มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 7 เรื่อง งบกระแสเงินสด ได้ให้คำนิยามของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ดังนี้
เงินสด ประกอบด้วย เงินสดในมือและเงินฝากธนาคารที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถาม
รายการเทียบเท่าเงินสด หมายถึง เงินลงทุนระยะสั้นที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นเงินสดในจานวนที่ทราบได้ และมีความเสี่ยงที่ไม่มีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในมูลค่า
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
รายการเทียบเท่าเงินสด เป็นรายการที่กิจการถือไว้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ่ายชำระภาระผูกพันระยะสั้นมากกว่าเพื่อการลงทุนหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
เงินลงทุนที่จะถือได้ว่าเป็นรายการเทียบเท่าเงินสดต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นเงินสดในจำนวนที่ทราบได้ และต้องมีความเสี่ยง ที่ไม่มีนัยสาคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในมูลค่า ดังนั้น โดยปกติเงินลงทุนจะถือเป็นรายการเทียบเท่าเงินสดได้ก็ต่อเมื่อเงินลงทุนนั้นมีวันครบกำหนดในระยะสั้น คือ 3 เดือน หรือน้อยกว่านับจากวันที่ได้มา
เงินลงทุนในตราสารทุนไม่ถือเป็นรายการเทียบเท่าเงินสด เว้นแต่โดยเนื้อหาสาระแล้วเงินลงทุนนั้นเป็นรายการเทียบเท่าเงินสด
เงินเบิกเกินบัญชีธนาคารที่มีลักษณะจ่ายคืนเมื่อทวงถาม ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารเงินสด ของกิจการ ในกรณีเช่นนี้ เงินเบิกเกินบัญชีธนาคารจะถือรวมเป็นองค์ประกอบของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
เงินสดย่อย (Petty Cash)
เงินสดย่อย คือเงินสดจำนวนที่ต่ำสุด เก็บไว้ ณ ที่ตั้งของกิจการ การตั้งวงเงินสดย่อยขี้นมา เพื่อความสะดวกในการจ่ายเงิน สำหรับรายจ่ายเล็กๆน้อยๆ เช่นค่าพาหนะ ค่าไปรษณีย์ และเบ็ดเตล็ดอื่นๆ
วิธีการเกี่ยวกับเงินสดย่อย ที่นิยม ใช้วิธีกำหนดวงเงินตายตัว (Imprest system) ตามวิธีนี้ผู้รักษาเงินสดย่อย (Petty Cashier) จะได้รับให้ถือเงินสดจำนวนหนึ่ง เช่น 5,000 บาท 10,000 บาท เพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายย่อย เมื่อสิ้นระยะเวลาที่กำหนด เช่น 1 เดือน ผู้รักษาเงินสดย่อยจะรวบรวมใบสำคัญจ่ายมาขอเบิกชดเชยจะแผนกการเงินเพื่อทดแทนเงินสดที่จ่ายออกไป ฉะนั้นหลังเบิกชดเชยแล้ว ผู้รักษาเงินสดย่อย จะมีเงินสดในมือเท่าวงเงินเดิม
การเริ่มตั้งเงินสดย่อย
ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะกำหนดวงเงินขี้น เช่น 10,000 บาท และให้พนักงานคนหนึ่งเป็นผู้รักษาเงินสดย่อย แล้วกิจการจ่ายเงินตามวงเงินให้แก่ผู้รักษาเงินสดย่อย การจ่ายเงิน จะเป็นรูปแบบเช็ค หรือเงินโอน ตามระบบของกิจการ
