อาชีพวิศวกรคือผู้สร้างและนักแก้ปัญหา ที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อออกแบบ พัฒนา และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ รอบตัวเรา ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน หากคุณเป็นนักเรียน ม.ปลาย ที่มีความสนใจในสาขาวิชานี้ นี่คือเส้นทางโดยละเอียดที่คุณสามารถเตรียมตัวได้ครับ
นี่คือช่วงเวลาสำคัญในการสร้างรากฐานและค้นหาว่าสาขาวิศวกรรมใดที่คุณสนใจมากที่สุด
วิชาที่ควรเน้น:
คณิตศาสตร์: เป็นหัวใจหลักของวิศวกรรมศาสตร์ทุกสาขา ตั้งแต่พีชคณิต เรขาคณิต ไปจนถึงแคลคูลัสพื้นฐาน การคำนวณและการวิเคราะห์เป็นสิ่งจำเป็น
ฟิสิกส์: ช่วยให้เข้าใจหลักการพื้นฐานของแรง การเคลื่อนที่ พลังงาน และคุณสมบัติของวัสดุ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการออกแบบและแก้ปัญหาทางวิศวกรรม
เคมี: สำคัญสำหรับวิศวกรรมเคมี วัสดุ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาและคุณสมบัติของสาร
ภาษาอังกฤษ: จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการศึกษาตำราต่างประเทศ งานวิจัย และการสื่อสารในอุตสาหกรรมระดับโลก
ทักษะที่ควรพัฒนา:
การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา (Analytical & Problem-Solving Skills): ฝึกมองปัญหาอย่างเป็นระบบ แยกแยะข้อมูล และหาวิธีแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity): การหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ หรือการออกแบบนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวิศวกร
ความละเอียดรอบคอบ (Attention to Detail): การทำงานวิศวกรรมต้องการความแม่นยำสูง เพราะข้อผิดพลาดเล็กน้อยอาจส่งผลใหญ่ได้
การทำงานเป็นทีม (Teamwork): โปรเจกต์วิศวกรรมส่วนใหญ่มักทำเป็นทีม คุณต้องสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสื่อสาร (Communication): สามารถอธิบายแนวคิดทางเทคนิคที่ซับซ้อนให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ทั้งการพูด เขียน และนำเสนอ
กิจกรรมเสริมหลักสูตร:
เข้าร่วมชมรมวิทยาศาสตร์ ชมรมหุ่นยนต์ หรือชมรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ฝึกทำโปรเจกต์วิทยาศาสตร์หรือโครงงานสิ่งประดิษฐ์เล็กๆ น้อยๆ
เยี่ยมชมโรงงานอุตสาหกรรม หรือศูนย์นวัตกรรม (ถ้ามีโอกาส)
อ่านหนังสือหรือบทความเกี่ยวกับสาขาวิศวกรรมต่างๆ เพื่อค้นหาสาขาที่สนใจจริงๆ
เมื่อจบ ม.ปลาย คุณจะต้องสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัย โดยส่วนใหญ่หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วศ.บ. หรือ B.Eng.) จะใช้เวลาเรียน 4 ปี
ปีที่ 1 (พื้นฐานวิศวกรรม):
เรียนวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวิชาพื้นฐานวิศวกรรมร่วมกัน เช่น แคลคูลัส ฟิสิกส์ เคมี เขียนแบบวิศวกรรม วัสดุวิศวกรรม
บางมหาวิทยาลัยอาจให้เรียนรวมก่อน แล้วค่อยเลือกสาขาในชั้นปีที่ 2
ปีที่ 2 - 3 (วิชาแกนหลักสาขา):
เริ่มเข้าสู่การเรียนวิชาเฉพาะทางของสาขาที่คุณเลือกอย่างลึกซึ้ง เช่น
โยธา: กลศาสตร์ของวัสดุ, วิศวกรรมโครงสร้าง, วิศวกรรมขนส่ง
ไฟฟ้า: วงจรไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักรไฟฟ้า, ระบบควบคุม
เครื่องกล: กลศาสตร์ของไหล, อุณหพลศาสตร์, การออกแบบเครื่องจักร, การสั่นสะเทือน
เคมี: กลศาสตร์ของไหล, การถ่ายโอนความร้อน/มวล, ปฏิกิริยาเคมีในกระบวนการ
คอมพิวเตอร์: โครงสร้างข้อมูล, อัลกอริทึม, สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์, การเขียนโปรแกรม
มีการเรียนปฏิบัติการ (Lab) และทำโปรเจกต์ย่อยๆ
ปีที่ 4 (วิชาเลือกและโปรเจกต์จบ):
เลือกเรียนวิชาเฉพาะทางที่สนใจมากขึ้น (Electives)
ทำโครงงานวิศวกรรม (Project) หรือวิทยานิพนธ์ (Thesis) ซึ่งเป็นการนำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาหรือออกแบบสิ่งใหม่ๆ
มีการฝึกงานในภาคอุตสาหกรรมหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อได้รับประสบการณ์การทำงานจริง
เมื่อจบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์แล้ว คุณยังไม่สามารถเป็น "วิศวกร" ที่ลงนามรับรองงานวิศวกรรมควบคุมได้ทันที จะต้องผ่านกระบวนการดังนี้:
การสมัครเป็นสมาชิกสภาวิศวกร: เพื่อเป็น "สมาชิก" ขององค์กรควบคุมวิชาชีพ
การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ใบ กว.):
ระดับภาคีวิศวกร: เป็นระดับเริ่มต้นสำหรับวิศวกรจบใหม่ ต้องสอบความรู้ตามเกณฑ์ของสภาวิศวกร ซึ่งครอบคลุมทั้งกฎหมาย จรรยาบรรณ และความรู้ทางเทคนิคของสาขาที่จบมา
