สำหรับนักเรียนหรือใครก็ตามที่กำลังมีความฝันอยากเป็นนักจิตวิทยา ไม่ว่าจะด้วยแรงบันดาลใจจากการอยากช่วยเหลือผู้อื่น ทำความเข้าใจมนุษย์ หรือแม้แต่พัฒนาตนเองให้เติบโต คำถามสำคัญที่มักผุดขึ้นมาคือ "จะเลือกเรียนคณะจิตวิทยาที่ไหนดี? ในประเทศไทย หรือไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างออสเตรเลียดี?"
การตัดสินใจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั้งสองทางเลือกต่างมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ขอพามาดูกันว่าแต่ละเส้นทางนั้นมีอะไรที่ควรพิจารณาบ้าง
การเรียนจิตวิทยาในบ้านเราได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งที่เปิดสอนในหลากหลายสาขา
ค่าใช้จ่ายที่เอื้อมถึง: ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพในประเทศไทยถูกกว่าออสเตรเลียอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้ปกครองหรือนักศึกษาสามารถบริหารจัดการงบประมาณได้ง่ายขึ้น
ความคุ้นเคยทางวัฒนธรรม: การเรียนในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ทั้งภาษา วัฒนธรรม และสังคม จะช่วยให้ปรับตัวได้ง่ายขึ้น และอาจรู้สึกสบายใจในการเรียนรู้และทำความเข้าใจบริบทของปัญหาทางจิตวิทยาในสังคมไทย
เครือข่ายและความสัมพันธ์: การสร้างคอนเนกชันกับเพื่อนร่วมชั้น อาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญในวงการจิตวิทยาไทยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานในประเทศ
หลักสูตรที่เข้ากับบริบทไทย: หลักสูตรมักถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับปัญหา สังคม และวัฒนธรรมของคนไทย ทำให้เข้าใจและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยหรือผู้รับบริการในบริบทไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทางเลือกสาขาอาจจำกัดกว่า: แม้จะมีหลายสาขา แต่บางความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอาจยังมีไม่มากเท่าในต่างประเทศ
ประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมนานาชาติ: การเรียนในไทยอาจจำกัดโอกาสในการสัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองจากทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักจิตวิทยาในยุคโลกาภิวัตน์
การแข่งขันสูง: จำนวนผู้จบการศึกษาอาจมีมากในบางสาขา ทำให้การแข่งขันในตลาดแรงงานสูงขึ้น
ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำด้านการศึกษา โดยเฉพาะในสาขาจิตวิทยา ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล
มาตรฐานการศึกษาระดับโลก: มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียหลายแห่งมีชื่อเสียงด้านจิตวิทยา หลักสูตรได้รับการรับรองโดย Australian Psychology Accreditation Council (APAC) ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมคุณภาพการศึกษาด้านจิตวิทยา ทำให้มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน
โอกาสในการประกอบอาชีพในต่างประเทศ: การจบจากออสเตรเลียช่วยเปิดประตูสู่การทำงานในออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ ที่ยอมรับคุณวุฒิ รวมถึงมีเส้นทางการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ชัดเจน
ความหลากหลายของสาขา: มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางให้เลือกมากมาย ตั้งแต่จิตวิทยาคลินิก องค์กร การศึกษา นิติเวช ไปจนถึงสาขาที่กำลังเป็นที่ต้องการ
ประสบการณ์ต่างวัฒนธรรม: การได้เรียนรู้และใช้ชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรม ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสาร ความเข้าใจในความแตกต่าง และมุมมองที่กว้างขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักจิตวิทยา
โอกาสในการทำงานหลังเรียนจบ: รัฐบาลออสเตรเลียมีนโยบายสนับสนุนให้นักศึกษาต่างชาติทำงานในออสเตรเลียหลังเรียนจบผ่านวีซ่าทำงานพิเศษ (Post-study work visa) ทำให้มีโอกาสในการสั่งสมประสบการณ์จริง
ค่าใช้จ่ายสูง: ทั้งค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ (ที่พัก อาหาร การเดินทาง) สูงกว่าประเทศไทยมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ
การปรับตัวทางวัฒนธรรม: การใช้ชีวิตในต่างแดนต้องใช้เวลาและพลังงานในการปรับตัว ทั้งเรื่องภาษา สำเนียง อาหารการกิน และวิถีชีวิต
ข้อกำหนดด้านภาษาและคุณวุฒิ: การเข้าเรียนต้องมีผลคะแนนภาษาอังกฤษตามเกณฑ์ (เช่น IELTS, PTE) และคุณวุฒิปริญญาตรีจากไทยอาจต้องได้รับการเทียบโอน หรือต้องเรียนต่อในระดับสูงขึ้นเพื่อประกอบวิชาชีพได้
การแข่งขันเพื่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ: แม้จะจบจากสถาบันในออสเตรเลียแล้ว การจะได้เป็น "นักจิตวิทยา" ที่จดทะเบียนนั้น ต้องผ่านขั้นตอนการฝึกงานภายใต้การดูแลและการสอบ ซึ่งมีความท้าทาย
ในประเทศไทย คณะจิตวิทยามักจะอยู่ในรูปแบบของ "คณะจิตวิทยา" โดยตรง หรือเป็น "ภาควิชาจิตวิทยา" ที่สังกัดอยู่ในคณะอื่นๆ เช่น คณะศิลปศาสตร์, คณะสังคมศาสตร์, หรือแม้แต่คณะศึกษาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย:
คณะจิตวิทยา: เป็นคณะจิตวิทยาโดยตรงแห่งแรกของประเทศไทย เปิดสอนทั้งระดับปริญญาตรี โท เอก ครอบคลุมหลากหลายสาขา (จิตวิทยาคลินิก, จิตวิทยาพัฒนาการ, จิตวิทยาสังคม, จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร, จิตวิทยาการปรึกษา, จิตวิทยาชุมชน)
ชื่อเสียง: มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับสูงในวงการ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์:
คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา: มีชื่อเสียงด้านจิตวิทยาสังคมและจิตวิทยาการปรึกษา
ชื่อเสียง: เป็นอีกหนึ่งสถาบันชั้นนำที่ผลิตบุคลากรด้านจิตวิทยาคุณภาพ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์:
คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชาจิตวิทยา: เปิดสอนหลากหลายสาขาเช่นกัน
ชื่อเสียง: มีจุดเด่นด้านจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร และจิตวิทยาพัฒนาการ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่:
คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาจิตวิทยา: เน้นจิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาการแนะแนว
ชื่อเสียง: เป็นศูนย์กลางการศึกษาด้านจิตวิทยาในภาคเหนือ
มหาวิทยาลัยมหิดล:
วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา สาขาจิตวิทยาการกีฬา: มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านจิตวิทยาการกีฬา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ (บางหลักสูตร): อาจมีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาคลินิกในระดับบัณฑิตศึกษาสำหรับผู้สนใจ
ระดับปริญญาตรี:
ค่าเทอม: โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 15,000 - 30,000 บาทต่อภาคการศึกษา (สำหรับหลักสูตรปกติ) หรือ 50,000 - 100,000 บาทต่อภาคการศึกษา สำหรับหลักสูตรนานาชาติ/พิเศษ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: ค่าหนังสือ อุปกรณ์การเรียน ค่าครองชีพ (ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง) ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล
ระดับปริญญาโท/เอก:
ค่าเทอม: อาจสูงขึ้นเล็กน้อย อยู่ระหว่าง 30,000 - 50,000 บาทต่อภาคการศึกษา สำหรับหลักสูตรปกติ หรือ 100,000 - 150,000 บาทต่อภาคการศึกษา สำหรับหลักสูตรนานาชาติ/พิเศษ
รวมค่าใช้จ่ายต่อปี (ประมาณการ):
หลักสูตรปกติ: 100,000 - 250,000 บาทต่อปี (รวมค่าเทอมและค่าครองชีพพื้นฐาน)
หลักสูตรนานาชาติ/พิเศษ: 250,000 - 500,000 บาทต่อปี หรือมากกว่า (รวมค่าเทอมและค่าครองชีพ)
การเรียนจิตวิทยาในออสเตรเลียนั้นมีโครงสร้างที่ชัดเจนและมักเป็นไปตามการรับรองของ Australian Psychology Accreditation Council (APAC) มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะมี "School of Psychology" หรือ "Department of Psychology" อยู่ภายใต้ Faculty of Science, Faculty of Arts and Social Sciences หรือ Faculty of Health Sciences
ออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งที่เปิดสอนจิตวิทยาและได้รับการจัดอันดับสูงในระดับโลก ตัวอย่างเช่น:
