โดยมาก มักประกอบด้วย
1. ค่าใช้จายล่วงหน้า
2. ค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชี
3. สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ
ในที่นี้จะกล่างถึง ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า และค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชี
ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า (Prepaid expenses) เป็นส่วนหนึ่งของรายจ่ายซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันสิ้นปี แต่จะใช้บริการหรือสิ่งของซึ่งได้มาในงวดบัญชีต่อไป (คร่อมวันที่ของรอบบัญชี) เช่นค่าเบี้ยประกันจ่ายล่วงหน้า ค่าเช่าจ่ายล่วงหน้า ค่าโฆษณาจ่ายล่วงหน้า เป็นต้น ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้าถือเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน เพราะกิจการจะใช้ประโยชน์บริการหรือสิ่งของในปีต่อไป โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ณ วันสิ้นปีเป็นจำนวนเงินไม่มากเมื่อเทียบกับยอดสินทรัพย์รวม
ค่าใช้จายรอตัดบัญชี (Deferred Charged) เป็นรายจ่ายซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในภายหน้า มักเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี เช่นค่าใช้จ่ายก่อนดำเนินงาน ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี
เพื่อให้ทราบว่ารายการต่างๆ ที่รวมไว้ในบัญชีค่าใช้จายล่วงหน้าและค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชีเป็นสินทรัพย์อันแท้จริงถูกต้องตามหลักบัญชี
1. ตรวจสอบความเหมาะสมของจำนวนที่ตัดบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายในปีปัจจุบัน รวมทั้งดูว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์หรือไม่
2. ตรวจสอบว่าค่าใช้จ่ายล่วงหนาและค่าใช้จายรอตัดบัญชีที่แสดงในงบดุลเป็นประโยชน์ที่กิจการจะได้รับในภายหน้า มิใช่เป็นเพียงการยกยอดผลขาดทุนไปภายหน้า
3. ตรวจสอบสินทรัพย์อื่นว่ามีลักษณะอย่างไร และเป็นสิทธิเรียกร้องหรือประโยชน์ที่จะได้รับในภายหน้าหรือไม่
วิธีการควบคุมภายในเกี่ยวกับค่าใช้จายล่วงหน้า ได้แก่ การสอบทานรายละเอียดในบัญชี ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าเป็นครั้งคราวว่าจำนวนที่แสดงไว้เป็นสินทรัพย์ในบัญชีเป็นจำนวนที่ถูกต้องแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชี ควรได้มีการอนุมัติรายการต่างๆที่ตั้งเป็นสินทรัพย์ทุกครั้ง นอกจากนั้น นโยบายการตัดบัญชีควรกำหนดโดยมติที่ประชุมคณะกรรมการให้เป็นการแน่นอนไว้ การทำประกันภัยควรมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโดยเฉพาะเพื่อสอบทานความเหมาะสมของการประกันภัย และควรจัดทำทะเบียนกรมธรรม์ประกันภัยขึ้นแสดงรายละเอียดการประกันภัยทุกรายด้วย
1. วัสดุสำนักงานคงหลือ อาจถือเป็นค่าใช้จ่ายของปี โดยไม่ต้องปรับปรุงเป็นวัสดุสำนักงานคงเหลือก็ได้ กรณีที่มีวัสดุสำนักงานเหลือจำนวนมาก จำเป็นต้องมีการตรวจนับ แล้วคำนวณราคาตั้งเป็นสินทรัพย์ โดยถือเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าอย่างหนึ่ง
2. ค่าเบี้ยประกันภัยจ่ายล่วงหน้า โดยปกติรอบระยะการเอาประกันภัยและรอบบัญชีมักจะไม่ตรงกัน วิธีการตรวจสอบมีดังนั้
2.1 ทำรายละเอียดกรมธรรม์ประกันภัย
2.2 ตรวจสอบเอกสารใบสำคัญ
2.3 คำนวณค่าเบี้ยประกันจ่ายล่วงหน้า ณ วันสิ้นปี
2.4 พิจารณาความเหมาะสมของการทำประกันภัย
3. ดอกเบี้ยจ่ายล่วงหน้า ตรวจใบสำคัญประกอบการรับเงินกู้และจ่ายดอกเบี้ย เพื่อให้ทราบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาเงินกู้และจำนวนดอกเบี้ยจ่ายที่ถูกต้อง หลังจากนั้นให้คำนวณดอกเบี้ยเงินกู้รายที่จ่ายล่วงหน้า ณ วันสิ้นปี เพื่อให้ได้ยอดที่ถูกต้อง
4. ภาษีเงินได้นิติบุคคลชำระล่วงหน้า (ภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย) ตรวจสอบหลักฐานการถูกหัก ณ ที่จ่าย และอายุที่สามารถใช้เครดิตภาษีได้
5. ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้าอื่น ตรวจสอบลักษณะเดียวกับค่าเบี้ยประกันภัย
ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่เป็นรายจ่ายหมุนเวียนถึงในรอบบัญชีถัดไป แสดงเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน ส่วนที่เกินหนึ่งปี แสดงเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
อ้างอิง/เครดิต :
การสอบบัญชี พยอม สิงห์เสน่ห์