รายการบัญชีเพื่อบันทีกการตั้งวงเงินสดย่อย คือ เดรบิตเงินสดย่อย เครดิต เงินฝากธนาคาร
การจ่ายเงินสดย่อย
เมื่อมีการจ่ายค่าใช้จ่ายด้วยเงินสดย่อย ผู้รักษาเงินสดย่อย จะต้องทำใบสำคัญจ่ายแสดงวันที่จ่าย ผู้รับเงิน รายการจ่าย จำนวนเงิน และบัญชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้อง ใบสำคัญจ่ายเงินสดย่อยจะต้องมีการอนุมัติจ่ายและมีเอกสารประกอบ - ใบเสร็จรับเงิน/ใบรับเงิน/รายงานค่าใช้จ่าย
เพื่อเป็นการควบคุมรายการและความสะดวกในการรวบรวมใบสำคัญเงินสดย่อยมาขอเบิกชดเชย ผู้รักษาเงินสดย่อยจัดทำรายการคุมการจ่ายเงินสดย่อย
การเบิกเงินชดเชย
เมื่อครบรอบตามที่วางระบบไว้ เช่น 1 เดือน ผู้รักษาเงินสดย่อยทำการเบิกเงินชดเชยเงินสดย่อยที่ได้จ่ายไป โดยมีเอกสารใบสรุปและเอกสารใบสำคัญจ่าย เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนเงินและประเภทรายการ แล้วทำการจ่ายคืนเงินตามจำนวนที่ผู้รักษาเงินสดย่อยจ่ายไป
ตัวอย่าง ในเดือน มค 2563 ได้จ่ายเงินสดย่อยไป 1795 บาท รายการทางบัญชีสำหรับการเบิกชดเชยเงินสดย่อย จะบันทึก เดรบิต ค่าใช้จ่ายแต่ละประเภท (รวม 1795บาท) เครติด เงินฝากธนาคาร 1795 บาท
การลงบัญชีตั้งวงเงินสดย่อย
สมุดเงินสดย่อย
ลงบัญชีเบิกชดเชยเงินสดย่อย
ข้อสังเกต
รายจ่ายจากเงินสดย่อย จะนำมาลงบัญชีเมื่อมีการเบิกชดเชยเท่านั้น ดังนั้นเมื่อสิ้นปีบัญชี จะต้องให้ผู้รักษาเงินสดย่อย ทำการเบิกชดเชยเงินสดย่อย ก่อน/ ณ วันสิ้นปีบัญชี เพื่อให้การบันทึกค่าใช้จ่ายของรอบปีครบถ้วน
ประโยชน์ของเงินสดย่อย
1. เพื่อแบ่งแยกหน้าที่ และแบ่งเบาภาระการจ่ายเงินจำนวนน้อยๆ ให้แก่ผู้รักษาเงินสดย่อย เป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว
2. เป็นการลดจำนวนการทำรายการจ่าย
3. การพิสูจน์ยอดเงินสดย่อยทำได้สะดวก เพราะยอดเงินสดย่อยที่อยู่ในมือของผู้รักษาเงินสดย่อย รวมกับใบสำคัญจ่ายที่จ่ายเงินแล้ว จะต้องเท่ากับวงเงินสดย่อย
1. ควรใช้เครื่องบันทึกเนินสด เพื่อควบคุมเนินสดรันในแค่ละวัน และควรมีผู้ควบคุมการใช้เครึ่องที่ทำหน้าทีโดยเฉพาะเป็นผู้ถือกุญแจ และเปิดเครื่องเพื่อนำเทปภายในเครื่องไปดรวรสอบเมื่อสิ้นวันแค่ละวัน
2. ใบเสรีจรับเงินควรออกแบบให้รับเงินได้ทุกจำนวน
3. เงินสดที่ได้รับในแต่ละวันจะต้องน่าฝากธนาคารทันที ห้ามมิให้น่าไปใช้จ่ายในเรื่องใด ๆ ทั้งลิ้น และจะด้องน่าลำเนาใบน่าฝากแนบไว้กับรายงานการรับเงินประจำวัน ในกรณีที่รับเป็นเช็คที่มิได้มีการขีดคร่อมให้ทำการขีดคร่อมเช็คนั้นทันที
4. หัวหนัาแผนกการเงินจะต้องทำรายงานการรับเงินประจำวันแสดงจำนวนเงินที่ได้รับจากแหล่งด่างๆ ในแค่ละวันล่งให้ผู้ดรวจสอบภายในพรัอมกับลำเนาใบน่าฝากธนาคาร ชี่งจะเปรียบเทียบจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้รับกับหลักฐานจากแหล่งต่างๆ และจำนวนที่แสดงในลำเนาใบน่าฝากธนาคาร ในกรณีที่ไม่มีผู้ดรวจสอบภายใน สมุห์บัญชีควรจะทำหนัาที่นี้