University of Melbourne: School of Psychological Sciences (เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงมาก)
University of Sydney: School of Psychology
University of Queensland: School of Psychology
UNSW Sydney: School of Psychology
Monash University: School of Psychological Sciences
Australian National University (ANU): Research School of Psychology
มหาวิทยาลัยเหล่านี้มักมีหลักสูตรที่ครบวงจร ตั้งแต่ปริญญาตรี (Bachelor of Psychology/Psychological Science), Honours year (ปีเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในระดับสูงขึ้น), ปริญญาโท (Master of Psychology - Clinical/Organisational/Forensic etc.), และปริญญาเอก (PhD/Doctor of Psychology)
ค่าใช้จ่ายที่ออสเตรเลียจะสูงกว่าไทยมาก โดยแบ่งเป็นค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ
ระดับปริญญาตรี (Bachelor of Psychological Science/Psychology):
ค่าเล่าเรียนต่อปี: ประมาณ $30,000 - $45,000 AUD (ประมาณ 720,000 - 1,080,000 บาท) ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและหลักสูตร
ระดับปริญญาโท (Master of Psychology):
ค่าเล่าเรียนต่อปี: ประมาณ $35,000 - $50,000 AUD (ประมาณ 840,000 - 1,200,000 บาท) โดยเฉพาะหลักสูตร Clinical Psychology อาจสูงกว่านี้
หมายเหตุ: หลักสูตรปริญญาโทด้านจิตวิทยาในออสเตรเลียมักใช้เวลา 2 ปี และเป็นทางเลือกหลักสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักจิตวิทยาจดทะเบียน
ระดับปริญญาเอก (PhD/Doctor of Psychology):
ค่าเล่าเรียนต่อปี: ประมาณ $30,000 - $45,000 AUD (ประมาณ 720,000 - 1,080,000 บาท)
มีโอกาสได้ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาวิจัย
ค่าครองชีพต่อปี (Living Expenses) โดยประมาณ:
แนะนำโดยรัฐบาลออสเตรเลีย: อย่างน้อย $24,500 AUD ต่อปี (ประมาณ 588,000 บาท) สำหรับค่าที่พัก อาหาร การเดินทาง และค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ
เมืองใหญ่ (Sydney, Melbourne): อาจสูงกว่านี้ คือประมาณ $25,000 - $35,000+ AUD ต่อปี (600,000 - 840,000+ บาท)
เมืองรอง (Adelaide, Brisbane, Perth): อาจประหยัดลงมาได้เล็กน้อย
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปี (ประมาณการ):
ระดับปริญญาตรี: $54,500 - $80,000+ AUD ต่อปี (ประมาณ 1,300,000 - 1,920,000+ บาท)
ระดับปริญญาโท: $59,500 - $85,000+ AUD ต่อปี (ประมาณ 1,420,000 - 2,040,000+ บาท)
อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ: 1 AUD ≈ 24 บาท (โปรดตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบันอีกครั้ง)
การทำงานด้านจิตวิทยาในออสเตรเลีย
การจบด้านจิตวิทยาแล้วต้องการหางานทำในออสเตรเลียนั้น สามารถทำได้แน่นอนครับ แต่มีข้อกำหนดและเส้นทางที่ต้องพิจารณาค่อนข้างมาก เนื่องจากจิตวิทยาเป็นวิชาชีพที่ได้รับการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดในออสเตรเลีย
นี่คือประเด็นสำคัญที่นักเรียนควรทราบ:
1. การรับรองคุณวุฒิและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (Registration):
ข้อกำหนดพื้นฐาน: ในออสเตรเลีย การจะเป็น "นักจิตวิทยา" (Psychologist) ที่ได้รับการจดทะเบียนนั้น จะต้องสำเร็จการศึกษาและฝึกอบรมในสาขาจิตวิทยาอย่างน้อย 6 ปี โดยทั่วไปจะประกอบด้วย:
ปริญญาตรีจิตวิทยาที่ได้รับการรับรองจาก Australian Psychology Accreditation Council (APAC) (3-4 ปี)
การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรี (เช่น Master of Psychology หรือ Doctor of Psychology) ที่ได้รับการรับรองจาก APAC (1-2 ปี) หรือ
เส้นทาง 5+1 คือ ปริญญาตรี 3 ปี + เกียรตินิยม 1 ปี + การฝึกงานภายใต้การดูแล (supervised practice) อีก 1 ปี (รวมเป็น 5 ปี) หรือบางแหล่งข้อมูลระบุเป็น 6 ปีการศึกษาและฝึกอบรม
การประเมินคุณสมบัติ (Skills Assessment): คุณวุฒิที่จบจากประเทศไทยจะต้องได้รับการประเมินโดย Australian Psychological Society (APS) เพื่อพิจารณาว่าเทียบเท่ากับคุณวุฒิในออสเตรเลียหรือไม่
