ท้องฟ้าจำลอง

มนุษย์ให้ความสนใจต่อวัตถุท้องฟ้าและปรากฏการณ์บนฟากฟ้ามาเป็นเวลาช้านานแล้ว  สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้มนุษย์สนใจค้นคว้าหาความจริงในธรรมชาติของสิ่งเหล่านั้น  ด้วยความคิดอันเป็นระบบของมนุษย์  ทำให้มนุษย์พยายามจัดแบ่งดาวที่มีจำนวนมากมายมหาศาลบนท้องฟ้าออกเป็นกลุ่ม ๆ  เพื่อความสะดวกในการค้นหาและสังเกตการณ์  กลุ่มดาวทั้งหมดบนท้องฟ้าจึงถูกแบ่งออกทั้งหมดเป็น  88  กลุ่ม  โดยแต่ละกลุ่มกำหนดไว้ในรูปของตัวบุคคล  เครื่องมือสัตว์ต่าง ๆ  ในเทพนิยาย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพนิยายกรีก  ซึ่งเป็นนิยายปรัมปราที่มีการเล่าขานสืบต่อมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล และยังเป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน  การกำหนดเช่นนี้ทำให้การจดจำกลุ่มดาวต่าง ๆ  ง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก  อีกยังทำให้การดูดาวมีความสนุกสนานเพลิดเพลิน

          ในช่วงฤดูหนาวตอนหัวค่ำ  เราอาจสังเกตกลุ่มดาวนายพราน (Orion)  กลุ่มดาวม้าปีก (Pegasus)  กลุ่มดาวสารถี (Auriga)  และกลุ่มดาววัว (Taurus)  เป็นต้น  ส่วนในช่วงฤดูร้อนตอนหัวค่ำ  เราอาจสังเกตกลุ่มดาวหมีใหญ่  (Ursa  Major)  กลุ่มดาวสิงโต (Leo)  เป็นต้น  นอกจากนี้ยังอาจเห็นดาวเคราะห์ (Planets)  บางดวงปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวจักราศี (Zodiac)  อีกด้วย  และด้วยความช่างสังเกตของมนุษย์  ทำให้มนุษย์ทราบว่าการขึ้น – ตกของดาวต่าง ๆ  รวมทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั้นเกิดขึ้นเนื่องจากการหมุนรอบตัวเองของโลกในแต่ละวัน  และนอกจากจะสังเกตเห็นว่า  ดาวฤกษ์บนท้องฟ้ามีความสว่างแตกต่างกันแล้ว  ยังพบว่าดาวฤกษ์แต่ละดวงยังมีสีหลากหลายแตกต่างกันไป  บ้างก็เป็นสีน้ำเงิน  บ้างก็เป็นสีขาว  บ้างก็เป็นสีแดง  ซึ่งนักดาราศาสตร์ก็ได้ข้อสรุปในภายหลังว่าสีของดาวนั้นขึ้นกับอุณหภูมิของดาวแต่ละดวงนั่นเอง  ถ้าดาวร้อนมากสีที่ปรากฏจะเป็นสีน้ำเงิน  ถ้าร้อนน้อยลงก็จะเริ่มกลายเป็นสีขาว  และถ้าไม่ร้อนมากก็จะกลายเป็นสีส้มหรือสีแดง

          เมื่อมีการสร้างกล้องโทรทรรศน์หรือกล้องดูดาวขึ้นมาในครั้งแรกตั้งแต่สมัยกาลิเลโอ (Galileo)  โลกทัศน์ทางดาราศาสตร์และความลี้ลับต่าง ๆ  ของเอกภพก็มีความชัดเจนขึ้น  นักดาราศาสตร์พบว่าในเอกภพมีดาวฤกษ์และวัตถุท้องฟ้าอื่น ๆ  จำนวนมากมายมหาศาลที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  และด้วยอำนาจการรวมแสง  การแยกภาพและกำลังขยายของกล้องโทรทรรศน์  นักดาราศาสตร์พบว่าบางบริเวณบนท้องฟ้า  มีดาวฤกษ์อยู่รวมกันเป็นกระจุก (Cluster)  ดาวฤกษ์แต่ละดวงที่เป็นสมาชิกของกระจุกดาวมีแรงดึงดูดระหว่างกัน  บางกลุ่มก็มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก  บางกลุ่มก็มีสมาชิกเป็นจำนวนน้อยแตกต่างกันไป  นักดาราศาสตร์แบ่งกระจุกดาวออกเป็น  2  ชนิด  คือ  กระจุกดาวทรงกลมหรือกระจุกดาวปิด (Globular Cluster)  ตัวอย่างเช่น กระจุกดาวในกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส(Hercules Cluster) เป็นต้น และกระจุกดาวกาแลกติก  หรือ  กระจุกดาวเปิด (Galactic Cluster  หรือ  Open - Cluster)  ตัวอย่างเช่น  กระจุกดาวลูกไก่ (Pleiades)  เป็นต้น

ดาวฤกษ์จำนวนนับแสนล้านดวงอาจมาอยู่ร่วมกัน  ภายใต้แรงโน้มถ่วงระหว่างกัน  เป็นอาณาจักรดาวฤกษ์ขนาดใหญ่  เรียกว่า  “ดาราจักร (Galaxy)”  ดาราจักรมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป  บ้างก็เป็นทรงรี (Elliptical)  บางก็เป็นก้นหอย (Spiral)  และบ้างก็ไร้รูปร่าง (Irregular)  ระบบสุริยะของเราเป็นสมาชิกในดาราจักรที่มีชื่อเรียกว่า  “ทางช้างเผือก (Milky  Way)”  มีรูปร่างเป็นก้นหอย  ดาราจักรเพื่อนบ้านของเราที่มีรูปร่างคล้ายดาราจักรทางช้างเผือก  มีชื่อว่าดาราจักร  “แอนโดรเมดา (Andromeda)  อยู่ห่างจากเราประมาณ  2.2  ล้านปีแสง 


อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก http://www.lesa.biz/astronomy