5. กรณีที่มีการล่งพนักงานไปเก็บเงินยังทีอยู่ของลูกหนั้ จะต้องควบคุมเอกลารที่ใช้ในการเรียกเก็บเงิน คือ ใบเสรีจรับเงินและใบล่งของที่ลูกค้าเซ็นรับแล้วอย่างดีที่สุด ไม่ควรให้พนักงานเก็บเงินนำเอกลารเหล่านื้ไปเก็บไว้นานๆ ควรกำหนดให้นำเงินที่เก็บได้หรือเอกลารมาคืนทุกๆ วัน ลำหรับลูกหนี้ที่ค้างชำระเป็นเวลานานควรมีการดรวจลอบว่าเอกสารที่ใช้ในการเก็บเงินยังอยู่ครบถ้วน
6. ในกรณีที่มีการรับชำระหนี้เป็นเช็คลงว้นที่ล่วงหน้าควรจะเก็บรักษาเช็คเหล่านั้นไว้อย่างดีจนกว่าจะถึงวันครบกำหนด และควรมีการทำทะเบียนคุมโดยผู้ทีมิได้เก็บเช็คไว้ รายการที่บันทึกไว้ในทะเบียนควรนำไปดรวจลอบกับเช็คลงวันที่ล่วงหน้าอยู่เสมอ เมื่อมีการนำไปฝากธนาคารผู้รับเช็คไปควรลงนามไว้ในทะเบียนด้วย
7. ใบเสรีจรับเงิน (กรณีพิมพ์เป็นเล่ม มิได้ออกโดยระบบคอมพิวเตอร์) ควรจะมีเลขทีเรียงลำดับไว้ทุกฉบับ ใบเสร็จรับเงินที่ยังมิได้ใช้ควรรักษาไว้ในที่ข็งปลอดกัย และมีการทำทะเบียนคุมเพื่อให้ทราบจำนวนที่คงเหลืออยู่ในมิอทั้งหมดชี่งผู้ดรวจลอบภายใน ควรทำการตรวจนับเป็นครั้งคราว ในการเบิกแต่ละครั้ง ผู้เบิกจะต้องลงนามไว้เป็นหลักฐานด้วย
8. ใบเสร็จที่ออกแล้ว จะต้องนำมาตรวจสอบว่าได้มีการนำมาลงบัญชีครบทุกฉบับ และฉบับที่ยกเลิก จะต้องมีสำเนาครบทุกฉบับพร้อมต้นฉบับ
การควบคุมภายใน จากการรับเงินสดกรณีอื่นๆ
9. การตัดจำหน่ายหนี้สูญ จะต้องมีผู้อนุมัติเพื่อป้องกันการเครดิตบัญชีลูกหนี้ด้วยเหตุผลที่ไม่สมควร แล้วนำเงินสดที่ได้รับจากลูกหนี้ไปใช้ภายหลัง
10. ควรมีการส่งใบแจ้งหนี้หรือรายงานให้แก่ลูกหนี้อย่างน้อยเดือนละครั้ง ป้องกันการทุจริตที่เรียกว่า Lapping คือการยักยอกเงินที่ได้รับชำระหนี้ไปใช้เสียก่อน และลงบัญชีรับเงินล่าช้าอยู่ตลอดเวลา
11. มีการควบคุมสินทรัพย์ถาวรอย่างดี การขายสินทรัพย์ที่เลิกใช้งานแล้ว จะต้องปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ราคาที่เหมาะสมและกิจการได้รับเงินครบถ้วน
12. ผู้ตรวจสอบภายในหรือสมุห์บัญชีควรจะตรวจสอบเงินสดรับจากรายได้อื่นๆ เช่น ดอกเบี้ยจากเงินลงทุนและเงินให้กู้ยืม
กรณีจ่ายด้วยเช็ค
1. ให้หัวหน้าแผนกของแต่ละแผนกที่เกิดรายการเป็นผู้อนุมัติก่อน
2. แผนกบัญชีเจ้าหนี้เป็นผู้จัดทำใบสำคัญจ่าย โดยมีการตรวจสอบกับเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่นใบสั่งซื้อ ใบรับของ ตรวจสอบความถูกต้องของราคา เงื่อนไขการชำระเงิน
3. ผู้อนุมัติการจ่ายเงินขั้นสุดท้าย โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจลงนาม
4. ใบสำคัญจ่ายที่จ่ายเงินแล้ว ควรเก็บเข้าแฟ้มและประทับตรา “จ่ายเงินแล้ว” ลงบนใบสำคัญสั่งจ่ายและเอกสารประกอบทุกใบ