การลงทะเบียน (Registration): หากผ่านการประเมินคุณสมบัติแล้ว จะต้องสมัครลงทะเบียนกับ Psychology Board of Australia (PsyBA) ภายใต้ Australian Health Practitioner Regulation Agency (AHPRA) ซึ่งอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น การสอบ หรือการฝึกงานเพิ่มเติม
2. ประเภทของงานด้านจิตวิทยา:
ตลาดงานด้านจิตวิทยาในออสเตรเลียมีความหลากหลาย ตัวอย่างอาชีพที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา ได้แก่:
นักจิตวิทยาคลินิก (Clinical Psychologist): ต้องมีคุณสมบัติและประสบการณ์เฉพาะทางสูง มักเกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยและบำบัดปัญหาสุขภาพจิต
นักจิตวิทยาองค์กร (Organisational Psychologist): ทำงานในองค์กรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและสวัสดิภาพของพนักงาน
นักจิตวิทยาการศึกษา (Educational Psychologist): ทำงานในสถานศึกษา ให้คำปรึกษาและสนับสนุนนักเรียน
นักจิตวิทยาอาชญาวิทยา (Forensic Psychologist): ทำงานในระบบยุติธรรม
ที่ปรึกษา (Counsellor/Therapist): คำว่า "Counsellor" หรือ "Therapist" ในออสเตรเลียไม่ได้ถูกคุ้มครองอย่างนักจิตวิทยา (Psychologist) ใครๆ ก็สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นที่ปรึกษาได้ แต่การมีคุณวุฒิและประสบการณ์ที่ได้รับการรับรองจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการทำงานได้มาก
นักวิจัยด้านจิตวิทยา (Psychology Researcher): ทำงานในสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานวิจัย
ตำแหน่งอื่น ๆ: งานที่เกี่ยวข้องกับการให้คำปรึกษา การแนะแนว การจัดการเคส การจัดทำนโยบาย หรือการบริการลูกค้าที่ต้องใช้ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์และการสื่อสาร
3. โอกาสในการทำงานและวีซ่า:
สายอาชีพที่มีความต้องการสูง: นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตวิทยาองค์กร และนักจิตวิทยาการศึกษา มักจะอยู่ในรายชื่ออาชีพขาดแคลน (Skilled Occupation List) ซึ่งมีโอกาสในการขอวีซ่าทำงานหรือวีซ่าถาวรได้ง่ายขึ้น
วีซ่าประเภทต่างๆ:
Skilled Migration Visas (Subclass 189, 190, 491): เป็นวีซ่าสำหรับผู้มีทักษะเฉพาะทางที่ออสเตรเลียต้องการ อาชีพนักจิตวิทยาหลายสาขาอยู่ในรายชื่อนี้ ต้องผ่านการประเมินคะแนน (Points Test)
Employer Sponsored Visas (เช่น Subclass 482, 186): หากมีนายจ้างในออสเตรเลียสปอนเซอร์ให้ จะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง
Graduate Visa (Subclass 485): หากพิเชษฐ์สำเร็จการศึกษาด้านจิตวิทยาในออสเตรเลีย สามารถขอวีซ่านี้เพื่อทำงานและหาประสบการณ์หลังเรียนจบได้
เงินเดือน: โดยเฉลี่ยแล้ว นักจิตวิทยาในออสเตรเลียมีรายได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์สูงหรือเป็นนักจิตวิทยาคลินิก
การแข่งขัน: ตำแหน่งนักจิตวิทยาคลินิกค่อนข้างมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะหลักสูตรระดับปริญญาโท
คำแนะนำ:
ประเมินคุณวุฒิ: สิ่งแรกที่ควรทำคือตรวจสอบว่าคุณวุฒิด้านจิตวิทยาที่พิเชษฐ์จบมานั้นสามารถเทียบเท่ากับคุณวุฒิของออสเตรเลียได้หรือไม่ โดยติดต่อ Australian Psychological Society (APS) เพื่อขอข้อมูลและขั้นตอนการประเมิน
ศึกษาข้อกำหนดการลงทะเบียน: ทำความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของ Psychology Board of Australia (PsyBA) สำหรับการลงทะเบียนเป็นนักจิตวิทยา โดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่จบจากต่างประเทศ
พัฒนาภาษาอังกฤษ: ต้องมีผลสอบภาษาอังกฤษที่ได้คะแนนสูง (เช่น IELTS Academic คะแนนรวม 7.0 ขึ้นไป โดยไม่มีพาร์ทใดต่ำกว่า 7.0 หรือ PTE Academic คะแนนรวม 65 ขึ้นไป)
พิจารณาการศึกษาต่อ: หากคุณวุฒิเดิมไม่เป็นไปตามข้อกำหนด การเรียนต่อปริญญาโทหรือปริญญาเอกด้านจิตวิทยาในออสเตรเลียที่ได้รับการรับรองจาก APAC เป็นเส้นทางที่ชัดเจนที่สุดในการเข้าสู่วิชาชีพนี้