การสะสมประสบการณ์: หลังจากเป็นภาคีวิศวกร คุณจะต้องทำงานและสะสมประสบการณ์ในสาขาของคุณตามที่สภาวิศวกรกำหนด (โดยทั่วไปอย่างน้อย 3 ปี) และมีการฝึกอบรมหรือสัมมนาเพิ่มเติม
ระดับสามัญวิศวกร/วุฒิวิศวกร: เมื่อมีประสบการณ์ครบถ้วนและผ่านการประเมินจากสภาวิศวกร คุณสามารถยื่นขอเลื่อนระดับเป็นสามัญวิศวกร และวุฒิวิศวกร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่มีอำนาจในการออกแบบ ควบคุม หรือให้คำปรึกษาโครงการวิศวกรรมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
เส้นทางอาชีพของวิศวกรมีความหลากหลายและสามารถเติบโตได้หลายรูปแบบ:
วิศวกรในองค์กร/บริษัท:
วิศวกรประจำโครงการ/ฝ่ายผลิต/ออกแบบ: รับผิดชอบงานในส่วนงานที่เฉพาะเจาะจง
วิศวกรอาวุโส/ผู้จัดการโครงการ: มีประสบการณ์สูงขึ้น รับผิดชอบโครงการใหญ่ขึ้น และบริหารทีมงาน
ผู้บริหารระดับสูง: อาจก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารในองค์กร เช่น ผู้จัดการโรงงาน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม
การทำงานในภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ: เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง การไฟฟ้า การประปา การรถไฟฯ หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
การทำงานในบริษัทที่ปรึกษา (Consulting Firm): ให้คำแนะนำ ออกแบบ และแก้ปัญหาให้กับลูกค้าในหลากหลายโครงการ
การเป็นผู้ประกอบการ/เจ้าของธุรกิจ (Entrepreneur): นำความรู้และทักษะทางวิศวกรรมมาสร้างธุรกิจของตัวเอง เช่น บริษัทรับเหมา บริษัทออกแบบ บริษัทพัฒนาเทคโนโลยี
นักวิชาการ/อาจารย์: ทำงานในมหาวิทยาลัย ทำการวิจัยและถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษารุ่นต่อไป
นักวิจัยและพัฒนา (R&D Engineer): ทำงานในศูนย์วิจัยของบริษัทหรือสถาบัน เพื่อคิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ
โลกของวิศวกรรมมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างรวดเร็ว วิศวกรที่ดีต้อง:
เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ: ติดตามความก้าวหน้าในสาขาของตนเองและสาขาที่เกี่ยวข้อง
เข้าอบรม/สัมมนา: เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะใหม่ๆ
อ่านวารสาร/งานวิจัย: ติดตามผลงานวิจัยและองค์ความรู้ใหม่ๆ ในวงการ
ต่อยอดการศึกษา: บางคนอาจเลือกเรียนต่อในระดับปริญญาโท (M.Eng./M.Sc.) หรือปริญญาเอก (D.Eng./Ph.D.) เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญในเชิงลึก
เส้นทางการเป็นวิศวกรนั้นท้าทายแต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสในการสร้างสรรค์และทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่างมหาศาลครับ
คณะและมหาวิทยาลัย
การเรียนวิศวกรรมศาสตร์ต้องอาศัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ รวมถึงทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ซึ่งมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศต่างก็มุ่งเน้นพัฒนาทักษะเหล่านี้
ในประเทศไทยมีคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างสูงหลายแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งก็มีความโดดเด่นในสาขาที่แตกต่างกันไป
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย:
จุดเด่น: เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ มีความแข็งแกร่งเกือบทุกสาขา โดยเฉพาะวิศวกรรมโยธา ไฟฟ้า เครื่องกล คอมพิวเตอร์ และปิโตรเลียม เน้นทั้งทฤษฎีและการวิจัย มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับต่างประเทศสูง
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.):
จุดเด่น: มีความโดดเด่นในสายวิศวกรรมศาสตร์ทุกสาขา เน้นทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ โดยเฉพาะวิศวกรรมไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และเมคคาทรอนิกส์ เป็นสถาบันที่ผลิตวิศวกรคุณภาพออกสู่ตลาดจำนวนมาก
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์:
จุดเด่น: มีคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่หลากหลายสาขา เน้นการพัฒนาทักษะวิชาชีพ และมีความโดดเด่นในสาขาวิศวกรรมเกษตร ชลประทาน และสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด):
จุดเด่น: เป็นที่รู้จักในด้านความเข้มข้นทางวิชาการและเทคโนโลยี เน้นการวิจัยและพัฒนา มีสาขาที่น่าสนใจ เช่น วิศวกรรมไฟฟ้า โยธา เครื่องกล และคอมพิวเตอร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ:
จุดเด่น: มีความโดดเด่นในสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ เครื่องกล และไฟฟ้า เน้นการประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ / มหาวิทยาลัยขอนแก่น / มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์:
จุดเด่น: เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในภูมิภาค มีคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่แข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลางการพัฒนาวิศวกรรมในแต่ละภาค
มหาวิทยาลัยศรีปทุม:
จุดเด่น: มีสาขาวิชาวิศวกรรมที่หลากหลาย รวมถึงสาขาที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในปัจจุบัน เช่น วิศวกรรมระบบราง เมคคาทรอนิกส์และออโตเมชัน
มหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนอื่นๆ: เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยมหานคร ก็มีคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในสาขาต่างๆ
การเรียนวิศวกรรมในต่างประเทศจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ระบบการศึกษาที่หลากหลาย และสร้างเครือข่ายระดับโลก
สหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ):
Massachusetts Institute of Technology (MIT):
จุดเด่น: อันดับ 1 ของโลกด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี เป็นศูนย์รวมนวัตกรรมและการวิจัยที่ล้ำสมัยในเกือบทุกสาขาวิศวกรรม โดยเฉพาะ วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเครื่องกล
Stanford University:
จุดเด่น: ตั้งอยู่ใน Silicon Valley ใกล้ชิดกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมไฟฟ้า และวิศวกรรมชีวการแพทย์
University of California, Berkeley (UC Berkeley):
จุดเด่น: มีคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่โดดเด่นหลายสาขา ทั้งวิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาการคอมพิวเตอร์ (EECS), วิศวกรรมโยธา และวิศวกรรมเครื่องกล
California Institute of Technology (Caltech):
จุดเด่น: สถาบันขนาดเล็กที่เน้นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่เข้มข้นและมีคุณภาพสูง
Georgia Institute of Technology (Georgia Tech):
จุดเด่น: มีชื่อเสียงโดดเด่นในด้านวิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมโยธา และวิศวกรรมการบินและอวกาศ
สหราชอาณาจักร (UK):
University of Cambridge:
จุดเด่น: คณะวิศวกรรมศาสตร์มีชื่อเสียงระดับโลก เน้นการสอนที่บูรณาการและแข็งแกร่งในสาขาพื้นฐาน
University of Oxford:
จุดเด่น: มีหลักสูตร Engineering Science ที่ครอบคลุมหลายสาขา เน้นการวิจัยและพื้นฐานทางทฤษฎีที่แข็งแกร่ง
Imperial College London:
จุดเด่น: เป็นหนึ่งในสถาบันชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม การแพทย์ และธุรกิจ เน้นการวิจัยที่ทันสมัยและมีความเป็นสากลสูง
University of Manchester:
จุดเด่น: มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมเคมี และเป็นที่ตั้งของสถาบัน Graphene ซึ่งเป็นผู้นำด้านวัสดุศาสตร์
University of Southampton:
จุดเด่น: โดดเด่นในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ และวิศวกรรมโยธา
ยุโรป (อื่นๆ):
ETH Zurich (สวิตเซอร์แลนด์):
จุดเด่น: เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมไฟฟ้า และวิศวกรรมเครื่องกล
Delft University of Technology (TU Delft) (เนเธอร์แลนด์):
จุดเด่น: มหาวิทยาลัยเทคนิคที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมการบิน และการออกแบบ
เอเชีย:
Tsinghua University (จีน):
จุดเด่น: เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมทุกสาขา โดยเฉพาะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์
National University of Singapore (NUS) (สิงคโปร์):
จุดเด่น: มหาวิทยาลัยชั้นนำในเอเชีย มีคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่แข็งแกร่งและหลากหลายสาขา
สาขาที่สนใจ: วิศวกรรมมีหลายสาขา ควรศึกษาแต่ละสาขาอย่างละเอียดว่าตรงกับความถนัดและความชอบของคุณหรือไม่
เกณฑ์การรับสมัคร: แต่ละมหาวิทยาลัยมีเกณฑ์การรับสมัครที่แตกต่างกัน ทั้งคะแนนสอบ (เช่น TCAS สำหรับไทย, SAT/ACT สำหรับต่างประเทศ) และความสามารถทางภาษา (เช่น IELTS/TOEFL สำหรับต่างประเทศ)
ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อวิศวกรรมศาสตร์ในต่างประเทศมักจะสูงกว่าในประเทศมาก ควรวางแผนงบประมาณให้ดี
การรับรองหลักสูตร: ตรวจสอบว่าหลักสูตรได้รับการรับรองจากสภาวิศวกรของประเทศนั้นๆ และสามารถนำมาขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ใบ กว.) ในประเทศไทยได้
โอกาสหลังเรียนจบ: พิจารณาเครือข่ายของมหาวิทยาลัยและโอกาสในการฝึกงานหรือทำงานหลังสำเร็จการศึกษา