การเป็นเชฟไม่ใช่แค่การทำอาหารให้อร่อย แต่เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะ วิทยาศาสตร์ ความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการภายใต้ความกดดัน เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความหลงใหล ความอดทน และวินัยอย่างสูงยิ่ง หากคุณเป็นนักเรียน ม.ปลาย ที่มีความสนใจในด้านนี้ นี่คือเส้นทางโดยละเอียดที่คุณสามารถเตรียมตัวได้ครับ
นี่คือช่วงเวลาของการค้นพบความสนใจในโลกของการทำอาหาร
ค้นพบความรักในการทำอาหาร: เริ่มจากการช่วยทำอาหารที่บ้าน ลองทำเมนูง่ายๆ หรือดูรายการทำอาหาร เพื่อสัมผัสกับความสุขของการสร้างสรรค์อาหาร
เรียนรู้พื้นฐาน: ทำความเข้าใจวัตถุดิบต่างๆ เครื่องมือในครัว และเทคนิคการทำอาหารเบื้องต้น
พัฒนาประสาทสัมผัส: ฝึกชิมรสชาติ กลิ่น และสัมผัสของอาหาร เพื่อแยกแยะส่วนผสมและปรับปรุงรสชาติ
เป็นช่วงเวลาที่เริ่มจริงจังกับการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะอย่างเป็นระบบ
วิชาที่ควรเน้นในระดับ ม.ปลาย:
วิทยาศาสตร์ (เคมี, ชีววิทยา): ช่วยให้เข้าใจคุณสมบัติของวัตถุดิบ การเปลี่ยนแปลงทางเคมีระหว่างการปรุง และสุขอนามัยอาหาร
คณิตศาสตร์: สำหรับการคำนวณสัดส่วนส่วนผสม การจัดการสต็อก และต้นทุน
ภาษาอังกฤษ: สำคัญสำหรับการศึกษาตำราอาหารต่างประเทศ การเรียนรู้เทคนิคจากเชฟระดับโลก และการทำงานในครัวนานาชาติ
ศิลปะ/ทัศนศิลป์: พัฒนาทักษะการจัดจาน การจัดองค์ประกอบ และสุนทรียภาพในการนำเสนออาหาร
การศึกษาต่อ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือผสมผสาน):
โรงเรียนสอนทำอาหาร/สถาบันอาชีวศึกษา (Culinary School/Vocational College):
จุดเด่น: เน้นการปฏิบัติจริง สอนเทคนิคการทำอาหารเฉพาะทาง (เช่น อาหารไทย, อาหารยุโรป, เบเกอรี่) การจัดการครัว สุขอนามัย และการบริหารจัดการร้านอาหาร ใช้เวลาเรียนสั้นกว่า (ประมาณ 1-2 ปีสำหรับหลักสูตรประกาศนียบัตร หรือ 2-3 ปีสำหรับอนุปริญญา)
ตัวอย่างสถาบันในไทย: โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต, วิทยาลัยดุสิตธานี, โรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี, วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี, วิทยาลัยอาชีวศึกษาต่างๆ
มหาวิทยาลัย (คณะคหกรรมศาสตร์ / อุตสาหกรรมบริการ / การจัดการโรงแรมและภัตตาคาร / วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร):
จุดเด่น: ให้ความรู้เชิงลึกทั้งด้านการทำอาหาร การจัดการธุรกิจอาหาร โภชนาการ วิทยาศาสตร์อาหาร และการบริหารจัดการบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการ ใช้เวลาเรียน 4 ปี เพื่อได้รับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยแนะนำ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดล (สถาบันโภชนาการ), มหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ, มหาวิทยาลัยศิลปากร (ด้านการออกแบบอาหาร)
นี่คือช่วงเวลาสำคัญในการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในครัวมืออาชีพ
การฝึกงาน (Internship/Apprenticeship):
เริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยในครัว (Commis Chef/Kitchen Hand) ในร้านอาหาร โรงแรม หรือภัตตาคาร เพื่อเรียนรู้การทำงานในครัวจริง การจัดการวัตถุดิบ การเตรียมอาหาร และการทำงานเป็นทีมภายใต้ความกดดัน
นี่คือช่วงเวลาที่ต้องใช้ความอดทนสูง ทำงานหนัก และเรียนรู้จากเชฟรุ่นพี่
การสั่งสมประสบการณ์:
ไต่เต้าตำแหน่งในครัว (Chef de Partie, Sous Chef) โดยรับผิดชอบในส่วนงานที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น (เช่น หัวหน้าส่วนครัวร้อน, หัวหน้าส่วนครัวเย็น, หัวหน้าส่วนเบเกอรี่) และเรียนรู้การบริหารจัดการทีม
เมื่อมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเพียงพอ คุณจะสามารถก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นได้
เชฟ (Chef): รับผิดชอบในการวางแผนเมนู ควบคุมคุณภาพอาหาร และบริหารจัดการครัว
หัวหน้าเชฟ (Head Chef/Executive Chef): เป็นผู้นำสูงสุดในครัว รับผิดชอบการบริหารจัดการครัวทั้งหมด ตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ การควบคุมต้นทุน การพัฒนาเมนู การบริหารบุคลากร และการควบคุมมาตรฐานสุขอนามัย
เชฟกระทะเหล็ก/เชฟชื่อดัง (Celebrity Chef): สำหรับผู้ที่มีฝีมือโดดเด่น มีความคิดสร้างสรรค์ และมีบุคลิกภาพที่น่าสนใจ อาจมีโอกาสเป็นที่รู้จักในวงกว้างผ่านสื่อต่างๆ
อาชีพเชฟมีความหลากหลายและสามารถเติบโตได้หลายรูปแบบ
เชฟในร้านอาหาร/โรงแรม: ทำงานในครัวของร้านอาหาร โรงแรม หรือรีสอร์ตต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เชฟส่วนตัว (Private Chef): ทำอาหารให้กับบุคคลหรือครอบครัวเป็นการส่วนตัว
เชฟที่ปรึกษา (Culinary Consultant): ให้คำแนะนำด้านการออกแบบเมนู การจัดการครัว หรือการพัฒนาธุรกิจอาหาร
เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร/คาเฟ่ (Restaurateur): นำความรู้และประสบการณ์มาเปิดร้านอาหารของตัวเอง
อาจารย์สอนทำอาหาร: ถ่ายทอดความรู้และทักษะให้กับนักเรียนที่สนใจ
นักเขียน/นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านอาหาร: เขียนหนังสือ ทำบล็อก ทำช่อง YouTube หรือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหาร
นักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร (R&D Chef): ทำงานในบริษัทอาหารเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
วงการอาหารมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอ เชฟที่ดีต้อง:
เรียนรู้เทคนิคและเทรนด์ใหม่ๆ: ติดตามนวัตกรรมด้านอาหาร วัตถุดิบใหม่ๆ และเทรนด์การกินทั่วโลก
เข้าร่วมการแข่งขัน/เวิร์คช็อป: เพื่อพัฒนาฝีมือและสร้างแรงบันดาลใจ
เดินทางและชิมอาหาร: เพื่อเปิดประสบการณ์และเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย
รักษามาตรฐานสุขอนามัย: ยึดมั่นในความสะอาดและความปลอดภัยของอาหารเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
พัฒนาทักษะการบริหารจัดการ: สำหรับผู้ที่ต้องการก้าวสู่ตำแหน่งผู้บริหารในครัว
เส้นทางการเป็นเชฟนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย ความกดดัน และชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน แต่สำหรับผู้ที่มีความหลงใหลในการทำอาหารอย่างแท้จริง และมีความสุขกับการได้เห็นผู้คนเพลิดเพลินกับผลงานของตนเอง อาชีพนี้ก็เป็นอาชีพที่สร้างความภาคภูมิใจและเติมเต็มชีวิตได้อย่างยิ่งครับ
