ภาษีเงินได้นิติบุคคล คือภาษีที่เก็บจากนิติบุคคลนั่นเอง รายละเอียดในทีนี้จะกล่าวถึงว่าใครบ้างมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ฐานภาษีคืออะไร การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฏรกรนั้นมีข้อกำหนดอะไรบ้าง แบบฟอร์มที่ใช้ยื่นภาษีและกรอบเวลาที่จะยื่นแบบฯและชำระภาษีฯ
นิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษีนิติบุคคล ตาม ม.39 มีดังนี้
1. บริษัทหรือห้างฯที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายไทย
2. บริษัทหรือห้างฯที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายของต่างประเทศและกระทำกิจการในประเทศไทย
3. นิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายของต่างประเทศ
4. กิจการของรัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การของรัฐบาลต่างประเทศ
5. กิจการร่วมค้า
6. กิจการอื่นนอกจาก (1)ถึง(5)
้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ และที่ไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มี 6 หมวดดังนี้
(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ได้แก่
ก. บริษัท จำกัด
ข. บริษัทมหาชน จำกัด
ค. ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ง. ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งใน 6 ข้อ โดยย่อคือนิติบุคคลต่างประเทศนั้นเข้ามาทำกิจการในประเทศไทย กระทำกิจการในที่อื่นๆรวมทั้งในประเทศไทย เป็นกิจการขนส่งระหว่างประเทศ หรือได้รับเงินที่จ่ายจากในประเทศ หรือมีลูกจ้างทำการแทนในประเทศไทย (มาตรา 66 67 70 70ทวิ 76ทวิ)
(3) กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางค้า หรือหากำไร โดยรัฐบาลหรือองค์กรต่างประเทศ หรือนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
(4) กิจการร่วมค้า (Joint Venture) ได้แก่ กิจการที่ดำเนินการร่วมกันเป็นทางค้าหรือหากำไร
(5) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล
(6) นิติบุคคลที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
นิติบุคคลที่มีเงินได้ จะมีหน้าที่ต้องเสียภาษีในประเทศไทย ข้อกฏหมายจะมีรายละเอียดเรื่องหน้าที่การเสียภาษีกับแหล่งเงินได้ โดยหลักจะแยกออกเป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายไทยกับต่างประเทศ
1 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายไทย
เสียภาษีจากกำไรสุทธิที่ได้จากหรือเนื่องจากกิจการที่ทำในรอบระยะเวลาบัญชี (ม.65 ม66ว1) ไม่ว่ากิจการนั้นจะทำ ณ ที่ใด และกำไรสุทธินั้นเกิดจากเงินได้ชนิดใดๆ
นั้นก็คือบริษัทหรือห้างฯที่ตั้งตามกฏหมายไทย จะไม่คำนึงว่าแหล่งเงินได้มาจากไหน (ในไทยหรือรับจากต่างประเทศ) ให้เสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิ
2 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายต่างประเทศ
กรณีนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายของต่างประเทศ จะเสียภาษีเงินได้จากแหล่งเงินได้ในประเทศไทยหรือเกี่ยวข้องกับประเทศไทยเท่านั้น (เพราะสรรพากรคงไม่สามารถตามไปเก็บภาษีได้) เงินได้ที่ต้องเสียภาษี ได้แก่
2.1 เงินได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในประเทศไทย (ม66ว2) รวมทั้งการขนส่งผ่านประเทศต่างๆด้วย (ม67)
2.2 เงินได้ที่มิใช่จากกิจการที่ประกอบในไทยแต่จ่ายจากหรือในประเทศไทย เฉพาะเงินได้ที่เข้าลักษณะตามมาตรา
40(2) – ค่าธรรมเนียมค่านายหน้า
40(3) - (4) – ค่าสิทธิ ดอกเบี้ย เงินปันผล
40 (5) – ค่าเช่า
40 (6) – การประกอบวิชาชีพอิสระ
ประเด็นเรื่อง การกระทำการ หรือการประกอบที่ถือว่าเป็นกิจการที่กระทำในประเทศไทยนั้น มีความหมายครอบคลุมถึงไหน อย่างไรบ้าง โดยปกติแล้วหากมี
1. สำนักงานสาขา หรือสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย
2. (หากไม่มีสำนักงานสาขา สถานประกอบการ) มีการทำสัญญาซื้อขายในประเทศไทย ถือว่ามีการกระทำกจิการในประเทศไทย
3. กรณีการให้บริการ ถ้าบริการนั้นกระทำในประเทศไทยจึงจะถือว่าเป็นการกระทำหรือประกอบกิจการในประเทศไทย
นอกจากนี้ กฏหมายได้วางแนวทางพิจารณาในเรื่องนี้ว่า
ก. ถ้าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนฯที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายของต่างประเทศ มีลูกจ้าง ผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อ ในการประกอบกิจการในประเทศไทยซึ่งทำให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย ถือว่าประกอบกิจการในไทย (ม76ทวิ-ว1)
