แนวทางการสร้างประโยชน์จากผลงานทั้งที่ตนเองสร้างขึ้นและต่อยอดจากผลงานของผู้อื่น ขั้นตอนและแนวทางในการสร้างมูลค่าให้กับผลงาน การคุ้มครองแนวคิดและผลงานซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของตนเองกรมละเมิด ในทรัพย์สินทางปัญญาขอผู้อื่น ตลอดจนการนำเสนอผลงานของตนต่อสาธารณะเพื่อการพัฒนาผลงานในเชิงพาณิชย์หรือเพื่อการประกอบอาชีพในอนาคต
มีคำที่น่าสนใจอยู่ 3 คำ คือ ประโยขน์ หมายถึง สิ่งที่มีผลใช้ได้ดีสมกับที่คิดมุ่งหมายไว้ ผลที่ได้ตามต้องการสิ่งที่เป็นผลดีหรือเป็นคุณ เช่น ประโยชน์ของการศึกษา ประโยชน์ของโรงเรียน มูลค่า หมายถึง ค่าของสิ่งของ ราคาของสิ่งของนั้น คุณค่า หมายถึง สิ่งที่มีประโยชน์หรือมีมูลค่าสูง
ดังนั้น ทั้ง 3 คำจึงมีความหมายสนับสนุนกัน คือสิ่งที่ก่อให้เกิดผลดี มีคุณค่า หรือมีผลใช้ได้ดีตามความหมายนั้น จึงเป็นสร้างประโยชน์ทั้งสิ้น คำว่า "มูลค่า" ยังหมายถึง การรับรู้ถึงคุณค่าทางจิตใจที่ได้จากการประเมินค่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การทำผลงานให้มีมูลค่าสูงขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ผู้สร้างต้องคำนึงถึงในการการสร้างประโยชน์จากผลงานเป็นการพัฒนาผลงานที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับศาสตร์ต่าง ๆ รวมทั้งการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อทำให้ผลงานมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นการสร้างประโยชน์
3.1.1 การเพิ่มมูลค่า
การเพิ่มมูลค่า (value addition) ให้ผลงานเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการเสนอสิ่งต่าง ๆที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่มีความแตกต่างกัน และจัดให้มีพร้อมกับผลงานนั้น ผู้ผลิตหลายรายประยุกต์ใช้หลักส่วนประสมทางการตลาด (marketing mix) หมายถึง กลยุทธ์ทางการตลาดประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้ผลิตนิยมนำมาใช้ในการเสนอขายสินค้าและบริการที่พบเห็นได้ทั่วไป ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 อย่าง (4P) ได้แก่ (1) Product หมายถึงตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าหรือกาบริการ (2) Priceราคาของผลิตภัณฑ์ (3) Place สถานที่จำหน่าย และ (4) Promotion หมายถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งเสริมการตลาด
ตัวอย่าง ผู้ขายทุเรียนสังเกตว่า การขายทุเรียนทั้งผลมีราคาสูง ลูกค้าอาจไม่มีเงินซื้อ จึงใช้วิธีแบ่งทุเรียนขายเป็นพู ราคา 25-100 บาท ตามขนาด และห่อพลาสติกใสอย่างสวยงาม ทำให้ลูกค้ามองเห็นทุเรียนชัดเจน และลดราคาทุเรียนที่เริ่มนิ่ม ทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นและขายได้กำไรดีกว่าการขายทั้งผล วิธีนี้แสดงให้เห็นถึงการวิเคราะห์ความแตกต่างการขายทุเรียนทั้งผลและแยกเป็นพู การเลือกใช้พลาสติกใสห่อทุเรียนได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งใช้ความรู้ด้านการตลาด อุปสงค์ (demand) อุปทาน (supply) และมีการบริการหลังการขายตรงกับความต้องการของลูกค้า จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์โดยการใช้ส่วนประสมทางการตลาด 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา และสถานที่จำหน่าย
การประยุกต์ใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ เช่น บรรจุภัณฑ์มีความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดผู้บริโภค รวมทั้งสามารถป้องกันความเสียหายของผลิตภัณฑ์ได้
เกร็ดน่ารู้ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic commerce: E-commerce) เป็นระบบการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการออนไลน์ และส่วนใหญ่จะชำระค่าสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ (E-payment) ผ่านธนาคาร (E -banking) หน่วยงานของรัฐหรือเอกชน โดยใช้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ มีการใช้เงินและกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ (E-money and E-wallet) ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถทำธุรกรรมทางการเงินหว่างกันได้จากทั่วโลก ซึ่งแนวโน้มของการใช้ E-commerce ในธุรกิจสินค้าและบริการต่าง ๆจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต รมมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ระบบผู้ช่วยค้นหาสินค้าและการสั่งการด้วยเสียงการขนส่งสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Logistic) เพื่อให้ถึงมือผู้ซื้อโดยเร็วที่สุด ผู้ซื้อและผู้ขายจึงต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่สังคมที่ไร้เงินสดในอนาคตอันใกล้