5. ควรแยกหน้าที่ในการทำใบสำคัญจ่าย การออกเช็คและการเซ็นต์สั่งจ่ายเช็คออกจากกัน
6. เช็คที่ผู้มีอำนาจหน้าที่เซ้นต์สั่งจ่ายแล้วควรมีการควบคุมไว้เป็นอย่างดี เช่นทำทะเบียนคุมและควรส่งไปให้ผู้รับโดยเร็วที่สุด
7. เช็คและใบสำคัญสั่งจ่ายทุกใบควรพิมพ์เลขที่ล่วงหน้า สำหรับเช็คที่เสียหรือใช้ไม่ได้ควรประทับตรา “ยกเลิก” และเก็บไว้ในเล่มเพื่อเป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบ
8. ไม่ควรจ่ายเช็คเงินสด หรือผู้ถือ และควรขีดคร่อมเช็คทุกรายการ
9. การจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้าจะต้องทำทะเบียนคุม เพื่อให้ทราบว่าเช็คเหล่านั้นจะถึงกำหนดจ่ายเมื่อใด
10. มีการทำงบกระทบยอดเพื่อเปรียบเทียบยอดเงินสดรับและจ่ายตามที่ลงบัญชีไว้กับรายงานของธนาคาร
11. กิจการควรประกันความซื่อสัตย์ของพนักงานที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเงินสดของพนักงานทุกคน และจำนวนทีเอาประกันนี้ควรสูงพอที่จะคุ้มครองกับจำนวนเงินที่อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานแต่ละคน
1. กำหนดเงินสดย่อย ที่เพียงพอสำหรับระยะเวลาหนึ่ง เช่น 1 สัปดาห์ และควรเป็นจำนวนกลม เช่น 5,000 บาท 10,000 บาท
2. กำหนนด้วผู้รักษาเงินสดย่อย ซึ่งไม่ควรจะถือเงินจำนวนอื่นด้วย
3. กำหนดด้วผู้อนุมัติรายจ่ายจากเงินสดย่อย ซึ่งต้องไม่เปันผู้รักษาเงินลดย่อยเอง หรือผู้ลงบัญชีและควรจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงพอสมควร
4. กำหนดประเภทของรายจ่ายและจำนวนสูงคุดที่จะจ่ายจากเงินสดย่อยได้
5. เมื่อมีการจ่ายจากเงินลดย่อย ให้ทำใบสำคัญเงินสดย่อย และแนบเอกลารประกอบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน บิลเก็บเงิน ๆลฯ ไว้ด้วย
6. เมื่อเงินสดย่อยเหลือน้อยมากแล้ว ให้รวบรวมใบสำคัญเงินสดย่อย ทำสรุปยอดรายจ่ายตามใบสำคัญเงินสดย่อย แล้วส่งให้พนักงานบัญชีเจ้าหนี้ตรวจสอบ
7. เมื่อพนักงานบัญชีเจ้าหนี้ตรวจสอบใบสำคัญต่าง ๆ ถูกต้องแล้ว จึงทำใบสำคัญสั่งจ่ายส่งให้แผนกการเงิน
8. แผนกการเงินจะเขียนเช็คสั่งจ่ายให้ผู้รักษาเงินสดย่อย แล้วนำไปให้ผู้มีอำนาจเซ็นสั่งจ่าย เมื่อผู้ร้กษาเงินสดย่อยได้รับเช็คมา ก็จะนำไปเบิกเงินสดซึ่งรวมกับเงินคงเหลือในมือแล้วจะต้องเท่ากับวงเงินที่ดั้งไว้
9. ผู้ดรวจสอบภายในควรจะไปตรวจนับเงินลดย่อยอยู่เสมอ โดยไม่ให้ผู้รักษาเงินสดย่อยรู้ด้ว
10. กรณีที่มีการยืมเงินสดย่อยไปโดยเซ็นใบยืมไว้ให้ ใบยืมนี้จะด้องมีการอนุมัติอย่างถูกด้อง และควรจะมีการใช้คืนในเวลาอันสมควร ในกรณีที่ยังไม่ใช้คืนก็ไม่ควรให้ยืมเพิ่มไปอีก (การใช้คืนให้รวมถึงการนำหลักฐานการจ่ายมาหักล้างการยืมด้วย)
เงินสดเป็นทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงในการเกิดการทุจริตได้ง่าย จึงต้องมีระบบการควบคุมภายในที่ดี และต้องมีการตรวจสอบเงินสด ทั้งผู้สอบภายน หรือผู้สอบบัญชีภายนอก