หาข้อมูลตลาดงาน: ศึกษาประเภทของงานจิตวิทยาที่กำลังเป็นที่ต้องการ และพิจารณาความสนใจของตนเองว่าอยากทำงานด้านไหนเป็นพิเศษ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขอวีซ่าและเส้นทางอาชีพ ควรปรึกษาตัวแทน Migration Agent ที่เชี่ยวชาญด้านวีซ่าทักษะ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหางานในออสเตรเลีย
สรุปคือ เป็นไปได้ ครับ แต่ต้องเตรียมตัวในเรื่องคุณสมบัติ การรับรองคุณวุฒิ ภาษาอังกฤษ และขั้นตอนการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้พร้อมครับ
ค่าตอบแทนของนักจิตวิทยาในออสเตรเลียนั้น ค่อนข้างดี และจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:
ประสบการณ์: ยิ่งมีประสบการณ์มาก ค่าตอบแทนยิ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง: นักจิตวิทยาบางสาขา เช่น นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตวิทยาองค์กร หรือนักจิตวิทยานิติเวช มักจะมีค่าตอบแทนสูงกว่านักจิตวิทยาทั่วไป
สถานที่ทำงาน: เมืองใหญ่หรือพื้นที่ที่มีความต้องการสูง อาจมีค่าตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่า
รูปแบบการทำงาน: ทำงานในภาครัฐ เอกชน คลินิกส่วนตัว หรือเป็นผู้รับเหมาอิสระ ก็มีผลต่อรายได้
โดยเฉลี่ยแล้ว นักจิตวิทยาในออสเตรเลียมีรายได้ประมาณ $85,000 - $110,000 AUD ต่อปี
นักจิตวิทยาที่เพิ่งจบใหม่ (Entry-level) อาจเริ่มต้นที่ประมาณ $73,000 - $94,000 AUD ต่อปี
นักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์สูง (Experienced) สามารถทำรายได้สูงถึง $120,000 - $150,000 AUD ต่อปี หรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะในตำแหน่งบริหาร หรือเปิดคลินิกส่วนตัว
ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ แสดงให้เห็นว่าแต่ละสาขาความเชี่ยวชาญมีค่าตอบแทนเฉลี่ยที่แตกต่างกัน:
นักจิตวิทยาคลินิก (Clinical Psychologist): เป็นสาขาที่มีความต้องการสูงและมีรายได้ดี เฉลี่ยประมาณ $105,000 - $125,000 AUD ต่อปี โดยนักจิตวิทยาคลินิกที่มีประสบการณ์สูงสามารถทำรายได้ถึง $140,000 AUD หรือมากกว่า
นักจิตวิทยาองค์กร (Organisational Psychologist): มีรายได้เฉลี่ยสูงเช่นกัน ประมาณ $115,000 - $150,000 AUD ต่อปี
นักจิตวิทยานิติเวช (Forensic Psychologist): รายได้เฉลี่ยประมาณ $108,000 - $130,000 AUD ต่อปี
นักจิตวิทยาการศึกษา (Educational Psychologist): รายได้เฉลี่ยประมาณ $88,000 - $113,000 AUD ต่อปี
นักจิตวิทยาให้คำปรึกษา (Counselling Psychologist): รายได้เฉลี่ยประมาณ $93,000 - $105,000 AUD ต่อปี (แต่หากเป็นเพียง "Counsellor" ที่ไม่ใช่นักจิตวิทยาที่ได้รับการจดทะเบียน รายได้อาจแตกต่างกันไป)
ภาครัฐ vs. เอกชน: งานในภาครัฐหรือองค์กรขนาดใหญ่อาจมีโครงสร้างเงินเดือนและสวัสดิการที่ชัดเจน ในขณะที่การทำงานในคลินิกส่วนตัว หรือการเป็นผู้รับเหมาอิสระอาจมีรายได้ที่ผันผวนกว่า แต่ก็มีศักยภาพในการทำรายได้ที่สูงกว่าหากมีฐานลูกค้าที่ดี
พื้นที่: ซิดนีย์และเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และมีความต้องการสูง มักจะมีค่าตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าเมืองอื่นๆ หรือพื้นที่ชนบท
รูปแบบการจ้างงาน: การเป็นพนักงานประจำ (Salaried) เทียบกับการเป็นผู้รับเหมา (Contractor) หรือการเปิดคลินิกของตัวเอง (Private Practice) ก็ส่งผลต่อรายได้สุทธิที่ได้รับเช่นกัน
โดยรวมแล้ว การเป็นนักจิตวิทยาในออสเตรเลียเป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนที่มั่นคงและมีศักยภาพในการเติบโตทางรายได้ที่ดีครับ
การทำงานด้านจิตวิทยาในประเทศไทยค่อนข้างหลากหลายครับ ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ แต่สิ่งสำคัญคือ ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับใบประกอบวิชาชีพนักจิตวิทยาอย่างเป็นทางการ เหมือนแพทย์หรือพยาบาล แต่ก็มีสมาคมวิชาชีพต่างๆ ที่ช่วยกำหนดมาตรฐานและส่งเสริมจรรยาบรรณ
โดยทั่วไปแล้ว สาขาจิตวิทยาที่จบมาจะนำไปสู่สายงานหลักๆ ดังนี้ครับ:
1. นักจิตวิทยาคลินิก (Clinical Psychologist)
