เมื่อคืนคุณฝันถึงอะไร?
ที่มา : http://realmetro.com/dreams-in-psychology/
มนุษยชาติพยายามไขปริศนาความลับแห่งความฝัน แม้จะยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่ได้มีทฤษฎีเกิดขึ้นมากมาย ทั้งการศึกษา Oneirology ซึ่งก็คือการเชื่อมโยงความฝันกับหลักวิทยาศาสตร์ และการศึกษาแบบโหราศาสตร์ ได้ตีความความฝันซึ่งเชื่อว่าสามารถทำนายอนาคตได้ แต่นักจิตวิทยาคิดว่าความฝันนั้นเป็นสิ่งสะท้อนสภาพปัจจุบันของเราได้อย่างถูกต้อง และจิตใต้สำนึกของเราพยายามบอกบางสิ่งที่สำคัญผ่านทางความฝันนั่นเอง
และนี่คือตัวอย่างของความฝันที่บ่งบอกถึงสภาพปัจจุบันภายใต้จิตสำนึกของเรา
การร่วงหล่น
เคยฝันว่าคุณกำลังตกตึก หรือร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าบ้างไหม นักจิตวิทยา Ian Wallace กล่าวว่า ความฝันที่เกี่ยวกับการร่วงหล่นนี้เป็นสัญลักษณ์ของความกลัวที่จะสูญเสียการควบคุม คุณไม่สามารถควบคุมบางสิ่งในชีวิตของคุณได้ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่คุณรู้สึกไม่พร้อม ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง หรือปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต เช่น งาน, ความสัมพันธ์, การเงิน, สุขภาพ เป็นต้น
นักวิทยาศาสตร์บางคนอธิบายความฝันเกี่ยวกับการร่วงหล่นเอาไว้ว่า ในขณะที่ร่างกายกำลังนอนหลับระบบประสาทจะเริ่มสงบลงความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจลดลง และสมองของคุณที่หลับไหล สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยานั้นสร้างกระบวนการเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จึงเกิดความฝันนี้เพื่อให้คุณตื่นขึ้นมา
จากการตีความจากจิตใต้สำนึกฟันเป็นสิ่งบ่งชี้ความแข็งแกร่ง และความพยายามอย่างหนัก “การฝันเช่นนี้ บางทีคุณอาจรู้สึกไร้ประโยชน์ หรือรู้สึกน้อยใจในโลกแห่งความจริง” Penney Peirce อธิบาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาความฝันที่ชื่อ Patricia Garfield เชื่อมต่อความฝันเกี่ยวกับฟันที่ร่วงหล่นว่าเป็นความโกรธที่เก็บซ่อนเอาไว้ ความฝันนี้อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องกำจัดความรู้สึกด้านลบ
บ่อยครั้งที่เราอาจฝันถึงคนใกล้ตัวเราได้รับบาด เจ็บป่วย หรือตาย อย่างไรก็ตามความฝันเหล่านั้นทำให้เกิดจากความวิตกกังวลตามจากมุมมองของจิตวิทยา มันเป็นเพียงความกลัวของเราในอนาคต และการเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เกิดขึ้นกับผู้ใกล้ชิดกับเรา หากคุณเห็นความตายของคุณเองก็หมายความว่าความคิดบางส่วนของคุณกำลังยึดติดอยู่กับอดีต
ตรงกันข้ามความฝันเกี่ยวกับการเกิด และการฟื้นตัวมักจะปรากฏขึ้นเมื่อมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นในชีวิตของบุคคล จึงเป็นสัญลักษณ์ของประสบการณ์ใหม่
ฟันหลุด บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สอบตกหรือยืนอยู่ท่ามกลางสาธารณชน
การฝันว่าคุณกำลังสอบ สอบตก หรือคุณไม่สามารถพูดอะไรสักคำเมื่อยืนต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ความฝันเหล่านี้บ่งบอกถึงความเครียด ซึ่งอาจเกิดขึ้นไม่เพียง แต่กับนักเรียนและเด็ก ๆ ในโรงเรียนเท่านั้น อาจเป็นไปได้ว่าคุณมีความเครียดก่อนที่จะเข้านอนหรือรู้สึกกังวลอย่างมาก ในกรณีนี้มันเป็นการดีที่จะพักสักครู่และผ่อนคลาย
หากคุณกำลังจะเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญในอนาคตอันใกล้ และคุณมีความฝันว่าคุณหรือเพื่อนของคุณแต่งตัวไม่เหมาะสมนั่นหมายความว่าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ตัวอย่างเช่น เจ้าสาวอาจฝันเห็นเจ้าบ่าวของเธอในชุดตัวตลกก่อนแต่งงาน