ข. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนฯ(ตั้งขึ้นตามกฏหมายต่างประเทศ) ส่งสินค้าออกไปต่างประเทศให้แก่หรือตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ สาขา บริษัทในเครือเดียวกัน ตัวการ ตัวแทน นายจ้าง หรือลูกจ้าง ให้ถือว่าการส่งสินต้าไปนั้นเป็นการขายในประเทศไทยด้วย และให้ถือราคาสินต้าตามราคาตลาดในวันที่สว่งไปเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ส่งไปนั้น มีข้อยกเว้นสำหรับสินค้าบางอย่าง เช่น ของที่ส่งไปเป็นตัวอย่าง หรือของผ่านแดน (ม70ตรี)
ฐานภาษีของนิิติบุคคล
ฐานภาษีของนิติบุคคล 5ฐาน
ในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลมีฐานภาษีในการคำนวณ 5 ฐานดังนี้
1. กำไรสุทธิ เก็บจากบริษัทหรือห้างห้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายไทย และกฏหมายต่างประเทศที่ประกอบกิจการในไทย
2. เงินกำไรที่ที่จำหน่ายออกไปจากประเทศไทย
3. รายรับจากกิจการขนส่งผ่านประเทศต่างๆ แต่ถ้าเงินได้ดังกล่าวตกแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายไทยต้องเสียภาษีตามฐานแรก
4. เงินได้พึงประเมินบางประเภท ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทยเก็บจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายของต่างประเทศโดยเฉพาะ
5. รายได้ก่อนหักรายจ่าย เก็บจากมูลนิธิสมาคม
ฐานภาษีและอัตราภาษี
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิ
1. อัตราภาษีฐานกำไรสุทธิ
กรณ๊ทั่วไป กำไรสุทธิจากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ทำในรอบบัญชีระยะเวลาบัญชี ต้องเสียภาษีตามอัตราร้อยละ 20 (ปี 2563) ส่วนกรณีลดอัตราสำหรับบริษัทขนาดย่อม มีอัตรายกเว้น ถึง ร้อยละ 20
2. อัตราภาษีจากฐานกำไรที่จำหน่ายออกไปจากประเทศไทย
การจำหน่ายกำไรออกจากประเทศไทย คำนวณภาษีอัตรา 10%
3. อัตราภาษีจากฐานรายรับจากกิจการขนส่งผ่านประเทศต่างๆ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายต่างประเทศ ซึ่งประกอบกิจการขนส่งผ่านประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย ไม่ต้องเสียภาษีจากฐานกำไรสุทธิสำหรับกิจการขนส่งดังกล่าว แต่ต้องเสียภาษีจากยอดเงินรายรับก่อนหักรายจ่ายของการรับขนของและขนคน
หลักเกณฑ์มีดังนี้
3.1. กรณีขนคนโดยสาร
เสียภาษีอัตราร้อยละ 3 ของค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม และผลประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บในประเทศไทย ก่อนหักรายจ่ายใดๆ เนื่องจากการรับขนคนโดยสาร
3.2. กรณีขนของ
เสียภาษีในอัตราร้อยละ 3 ของค่าระวาง ค่าธรรมเนียมและผลประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บไม่ว่าในหรือนอกประเทศไทย ก่อนหักรายจ่ายใดๆ เนื่องในการรับขนของออกจากประเทศไทย
4 อัตราภาษีจากฐาน การจ่ายเงินได้บางประเภทที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายต่างประเทศมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย ได้รับเงินได้ตามมาตรา 40(2)-40(6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทยต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 15 เว้นแต่ มาตรา 40(4)ข เงินปันผล เสียในอัตราร้อยละ 10
ผู้จ่ายเงินได้ดังกล่าว มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้พึงประเมินแล้วนำส่งต่อสรรพากรพื้นที่สาขาพร้อมกับยื่นแบบ ภงด 54 ภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้ฯ นั้น
5 อัตราภาษีจากฐานรายได้ก่อนหักรายจ่าย
มูลนิธิหรือสมาคมที่ได้จดทะเบียนการจัดตั้งให้ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล รายได้ที่มูลนิธิหรือสมาคมจะต้อง เสียภาษีเงินได้ จะรวมถึงรายได้ทุกอย่างไม่ว่าจะได้มาจากทางใดๆ เช่น รายได้จากการขายสินค้าและบริการ ดอกเบี้ย ค่าเช่า เงินปันผล ฯลฯ
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิและสมาคม มีดังนี้
(1) เงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(8) เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือ การอื่นๆ เสียร้อยละ 2 ของรายได้ก่อนหักรายจ่าย (พระราชกฤษฏีกา ฉบับ 703 พ.ศ.2563 ลดอัตราภาษ๊)