3.1.2 การสร้างมูลค่า
การสร้างมูลค่า (value creation) เป็นการสร้างคุณค่าให้ผลงาน ซึ่งเน้นที่การตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคทั้งที่เป็นวัตถุสิ่งของและทางด้านอารมณ์ความรู้สึก จึงมีความหมายลึกซึ้งกว่าการเพิ่มมูลค่า มีเป้าหมายผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะทำให้ลดการแข่งขันในท้องตลาด เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การสร้างเทคโนโลยีเสริม การใช้ความคิดสร้างสรรค์ลักษณะต่าง ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีลักษณะพิเศษ มีความริเริ่มแปลกใหม่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
(1) การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมหรือการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นการสร้างมูลค่าที่เน้นตัวผลิตภัณฑ์ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์เดิม หรือคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยอาศัยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น การสร้างเครื่องหมายการค้า การปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ การสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นนวัตกรรม การสร้างผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม หรือผลงานที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เช่น ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Tam bon One Product: O TOP) ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้จาก 5 จังหวัด (ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม และยโสธร) ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ส้มโอขาวแตงกวาชัยนาท การพัฒนาลายผ้าทอท้องถิ่น
เกร็ดน่ารู้ เครื่องหมายการค้า (trade mark) หมายถึง เครื่องหมาย สัญลักษณ์ หรือตราที่ใช้แสดงร่วมกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อให้ผู้บริโภคจำได้ ป้องกันการเลียนแบบ และสร้างความยั่งยืนให้ผลิตภัณฑ์
(2) การขยายตลาดหรือการหากลุ่มเป้าหมายใหม่ เป็นการสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์หรือการบริการโดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดหรือกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายเฉพาะ เช่น เกม ผู้ผลิตศึกษาและวิจัยตลาดเกี่ยวกับความต้องการ ซึ่งมีความแตกต่างทางเชื้อชาติศาสนา เพศ อายุ ความรู้ประสบการณ์และความสนใจ โดยอาศัยการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่เป็นเวลานาน นำมาวิเคราะห์หาแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค นอกจากนี้ต้องศึกษาและวิจัยเกมที่มีอยู่ในท้องตลาด รวมทั้งอุปกรณ์กลไกไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สมบัติวัสดุ การเลือกใช้วัสดุเพื่อการผลิต การออกแบบและร่างแบบเกม การเขียนโปรแกรม นำไปสู่การสร้างเกมต้นแบบ จากนั้นจึงนำต้นแบบเกมไปทดสอบกับผู้บริโภค เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด
สรุป การสร้างมูลค่า ผู้ผลิตต้องสร้าง "การเสนอคุณค่า (value proposition)" คือเป็นการทำความเข้าใจความต้องการพื้นฐานของผู้บริโภค จากนั้นดำเนินการตอบสนองโดยการนำเสนอคุณค่าหรือบริการ บรรเทาปัญหา หาทางแก้ไขและป้องกันปัญหา ต้องอาศัยทักษะความคิดสร้างสรรค์ และทดสอบแนวคิดที่ได้นำไปสู่การสร้างความประทับใจด้วยสิ่งพิเศษที่เกินความคาดหวังของผู้บริโภค
กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จัดทรัพย์สินทางปัญญาเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (industrial property) และ ลิขสิทธิ์ (copyright) ดังรายละเอียดในส่วนต่อไป
ทรัพย์สินทางปัญญา หมาถึง ผลงานอันเกิดจาการประดิษฐ์คิดค้น หรือสร้างสรรค์ของมนุษย์ เน้นที่ผลผลิตของสติปัญญา อาจเป็นสิ่งจับต้องได้ และไม่ได้ ได้แก่ ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม เช่น สิทธิบัตร (patent) การประดิษฐ์ (invention) การออกแบบผลิตภัณฑ์ (product design) อนุสิทธิบัตร (petty patent) ความลับทางการค้า (trade secret) เครื่องหมายการค้า (trade mark) ชื่อทางการค้า (trade name) แบบผังภูมิของวงจรรวม (layout design of integrated circuit) และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (geographical indication) นอกจากนี้ ลิขสิทธิ์ ยังจัดเป็นทรัพย์สินทางปัญญา
การคุ้มครองผลงานมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสิทธิอันชอบธรรมและเป็นการตอบแทนผู้สร้างเพื่อกระตุ้นและเป็นแรงจูงใจให้มีการสร้างผลงานใหม่ ๆ การคุ้มครองจะมีผลทางกฎหมายก็ต่อเมื่อผู้สร้างนำผลงานนั้นไปจดทะเบียนคุ้มครองกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ยกเว้นผลงานที่เป็นลิขสิทธิ์จะได้รับการคุ้มครองทันทีที่มีผู้สร้างผลงานนั้นเรียบร้อยแล้วโดยไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนคุ้มครอง
เจ้าของผลงานจะต้องศึกษารายละเอียดประเภทผลงาน ระยะเวลาในการคุ้มครอง และการชำระค่าธรรมเนียม เพื่อจะได้เลือกจดทะเบียนให้ถูกต้องและได้รับการคุ้มครองผลงาน หากผลงานนั้นมีผู้อื่นผลิตเหมือนกันและได้จดทะเบียนไปแล้ว จะไม่สามารถจดทะเบียนคุ้มครองได้ และผลงานที่พบได้ทั่วไปแม้ไม่มีผู้จดทะเบียนก็ไม่สามารถจดทะเบียนได้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขผลงาน สามารถจดทะเบียนได้เฉพาะส่วนที่มีการปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นผู้สร้างผลงานจึงต้องตระหนักและให้ความสำคัญในการไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นด้วยในทางกลับกัน มีผลงานบางชนิดที่ผู้สร้างผลงานไม่ประสงค์จดทะเบียนคุ้มครองผลงาน เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สูตรยารักษาโรค สูตรอาหาร พันธุ์ข้าวหรือสมุนไพรของไทยบางชนิดที่ไม่มีการจดทะเบียนคุ้มครอง แต่มีบุคคลชาติอื่นนำไปจดทะเบียนคุ้มครองที่ประเทศของตน เป็นการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองผลงาน
จากข้อมูลสถิติการจดทะเบียนสิทธิบัตรในประเทศไทยของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (พ.ศ. 2560) คนไทยมีรายการจดสิทธิบัตรทุกด้านรวม 2,180 รายการ ซึ่งเป็นลำดับที่ 2 รองจากคนญี่ปุ่น (2,723 รายการ ) ประชาชนชาวไทยทุกคนจึงควรตระหนักและให้ความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ดังกระแสพระราชดำรัสตอนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ที่ว่า คนที่มีความสนใจในการประดิษฐ์นั้นมีความสำคัญมาก เพราะว่าแต่ละคนต้องคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอถ้าไม่คิดใหม่โลกก็ไม่เจริญก้าวหน้า
การประดิษฐ์นั้นเป็นของสำคัญที่สุดของโลก คนที่สนใจความก้าวหน้าแล้วถ้าไม่มีความสนใจในการประดิษฐ์ ก็เป็นสิ่งที่จะทำให้ไม่มีความก้าวหน้า การประดิษฐ์ในด้านต่าง ๆ เป็นของสำคัญของโลกเพื่อที่จะให้โลกก้าวหน้าได้ เพราะถ้าไม่มีการประดิษฐ์ก็ไม่มีความก้าวหน้า โลกก็ไม่ก้าวหน้า
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีความแปลกใหม่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติอย่างมากมาย เมื่อประเทศชาติทั้งหลายก้าวหน้า โลกก็ก้าวหน้าดังได้กล่าวมาแล้วในหัวข้อนี้จะอธิบายทรัพย์สินทางปัญญาบางประเภทดังต่อไปนี้
3.2.1 สิทธิบัตร
สิทธิบัตร (patent) คือ หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด เป็นสิทธิพิเศษที่ให้ผู้ประดิษฐ์คิดค้นมีสิทธิที่จะผลิตสินค้า จำหน่ายสินค้าแต่เพียงผู้เดียว ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