ลักษณะงาน: ทำงานในโรงพยาบาล (รัฐและเอกชน) ศูนย์สุขภาพจิต คลินิก หรือเปิดคลินิกส่วนตัว ให้บริการประเมิน วินิจฉัย และบำบัดทางจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวล ไบโพลาร์ ปัญหาความสัมพันธ์ เป็นต้น ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านจิตพยาธิวิทยาและเทคนิคการบำบัด
วุฒิที่ต้องการ: ส่วนใหญ่ต้องจบปริญญาโทหรือปริญญาเอกด้านจิตวิทยาคลินิกโดยตรง
ค่าตอบแทน (ต่อเดือน):
เริ่มต้น (ภาครัฐ): ประมาณ 18,000 - 25,000 บาท (ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและโครงสร้างเงินเดือนของหน่วยงาน)
เริ่มต้น (เอกชน/คลินิก): ประมาณ 25,000 - 40,000 บาท
มีประสบการณ์/เชี่ยวชาญ: 40,000 - 80,000+ บาท (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และชื่อเสียง หากเปิดคลินิกส่วนตัวและมีลูกค้ามาก รายได้อาจสูงกว่านี้มาก)
2. นักจิตวิทยาการปรึกษา (Counseling Psychologist)
ลักษณะงาน: ทำงานในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ศูนย์ให้คำปรึกษา องค์กร หรือเปิดให้บริการส่วนตัว ให้บริการให้คำปรึกษา แนะนำ ช่วยเหลือบุคคลในการจัดการปัญหาชีวิต ปัญหาความสัมพันธ์ ปัญหาการเรียน การทำงาน เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดี
วุฒิที่ต้องการ: ปริญญาโทหรือเอกด้านจิตวิทยาการปรึกษา
ค่าตอบแทน (ต่อเดือน):
เริ่มต้น: ประมาณ 18,000 - 30,000 บาท
มีประสบการณ์: 30,000 - 60,000+ บาท (หากทำงานอิสระหรือเปิดบริการส่วนตัว รายได้จะขึ้นอยู่กับจำนวนลูกค้า)
3. นักจิตวิทยาพัฒนาการ (Developmental Psychologist)
ลักษณะงาน: ทำงานในโรงพยาบาล (แผนกกุมารเวช/เด็ก) ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน สถาบันวิจัย ประเมินและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปกติและเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ ให้คำแนะนำผู้ปกครอง ครู
วุฒิที่ต้องการ: ปริญญาโทด้านจิตวิทยาพัฒนาการ
ค่าตอบแทน (ต่อเดือน):
เริ่มต้น: ประมาณ 18,000 - 30,000 บาท
มีประสบการณ์: 30,000 - 55,000+ บาท
4. นักจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร (Industrial-Organizational Psychologist)
ลักษณะงาน: ทำงานในองค์กรเอกชน บริษัท หน่วยงานราชการ แผนกทรัพยากรบุคคล (HR) วางแผนและพัฒนาระบบการบริหารงานบุคคล การคัดเลือกพนักงาน การฝึกอบรม การประเมินผลงาน การพัฒนาองค์กร การสร้างขวัญกำลังใจพนักงาน
วุฒิที่ต้องการ: ปริญญาโทด้านจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
ค่าตอบแทน (ต่อเดือน):
เริ่มต้น: ประมาณ 20,000 - 35,000 บาท (ตำแหน่ง HR specialist, OD specialist, Training specialist)
มีประสบการณ์/ระดับผู้จัดการ: 35,000 - 70,000+ บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดองค์กรและประสบการณ์)
5. นักจิตวิทยาการศึกษา/แนะแนว (Educational/Guidance Psychologist)
ลักษณะงาน: ทำงานในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ศูนย์แนะแนว ให้คำปรึกษาด้านการเรียน การเลือกอาชีพ การปรับตัวในโรงเรียน ช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาการเรียน หรือพฤติกรรม
วุฒิที่ต้องการ: ปริญญาตรีหรือโทด้านจิตวิทยาการศึกษา หรือจิตวิทยาการแนะแนว
ค่าตอบแทน (ต่อเดือน):
เริ่มต้น: 15,000 - 25,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประเภทโรงเรียน รัฐ/เอกชน)
มีประสบการณ์: 25,000 - 45,000+ บาท
6. นักวิจัยด้านจิตวิทยา (Psychology Researcher)
ลักษณะงาน: ทำงานในสถาบันการศึกษา ศูนย์วิจัย ทำการศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ข้อมูล สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ทางจิตวิทยา
วุฒิที่ต้องการ: ปริญญาโทหรือเอก
ค่าตอบแทน (ต่อเดือน): คล้ายคลึงกับตำแหน่งอาจารย์ หรือนักวิจัย ขึ้นอยู่กับแหล่งทุนและโครงการวิจัย
7. อาชีพอื่นๆ ที่ใช้ความรู้ด้านจิตวิทยา (ไม่จำเป็นต้องเป็น "นักจิตวิทยา" โดยตรง)
เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคล (HR Officer): ใช้ความรู้ด้านจิตวิทยาองค์กร
นักการตลาด/โฆษณา: เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค
นักพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการ: ออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้งาน (UX/UI)
Social Worker/นักสังคมสงเคราะห์: ทำงานร่วมกับชุมชนและผู้มีปัญหา
เทรนเนอร์/วิทยากร: นำความรู้ด้านจิตวิทยามาใช้ในการอบรม
ค่าตอบแทน (ต่อเดือน): แตกต่างกันไปตามสายงานและตำแหน่ง อาจเริ่มต้นที่ 18,000 - 30,000 บาท และสามารถพัฒนาไปสู่ตำแหน่งบริหารที่มีรายได้สูงขึ้น
วุฒิการศึกษา: ปริญญาโท/เอก มักจะมีโอกาสได้ตำแหน่งและค่าตอบแทนที่ดีกว่าปริญญาตรี
ประสบการณ์: ยิ่งมีประสบการณ์มาก ยิ่งมีค่าตัวสูง
ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง: สาขาที่มีความต้องการสูงและมีผู้เชี่ยวชาญน้อย (เช่น จิตวิทยาคลินิก จิตวิทยาองค์กร) มักจะมีค่าตอบแทนที่ดี
ภาษาต่างประเทศ: หากมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษดี จะมีโอกาสทำงานในองค์กรต่างชาติ หรือคลินิกที่มีลูกค้าต่างชาติ ซึ่งอาจให้ค่าตอบแทนสูงกว่า
การสอบรับรอง (ถ้ามี): บางสมาคมวิชาชีพ เช่น สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย (สำหรับนักจิตวิทยาคลินิกที่ผ่านเกณฑ์) หรือสมาคมนักจิตวิทยาการปรึกษา ได้มีการจัดสอบรับรองความรู้เพื่อเป็นใบเบิกทางในการทำงาน
การทำงานอิสระ (Freelance/Private Practice): หากมีชื่อเสียงและฐานลูกค้าที่ดี รายได้สามารถสูงกว่าการเป็นพนักงานประจำมาก แต่ก็มีความเสี่ยงและความท้าทายในการบริหารจัดการ
คำแนะนำสำหรับนักเรียน:
กำหนดสาขาที่สนใจ: จิตวิทยาเป็นสาขากว้าง ควรพิจารณาว่านักเรียนสนใจจะทำงานด้านไหนเป็นพิเศษ เพื่อจะได้พัฒนาความเชี่ยวชาญให้ตรงจุด
ศึกษาหลักสูตรปริญญาโท/เอก: หากต้องการเป็น "นักจิตวิทยา" ที่แท้จริงและได้รับการยอมรับในระดับวิชาชีพ การศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ฝึกฝนประสบการณ์: การฝึกงาน หรือการทำงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา จะช่วยสร้างเครดิตและประสบการณ์
สร้างเครือข่าย: การเข้าร่วมกิจกรรมของสมาคมวิชาชีพต่างๆ เช่น สมาคมจิตวิทยาแห่งประเทศไทย, สมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย, สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย (ส่วนของนักจิตวิทยา) จะช่วยให้รู้จักคนในวงการและรับรู้ข่าวสาร
แนะนำ JIPP
หลักสูตร Joint International Psychology Program (JIPP) ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหลักสูตรที่น่าสนใจมากเลยครับ เพราะเป็นหลักสูตรนานาชาติแบบสองปริญญา (Dual Degree) ที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง University of Queensland (UQ) ประเทศออสเตรเลีย
นี่คือรายละเอียดและคำแนะนำสำหรับ JIPP ครับ:
หลักสูตร: วิทยาศาสตรบัณฑิต (จิตวิทยา) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศิลปศาสตรบัณฑิต (จิตวิทยา) จาก University of Queensland
ระยะเวลาเรียน: 4 ปี
โครงสร้างการเรียน:
ปีที่ 1 และ 2: เรียนที่คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเทศไทย โดยเน้นวิชาพื้นฐานทางจิตวิทยา วิชาภาษาอังกฤษ สถิติ และระเบียบวิธีวิจัย
ปีที่ 3 และ 4 เทอม 1 (3 ภาคเรียน): เดินทางไปเรียนที่ School of Psychology, University of Queensland ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศการเรียนและชีวิตในต่างประเทศอย่างเต็มที่
ปีที่ 4 เทอม 2: กลับมาเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเน้นการเรียนรู้แบบ self-directed และเตรียมตัวจบการศึกษา
ภาษาที่ใช้ในการเรียน: ภาษาอังกฤษตลอดหลักสูตร
จุดเด่น:
สองปริญญา: ได้ปริญญาจากทั้งจุฬาฯ และ UQ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในการสร้างโปรไฟล์สำหรับการศึกษาต่อหรือทำงาน
ประสบการณ์นานาชาติ: ได้สัมผัสการเรียนการสอนในสองวัฒนธรรมและสองสถาบันชั้นนำ ทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น และพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างเข้มข้น
การยอมรับในระดับสากล: คุณวุฒิจาก UQ เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ทำให้มีโอกาสในการศึกษาต่อหรือทำงานในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