(2) เงินได้อื่น ๆ เสียร้อยละ 10 ของรายได้ก่อนหักรายจ่าย
รายได้ของมูลนิธิหรือสมาคมที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 65 ทวิ (13) ได้แก่
(1) ค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิก
(2) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาค
(3) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา
นอกจากนี้ ยังมีการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่มูลนิธิหรือสมาคม เฉพาะเงินได้จากกิจการโรงเรียน เอกชนซึ่งได้ ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงเงินได้จากการขายของการรับจ้างทำของ หรือการให้บริการอื่นใดที่ โรงเรียนเอกชนซึ่งเป็นโรงเรียนประเภทอาชีวศึกษาได้รับจากผู้ซึ่งมิใช่นักเรียน (มาตรา 5 นว แห่งพระราชกฤษฎีกา(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500)
อัตราภาษีเงินได้จ่ายจากม.40(2)-(6)
การคำนวณกำไรสุทธิ มีสิ่งที่ต้องรู้ เป็นเงื่อนไขในการคำนวณคือ
1. รอบบัญชี หรือระยะเวลาที่จะเอาตัวเลขกำไรมาคำนวณภาษี
โดยปกติจะใช้รอบปีหรือ 12 เดือน แต่อาจมีกรณีน้อยกว่าหรือมากกว่าได้ กรณีน้อยกว่า 12 น้อยเดือน มักจะเป็นรอบแรกของการจัดตั้งบริษัทฯหรือนิติบุคคล ส่วนกรณีรอบบัญชีมากกว่า 12 เดือน มักเป็นกรณีปิดกิจการ ดำเนินการชำระบัญชี (แต่ต้องขออนุมัติจากอธิบดีสรรพากร)
2. เกณที่ใช้คำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ต้องใช้เกณฑ์สิทฺธิ
เกณฑ์สิทธิ (Accrual Basis) หมายถึง รายได้และค่าใช้จ่ายที่มีสิทธิรับเงินหรือจ่ายเงินในรอบบัญชี แม้ว่าจะยังไม่ได้รับ/จ่ายชำระก็ตาม
การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีเงินได้นิติบุคคล = กำไรสุทธิ * อัตราภาษี
3 สมการการหาทำกำไรสุทธิ
คือ รายได้ – รายจ่าย = กำไรสุทธิ หลักการเหมือนทางบัญชี แต่ในทางภาษีมีรายละเอียดข้อปลีกย่อยบางอย่างไม่ตรงกับทางบัญชี โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีข้อกำหนดตามประมวลรัษฏากร เงือนไขในการคำนวณกำไรสุทธิ ตามมาตรา 65ทวิ และรายการที่ไม่ถือเป็นรายจ่าย ตามมาตร 65 ตรี ซี่งเงื่อนไขตามสองมาตรานี้ จะมีรายละเอียดที่ทำให้เกิดความแตกต่างของตัวเลขทางบัญชีและภาษี ในรายละเอียดของเงื่อนไข จะกล่าวในหัวข้อต่อไป
4 เงื่อนไขตามประมวลรัษฏากรในการคำนวณกำไรสุทธิ
ตามประมวลรัษฏากร 65 ทวิและ 65 ตรี กำหนดเงื่อนไขไว้ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ
1. เพื่อป้องกันความพยายามที่จะเสียภาษีให้ต่ำกว่าที่ควรต้องเสียโดยวิธีการต่างๆ
2. เพื่อให้เกิดความแน่นอนในการปฏิบัติทางบัญชีเพื่อคำนวณกำไรสุทธิ เช่นการกำหนดอัตราค่าเสื่อมราคาที่ให้หักเป็นรายจ่าย
3. เพื่อกำหนดวิธีการคำนวณสำหรับกิจการหรือรายได้บางชนิดเป็นพิเศษ
ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลคำนวณกำไรสุทธิทางบัญชีแตกต่างจากเงื่อนไขทางภาษี จะต้องปรับปรุงจำนวนกำไรสุทธิเพื่อการเสียภาษีให้ถูกต้องตามประมวลรัษฏากร โดยนำรายจ่ายที่กฏหมายไม่ยอมรับมาหักออกจากค่าใช้จ่าย (ค่าใช้จ่ายบวกกลับ) ในการคำนวณภาษี
5. เงี่อนในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี (ตาม 65 ทวิ)
ในทีนี้จะขอกล่าวเป็นหัวข้อ เพื่อให้เห็นภาพและเกิดความเข้าใจว่าเงี่อนในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีตามประมวลรัษฏากร มีอะไรบ้าง ส่วนในแต่หัวข้อ อาจมีรายละเอียด เงื่อนไขปลีกย่อยอีก สามารถศึกษาได้จากประมวลรัษฏากร หรือปรึกษานักบัญชี
เงื่อนไขตาม 65 ทวิ มีดังนี้
(1) รายการที่ระบุไว้ใน 65 ตรี ไม่ให้ถือเป็นรายจ่าย
(2) ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ให้หักได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ซึ่งได้ระบุประเภททรัพย์สินไว้ 5 หมวด มีอัตราค่าเสื่อมระหว่าง 5-20 %
(3) ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจาก (6) ให้ใช้ราคาทุน ไม่ให้ตีราคาเพิ่ม
(4) ในกรณีโอนทรัพย์สิน ให้บริการ หรือให้กู้ยืมเงิน โดยไม่มีค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือดอกเบี้ย หรือมีค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือดอกเบี้ยนั้น ตามราคาตลาดในวันที่โอน ให้บริการหรือให้กู้ยืมเงิน
(5) เงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทย
(6) ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาด แล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่า และให้ถือราคานี้เป็นราคาสินค้าคงเหลือยกมาสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ด้วย การคำนวณราคาทุน เมื่อได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ใด ตามวิชาการบัญชี ให้ใช้หลักเกณฑ์นั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้
(7) การคำนวณราคาทุนของสินค้าที่ส่งเข้ามาจากต่างประเทศนั้น เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินโดยเทียบกับราคาทุนของสินค้าประเภทและชนิดเดียวกันที่ส่งเข้าไปในประเทศอื่นได้
(8) ยกเลิก
(9) การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง แต่ถ้าได้รับชำระหนี้ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้นำมาคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
(10) สำหรับบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ให้นำเงินปันผลที่ได้จากบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินฯ มารวมคำนวณเป็นรายได้เพียงกึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้
ข้อยกเว้น ไม่ต้องนำเงินปันผลที่ได้จากบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายฯต่อไปนี้ มาเป็นรายได้
(ก) บริษัทจดทะเบียน
(ข) บริษัทจำกัดนอกจาก (ก) ซึ่งถือหุ้นในบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นทั้งหมด
(11) ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ให้นำมารวมคำนวณเป็นรายได้เพียงเท่าที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว
(12) เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ให้นำมารวมคำนวณเป็นรายได้เพียงเท่าที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว
(13) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ ไม่ต้องนำเงินค่าลงทะเบียน หรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิก หรือเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาค หรือจากการให้โดยเสน่หา แล้วแต่กรณี มารวมคำนวณเป็นรายได้
(14) ภาษีขายซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับหรือพึงได้รับ และภาษีมูลค่าเพิ่มที่มิใช่ภาษีตาม 82/16 ซึ่งได้รับคืนเนื่องจากการขอคืนตามหมวด 4 ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นรายได้
(15) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นกองทุนรวมไม่ต้องนำรายได้อันมิใช่เงินได้
ตาม 40 (4) (ก) มารวมคำนวณเป็นรายได้
6. รายจ่ายไม่ถือเป็นรายจ่าย ตาม 65 ตรี
65 ตรี รายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
(1) เงินสำรองต่าง ๆ (มีข้อยกเว้น เรื่องเบี้ยประกันภัย สำรองหนี้สูญของธนาคารฯ)
(2) เงินกองทุน เว้นแต่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่ง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
(3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล (มีข้อยกเว้น)
(ก) รายจ่ายซึ่งเป็นเงินที่บริจาคแก่พรรคการเมือง ให้หักได้ไม่เกินห้าหมื่นบาท
(ข) รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ฯ ให้หักได้ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาฯให้หักได้อีกในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
(4) ค่ารับรองหรือค่าบริการส่วนที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
(5) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน หรือรายจ่ายในการต่อเติมเปลี่ยนแปลงขยายออกหรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม
(6) เบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่มภาษีอากร ค่าปรับทางอาญา ภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
(6 ทวิ) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระหรือพึงชำระ และภาษีซื้อของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน เว้นแต่ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีซื้อของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีตาม 82/16 ภาษีซื้อที่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตาม 82/5 (4) หรือภาษีซื้ออื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