แนะนำคณะและมหาวิทยาลัย
สำหรับนักเรียนที่อยากเป็นเชฟ การเลือกคณะและมหาวิทยาลัยที่เหมาะสมจะช่วยปูทางสู่การเป็นมืออาชีพในวงการอาหารได้เป็นอย่างดีครับ การศึกษาในสายนี้มีทั้งหลักสูตรที่เน้นการปฏิบัติจริงในโรงเรียนสอนทำอาหาร และหลักสูตรเชิงวิชาการในมหาวิทยาลัย ผมจะแนะนำทั้งในประเทศและต่างประเทศให้พิจารณา
ในประเทศไทย มีสถาบันที่เปิดสอนด้านการประกอบอาหารและการจัดการธุรกิจอาหารหลากหลายรูปแบบ:
1. โรงเรียนสอนทำอาหาร / สถาบันอาชีวศึกษา (เน้นการปฏิบัติจริง):
สถาบันเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เทคนิคการทำอาหารอย่างเข้มข้นและรวดเร็ว เพื่อเข้าสู่สายอาชีพโดยตรง
โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต (Le Cordon Bleu Dusit Culinary School):
จุดเด่น: เป็นสาขาของสถาบันสอนทำอาหารระดับโลก มีชื่อเสียงด้านมาตรฐานการสอนที่เข้มข้นและเป็นสากล สอนอาหารฝรั่งเศสและอาหารไทย
วิทยาลัยดุสิตธานี:
จุดเด่น: มีหลักสูตรด้านการโรงแรมและการประกอบอาหารที่ครบวงจร เน้นการปฏิบัติจริงในสภาพแวดล้อมเสมือนโรงแรม
โรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี (MSC Thai Culinary School):
จุดเด่น: เน้นการสอนอาหารไทยโดยเฉพาะ มีหลักสูตรที่หลากหลายสำหรับผู้สนใจอาหารไทย
วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี:
จุดเด่น: สถาบันที่เน้นการสอนทำอาหารไทยและขนมไทย มีชื่อเสียงและประสบการณ์ยาวนาน
วิทยาลัยอาชีวศึกษาต่างๆ (เช่น วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี, วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี):
จุดเด่น: มีหลักสูตรคหกรรมศาสตร์ หรืออาหารและโภชนาการ ที่เน้นการปฏิบัติและค่าใช้จ่ายไม่สูง
2. มหาวิทยาลัย (เน้นวิชาการและการจัดการ):
คณะเหล่านี้จะให้ความรู้เชิงลึกทั้งด้านการทำอาหาร วิทยาศาสตร์อาหาร โภชนาการ และการบริหารจัดการธุรกิจอาหาร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์:
คณะคหกรรมศาสตร์ (สาขาอาหารและโภชนาการ): เน้นวิทยาศาสตร์อาหาร โภชนาการ และการประกอบอาหาร
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย:
คณะสหเวชศาสตร์ (สาขาโภชนาการและการกำหนดอาหาร): เน้นด้านโภชนาการและวิทยาศาสตร์อาหาร
มหาวิทยาลัยมหิดล:
สถาบันโภชนาการ: มีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์อาหารและโภชนาการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ (เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา):
จุดเด่น: มีคณะ/สาขาที่เกี่ยวข้องกับคหกรรมศาสตร์ อุตสาหกรรมอาหาร หรือการจัดการโรงแรมและภัตตาคาร
มหาวิทยาลัยศิลปากร:
คณะวิทยาการจัดการ (สาขาการจัดการโรงแรมและภัตตาคาร): บางหลักสูตรอาจเน้นด้านการออกแบบอาหารและการจัดการธุรกิจอาหาร
การเรียนในต่างประเทศจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับเทคนิคการทำอาหารระดับโลก วัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย และสร้างเครือข่ายกับเชฟและบุคลากรในวงการอาหารจากทั่วโลก
1. โรงเรียนสอนทำอาหารระดับโลก (Culinary Schools):
