ในการโทรศัพท์มีทั้งสถานการณ์ที่โทรไปหาผู้ที่คุ้นเคย ติดต่อธุระส่ีวนตัวและสถานการณ์ ที่เป็นทางการ เช่น การติดต่อการงาน เช่น การติดต่อธุรกิจ การจองห้องพัก/ตั๋วโดยสาร ภาษาที่ใช้ใน สถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ ย่อมแตกต่างจากสถานการณ์ที่เป็นทางการ
การโทรศัพท์ถึงผู้ที่คุ้นเคย : จะใช้ภาษาแบบกันเองที่ไม่เป็นทางการ หรือภาษาที่เป็นกันเอง (informal) ในการโต้ตอบระหว่างผู้เรียกเข้า (caller) กับผู้รับสาย (receptionist)
ศึกษาบทสนทนาทางโทรศัพท์ต่อไปนี้ ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่าง Jane และ Greg สถานที่คือบ้านของ John เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น John ไปรับสายพบว่ามีผู้โทรมาหา Steve ซึ่งขณะนั้น ไม่อยู่บ้าน จะกลับมาประมาณตอนเย็นประมาณ 5 โมงครึ่ง ดังนั้น John จึงถามชื่อคนโทรศัพท์และจะบอก Steve ให้ทราบว่า Greg โทรมาหา
Rrrrrrrr……
John : Hello.
Greg : Hello. Is Steve there?
John : I’m sorry. He’s not here right now.
Greg : What time will he be back?
John : Around five thirty.
Greg : This afternoon?
John : Yes. May I ask who’s calling?
Greg : This is his friend, Greg.
John : Okay. I’ll tell him you called.
Greg : Thanks.
สำนวนที่น่าสนใจ
I’m sorry. He’s not here right now.
การบอกว่าผู้ที่ต้องการพูดด้วยไม่อยู่แทนที่จะบอกเฉย ๆ ว่า He’s not here right now. เราควรพูดคําว่า I’m sorry. เริ่มต้นด้วย ทําให้ฟังดูดีขึ้น ไม่ห้วน และแสดงความรู้สึกเห็นใจผู้พูดที่ต้อง ผิดหวัง ไม่พบคนที่ต้องการพูดด้วย
Around five thirty.
คําว่า around เป็นการกะโดยประมาณ อาจจะใช้คําว่า about แทนก็ได้ แต่คําว่า around ค่อนข้างเป็นภาษาพูด
May I ask who’s calling?
ถ้าต้องการถามชื่อคนโทร นี่เป็นคําพูดที่ควรใช้ นอกจากนี้ อาจจะถามอีกอย่างว่า May I tell him/her who’s calling? ก็ได้ เป็นการถามโดยอ้อม ๆ ว่า จะให้บอกว่าใครโทรมา
This is his friend, Greg.
การบอกชื่อ แทนที่จะบอกชื่อเฉย ๆ ว่า This is Greg. ก็มีคํามาขยายว่า เป็นเพื่อนอย่างนี้ ดูดีกว่าบอกชื่อเฉย ๆ