค่า หลักประกัน (เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด)
2) อัตราดอกเบี้ย สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยแตกต่าง กัน แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ และอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว
ยอดชายกู้เงินจากธนาคารจำนวน 40,000 บาท ธนาคารกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระ 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยธนาคารให้ผ่อนชำระงวดละ 3,400 บาท ยกเว้นเดือนสุดท้ายให้ผ่อนช าระ 4,267 บาท ยอดชายจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นเงิน เท่าไหร่
เช่าซื้อ (Hire Purchase) มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ โดยผู้เช่าซื้อทำสัญญากับ ผู้ให้เช่าซื้อว่าจะชำระค่าสินค้าเป็นงวด ๆ ตามจ านวนเงินและระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งระหว่างนั้น ผู้เช่าซื้อสามารถน าทรัพย์สินที่เช่าซื้อมาใช้งานได้ก่อน โดยที่กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังเป็นของ ผู้ให้เช่าซื้อจนกว่าจะจ่ายเงินครบตามสัญญาจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นมาเป็นของ ผู้เช่าซื้อ เช่น การเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์
ลีสซิ่ง (Leasing) มีลักษณะคล้ายกับสัญญาเช่าซื้อ คือ จะต้องชำระเงินค่าเช่า เป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและเวลาที่ก าหนดในสัญญาเช่า ต่างกันตรงที่เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า สามารถเลือกได้ว่าจะซื้อ ต่อสัญญาเช่า หรือส่งคืนทรัพย์
1) คุณสมบัติผู้สมัคร เป็นบุคคลที่ผู้ให้สินเชื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีฐานะ ทางการเงินเพียงพอส าหรับการชำระหนี้ได้
2) วงเงิน ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือของกระแสเงินสด หมุนเวียนในบัญชีเงินฝากเฉลี่ยย้อนหลังไม่น้อยกว่า 6 เดือน
3) อัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันแล้ว ไม่เกิน 28% ต่อปี (effective rate) ซึ่งผู้ขอกู้แต่ละรายอาจได้รับเงื่อนไขที่ต่างกันขึ้นอยู่กับ คุณสมบัติของผู้ขอกู้ว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้
4) วิธีการคิดดอกเบี้ย คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (effective rate) ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ควรสำรวจความพร้อม ของตนเองก่อน ดังนี้
1) คุณสมบัติผู้สมัคร มีรายได้ไม่น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน หรือมีเงินฝาก หรือสินทรัพย์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด
2) วงเงิน ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือขึ้นกับประเภทเงินฝาก หรือสินทรัพย์ตามเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด
3) อัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันแล้วไม่เกิน 20% ต่อปี - หากช าระหนี้บัตรเครดิตตรงเวลาและเต็มจ านวน (โดยไม่ได้เบิกถอนเงินสด เลย) จะได้รับระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ประมาณ 45 – 55 วัน
1. มีประวัติค้างชำระ หากผู้ขอสินเชื่อมีประวัติค้างชำระหนี้และยัง ไม่สะสางภาระหนี้ ผู้ให้สินเชื่ออาจเห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการช าระคืน จึงไม่อนุมัติ สินเชื่อ ดังนั้น ควรติดต่อเจ้าหนี้ที่ตนเองมีประวัติค้างช าระเพื่อชำระหนี้ที่ค้างให้เสร็จสิ้น และ พยายามสร้างประวัติการชำระเงินที่ดีอย่าให้มีประวัติการค้างชำระอีก เพื่อเพิ่มโอกาสในการ ได้รับอนุมัติสินเชื่อในอนาคต
2. แหล่งรายได้ขาดความน่าเชื่อถือ อาจเกิดจากผู้ขอสินเชื่อประกอบอาชีพ อิสระหรือมีรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งผู้ให้สินเชื่ออาจเห็นว่าจะส่งผลต่อการช าระหนี้คืนในอนาคต ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ให้สินเชื่อ ผู้ขอสินเชื่อควรเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงิน และน าเงินที่ได้จากการประกอบอาชีพเข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 6 เดือนหรือ 1 ปี เพื่อ แสดงให้เห็นว่า ผู้ขอสินเชื่อมีรายได้เพียงพอและมีความสามารถในการช าระหนี้
3. ขาดความสามารถในการชำระหนี้ สถาบันการเงินอาจเห็นว่า วงเงินสินเชื่อ ที่ขอสูงเกินกว่าความสามารถในการช าระหนี้ ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ขอสินเชื่ออาจต้องหารายได้เพิ่ม และน าหลักฐานมาแสดง หรือหาผู้กู้ร่วม เพื่อให้ได้วงเงินสินเชื่อที่ต้องการ