ใส่ชุดที่แปลก ๆ หรือไม่สวมใส่เสื้อผ้า
กำลังถูกไล่ล่าหรือรังแก
ในความฝันของคุณ คุณปรากฏตัวในที่สาธารณะที่สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ใส่อะไรเลย ความฝันเหล่านี้มักจะตามมาด้วยความรู้สึกอับอาย นักจิตวิทยา Ian Wallace กล่าวว่า “ความฝันนี้หมายความว่าคุณรู้สึกอ่อนแอในงานใหม่หรือความสัมพันธ์ใหม่ของคุณ และกลัวว่าคนอื่นจะรู้จุดอ่อนและข้อเสียของคุณ” อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่รู้สึกอับอายในความฝันของคุณ แทนที่จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองความฝันมีความหมายตรงกันข้าม บางทีคุณอาจรู้สึกว่าขาดการยอมรับ การชื่นชม และอยากให้คนอื่นเห็นพรสวรรค์ และบุคลิกภาพของคุณมากขึ้น
ความฝันดังกล่าวมีความหมายที่แตกต่างกันหลายประการ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความฝันที่ชื่อว่า Lauri Loewenberg กล่าวว่า “ผู้คนที่มักจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งผู้ซึ่งกลัวขนนกจะมีความฝันที่จะเกิดขึ้นจากขนนก”
สิ่งที่คุณฝันเห็นนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึกไม่พึงประสงค์หรือสถานการณ์ที่คุณพยายามที่จะไม่คิดในชีวิตจริง แม้กระทั่งเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่คุณไม่ต้องการยอมรับ นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีที่บอกว่าความฝันที่จะวิ่งหนีจากใครบางคนนั้นเป็นเพียงเสียงสะท้อนของสัญชาตญาณดั้งเดิมที่อยู่ในยีนของเรา
เราทุกคนต่างเคยฝันถึงภัยธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ภัยพิบัติ ความฝันเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาส่วนบุคคลที่ควบคุมไม่ได้หรือเป็นผลมาจากความรู้สึกที่ถูกคุกคาม เช่น ข่าวสารในสื่อ หรือ โซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลให้เราเริ่มรู้สึกอ่อนแอในโลกสมัยใหม่
ภัยพิบัติหรือเหตุการณ์โลกแตก
เกิดอุบัติเหตุ
จากข้อมูลของ Patricia Garfield (เป็นนักวิชาการชาวอเมริกันที่มีความเชี่ยวชาญในการศึกษาความฝัน) ความฝันเหล่านี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยผู้หญิง และเป็นสัญลักษณ์ของความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์หรือการสูญเสียกับใครบางคน ความฝันที่คุณพยายามขับยานพาหนะที่ใช้งานไม่ได้หรือการหยุดรถจัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน อาจเป็นไปได้ว่าคุณขาดการสนับสนุน และไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ชีวิตที่ยากลำบากได้ด้วยตัวเอง
แปลกอย่างมากที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่มีความฝันเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ แต่ยังมีผู้ชายอีกด้วย! นักจิตวิทยาชื่อ David Bedrick กล่าวว่า “การตั้งครรภ์เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งใหม่ที่กำลังเติบโตภายในตัวเรา” ถ้าคุณฝันถึง “การให้กำเนิด” มันสามารถตีความเป็นสิ่งใหม่ ๆ อะไรก็ได้ตั้งแต่การเขียนหนังสือไปจนถึงการซ่อมแซมบ้าน นั่นหมายความว่า หากคุณไม่ได้ตั้งครรภ์ในชีวิตจริงคุณอาจกำลังมองหาการเติมเต็มอะไรใหม่ให้ชีวิตคุณ
ตั้งครรภ์
เร่งรีบ หรือสาย
หากฝันว่าคุณวิ่งด้วยความเร่งรีบ หรือสายสำหรับการประชุม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความฝัน Michael R. Olsen กล่าวว่า ความฝันนี้เป็นสัญลักษณ์ของความกลัวที่จะพลาดสิ่งที่สำคัญในชีวิตของคุณ เช่น ในชีวิตจริงคุณอาจจะรู้สึกว่ามีเวลาไม่เพียงต่อต่อการทำอะไรบางอย่าง จิตใต้สำนึกของคุณจึงส่งสัญญาณว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องทบทวนตารางเวลา และเวลาว่างสำหรับสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณ
ความฝันเกี่ยวกับห้อง หรือสถานที่ที่คุณไม่รู้จักนั้น เกี่ยวข้องกับการรู้จักตนเอง หากคุณพบว่าตัวเองอยู่ในบ้านที่ไม่รู้จักในฝัน นั่นหมายความว่าคุณไม่รู้จักตัวเองดีพอ และพยายามที่จะละเลยตัวของคุณ ห้องที่ไม่คุ้นเคยสัญลักษณ์ว่าคุณมีพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ หรือโอกาสที่คุณไม่ได้ใช้มัน
ความฝันเกี่ยวกับห้อง หรือสถานที่ที่คุณไม่รู้จักนั้น เกี่ยวข้องกับการรู้จักตนเอง หากคุณพบว่าตัวเองอยู่ในบ้านที่ไม่รู้จักในฝัน นั่นหมายความว่าคุณไม่รู้จักตัวเองดีพอ และพยายามที่จะละเลยตัวของคุณ ห้องที่ไม่คุ้นเคยสัญลักษณ์ว่าคุณมีพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ หรือโอกาสที่คุณไม่ได้ใช้มัน
สถานที่แปลก ๆ และไม่รู้จัก
ในทางจิตวิทยา ความฝัน (Dreams) คือชุดของภาพ ความคิด อารมณ์ และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจของเราในขณะที่เรานอนหลับ โดยเฉพาะในช่วง การนอนหลับแบบ REM (Rapid Eye Movement) ซึ่งเป็นช่วงที่สมองมีการทำงานคล้ายกับการตื่นตัวมากที่สุด แม้ว่าร่างกายจะผ่อนคลายอย่างเต็มที่ก็ตาม
นักจิตวิทยาหลายคนมองว่าความฝันไม่ได้เป็นเพียงแค่กิจกรรมที่สุ่มหรือไร้ความหมายของสมอง แต่เป็นหน้าต่างที่สะท้อนถึง:
จิตใต้สำนึก (Unconscious Mind): ความคิด ความปรารถนา ความกังวล หรือความขัดแย้งที่ถูกเก็บกดไว้
การประมวลผลข้อมูล: สมองกำลังจัดการและจัดเก็บข้อมูล ความทรงจำ และประสบการณ์ที่ได้รับมาในระหว่างวัน
การแก้ไขปัญหา: ความฝันอาจเป็นกระบวนการที่สมองพยายามหาทางออกให้กับปัญหาหรือความท้าทายที่เราเผชิญอยู่
การแสดงออกทางอารมณ์: เป็นช่องทางที่อารมณ์ที่รุนแรงหรือซับซ้อนได้ถูกปลดปล่อยหรือประมวลผล
มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายความฝันในเชิงจิตวิทยา ได้แก่:
1. ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory) โดย ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)
ฟรอยด์เป็นผู้บุกเบิกการศึกษาความฝันอย่างจริงจัง และถือว่าความฝันเป็น "หนทางหลวงสู่จิตไร้สำนึก" (The Royal Road to the Unconscious) เขาเชื่อว่าความฝันมีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ:
การเติมเต็มความปรารถนา (Wish Fulfillment): ความฝันเป็นวิธีที่จิตใต้สำนึกของเราพยายามเติมเต็มความปรารถนา ความต้องการ หรือแรงขับเคลื่อนที่ถูกเก็บกดไว้ ซึ่งมักเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถแสดงออกในชีวิตจริงได้ หรือเป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ
การปกป้องการนอนหลับ: ความฝันช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดหรือความขัดแย้งในจิตใต้สำนึก เพื่อไม่ให้เรารบกวนการนอนหลับ
ฟรอยด์ยังได้แยกความฝันออกเป็นสองส่วน:
เนื้อหาปรากฏ (Manifest Content): คือสิ่งที่เราระลึกได้และจดจำได้จากความฝัน เมื่อเราตื่นขึ้นมา (เช่น เราฝันเห็นงูไล่กัด)
เนื้อหาแฝง (Latent Content): คือความหมายที่ซ่อนอยู่จริงเบื้องหลังเนื้อหาปรากฏ ซึ่งเป็นความปรารถนาที่แท้จริงที่จิตใต้สำนึกพยายามสื่อสาร (เช่น งูอาจเป็นสัญลักษณ์ของความกลัวบางอย่าง หรือความปรารถนาที่จะหนีจากสถานการณ์ที่ไม่พึงพอใจ)
ฟรอยด์เชื่อว่าสมองจะใช้ "กระบวนการการฝัน" (Dream-Work) เพื่อบิดเบือนหรืออำพรางเนื้อหาแฝงให้กลายเป็นเนื้อหาปรากฏ เพื่อป้องกันไม่ให้ความปรารถนาที่ถูกเก็บกดทำให้เรารู้สึกกังวลมากเกินไป
2. ทฤษฎีจิตวิทยาเชิงวิเคราะห์ (Analytical Psychology) โดย คาร์ล จุง (Carl Jung)
