หลายครั้งที่ความโลภกลายเป็นจุดอ่อนที่มิจฉาชีพใช้โจมตีเหยื่อ โดยนำผลประโยชน์
จำนวนมากมาหลอกล่อ ให้เหยื่อยอมจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ก่อน แล้วนำเงินหนีไป
ลักษณะกลโกงของภัยใกล้ตัว
1.เบี้ยประกันงวดสุดท้าย
มิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นพนักงานบริษัทประกันชีวิตติดต่อญาติของผู้ตายว่าผู้ตายทำประกันชีวิตไว้กับบริษัท แต่ขาดการชำระเบี้ยประกันงวดสุดท้าย หากญาติจ่ายค่าเบี้ย ประกันที่ค้างอยู่ ก็จะได้รับเงินคืนตามกรมธรรม์ซึ่งเป็นจำนวนเงินค่อนข้างมาก เมื่อเหยื่อจ่ายเงินให้ ผู้ที่อ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทประกันภัยก็จะหายตัวไปพร้อมเงินประกันงวดสุดท้า
2.ตกทอง/ลอตเตอรี่ปลอม
มิจฉาชีพจะอ้างว่ามีทองหรือลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง แต่ไม่มีเวลาไปขายหรือ ขึ้นเงิน จึงเสนอขายให้เหยื่อในราคาถูก กว่าจะรู้ว่าเป็นทองหรือลอตเตอรี่ปลอม มิจฉาชีพก็หายไปพร้อมกับเงินที่ได้ไป
3.นาย (พัน) หน้า...หลอกลวงเงิน
มิจฉาชีพจะแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในองค์กรหรือสถาบันการเงินที่สามารถช่วยเหยื่อหางาน หรือขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ แต่เหยื่อต้องจ่ายค่านายหน้าให้ก่อน มิจฉาชีพบางรายก็หลอกให้เหยื่อเป็นนายหน้าขายที่ดิน โดยทำงานกันเป็นทีม คนแรกหลอกว่าอยากขายที่ดิน คนที่สองหลอกว่าอยากซื้อที่ดิน แล้วขอให้เหยื่อเป็นนายหน้าให้ จากนั้นคนซื้อจะอ้างว่าเงินไม่พอจ่ายค่ามัดจำจึงขอให้เหยื่อช่วยออกเงินค่ามัดจำ สุดท้ายคนซื้อและคนขายหนีหาย เหยื่อไม่ได้ค่านายหน้าแถมยังเสียเงินค่ามัดจำไปอีกด้วย
4.แก๊งเงินดำ
มิจฉาชีพจะอ้างว่ามีธนบัตรดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เคลือบด้วยสารเคมีสีดำเป็นจำนวนมากและมีน้ำยาพิเศษที่สามารถล้างน้ำยานั้นออกได้ พร้อมทั้งสาธิตการล้างเงินดำให้เหยื่อดู เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ จะหลอกเหยื่อว่า น้ำยาพิเศษนั้นอยู่ที่สถานทูต แต่ไม่สามารถนำออกมาได้เพราะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการดำเนินการค่อนข้างสูงมิจฉาชีพจึงชักชวนเหยื่อให้ร่วมหุ้นจ่ายค่าธรรมเนียม แล้วจะแบ่งธนบัตร ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ล้างเรียบร้อยแล้วให้เหยื่อ หากเหยื่อหลงเชื่อจ่ายเงินไป มิจฉาชีพก็จะหายไปพร้อมกับเงินของเหยื่อ
วิธีป้องกันจากภัยใกล้ตัว
1.ไม่โลภ ไม่อยากได้เงินรางวัลที่ไม่มีที่มา หากมีคนเสนอให้ ควรสงสัยไว้ก่อน ว่าอาจเป็นภัยทางการเงิน
2.ไม่รู้จัก...ไม่ให้ ทั้งข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน วัน/เดือน/ปีเกิด และข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขที่บัญชี รหัสบัตรเอทีเอ็ม/บัตรเดบิต และ ไม่โอนเงิน แม้ผู้ติดต่อจะอ้างว่าเป็นหน่วยงานราชการหรือสถาบันการเงิน
3.ศึกษาหาข้อมูล ก่อนเซ็นสัญญา ตกลงจ่ายเงิน หรือโอนเงินให้ใคร ควร ศึกษาข้อมูล เงื่อนไข ข้อตกลง ความน่าเชื่อถือและความน่าจะเป็นไปได้ก่อน
• 4.อ้างใคร ถามคนนั้น อ้างถึงใครให้สอบถามคนนั้น เช่น ธนาคารแห่ง ประเทศไทย โทร. 1213 หรือDSI โทร. 1202
• 5.สงสัยให้ปรึกษา ควรหาที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้ หรือปรึกษาเกี่ยวกับภัยทาง การเงินได้ที่ ศคง. โทร. 1213 และศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ โทร.1359
• 6.ติดตามข่าวสารกลโกงเป็นประจำ เพื่อรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง
รู้ไว้...ไม่เสี่ยงเป็นเหยื่อ
• 1.อ้างหน่วยงานราชการไม่ได้แปลว่าเชื่อถือได้ มิจฉาชีพมักอ้างถึง หน่วยงานราชการหรือองค์กรขนาดใหญ่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หากมีการอ้างถึงควรสอบถามหน่วยงานนั้นโดยตรง
• 2.ธุรกิจที่จดทะเบียนแล้วไม่ได้แปลว่าไม่โกง บางธุรกิจจดทะเบียนอย่าง ถูกต้องตามกฎหมายจริง แต่ไม่ได้ประกอบธุรกิจตามที่ขออนุญาตไว้
• 3.ไม่มี “ทางลัดรวยที่มีน้อยคนรู้” หากทางลัดนี้มีจริง คงไม่มีใครอยากบอกคนอื่นให้รู้แอบรวยเงียบ ๆ คนเดียวดีกว่า
• 4.หัวขโมยไม่หมิ่นเงินน้อย มิจฉาชีพไม่ได้มุ่งหวังเงินหลักแสนหลักหมื่น เท่านั้น มิจฉาชีพบางกลุ่มมุ่งเงินจำนวนน้อยแต่หวังหลอกคนจำนวนมาก
• 5.อย่าระวังแค่เรื่องเงิน มิจฉาชีพบางรายก็หลอกขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูล ที่ใช้ทำธุรกรรมการเงิน เพื่อนำไปทำธุรกรรมทางการเงินในนามของเหยื่อ
• 6.มิจฉาชีพไม่ใช้บัญชีตนเองรับเงินจากเหยื่อ มิจฉาชีพบางรายจ้างคนเปิดบัญชีเพื่อเป็นที่รับเงินโอนจากเหยื่ออีกรายหนึ่ง เพื่อหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