ความก้าวหน้าของการสื่อสารยุค 5G

Mobile Technology หมายถึง เทคโนโลยีที่มีอยู่ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สามารถนำติดตัวไปใช้งานในที่ต่าง ได้อย่างสะดวก จากจุดเริ่มต้นของ Mobile Device มีอยู่หลายอย่าง และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ Mobile Device ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ ในบทเรียนนี้ จะกล่าวเพียง 3-4 อย่างเท่านั้น
Notebook ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขนาดเล็ก ที่สามารถพกพา เคลื่อนย้ายได้ มีน้ำหนักประมาณ 1 - 3 กิโลกรัม
Tablet แท็บเล็ต เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอีกชนิด มีขนาดเล็กและเบากว่า notebook หน้าจอเป็นระบบสัมผัส คีย์บอร์ดในตัว
Smartphone สมาร์ทโฟน หรือโทรศัพท์มือถือที่มีสมรรถนะรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คและแอพพลิเคชั่นต่างๆได้
Mobile Internet Device เป็นอุปกรณ์พกพาแบบต่างๆ ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านเทคโนโลยี Wi-Fi ที่เห็นได้ชัดเจนคือ Smart Watch หรือนาฬิกาอัจฉริยะนั้นเอง
(ศึกษาได้ที่
เทคโนโลยีอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อการสื่อสาร)

นับตั้งแต่โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงในปี พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา เวลาเกือบห้าสิบปี วิวัฒนาการของโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้กลายมาเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถมากมาย ผ่านยุคสมัยที่เรียกว่า Generation หรือ G เริ่มตั้งแต่ 1G จนปัจจุบันก้าวเข้าสู่ยุค 5G เรามาดูพัฒนาการจากวิดีทัศน์กัน

วิวัฒนาการของเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ในยุค 1980S ยุค 1G ได้กำเนิดเกิดขึ้น ภายใต้ชื่อ อะนาล็อก ความสามารถของระบบโทรคมนาคม สื่อสารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะนั้นคือ โทรเข้า-โทรออก และระบบก็ได้พัฒนาการเรื่อยมาจนถึงยุค 2020s โลกแห่งเทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้นอย่างมากมาย และหนึ่งในนั้นคือ เทคโนโลยีการสื่อสารบนเครือข่าย 5G

"เราเดินมาถึงยุคการสื่อสารในเจนเนอเรชั่นที่ 5 แล้ว" ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้อุปกรณ์ ระบบ หรือหน่วยประมวลผล จำนวนมาก สามารถเชื่อมต่อ หรือติดต่อถึงกัน ทำงานหรือบริหารจัดการในเรื่องต่างๆ(ไม่ว่าจะเป็นงาน กิจกรรม เวลา)ร่วมกัน ส่งผลให้ชีวิตมีความสะดวก สะบายมากขึ้น กระบวนการต่างๆดังที่กล่าวมานี้ เรียกว่า Internet of Things หรือ IoT เป็นฐานกำเนิดของกระบวนการอัฉริยะต่างๆ เช่น การผ่าตัดได้จากระยะไกล หุ่นยนต์ในโรงงาน รถยนต์อัจฉริยะ (Smart Car) พัฒนาศักยภาพไปสู่ ระบบสำนักงานอัจฉริยะ (Smart Office) ระบบบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) นำไปสู่โครงสร้างของเมืองอัจฉริยะ(Smart City) ในอนาคตอีกไม่นาน

5G ดีกว่า 4G ในด้านใดบ้าง

การเข้ามาของ 5G จะส่งผลต่อคุณภาพของชีวิต ของกลุ่มคนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นคนทำงาน หรือแม้กระทั่งกระบวนการสื่อสาร ประมวลผล สั่งการเชื่อมโยงอุปกรณ์ เรามาดูว่า 5G ดีกว่า 4G อย่างไรบ้าง

1.รองรับการ รับ-ส่ง ข้อมูลได้มากกว่า สามารถดาวน์โหลดอยู่ที่ 1 GB ต่อวินาที อัตราอัปโหลดอยู่ที่ 500 mb ต่อวินาที

2. มีความเร็วมากกว่า 20 เท่า ตอบสนองได้รวดเร็วเพียง 1-10 มิลลิวินาที ซึ่งเร็วมากพอที่จะดาวน์โหลดภาพยนตร์ 3 มิติ ได้ในภาย 6 วินาที

3.มีความเสถียร สามารถรองรับการใช้งานได้จำนวนมาก5G มีความถี่ให้เลือกใช้มากกว่าสามารถใช้งานคลื่นความถี่ได้จนถึง 30GHz

4.รองรับการใช้งานของอุปกรณ์ที่มากกว่า รองรับจำนวนผู้ใช้งาน(หรือจำนวนอุปกรณ์)เพิ่มขึ้น 10 เท่า จากเดิม1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. กลายเป็น 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.

5.สามารถส่งคำสั่งเพื่อสั่งงาน และควบคุมสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองได้ไวถึง 1 ส่วนพันวินาที

สมาร์ทโฟน 5G มีอันตรายหรือไม่

จากภาพด้านบน แสดงถึงมาตรฐานการแพร่กระจายความถี่ ซึ่งโดยทางเทคนิคแล้ว คลื่น 5G ย่าน High Band ที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ที่ใช้กันอยู่เป็นคลื่นกำลังต่ำ การแพร่กระจายคลื่นไม่สามารถทำได้ดีมากนัก จึงไม่มีผลต่อสุขภาพและอวัยวะภายในของมนุษย์

ผู้สูงอายุควรใช้สมาร์ทโฟน 5G หรือไม่

การจะเลือกใช้สมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยี 5G อาจจะไม่จำเป็นกับท่านมากนัก แม้ว่าปัจจุบัน สมาร์ทโฟน 5G มีราคาลดลงเป็นอย่างมาก(ราคาประมาณไม่ถึงหมื่นบาท) การพิจารณาให้ขึ้นกับความจำเป็นจริงๆ หากปัจจุบัน สมาร์ทโฟนท่านยังใช้ได้ดี ก็ ใช้ต่อไป

แต่ในปี 2565 เป็นปีที่มีการพัฒนา 5G อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ การติดต่อสื่อสาร มีเสถียรภาพ อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีจะมีความฉลาดมากขึ้นที่จะติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน ประมวลผลรองรับคำสั่งต่างๆที่ดีขึ้นกว่าเดิม หากถึงเวลานั้น 5G จะมีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด สามารถแสดงผลการทำงานอย่างต่อเนื่องในแบบเรียลไทม์จึงจำเป็นต้องมีความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูล เช่น การศึกษา, การขนส่ง, การแพทย์ เป็นต้น

อ้างอิง : 5G คลื่นและเทคโนโลยี (เอกสารจาก กสทช.)
What Is 5G Technology?