ประโยค (Sentence) หมายถึง กลุ่มคำที่ประกอบด้วยภาคประธาน ภาคแสดงและภาคขยายที่เรียงประกอบเข้าด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ โดยแสดงข้อความที่มีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
ประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ มี 4 ชนิด คือ Simple Sentence, Compound Sentence, Complex Sentence และ Compound - Complex Sentence
ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จะศึกษารูปประโยค Compound Sentence หรือประโยคความรวม แต่ก่อนที่จะเรียนรายละเอียดเรื่องรูปประโยค Compound Sentence เรามาทบทวนรูปประโยค Simple Sentence กันก่อน
ประโยคความเดียวหรือเอกัตถประโยค (Simple Sentence) หมายถึงประโยคที่แสดง ข้อความที่พูดซึ่งมีความเดียว ไม่กำกวม สามารถเข้าใจได้ง่าย
ยกตัวอย่างเช่น
He is a boy.
Suda walks to school.
I sit on a chair.
ประโยคความเดียว (Simple Sentence) จะมีประธานและกริยาเพียงตัวเดียว ประกอบด้วยภาคประธาน (Subject) คือส่วนที่เป็นประธานของประโยค และภาคแสดง (Predicate) คือส่วนที่เป็นกริยาและส่วนขยายอื่น ๆ
ภาคประธาน ภาคกริยา
(Subject) (Predicate)
The birds sing.
The mob move down the street.
It rained heavily in Bangkok.
He sent her a bouquet of flowers.
สำหรับประโยคความรวมหรือเอกัตถประโยค (Compound Sentence) หมายถึง ประโยค
ที่มีข้อความ 2 ข้อความ มารวมกันแล้วเชื่อมด้วยคำสันธาน (Conjunction หรือตัวเชื่อมประสาน) ได้แก่ and (และ), or (หรือ), but (แต่), so (ดังนั้น), still (ยังคง), yet (แล้ว) etc. และ Conjunctive Adverb (คำกริยาวิเศษณ์เชื่อม) ได้แก่ however (อย่างไรก็ตาม), meanwhile (ในขณะที่), therefore (ดังนั้น), otherwise (มิฉะนั้น), thus (ดังนั้น) etc.
Compound Sentence ประโยคที่เชื่อมด้วยบุพบท (Conjunction หรือตัวเชื่อมประสาน) ได้แก่ and, or, but, so, still, yet etc.
ยกตัวอย่างเช่น
Suda can speak English.
สุดาพูดภาษาอังกฤษได้ Suda can speak English and French.
Suda can speak French. สุดาพูดภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสได้
สุดาพูดภาษาฝรั่งเศสได้
Malee does not study French. Malee does not study French
มาลีไม่ได้เรียนภาษาฝรั่งเศส but she can speak it.
Malee can speak French. มาลีไม่ได้เรียนภาษาฝรั่งเศส
มาลีพูดภาษาฝรั่งเศสได้ แต่พูดภาษาฝรั่งเศสได้
He is strong.
เขาเป็นคนแข็งแรง He is strong but silly.
He is silly. เขาเป็นคนแข็งแรงแต่โง่
เขาเป็นคนโง่
Chuan was prime minister.
ชวนเป็นนายกรัฐมนตรี Chuan and Banharn were prime ministers.
Banharn was prime minister. ชวนและบรรหารเป็นนายกรัฐมนตรี
บรรหารเป็นนายกรัฐมนตรี
You can have fried rice.
คุณทานข้าวผัดได้ You can have fried rice or boiled rice.
You can have boiled rice. คุณสามารถเลือกทานข้าวผัด
คุณทานข้าวต้มได้ หรือข้าวต้มก็ได้
คำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคความรวม (Compound Sentence) ที่สำคัญ ได้แก่
and แปลว่า และ, กับ ใช้เชื่อมประโยคที่มีใจความคล้อยตามกัน
(ตัวอย่าง )
Obb and Toom work in Distance Education Institute.
อ็อบและตุ้มทำงานที่สถาบันการศึกษาทางไกล
This table is new and shiny.
โต๊ะตัวนี้ใหม่และเป็นเงางาม
Pom talks and walks to school.
ป้อมคุยไปและเดินไปโรงเรียน
but แปลว่า แต่ ใช้เชื่อมประโยคที่มีใจความขัดแย้งกัน
(ตัวอย่าง)
That house is old but strong.
บ้านหลังนี้เก่าแต่ยังแข็งแรง
He complains but he goes with his mother.