จุง อดีตลูกศิษย์ของฟรอยด์ มีมุมมองที่แตกต่างออกไป เขาเชื่อว่าความฝันไม่ได้เป็นเพียงการเติมเต็มความปรารถนาส่วนบุคคล แต่ยังเชื่อมโยงกับ จิตไร้สำนึกรวม (Collective Unconscious) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจิตไร้สำนึกที่มนุษย์ทุกคนมีร่วมกัน และบรรจุไปด้วย อาร์คีไทป์ (Archetypes) หรือแม่แบบสากลของประสบการณ์และบุคลิกภาพ (เช่น วีรบุรุษ, แม่, เงา)
จุงเชื่อว่าหน้าที่หลักของความฝันคือ การชดเชย (Compensation) และ การทำให้เป็นตัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์ (Individuation):
การชดเชย: ความฝันช่วยสร้างสมดุลระหว่างจิตสำนึก (สิ่งที่เราตื่นรู้) และจิตไร้สำนึก หากจิตสำนึกของเรามีด้านใดด้านหนึ่งที่โดดเด่นเกินไปหรือมีการเก็บกดบางส่วนไว้ ความฝันจะชดเชยด้วยการนำเสนอสิ่งที่ตรงกันข้าม เพื่อให้เกิดความสมดุลทางจิตใจ
การทำให้เป็นตัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์: ความฝันเป็นเครื่องนำทางให้บุคคลเดินทางไปสู่การค้นพบและบูรณาการทุกส่วนของตนเองเข้าด้วยกัน เพื่อให้กลายเป็นบุคคลที่สมบูรณ์และมีความสมดุล
จุงเชื่อว่าสัญลักษณ์ในความฝันมี ความหมายเชิงสากล มากกว่าที่ฟรอยด์เชื่อ และไม่จำเป็นต้องถูกบิดเบือนหรืออำพราง
3. ทฤษฎีการกระตุ้น-สังเคราะห์ (Activation-Synthesis Theory) โดย จอห์น ฮอบสัน (John Allan Hobson) และ โรเบิร์ต แม็คคาร์ลีย์ (Robert McCarley)
ทฤษฎีนี้มีมุมมองที่เน้นกระบวนการทางประสาทวิทยามากกว่าจิตใต้สำนึก โดยเชื่อว่าความฝันเป็น ผลพลอยได้ (Byproduct) จากการทำงานของสมองในระหว่างการนอนหลับแบบ REM:
การกระตุ้น (Activation): ในช่วง REM สมองส่วนก้านสมอง (Brainstem) จะผลิตกระแสไฟฟ้าแบบสุ่ม ซึ่งไปกระตุ้นสมองส่วนคอร์เทกซ์ (Cerebral Cortex) ซึ่งเป็นส่วนที่รับผิดชอบการคิด การรับรู้ และความจำ
การสังเคราะห์ (Synthesis): สมองส่วนคอร์เทกซ์พยายาม "สังเคราะห์" หรือหาความหมายให้กับสัญญาณไฟฟ้าแบบสุ่มเหล่านั้น โดยดึงเอาความทรงจำ ประสบการณ์ อารมณ์ หรือความรู้สึกต่างๆ มาเชื่อมโยงกันเป็นเรื่องราวที่ดูเหมือนมีความหมาย แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วอาจไม่มีความหมายที่ซับซ้อนซ่อนอยู่
ทฤษฎีนี้ไม่ได้ปฏิเสธว่าความฝันอาจสะท้อนถึงความกังวลหรืออารมณ์ของเรา แต่เชื่อว่าความหมายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากการพยายามทำความเข้าใจสัญญาณสุ่ม ไม่ใช่การสื่อสารจากจิตไร้สำนึกที่มีเจตนา
แม้ทฤษฎีจะแตกต่างกัน แต่ความฝันยังคงมีบทบาทสำคัญในการศึกษาทางจิตวิทยา:
การประมวลผลอารมณ์: ความฝันช่วยให้สมองประมวลผลและจัดการกับอารมณ์ที่รุนแรงหรือเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจในระหว่างวัน
การเรียนรู้และความจำ: การนอนหลับแบบ REM และความฝันมีส่วนช่วยในการรวมความทรงจำ (Memory Consolidation) และการเรียนรู้ทักษะต่างๆ
การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์: บางครั้งความฝันอาจนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหรือเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่ไม่สามารถทำได้ในขณะตื่น
การสะท้อนสภาพจิตใจ: เนื้อหาของความฝันอาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาพจิตใจ อารมณ์ หรือความเครียดที่บุคคลกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีค่าในการบำบัดทางจิตวิทยา
โดยสรุปแล้ว จิตวิทยาอธิบายความฝันว่าเป็นมากกว่าแค่การจินตนาการยามหลับ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่มีความหมายและมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการทางจิตใจ การจัดการอารมณ์ และความเป็นอยู่ที่ดีของเราครับ