การประดิษฐ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบ โครงสร้างหรือกลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การรักษา หรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น หรือทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิมและเน้นการประดิษฐ์ที่มีลักษณะของการแก้ปัญหาทางเทคนิคที่ไม่สามารถคิดค้นขึ้นโดยง่าย เช่น กลไกของเครื่องยนต์ ยารักษาโรค วิธีการในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้ไม่ให้เน่าเสียเร็วเกินไป
3.2.2 สิทธิบัตรการประดิษฐ์
สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (invention patent) คือ การให้ความคุ้มครองการคิดค้นเกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบโครงสร้าง หรือกลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การเก็บรักษา หรือการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์
3.2.3 สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์
บัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (design patent) คือ การให้ความคุ้มครองความสร้างสรรค์ที่เกี่ยวกับลรูปร่างลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ องค์ประกอบของลวดลายหรือสีของผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถใช้เป็นแบบสำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รวมทั้งหัตถกรรมได้ และแตกต่างไปจากเดิม
3.2.4 อนุสิทธิบัตร
อนุสิทธิบัตร (petty patent) คือ การให้ความคุ้มครองการประดิษฐ์ ซึ่งเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีไม่สูงมาก หรือเป็นการประดิษฐ์คิดคันเพียงเล็กน้อย และมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิตการรักษาหรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นหรือทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น กลไกของเครื่องยนต์ ยารักษาโรค วิธีการในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้ไม่ให้เน่าเสียเร็วเกินไป
ด้วยพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชดังพระราชสมัญญา "กษัตริย์นักพัฒนา" และ "พระราชบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย" ในด้านการประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้และอุปกรณ์เป็นนวัตกรรม เพื่อบำบัดทุกข์และบำรุงสุขของประชาราษฎร์ผ่านโครงการในพระราชดำริกว่าพันโครงการ เป็นระยะเวลายาวนานตลอดพระชนม์ชีพ 89 พรรษา พระองค์ท่านได้ทรงสร้างและทรงจดสิทธิบัตรนวัตกรรมดังกล่าวมาแล้วเป็นจำนวน 11 รายการ จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่เหล่าราษฎรชาวไทยเคยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถและทรงพระเมตตาต่อเหล่าพสกนิกรของพระองค์ และทรงพระราชทานนวัตกรรมเหล่านี้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานชาวไทยเพื่อเป็นต้นแบบในการปรับปรุงและพัฒนาไปชั่วกาลนาน นักเรียนจึงควรศึกษาและยึดถือพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ การสร้างสรรค์และการพัฒนาสืบต่อไป
นักเรียนลองสังเกตวิธีการสร้างและพัฒนาผลงาน ตลอดจนลักษณะเฉพาะของผลงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระองค์ท่านทรงใช้วิธีการศึกษา วิจัย และทดลองอย่างเป็นระบบมีการออกแบบและพัฒนาต้นแบบจากอุปกรณ์ที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูง ตลอดจนปรับปรุงแก้ไขผลงานอย่างต่อเนื่อง พระองค์ท่านจึงทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเหรียญทองเทิดพระเกียรตินานาชาติ 2 ปีซ้อนจากองค์กรด้านนวัตกรรมของประเทศเบลเยียมที่มีชื่อว่า "The Belgian Chamber of Inventor" ในงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของโลกวิทยาศาสตร์ "Brussels Eureka 2000" จากผลงาน "กังหันน้ำชัยพัฒนา หรือเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนข้าแบบทุ่นลอย" และ "Brussels Eureka 200 1 " จากผลงานเรื่อง "โครงการทฤษฎีใหม่" "โครงการฝนหลวง" และ "โครงการน้ำมันไบโอดีเซล สูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม"นอกจากนั้น ด้วยพระอัจฉริยภาพในการเป็นผู้นำด้านทรัพย์สินทางปัญญา พระองค์ท่านยังทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "Global Leaders Award" จากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก(The World Intellectual Property Organization: WIPO) และรางวัลInternational Federation of Inventors' Association (IFIA) (IFLA Cup 2007) จากสหพันธ์สมาคมนักประดิษฐ์ระหว่างประเทศ อีกด้วย
