จอห์น แนช จูเนียร ( John nash junior )
ค.ศ. 1928 - ปัจจุบัน
จอห์น แนช จูเนียร์ เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน ที่สร้างผลงานต่อโลกมากมาย โดยคิดทฤษฎีดุลยภาพซึ่งสำคัญกับเศรษฐศาสตร์สมัยใหมjมีผลต่อการ ค้าและการทหาร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติ มีความเชี่ยวชาญเรื่องทฤษฎีเกม, เรขาคณิตเชิงอนุพันธ์ และสมการเชิงอนุพันธ์แบบแบ่งส่วน ดำรงตำแหน่งนักวิจัยอาวุโสสาขาคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ประจำปี พ.ศ. 2537 จากผลงานเรื่องทฤษฎีเกมร่วมกับ Reinhard Selten และ John Harsanyi
จอห์น แนช จูเนียร์ เกิดวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ.1928 เติบโตขึ้นในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย บิดาของเขาคือ จอห์น ฟอบส์ แนช เป็นวิศวกรไฟฟ้าและมารดาของเขาคือ มากาเรต เวอร์จิเนีย มาร์ติน เป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษและภาษาละติน ต่อมา เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1930 มารดาของเขาก็ได้ให้กำเนิดน้องสาว คือ มาร์ธา แนช เขาเป็นเด็กอัจฉริยะ หน้าตาดี หยิ่งยโส มีนิสัยพิลึกมาก เขาไม่ชอบเข้าห้องเรียน ไม่ชอบแก้โจทย์คณิตศาสตร์ในวิธีของคนอื่น ๆ เพราะเขาถือว่าห้องเรียนเป็นกรอบความคิด เขาชอบค้นคว้าและคิดเองเสมอเขามีนัก วิทยาศาสตร์ในดวงใจ คือ อัลเบอร์ต ไอสไตน์
เมื่อแนชอายุได้ 12 ปี เขาก็เริ่มทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ภายในห้องนอนของเขา แนชเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวเงียบและไม่อยากจะทำงานร่วมกับผู้อื่น เขาชอบทำงานตัวคนเดียวมากกว่า เขาปฏิเสธการอยู่ห้องร่วมกับคนอื่น แนชปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้เพราะเพื่อนๆมักจะแกล้งเขาเสมอและเขามักจะนึกว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น เขาเชื่อว่าการเต้นรำและการเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่มีสมาธิกับการทดลองและการเรียนของเขา มาร์ธา น้องสาวของจอห์น แนชดูเป็นคนปกติมากกว่าจอห์น และจอห์นก็ดูผิดปกติไปจากเด็กคนอื่นๆ มาร์ธาเล่าว่า "จอห์นนี่เป็นคนที่ผิดปกติจากคนอื่น พ่อแม่ก็รู้ว่าเขาผิดปกติ แต่พวกเขาก็รู้ว่าจอห์นนี่ฉลาด เขามักจะทำอะไรด้วยวิธีของตัวเอง แม่บอกว่าการที่ฉันเป็นเพื่อนเล่นให้กับเขาคือสิ่งที่ฉันทำได้เพื่อเขา... แต่ฉันก็ไม่ค่อยสนใจหรอกว่าพี่ชายฉันเป็นคนค่อนข้างแปลก"
ในวัยรุ่นเขาชอบศึกษาหาความรู้ ชอบคิดทฤษฎี สร้างวิธีคิดเองเสมอ ทำให้ในวัน ๆ หนึ่งเขาจะอยู่กับตำราหนังสือตลอด เขาได้ศึกษาที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ในปี ค.ศ.1944 และได้ชิงทุน คาร์เนกี้ และเขาก็ชนะเพราะทฤษฎีที่เขาคิดนั่นเอง เขาจบปริญญาเอกด้วยวิทยานิพนธ์หนาเพียง 27 หน้า ที่ว่าด้วยเรื่องทฤษฎีสมดุลระบบ
เขาเริ่มต้นการทำงานด้วยการสอนหนังสือที่ M.I.T (Massachusetts Institute of Technology ) พร้อมกับอาการภาพหลอนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เขาได้พบรักกับอลิเซีย ลาร์ด ซึ่งเธอได้ศึกษาปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์ จอห์น แนช แต่งงานกับเธอในปี 1953 จากนั้นไม่นานเขาก็มีลูกชายชื่อ จอห์นนี่ ในระหว่างช่วงนั้นเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับการเป็นโรคจิตเภทที่เขาไม่รู้ตัวจนเขาไม่สามารถจะสอนหนังสือได้ เขารักษาตัวเป็นเวลานานมาก แต่ด้วยจิตใจอันเข้มแข็งและสวยงาม เขาจึงเอาชนะโรคเหล่านั้นด้วยตนเอง ไม่สนใจภาพหลอน แม้ว่าทุกวันนี้ภาพหลอนยังคงเวียนว่ายใกล้ตัวเขาซึ่งถือว่าเป็นชัยชนะที่สวยงามที่สุดที่มนุษย์พึงกระทำ เมื่อหายจากโรคเขาจึงใช้เวลาที่เหลือของอายุผลิตงานค้นคว้าต่อไปเพื่อทดแทนเวลาที่หายไปในขณะที่เขาป่วย จนผลงานของเขาเป็นที่ยอมรับและได้รับรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 1994 ด้วยทฤษฎีสมดุลระบบ ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐศาสตร์แผนใหม่ นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีเกม การแก้ปัญหาการต่อรองของแนช โปรแกรมของแนช ผลลัพธ์แบบดีจอร์จีแนช การฝังในของแนช ทฤษฎีบทของแนช-โมเชอร์ ทฤษฎีเหล่านี้มีประโยชน์ทางการค้า การทหาร การเมือง ที่อาศัยการเจรจาโดยไม่มีผู้ใดเสียประโยชน์ เขายังคงผลิตผลงานออกมาเรื่อย ๆ และสอนที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ชีวิตปั้นปลายของเขามีความสุขกับครอบครัวมาก จอห์นยังคงเดินไปสอนที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันทุกวัน และสอนหนังสือนักศึกษากลุ่มเล็ก ๆ ในห้องสมุดอย่างมีความสุข โดยเลี่ยงที่จะทำงานในห้องสี่เหลี่ยม
ชีวประวัติของแนชได้มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่อง A Beautiful mind ที่โด่งดังในวงการฮอลลีวูด ชื่อ ผู้ชายหลายมิติ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้ถึง 8 รายการ เนื้อหาในภาพยนตร์จะเกี่ยวกับนักคณิตศาสตร์ผู้ปราชญ์เปรื่องคนหนึ่งที่มีชื่อเดียวกับเขา และต้องต่อสู้กับโรคประสาทหลอนเช่นเดียวกัน
สรุปผลงานที่สำคัญ
เป็นผู้คิด ทฤษฎีดุลยภาพของแนช ซึ่่่งสำคัญกับเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ มีผลต่อการค้าและการทหาร เป็นที่ยอมรับและได้รับรางวัลโนเบล ในสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี ค.ศ.1994 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติ นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีเกม การแก้ปัญหาการต่อ รองของแนช โปรแกรมของแนช ผลลัพธ์แบบดีจอร์จีแนช การฝังในของแนช ทฤษฎีบทของแนช-โมเชอร์ ทฤษฎีเหล่านี้มีประโยชน์ทางการค้า การทหาร การเมือง ที่อาศัยการเจรจาโดยไม่มีผู้ใดเสียประโยชน์