วัตถุประสงค์การตรวจสอบเงินสด (สิ้นรอบปี) – แบบย่อ
1. เพื่อพิสูจน์ว่าเงินสดคงเหลึอวันสิ้นปีมึอยู่จริง และเป็นเงินที่กิจการอาจใช้จ่ายได้
2. เพื่อให้ทราบว่ายอดคงเหลึอในบัญชีเงินอันบันเป็นผลของการบันที่กข้อมูลไนบัญชี เป็นยอดที่ถูกต้องและมีเอกสารประกอบรายการบัญชีโดยสมบูรณ์
3. เพื่อตรวจสอบว่ารายรับด้งสิ้นที่กิจการได้รับเงินได้นำมาลงบัญชีทันทึโดยครบถ้วน
4. เพื่อตรวจสอบว่ารายจ่ายต่างๆ มีความถูกต้องสมบูรร์และเป็นรายจ่ายเพื่อกิจการ
5. เพื่อเสนอข้อสังเกตต่อผู้บริหารงานให้ทราบข้อบกพร่องเกี่ยวกับการควบคุมภายในด้านเงินสด
การทุจริตในบริษัทต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้เมื่อการควบคุมภายไนไม่รัดกม แม้แต่พนักงานของบริษัทที่เคยทำงานมาด้วยความชี่อสัตย์ก็อาจทำการทุจริตในเมื่อมีใอกาส ผู้สอบบัญชีจึงควรทราบกลวิธีทุจริตต่าง ๆ ไว้ เพื่อเปีนแนวทางไนการเลือกใช้วิธีการตรวจสอบ การทุจริตด้านรายรับมักเป็นการลงรายการรับเงินให้ดํ่ากว่าความเป็นจริงด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
(หมายเหตุ กรณีตัวอย่างนี้ เป็นวิธีใช้สมุดบัญชี)
1. ยักยอกเงินรับจากการขายสินค้าหรือบริการเป็นเงินสด โดยไม่ออกบิลขาย หรือออกบิลขายเป็นจำนวนเงินน้อยกว่าขายจริง หรือยักยอกเงินปันผลจากหลักทรัพย์ ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารและรายรับจากการขายเศษของ เป็นด้น
2. ยักยอกเงินรับจากการขายสินค้าเป็นเงินสดหรือเงินรับเงินชำระหนี้จากลูกหนี้ โดยลงรายการรับเงินตามความเป็นจริง แต่บวกเลขในสมุดเงินสดทั้งในช่องเงินสดและในช่องอื่นให้ต่ำกว่าความจริงชดเชยกัน หรืออาจใข้วิธียกยอดรวมในช่องต่างๆ ของสมุดเงินสดจากหน้าก่อนมาลงไว้ในหน้าใหม่ให้ต่ำกว่าความเป็นจริง
3. ลงรายการเครดิตในบัญชีลูกหนี้ด้วยส่วนลดจ่ายหรือสินค้ารับคืน ที่ไม่เป็นความจริงแล้วยักยอกเงินที่รับชำระหนี้เป็นจำนวนนเท่ากับรายการเครดิตที่ไม่เป็นความจริงนั้น
4. ลงรายการเดบิตในบัญชีหนี้สูญและเครดิตบัญชีลูกหนี้เมื่อรับชำระหนี้ แล้วยักยอกเงินที่ได้รับชำระนั้น รายการเดบิตอาจจะลงไว้ในบัญชีอื่น เช่น บัญชีลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตน หรือบัญชีค่าใช้จ่ายอื่นก็ได้
5. ยักยอกเงินที่รับชำระหนี้จากลูกหนี้ที่ได้ตัดบัญชีเป็นหนี้สูญแล้ว
6. ลงรายการขายเชื่อในบัญชีลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตน เมื่อรับชำระหนี้จากลูกหนี้ที่แท้จริงก็ยักยอกเงินจำนวนนั้นเสีย ส่วนลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตนนั้นภายหลังก็อนุมัติตัดเป็นหนี้สูญ
7. ลงรายการขายเชื่อในบัญชีลูกหนี้ให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ภายหลังเมื่อลูกหนี้ชำระเงินค่าสินค้าก็ยักยอกเงินส่วนเกินนั้นเสีย