การนำเสนอผลงานโดยทั่วไปต้องคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญ 3 ประการได้แก่ ผู้นำเสนอ เนื้อหา และผู้ฟัง การนำเสนอนอกจากเผยแพร่ผลงานแล้ว ยังนำเสนอเพื่อ "เสนอขายแนวคิด" หรือที่เรียกว่า "Pitching" หมายถึง การนำเสนอให้กับผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม ในช่วงเวลาที่จำกัดเพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบธุรกิจ หรือโน้มน้าวให้ผู้ฟังซื้อผลงานไปผลิตในเชิงพาณิชย์ เช่น การนำเสนอแผนธุรกิจ
MCOT academy (2017) ได้สรุปหลักเกี่ยวกับ “ทักษะการนำเสนออย่างมืออาชีพ” ไว้ว่า “มีการวางแผนก่อนการนำเสนอ นำเสนออย่างราบรื่นและดูดี และสรุปจบอย่างน่าประทับใจ” ดังนี้
3.3.1 ผู้นำเสนอ
เป็นผู้ที่มีความสำคัญยิ่งในการถ่ายทอดและสื่อสาร "เนื้อหา" ไปยังผู้ฟัง แม้เนื้อหาจะดีเพียงใด แต่ผู้นำเสนอไม่สามารถถ่ายทอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนำเสนอย่อมไม่ประสบผลสำเร็จ ผู้นำเสนอจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ขจัดความตื่นเต้นและความกลัว ซึ่งสามารถทำได้โดยมีการวางแผนก่อนการนำเสนอ ใช้ความรู้ที่เกี่ยวข้องมีทักษะและทัศนคติที่ดี มีแผนการนำเสนอโดยมีทิศทางสู่เป้าหมาย เตรียมอุปกรณ์สอดคล้องกับเนื้อหา บริหารเวลาได้ มีการนำเสนออย่างราบรื่นและดูดี ใช้ภาษากายได้แก่ ดวงตา ท่าทาง และการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม และสรุปจบอย่างน่าประทับใจ ชัดเจน และครบถ้วนโดยไม่เพิ่มประเด็นใหม่ มีข้อคิดทิ้งท้าย ตอบคำถามดี ยิ้มเสมอ และกล่าวขอบคุณ
3.3.2 เนื้อหาหรือผลงานที่นำเสนอ
ผลงานของนักเรียนที่เป็นผลลัพธ์ของการแก้ปัญหา ผ่านการทำโครงงานที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม อาจเป็นนวัตกรรมที่สามารถผลักดันให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จนสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติได้ ผลงานของนักเรียนจึงมีความสำคัญและควรเตรียมเนื้อหาที่จะนำเสนอให้ชัดเจน เป็นลำดับตามโครงเรื่องที่วางแผนไว้ สามารถแสดงปัญหาหรือจุดประสงค์ของการพัฒนาผลงานได้ชัดเจนแสดงการทำงานของผลงานตรงจุดประสงค์และเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการยกตัวอย่างหรือข้อมูลที่น่าเปรียบเทียบเชื่อถือ และะปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ สามารถตรึงความสนใจให้ผู้ฟังได้ตลอด
3.3.3 ผู้ฟังหรือกลุ่มเป้าหมาย
ผู้ฟังในที่นี้อาจมีหลายกลุ่ม หลายช่วงอายุและประสบการณ์ ผู้นำเสนอจึงควรหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ฟังและเตรียมเนื้อหา ตลอดจนใช้ภาษาให้เหมาะสมกับผู้ฟังและตรงวัตถุประสงค์ของการนำเสนอ เช่นการนำเสนอในที่ประชุม การบรรยายหรือการถ่ายทอดความรู้ในที่สาธารณะ การนำเสนอผลงานเพื่อเสนอขายแนวคิด แม้ว่าผู้ฟังจะประกอบไปด้วยเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้นำเสนอก็จะต้องมีความมั่นใจว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหานั้น และแสดงความมั่นใจผ่านบุคลิกภาพที่ดี น่าเชื่อถือ และตอบคำถามด้วยความมั่นใจในเหตุผลและข้อมูลอ้างอิงโดยไม่คาดเดาเอง
การนำเสนอผลงาน นอกจากผู้นำเสนอต้องตระหนักถึงความสำคัญของปัจจัยทั้ง 3 ประการที่กล่าวมาแล้ว ยังต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดีโดยการฝึกซ้อมนำเสนออยู่เสมอ ทบทวนเนื้อหาจนเข้าใจสิ่งที่จะพูดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และจดจำลำดับเนื้อหาได้อย่างแม่นยำ จะทำให้สามารถนำเสนอได้อย่างราบรื่นเป็นธรรมชาติ และไม่ใช่การท่องจำมาพูดซึ่งจะทำให้ผู้ฟังไม่สนใจ จึงจะทำให้การนำเสนอประสบความสำเร็จได้