(7) การถอนเงินโดยปราศจากค่าตอบแทนของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
(8) เงินเดือนของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะส่วนที่จ่ายเกินสมควร
(9) รายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง หรือรายจ่ายซึ่งควรจะได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีอื่น เว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถจะลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีใดก็อาจลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถัดไปได้
(10) ค่าตอบแทนแก่ทรัพย์สินซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นเจ้าของเองและใช้เอง
(11) ดอกเบี้ยที่คิดให้สำหรับเงินทุน เงินสำรองต่างๆ หรือเงินกองทุนของตนเอง
(12) ผลเสียหายอันอาจได้กลับคืน เนื่องจากการประกันหรือสัญญาคุ้มกันใดๆ หรือผลขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนๆ เว้นแต่ผลขาดทุนสุทธิ ยกมาไม่เกินห้าปีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปีปัจจุบัน
(13) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ
(14) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ
(15) ค่าซื้อทรัพย์สินและรายจ่ายเกี่ยวกับการซื้อหรือขายทรัพย์สินในส่วนที่เกินปกติ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
(16) ค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่สูญหรือสิ้นไปเนื่องจากกิจการที่ทำ (7) ค่าของทรัพย์สินนอกจากสินค้าที่ตีราคาต่ำลง ทั้งนี้ ภายใต้บังคับ 65 ทวิ
(18) รายจ่ายซึ่งผู้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ
(19) รายจ่ายใดๆ ที่กำหนดจ่ายจากผลกำไร
(20) รายจ่ายที่มีลักษณะทำนองเดียวกับที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (19) ตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยรายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 315)
(1) มูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์ โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เกิน คันละหนึ่งล้านบาท
(2) ค่าเช่าทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มี ที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เกินคันละสาม หมื่นหกพันบาทต่อเดือนในกรณีที่เช่าเป็นรายเดือนหรือรายปี หรือค่าเช่าส่วนที่เกินคันละ หนึ่งพันสองร้อยบาทต่อวันในกรณีที่เช่าเป็นรายวัน เศษของเดือนให้คิดเป็นวัน หากเช่า ไม่ถึงหนึ่งวัน ให้คำนวณค่าเช่าตามส่วนของระยะเวลาที่เช่า ทั้งนี้ โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
กฏข้อนี้ไม่ใช่กับธุรกิจเช่าซื้อ ให้เช่ารถยนต์
การยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลและชำระภาษี(ถ้ามี) ตามกรอบเวลา ดังนี้
1. ครื่งรอบบัญชี ให้คำนวณภาษี ยื่นแบบ ภงด 51 และนำส่งภาษีภายในสองเดือน นับแต่วันครื่งรอบปีบัญชี (หกเดือนนั่นเอง) โดยภาษีที่คำนวณสามารถทำได้ 2 วีธี
- เสียภาษีจากกึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิ กรณีนี้ใช้กับบริษัท ห้างหุ้นส่วนทั่วไป
- เสียภาษีจากกำไรสุทธิของรอบระยะเวลาบัญชีหกเดือนแรก กรณีใช้กับธนาคาร บริษัทเงินทุน เป็นต้น
2. ครบรอบบัญชีสิบสองเดือน ให้คำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามหลักเกณฑ์ที่กล่าวไว้ในหัวข้อ “เงี่อนในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี” ยื่นแบบ ภงด 50และนำส่งภาษีฯ ภายใน 150 วัน นับแต่วันสิ้นรอบบัญชี
การบังคับให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ปฏิบัติตามกฏหมาย มีอยู่ 3 วิธีคือ
1. กำหนดบทลงโทษทางอาญา ซึ่งมีทั้งจำคุกและปรับ มีกระบวนวิธีดำเนินการเช่นเดียวกับความผิดอาญาอื่นๆ
2. การลงโทษทางการเงิน โดยเพิ่มจำนวนภาษีอากรให้สูงขึ้น ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีปฏิบัติไม่ถูกต้องตามตัวบทกฏหมาย
3. การยึดทรัพย์ เมื่อมีการไม่ยอมเสียภาษี
ในบทความนี้ขอสรุปบทกำหนดโทษทางอาญาและทางแพ่งไว้ตามภาพตาราง โดยย่อคือทางแพ่งมีอัตราโทษเบี้ยปรับ 1-2 เท่าแล้วแต่กรณี บวกเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือ 18% ต่อปี ส่วนในแง่อาญาหรือโทษจำคุก มักไม่ค่อยมีการบังคับใช้กฏหมายในส่วนนี้
เบี้ยปรับเงินเพิ่มภาษีอากร
โทษอาญา ภาษีอากร