8. ยักยอกเงินรับชำระหนี้จากลูกหนี้แล้วส่งใช้ด้วยเงินรับชำระหนี้รายต่อไปที่เรียกว่า Lapping เช่น เมึอรับรำระหนี้จาก ก. 100 บาท ไม่ลงบัญชี เมื่อรับชำระหนี้จาก ข. 150 บาท ก็ลงบัญชีว่ารับชำระหนี้จาก ก 100 บาทเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
ไม่ลงรายการรับเงินเบ็ดเตล็ด เช่น เงินปันผลและค่าแรงที่ไม่มีผู้รับ แล้วยักยอกเงินนั้นเสีย
1. ยักยอกเงินสดโดยปลอมลายเซ็นอนุมัติในใบสำคัญเงินสดย่อย หรือเพิ่มจำนวนเงินในใบสำคัญเงินสดย่อย หรือนำใบสำคัญที่เบิกชดเชยแล้วมาขอเบิกอีก
2. ปลอมลายเซ็นในเช็คหริอใช้เช็คลงวันที่ล่วงหน้า ไปเบิกจากธนาคารเป็นประโยชน์ส่วนตัว หรือยักยอกเช็คทีสั่งจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ แล้วปลอมลายเซ็นสลักหลังไปเป็นประใยชน์ส่วนตัว
3. ปลอมใบสำคัญ หรือเพิ่มจำนวนเงินในใบสำคัญ หรือนำใบสำคัญที่เบิกเงินแล้วมาเบิกเงินอีก
4. โอนเงินระหว่างธนาคารในตอนสิ้นปีเพื่อเป็นผลให้ธนาคารที่ฝากเงินเพิ่มยอดเงินฝากในตอนสิ้นปี แต่ธนาคารที่จ่ายเงินยังหักยอดบัญชีเงินฝากไม่ทันในปีนั้น หรือเรียกว่า kiting
5. ลงรายการเดบิตในบัญชีเจ้าหนี้ด้วยส่วนลดจ่ายหรือสินค้าส่งคืนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง เมื่อจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ก็ยักยอกเงินที่จ่ายเกินเสีย
6. บวกเลขรายจ่ายในสมุดเงินสคไห้สูงกว่าความเป็นจริง และบวกเลขไนช่องอื่นไห้ผิดชดเชยกันด้วย แล้วมักยอกเงินสดไปเป็นจำนวนเท่ากัน
7. จ่ายค่าแรงใหัสูงกว่าความเป็นจริง โดยเพิ่มค่าแรงของคนงานแต่ละคน หริอคิดค่าแรงใหัแก่คนงานที่ไม่มีตัวตน หรือบวกยอดรายละเอียดในค่าแรงให้สูงกว่าความเป็นจริง
บริษัทโดยทั่วไปมักจะมีเงินสดย่อยไว้1ช้จ่ายรายย่อย เงินสดย่อยดังกล่าวควรกำหนดวงเงินไวัดายตัว แต่ก็มีบริษัทบางแห่งที่ให้วงเงินสดย่อยเปลี่ยนแปลงยอดได้ วงเงินสดย่อยตังกล่าวนี้ควรมีจำนวนมากพอที่จะให้เบิกชดเชยได้ในระยะเวลา 2 สัปดาห์หรือหนึ่งเดือน เนี้องจากเงินสดย่อยเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย ทำให์คิดว่าไม้มีความสำคัญที่จะด้องดรวจสอบ อย่างไร แด่ในทางปฏิน์ดิแล้วมักมีการทุจริตเกี่ยวกับเงินสดย่อยอยู่เป็นประจำ เช่น เปลี่ยนแปลงจำนวนเงินในใบสำคัญเงินสดย่อยให้สูงชื้น เป็นด้น ดังนั้น จึงจำเป็นด้องมีการตรวจลอบเงินสดยอย ในด้านการเบิกชดเชย และเพื่อปรับปรุงเงินสดย่อยคงเหลือวันสิ้นปีให้ถูกด้องด้วย
วิรืการดรวจสอบเงินสดย่อยมีดังนี้
1. ตรวจนับเงินสดย่อยคงเหลือ
2. ตรวจใบสำคัญเงินสดย่อยที่ยังไม่ได้ขอเบิกชดเชย
3. ปรับปรุงเงินสดย่อยคงเหลือสิ้นปี
4. ตรวจสอบการเบิกชดเชยเงินสดย่อย
อ้างอิง
ระบบบัญชี โดยศาสตราจารย์ วิไล วีระปรีย . อาจารย์จงจิตต์ หลีกภัย ISBN 974-633-220-1
การสอบบัญชี พยอม สิงห์เสน่ห์