เขาบ่นแต่เขาก็ไปกับแม่
or แปลว่า หรือ ใช้เชื่อมประโยคที่มีใจความให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
(ตัวอย่าง)
What would you like, coffee or tea?
คุณต้องการอะไร กาแฟหรือชา
You can sit here or in that room.
คุณจะนั่งที่นี่หรือในห้องนั้นก็ได้
both…and แปลว่า ทั้ง…และ
(ตัวอย่าง)
Both boys and girls learn English.
ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเรียนภาษาอังกฤษ
Idd is both pretty and clever.
อิ้ดทั้งน่ารักและฉลาด
Suchart both works and studies in the university.
สุชาติทั้งทำงานและเรียนในมหาวิทยาลัย
either…or แปลว่า ไม่อย่างหนึ่งก็อีกอย่างหนึ่ง (ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง)
(ตัวอย่าง)
Either me or you should telephone to the director.
ไม่ฉันก็คุณจะต้องโทรศัพท์ไปหาท่านผู้อำนวยการ
Dan begins either reading or writing English tomorrow.
แดนจะเริ่มไม่อ่านก็เขียนภาษาอังกฤษพรุ่งนี้
You have to sell either the house or the car.
คุณจะต้องขายไม่บ้านก็รถยนต์
neither…nor แปลว่า ไม่ทั้งสองอย่าง
(ตัวอย่าง)
This man is neither rich nor clever.
ผู้ชายคนนี้ทั้งไม่รวยและไม่ฉลาด
Pan will neither live nor work in Bangkok.
ปานจะไม่มีวันอยู่หรือทำงานในกรุงเทพฯ
ถ้าใช้ neither วางไว้หน้าประโยค จะต้องตามด้วยกริยาช่วย ประธานและกริยาแท้ เช่น
Neither did he listen his teacher, nor did he read the book.
เขาทั้งไม่ฟังครูและไม่อ่านหนังสือ
not only…but also แปลว่า ไม่เพียง.......แต่.......ด้วย
(ตัวอย่าง)
Not only man, but also woman could be the prime minister.
ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้
Not only you, but also he has not read the book yet.
ไม่เพียงแต่คุณเท่านั้น เขาก็ยังไม่ได้อ่านหนังสือเช่นเดียวกัน
I know not only Sumalee but also her family.
ฉันไม่เพียงแต่รู้จักกับสุมาลีเท่านั้น ฉันยังรู้จักครอบครัวของเธอด้วย
สำหรับประโยคความรวม (Compound Sentence) บางประโยคจะเชื่อมด้วยคำกริยา วิเศษณ์ (Conjunctive Adverb) ได้แก่ however (อย่างไรก็ตาม), meanwhile (ในขณะที่), therefore (ดังนั้น, เพราะฉะนั้น), otherwise (มิฉะนั้น), thus (ดังนั้น), hence (ด้วยเหตุนี้), nevertheless (แม้กระนั้น), etc.
ยกตัวอย่างเช่น
Suda comes to see me at the temple. She comes to see me at the temple,
It begins to rain. meanwhile it begins to rain.
Malee was ill. Malee was ill, thus she went to
Malee went to see the doctor at a hospital. see the doctor at a hospital.
ประโยคความรวมที่เชื่อมด้วยคำกริยาวิเศษณ์จะมีเครื่องหมาย, คั่นระหว่างข้อความในส่วนแรกกับข้อความในส่วนหลัง
ยกตัวอย่างเช่น
They tried their best, yet they didn't succeed.
เขาพยายามทำดีที่สุดแล้ว เขาก็ยังทำได้ไม่สำเร็จ
Before I go out, I would like to leave my messages.
ก่อนที่ฉันจะออกไป ฉันต้องการทิ้งข้อความเอาไว้
บางครั้งอาจจะพบการใช้เครื่องหมายวรรคตอนหลายชนิดอยู่ในประโยคเดียวกัน ถ้าเป็นประโยคที่มีการขยายความหรือให้รายละเอียดมากขึ้น
I do not only buy her a new car, but also give her a diamond set; anyway she doesn't use it.
ฉันไม่ได้ซื้อให้เธอแต่เพียงรถใหม่เท่านั้น แต่ยังซื้อชุดเครื่องเพชรให้เธอด้วย อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ใช้มัน
ให้สังเกตว่าประโยคความรวม (Compound Sentence) คือ การนำประโยคความเดียว (Simple Sentence) 2 ประโยคมารวมกันและเชื่อมด้วยคำสันธาน (Conjunction) หรือ คำกริยา วิเศษณ์ (Conjunctive Adverb)