สถาบันเหล่านี้มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่ยอมรับในวงการอาหารทั่วโลก
Le Cordon Bleu (ฝรั่งเศส, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย และอื่นๆ):
จุดเด่น: สถาบันสอนทำอาหารคลาสสิกของฝรั่งเศสที่มีสาขาทั่วโลก เน้นเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสและเบเกอรี่แบบดั้งเดิม
Culinary Institute of America (CIA) (สหรัฐอเมริกา):
จุดเด่น: เป็นหนึ่งในโรงเรียนสอนทำอาหารชั้นนำของโลก มีหลักสูตรที่หลากหลายตั้งแต่การทำอาหาร การอบขนม ไปจนถึงการจัดการธุรกิจอาหาร
Johnson & Wales University (สหรัฐอเมริกา):
จุดเด่น: มีหลักสูตรด้านการประกอบอาหาร การจัดการบริการอาหาร และการจัดการโรงแรมที่ครอบคลุม
Auguste Escoffier School of Culinary Arts (สหรัฐอเมริกา):
จุดเด่น: เน้นการสอนเทคนิคการทำอาหารคลาสสิกและสมัยใหม่
Institut Paul Bocuse (ฝรั่งเศส):
จุดเด่น: ก่อตั้งโดยเชฟระดับตำนาน Paul Bocuse เน้นความเป็นเลิศด้านการทำอาหารและการจัดการโรงแรม
2. มหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรด้านการโรงแรม / การจัดการอาหาร / วิทยาศาสตร์อาหาร:
บางมหาวิทยาลัยมีคณะหรือหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารและการจัดการในอุตสาหกรรมบริการอาหาร
Cornell University (สหรัฐอเมริกา):
School of Hotel Administration: มีชื่อเสียงระดับโลกด้านการจัดการโรงแรมและภัตตาคาร ซึ่งรวมถึงการจัดการอาหารและเครื่องดื่ม
EHL (Ecole hôtelière de Lausanne) (สวิตเซอร์แลนด์):
จุดเด่น: เป็นหนึ่งในโรงเรียนการโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก เน้นการจัดการธุรกิจบริการ รวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
University of Surrey (สหราชอาณาจักร):
School of Hospitality and Tourism Management: มีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาหารและเครื่องดื่ม
Wageningen University & Research (เนเธอร์แลนด์):
จุดเด่น: มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์การอาหารและเทคโนโลยีอาหาร ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับเชฟที่สนใจด้าน R&D
เป้าหมายอาชีพ:
ถ้าต้องการเน้นทักษะการทำอาหารและเข้าสู่ครัวเร็ว: โรงเรียนสอนทำอาหาร/อาชีวศึกษา
ถ้าต้องการความรู้เชิงลึกด้านวิทยาศาสตร์อาหาร การจัดการธุรกิจ และโอกาสในการเป็นผู้บริหาร: มหาวิทยาลัย
ค่าใช้จ่าย: การเรียนทำอาหาร โดยเฉพาะในสถาบันต่างประเทศ มักมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์ และค่าวัตถุดิบ
ภาษา: หากเรียนต่างประเทศ ความสามารถทางภาษาอังกฤษ (หรือภาษาท้องถิ่น) เป็นสิ่งสำคัญมาก
การฝึกงาน: ตรวจสอบว่าหลักสูตรมีการฝึกงานในร้านอาหารหรือโรงแรมชั้นนำหรือไม่ เพราะประสบการณ์จริงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เครือข่าย: สถาบันที่มีเครือข่ายศิษย์เก่าที่แข็งแกร่ง หรือมีความร่วมมือกับอุตสาหกรรม จะช่วยเปิดโอกาสในการทำงาน
การเป็นเชฟเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความหลงใหลและความทุ่มเทอย่างมากครับ ขอให้คุณพิเชษฐ์สนุกกับการค้นหาเส้นทางที่ใช่ในโลกของการทำอาหารนะครับ!