คุณสมบัติหลักๆ ที่ใช้ในการพิจารณาคือ:
วุฒิการศึกษา: ต้องสำเร็จการศึกษาหรือกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีสุดท้ายของระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) หรือเทียบเท่า (เช่น Grade 12 ในระบบสหรัฐฯ, Year 13 ในระบบอังกฤษ, GED, IGCSE)
คะแนนภาษาอังกฤษ: ต้องมีคะแนนอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้:
IELTS (Academic): ไม่ต่ำกว่า 6.5 (แต่ละพาร์ทไม่ต่ำกว่า 6.0)
CU-TEP (ไม่รวม Speaking): ไม่ต่ำกว่า 104
TOEFL iBT: ไม่ต่ำกว่า 88
ควรส่งคะแนนจากศูนย์สอบโดยตรงไปยัง JIPP
คะแนนทดสอบความถนัดทางวิชาการ: ต้องมีคะแนนอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้:
SAT (Math และ Evidence-Based Reading and Writing): ไม่ต่ำกว่า 1200 (คะแนนต้องมาจากการสอบในวันเดียวกัน)
CU-AAT (Verbal Section และ Math Section): ไม่ต่ำกว่า 1030 (คะแนนต้องมาจากการสอบในวันเดียวกัน)
คะแนนสอบต้องไม่เกิน 2 ปีนับถึงวันปิดรับสมัคร
การพิจารณารับเข้าศึกษา (เกณฑ์ 100%):
Academic Aptitude Test (SAT หรือ CU-AAT): 50%
English Proficiency Test: 25%
Onsite Interview (สัมภาษณ์): 25%
หมายเหตุ: เกณฑ์คะแนนและคุณสมบัติอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปีการศึกษา ควรตรวจสอบประกาศรับสมัครล่าสุดจากเว็บไซต์คณะจิตวิทยา จุฬาฯ โดยตรง
ค่าใช้จ่ายของหลักสูตร JIPP จะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ค่าเล่าเรียนที่จุฬาฯ และค่าเล่าเรียนที่ UQ รวมถึงค่าครองชีพในแต่ละประเทศ
1. ค่าเล่าเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำหรับนิสิตไทย)
ปีที่ 1 และ 2 (และปี 4 เทอม 2):
Program Fee: 70,000 บาท/ภาคการศึกษา
University Tuition Fees (จุฬาฯ): 26,500 บาท/ภาคการศึกษา
รวมประมาณ: 96,500 บาท/ภาคการศึกษา
รวมต่อปี: ประมาณ 193,000 บาท (2 ภาคการศึกษา)
2. ค่าเล่าเรียนที่ University of Queensland (สำหรับนิสิตไทย)
ปีที่ 3 และ 4 เทอม 1 (3 ภาคเรียน):
ต้องลงทะเบียนและชำระค่าเล่าเรียนกับ UQ โดยตรง ซึ่งเป็นอัตราสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
ข้อมูลที่พบระบุว่า 21,xxx AUD ต่อภาคการศึกษา (หรือประมาณ 500,000+ บาทต่อภาคการศึกษา)
รวมสำหรับ 3 ภาคเรียน: อาจสูงถึง 63,000+ AUD (ประมาณ 1,500,000+ บาท)
3. ค่าใช้จ่ายรวมตลอดหลักสูตร 4 ปี (ประมาณการสำหรับนิสิตไทย):
รวมค่าเล่าเรียนทั้งหมด: ประมาณ 1,837,000 บาท (ไม่รวมค่าครองชีพ)
ค่าครองชีพที่ออสเตรเลีย:
เฉลี่ยประมาณ 10,000 AUD ต่อภาคการศึกษา (ประมาณ 240,000 บาทต่อภาคการศึกษา)
สำหรับ 3 ภาคเรียนที่ UQ จะประมาณ 30,000 AUD (ประมาณ 720,000 บาท)
ค่าครองชีพในไทย: ปีที่ 1, 2 และ 4 เทอม 2 ก็จะมีค่าใช้จ่ายค่ากินอยู่เดินทางตามปกติ
อัตราแลกเปลี่ยน: 1 AUD ≈ 24 บาท (โปรดตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน)
เตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น: เนื่องจากเป็นการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และต้องใช้ชีวิตในออสเตรเลีย การมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยมเป็นสิ่งสำคัญมาก
เตรียมตัวสอบ SAT/CU-AAT: คะแนนส่วนนี้มีน้ำหนักสูงในการคัดเลือก ควรฝึกฝนทำโจทย์ให้คุ้นเคย
ศึกษาหลักสูตรอย่างละเอียด: เข้าใจวิชาเรียน โครงสร้างหลักสูตร และข้อกำหนดในการสำเร็จการศึกษาจากทั้งสองมหาวิทยาลัย
วางแผนการเงิน: ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก ทั้งค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ ควรมีการวางแผนการเงินที่ดีและเตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
เตรียมพร้อมสำหรับการปรับตัว: การย้ายไปเรียนที่ออสเตรเลียต้องมีการปรับตัวทั้งเรื่องวัฒนธรรม สังคม และระบบการเรียนการสอน ซึ่งอาจแตกต่างจากไทย
JIPP เป็นหลักสูตรที่ท้าทายแต่ก็คุ้มค่ามากสำหรับนักเรียนที่ต้องการประสบการณ์ระดับนานาชาติและวุฒิการศึกษาที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกครับ