เป้าหมายของการวิเคราะห์งบการเงิน ขี้นกับวัตถุประสงค์ของการนำข้อมูลไปใช้ เช่น นักลงทุน เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร ผู้สอบบัญชี โดยรวมมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบว่ารายงานการเงิน (งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด หมายเหตุประกอบงบการเงิน) ได้แสดงตัวเลขต่างๆ มีความหมายอย่างไร แสดงถึงความสามารถในการบริหารด้านต่างๆอย่างไร รวมทั้งมีความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างไร
ในการวิเคราะห์ธุรกิจ นั้นนอกจากการวิเคราะห์งบการเงิน ยังต้องศีกษาและวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆทั้งภาพรวม เช่นภาวะเศรษฐกิจ แนวโน้มอุตสากรรม นโยบายของรัฐบาลในประเทศ รวมทั้งประเทศผู้นำของโลก ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
ในที่นี้ จะกล่าวถึงการวิเคราะห์ การวิเคราะห์ในส่วนสภาพแวดล้อมของธุรกิจ และการวิเคราะห์งบการเงิน
1. ภาวะเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจโลก มีความเชื่อมโยงกันอย่างกว้างขวาง มีผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ภายใต้ระบบการค้าเสรี อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
หากกิจการมีการทำการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีกฏขององค์การค้าระหว่างประเทศ (WTO) หากรัฐบาลมีการตั้งกำแพงภาษีฯ จะผิดกฏ ตัวอย่าง บริษัทโกดัก ฟ้องประเทศญี่ปุ่น ว่าทำมาตรการต่างๆ ไม่ให้โกดัก ขายได้ในญี่ปุ่น
สิ่งที่ต้องวิเคราะห์
1.1 คู่ค้าที่สำคัญ คำว่าคู่ค้า ดูทั้ง 2 ด้านคือด้านนำเข้า (import) และส่งออก (export) ของไทยคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริการ ญี่ปุ่น จีน ประเทศกลุ่มอาเซียน การวิเคราะห์ดูในส่วนที่มีผลกระทบต่อไทย ได้แก่
- การเติบโตทางเศรษฐกิจ %GDP growth บอกภาวะเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างไร
- การนำเข้า และส่งออก
ถ้าภาวะอยู่ในภาวะถดถ้อย ปัญหาที่ตามมาของไทยคือ การนำเข้าจะลดลง การส่งออกจะลดลง รายได้ก็จะลดลง ตัวอย่างธุรกิจอาหารกระป๋องที่ส่งออกทั้งหมด ขาดทุนเพราะส่งออกไม่ได้
การทุ่มตลาด (dumping) ถูกฟ้องร้องได้ ความหมายคือ ขายด้วยราคาต่ำกว่าต้นทน ให้คู่แข่งตายไป จะได้ครองตลาด ในช่วงที่ขาดทุน อาจใช้วิธีอุดหนุน (subsidiary) อุดหนุนการส่งออก ใช้มาตรการทางภาษี ถ้าแพ้คดีทุ่มตลาด อาจถูกขึ้นภาษีได้
- ค่าแรง เดิมไทยจุดได้เปรียบข้อนี้ (comparative advantage) ปัจจุบัน ค่าแรงของไทยสูงกว่าประเทศเพี่อนบ้าน ข้อได้เปรียบนี้จึงหมดไป
2. ภาวะเศรษฐกิจของไทย
2.1 การขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ดูได้จาก GDP growth
GDP ยึดผลิตภัณฑ์ที่เกิดในไทย GNP ยึดสัญชาติไทย
2.2 นโยบายการเงิน (monetary) การคลัง (fiscal)
นโยบายการคลัง เช่น การลดอัตราการว่างงาน
นโยบายการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของไทยประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ถ้าเงินเฟ้อสูง ไม่เหมาะกับการลงทุน
การสกัดเงินเฟ้อ ในภาวะดอกเบี้ยสูง จะแย้งกับการคลัง เพราะว่าดอกเบี้ยสูง ต้นทุนสูง จะไม่ว่าจ้างงาน เป็นการขัดแย้งกับนโยบายการคลัง
อเมริกาจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ จะดู อัตราการว่างงาน กับอัตราเงินเฟ้อ
2.3 นโยบายการค้าระหว่างประเทศ
มี 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องได้แก่กระทรวงพาณิชย์ ต่างประเทศ คลัง
ดู NAFTA, AFTA, Trade block รวมตัวกันเพื่อให้อำนาจต่อรองสูงขึ้น หนึ่งประเทศมีอำนาจต่อรองน้อย ไทยกู้ IMF 18000 ล้านยูเอสดอลล่าร์ เพื่อมาเป็นสำรองเงินตราต่างประเทศ เพราะว่าเงินบาทใช้ได้เฉพาะในประเทศ การซื้อของต่างประเทศจะต้องจ่ายเป็นเงินต่างประเทศ ฉะนั้นประเทศต้องมีสำรองเงินตราต่างประเทศ เพื่อค้ำประกันเงินบาท ถ้าเงินสำรองหายไป ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะหายไปด้วย เพราะไม่มั่นใจว่าเราจะชำระหนี้ได้
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
การวิเคราะห์สภาพการแข่งขันธุรกิจ ที่นิยมวิธีหนึ่ง คือ 5-forces model (Michael E. Porter) โดยวิธีนี้จะวิเคราะห์ปัจจัย 4 ด้านของธุรกิจ ได้แก่ เจ้าหนี้ (ผู้จัดการวัตถุดิบ) ลูกค้า สินค้าทดแทน และความยากง่ายในการเข้าสู่ธุรกิจของคู่แข่งรายใหม่
1. เจ้าหนี้ /Suppliers : Bargaining power of suppliers
เราอาจเผชิญภาวะต้องนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งมีน้อยราย เจ้าหนี้จะมองว่าอำนาจการต่อรองของลูกค้าต่ำ เค้าจะตั้งเงื่อนไข เช่นเครดิตเทอม น้อย ราคาสูง ตัวอย่าง บริษัทต้าถุง ของเกาหลี ไปตั้งบริษัทผลิตหลอดภาพในมาเลเซีย ในช่วงแรกกำลังพัฒนา จะขาดอยู่ หลังจากที่พัฒนาได้สำเร็จ สามารถขายได้แก่ บริษัทผลิตโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ทำให้ต้าถุง เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ มีอำนาจต่อรองสูง ผู้ประกอบรายอื่นจะเข้ามายาก
ธุรกิจน้ำมัน เป็นข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์
ถ้าเราต้องพึงพาการนำเข้า ถ้าภาษีสูงขึ้น ต้นทุนจะสูงตาม เช่นปูนซิเมนต์ ขึ้นอยู่กับแหล่งหิน ถ้าเราคุมเจ้าหนี้ไม่ได้ เราก็จะเป็นรองในการแข่งขัน
2. ลูกค้า / Buyer : Bargaining power of buyer
ลูกค้าของเราเป็นใคร เช่นโรงงานยางรถยนต์ขายให้กับโรงงานรถยนต์ ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์ลดลง ก็มีผลต่าการขายยาง
3. สินค้าทดแทน / substitutes
สินค้าจะล้มได้ง่ายถ้ามีสินค้าทดแทนที่ดีกว่า เช่นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทำให้ลดการใช้แรงงาน
ตัวอย่างสินค้าทดแทน น้ำตาลมิตรผล และวังขนาย ทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์ จึงต้องมีการพัฒนา packaging ให้ใช้สะดวก
แว่นต่ากันคอนเทคเลนส์ ตอนแรกจะเป็นการผลิตเพื่อทดแทนแว่น แต่เว่นตาก็จะถีบตัวเป็นแฟชั่นมากกว่าแว่นสายตา
4. การเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่
มีผู้ประกอบการรายใหม่ เข้ามาได้ง่ายหรือยาก ถ้าเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง มีผู้ประกอบการน้อย
ความยากง่ายในการเข้าสู่การแข่งขัน ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก
1. ภาษี เช่นอุตสาหกรรมปิโตเคมี สมัยก่อนมีการตั้งกำแพงภาษีสูงมาก ทำให้ผู้ค้ารายใหม่เข้ามายาก
2. เงินลงทุน
3. เทคโนโลยี
5 Forces Model
วงจรของธุรกิจ
ตัวธุรกิจเอง จะมีวงจรที่เหมือนกัน คือ เริ่มจากการพัฒนา เติบโต ขยายตัว อิ่มตัว/ถดถอย ในแต่ละขั้น จะส่งผลต่อตัวเลขทางการเงิน ความต้องการการใช้เงินทุน การวิเคราะห์ธุรกิจ จึงต้องคำนึงถึงวงจรของธุรกิจด้วยว่าอยู่ในระยะใด
วงจรธุรกิจ
การวิเคาระห์งบการเงิน มีหลายเทคนิค ส่วนมากจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ
1. การวิเคราะห์โครงสร้างงบการเงิน - Common size analysis
2. การวิเคราะห์การเติบโตหรือแนวโน้ม - Trend analysis
3. การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน - Ratio analysis
รายละเอียดของการวิเคาะห์แบบต่างๆ
1. การวิเคราะห์โครงสร้างงบการเงิน- Common size analysis
เป็นการวิเคราะห์รายการในรูปแบบร้อยละเมื่อเทียบกับยอดรวมในงบแสดงฐานะการเงิน หรือร้อยละเทียบกับรายได้หลัก ในงบกำไรขาดทุน เรียกอีกแบบหนึ่งว่า อัตราส่วนตามแนวดิ่ง
2. การวิเคราะห์การเติบโตหรือแนวโน้ม - Trend analysis
การวิเคราะห์แบบนี้ จะต้องมีการเปรียบเทียบข้อมูลตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป จึงจะเห็นการเพิ่มขึ้น/ลดลงของรายการต่างๆ ในช่วงเวลาที่เปรียบเทียบกัน
3. การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน Ratio analysis
การวิเคราะห์อัตราทางการเงินส่วนต่างๆ การจะตีความหมายของอัตราส่วนทางการเงินได้ ควรมีการเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบกับ อัตราส่วนเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อัตตราส่วนทางการเงินในอดีต หรือเทียบกับบริษัทคู่แข่ง
ในทีนี้ จะกล่าวถึง การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratios) ใน 4 หมวดใหญ่
1. ความสามารถชำระหนี้ระยะสั้นของกิจการ
2. ความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ให้เกิดรายได้
3.ภาระหนี้สินและความเสี่ยงทางการเงิน
4. ความสามารถในการทำกำไร
เรียกอีกชื่อหนึ่งคือ การอยู่รอดในระยะสั้น
สินทรัพย์สภาพคล่อง หมายถึงสินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างง่าย ในราคาตลาด สภาพคล่องของกิจการจะตอบคำถามที่ว่ากิจการสามารถจ่ายหนี้หรือภาระผูกพันในอนาคตอันใกล้นี้ได้หรือไม่
อัตราทุนหมุนเวียน
คำนวณโดย อัตราทุนหมุนเวียน = สินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียน (เท่า)
อัตราทุนหมุนเวียน จะบอกถึงความสามารถในการชำระหนี้สินหมุนเวียนของกิจการ อัตราส่วน1:1 หมายถึง สินทรัพย์หมุนเวียน สามารถครอบคลุมหนี้สินหมุนเวียนได้พอดี ถ้าอัตราส่วนนี้มากกว่าศูนย์ นั่นคือ กิจการมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน ถือว่ามีสภาพคล่อง
อัตราเงินทุนหมุนเร็ว
คำนวณโดย โดย อัตราเงินทุนหมุนเร็ว = (สินทรัพย์หมุนเวียน-สินค้าคงเหลือ) / หนี้สินหมุนเวียน (เท่า)
ความหมายของอัตราเงินทุนหมุนเร็ว เช่นเดียวกับอัตราทุนหมุนเวียน นั่นคือเป็นดัชนีชี้วัดสภาพคล่องในการชำระหนี้สินระยะสั้น แต่ไม่นับรวมสินค้าคงเหลือ โดยมีแนวคิดว่า สินค้าคงเหลือมีสภาพคล่องน้อยกว่า เงินสด ลูกหนี้ ตั๋วเงิน
อัตราส่วน การชำระหนี้ระยะสั้น
อัตราส่วนการบริหารสินทรัพย์ เป็นการชี้วัดความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ โดยอัตราส่วนจะตอบคำถามว่าจำนวนสินทรัพย์มีพอดีหรือไม่ มากไป หรือน้อยไปหรือไม่
อัตราการหมุนของลูกหนี้ (A/R Turnover)
คำนวณโดย อัตราการหมุนของลูกหนี้ = = ขายเชื่อ / ลูกหนี้ (เท่า)
- ลูกหนี้อาจใช้ยอดลูกหนี้เฉลี่ย
เป็นการวัดประสิทธิภาพการบริหารสินเชื่อของกิจการ แสดงให้เห็นว่ากิจการสามารถเก็บเงินจากลูกหนี้ได้กี่ครั้งในรอบระยะเวลาหนี่ง อัตราส่วนนี้ยิ่งมากยิ่งดี เพราะหมายถึงว่าสามารถเก็บเงินจากลูกหนี้ได้เร็วหรือมากครั้งในรอบเวลาหนี่ง การพิจารณาดูถึงนโยบายการให้สินเชื่อและการจัดเก็บหนี้ด้วย
ระยะเวลาการเก็บหนี้ / Day sale outstanding –DSO
คำนวณโดย ระยะเวลาการเก็บหนี้ =(ลูกหนี้ / ขายเชื่อ) x 365 x365 วัน
หรือ = 365/ อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้การค้า
ระยะเวลการเก็บหนี้ แสดงถึงการใช้เวลาในการเก็บหนี้ อัตราส่วนยิ่งน้อยยิ่งดี ถือว่าใช้เวลาน้อยในการเก็บเงิน
อัตราการหมุนของสินค้า
คำนวณโดย อัตราการหมุนของสินค้า =ต้นทุนขาย / สินค้าคงเหลือ
หรืออีกวิธี (ไม่นิยม) อัตราการหมุนของสินค้า = ขาย / สินค้าคงเหลือ
วิธีคำนวณโดยใช้ยอดขาย ไม่นิยมเพราะ การคำนวณอาจไม่ถูกต้องเท่ามี่ควร ยอดขาย เป็นราคาที่รวมกำไรไว้แล้ว แต่สินค้าคงเหลือ เป็นราคาทุน
อัตราการหมุนของสินค้า แสดงถึงจำนวนครั้งหรือรอบที่สินค้าถูกขายไปในระยะเวลาหนึ่ง อัตราส่วนนี้ยิ่งมากยิ่งดี นั่นคือสินค้าขายเร็ว ได้รับเงินเร็ว
จำนวนวันหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ / Day’s sale inventory
คำนวณโดย จำนวนวันหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ = (สินค้าคงเหลือ / ต้นทุนขาย ) x 365 วัน
จำนวนวันหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ แสดงถึงการใช้เวลาการขายสินค้าออกไป อัตราส่วนนี้ยิ่งน้อยยิ่งดี ถือว่าขายสินค้าได้เร็วนั่นเอง
อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร
คำนวณโดย อัตราหมุนเวียนของสินทรัพยืถาวร = ขาย / สินทรัพย์ถาวร
อัตราหมุนเวียนของสินทรัพยืถาวร แสดงถึงเงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวรก่อให้เกิดรายได้เป็นกี่เท่าอัตราส่วนนี้ยิ่งมากยิ่งดี นั่นคือกิจการสามารถบริหารสินทรัพย์ถาวรให้เกิดรายได้มากนั่นเอง
อัตราส่วนหมุนเวียนของสินทรัพย์รวม
การคำนวณและความหมายเช่นเดียวกับ อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร เพียงแค่เปลี่ยนสินทรัพย์ถาวรเป็นสินทรัพย์รวม
อัตราส่วนการบริหารสินทรัพย์
ภาระหนี้สิน หรือความเสียงทางการเงิน หรือความสามารถในการชำระหนี้ เป็นการวิเคราะห์ถึงแห่งที่มาของเงินทุนของกิจการว่าได้มาจากแหล่งใด ส่วนของเจ้าและจากการก่อนหนี้ เป็นสัดส่วนที่เหมาะสมหรือไม่
อัตราส่วนในหมวดหนี้ แสดงให้เป็นความสามารถในการชำระหนี้ของกิจการ อัตราส่วนสภาพคล่องจะแสดงความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น ส่วนอัตราส่วนในหมวดนี้วัดความสามารถการชำระหนี้ระยะยาว
อัตราส่วนหนี้สิน Debt Ratio
คำนวณโดย อัตราส่วนหนี้สิน = หนี้สินรวม / สินทรัพย์รวม เท่า
อัตราส่วนหนี้สิน แสดงให้เห็นถึงสัดส่วนของหนี้สินในโครงสร้างทางการเงิน ว่าหนี้สินเป็นกี่เท่าของสินทรัพย์รวม อัตราส่วนหนี้สิน ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะมีความเสี่ยงทางการเงินน้อย
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนเจ้าของ Debt to Equity Ratio (D/E ratio)
คำนวณโดย อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนเจ้าของ = หนี้สินรวม / ส่วนของผู้ถือหุ้น เท่า
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนเจ้าของนี้แสดงถึงว่าสัดส่วนของมีเพียงพอที่จะชำระหนี้หรือไม่ อัตราส่วนนี้ยิ่งน้อย ยิ่งดี หรือคือความสามารถชำระหนี้สูงนั่นเอง
อัตราส่วนกำไรต่อดอกเบี้ยจ่าย Times Interest Earned
คำนวณโดย อัตราส่วนกำไรต่อดอกเบี้ยจ่าย = กำไรจากการดำเนินงาน / ดอกเบี้ยจ่าย = EBIT/I
อัตราส่วนกำไรต่อดอกเบี้ยจ่าย แสดงให้เห็นว่ากิจการสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้เป็นกี่เท่าของดอกเบี่ยจ่าย หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการวัดความสมารถในการนำกำไรจากการดำเนินงานมาชำระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงิน อัตราส่วนนี้ ยิ่งมากยิ่งดี ถือว่ามีความสามารถชำระดอกเบี้ย ความเสี่ยงทางการเงินต่ำ
อัตราส่วนภาระหนี้สิน
4. ความสามารถในการทำกำไร Profitability ratio
ความสามารถในการทำกำไร แสดงถึงความสามารถในการทำไรของกิจที่เกิดจาก การใช้สินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ การหาตัวชี้วัดในกลุ่มนี้ เป็นการหาความสัมพันธ์ ใน 3 ลักษณะคือ
1. กำไรกับยอดขาย
2. กำไรกับเงินลงทุน
3. กำไรกับจำนวนหุ้น
อัตราส่วนกำไรขั้นต้น Gross Profit Margin
คำนวณโดย อัตราส่วนกำไรขั้นต้น = (กำไรขั้นต้น / ขาย) x100 (%)
อัตราส่วนกำไรขั้นต้น แสดงถึงความสามารถในการผลิดและขาย อัตราส่วนนี้ยิ่งมากยิ่งดี แสดงถึงไม่ส่วนต่างของขายสูงกว่าต้นทุนขายมาก
อัตราส่วนกำไรสุทธิ Operating Profit Margin
บางที่รียกว่า อัตราผลตอบแทนจากการขาย Return on Sales : ROS
คำนวณโดย อัตราส่วนกำไรสุทธิ = (กำไรจากการดำเนินงาน / ขาย) x100 (%)
แสดงให้เห็นว่ายอดขายที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดกำไรเท่าไร อัตราส่วนนี้ยิ่งมากยิ่งดี
ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ Return on Assets (ROA)
บางที่เรียกว่า อัตราผลตอบแทนต่อการลงทุน Return on Investment : ROI
คำนวณโดย อัตราส่วนกำไรสุทธิ = (กำไรสุทธิ / สินทรัพย์รวม) x100 (%)
แสดงถึงเงินที่กิจการลงทุนไปในสินทรัพย์นั้นก่อให้เกิดกำไรเท่าไร อัตราส่วนนี้ ยิ่งมากยิ่งดี หรือก็คือการบริหารสินทรัพย์ทำให้เกิดกำไร
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ Return on Equity (ROE)
คำนวณโดย อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ = = (กำไรสุทธิ / ส่วนของผู้ถือหุ้น) x100 (%)
แสดงถึงเงินทุนของผู้ถือหุ้นก่อให้เกิดกำไรเท่าไร อัตราส่วนนี้ ยิ่งมายิ่งดี
กำไรต่อหุ้น Earnings per share: EPS
แสดงกำไรต่อ 1 หุ้นสามัญ ยิ่งสูงยิ่งดี
อัตราส่วน การทำกำไร
1. อัตราส่วนทางการเงิน ได้ตัวเลขมาจากงบการเงิน ซึ่งเป็นตัวเลขในอดีต
2. วิธีการบันทึกบัญชี รอบระยะเวลาบัญชี นโยบายการบัญชี ของบริษัทต่างๆ อาจแตกต่างกัน ดังนั้น การเปรียบเทียบข้อมูลอัตราส่วนระหว่างบริษัท อาจต้องคำนึงถึงข้อแตกต่างด้วย
3. อัตราส่วนที่มีการใช้ตัวเลขในงบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) เช่นลูกหนี้ หรือสินค้าคงเหลือ ควรใช้ตัวเลขเฉลี่ยในรอบระยะเวลาบัญชี เพราะตัวเลขที่แสดงในงบดุล เป็นตัวเลข ณ วันที่ หนี่ง เท่านี้น
4. การวิเคราะห์ อาจไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ทุกอัตราส่วน แต่ควรให้ครอบคลุมทุกประเภท เพื่อให้การวิเคราะห์ครบทุกด้าน
อ้างอิง
การวิเคาระห์งบการเงิน ดร.กฤษฏา เสกตระกูล, CFP
https://www.st.or.th/dat/vdoArticl/attachFil/AttachFil_1472551305959.pdf
การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ดร.ธนัยวงศ์ กีรติวานิชย์
http://research.swu.ac.th/downloadsการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน.pdf