จุดประสงค์ (เมื่อเรียนจบแล้ว นักเรียนจะสามารถ)
เลือกแนวทางปฏิบัติเมื่อพบเนื้อหาไม่เหมาะสม
ใช้ไอทีได้อย่างมีความผิดชอบ
สร้างและแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของผลงาน
ติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมอย่างปลอดภัย
ปฏิเสธการรับข้อมูล สามารถทำได้โดยไม่เปิดดู ไม่บันทึกเก็บไว้ และไม่กดไลค์ (Like) เพราะการกระทำเหล่านี้เป็นแนวทางป้องกันไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่ไปสู่ผู้อื่น
ไม่ส่งต่อ ไม่แชร์ ไม่เผยแพร่ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนกับข้อมูลไม่เป็นความจริงแล้ว ในบางกรณีอาจเข้าข่ายผิดกฏหมายตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
แจ้งครูหรือผู้ปกครอง หากนักเรียนประสบปัญหาที่ไม่สามารถจัดการหรือแก้ไขได้เอง ให้แจ้งครูหรือผู้ปกครองเพื่อดำเนินการแก้ไขหรือติดต่อประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเดิมไม่สิ้นสุด
แจ้งผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลเว็บไซต์นั้น กรณีที่ใช้งานข้อมูลจากผู้ให้บริการระบบรายใหญ่ เช่น Facebook Youtube สามารถรายงานปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาไม่เหมาะสมได้ เช่น การคุกคามทางเพศ ความรุนแรง การก่อการร้าย การละเมินสิขสิทธิ์
แจ้งเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจ หากผู้ดูแลระบบไม่จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ประสานงานกับหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น แจ้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เว็บไซต์ www.mdes.go.th
การไม่คำนึงถึงความถูกต้องของข้อมูลก่อนเผยแพร่หรือส่งต่อ อาจส่งผลกระทบต่อตนเอง และผู้อื่น ดังนี้
ด้านจิตใจ ตนเอง --> รู้สึกผิดกับการกระทบของตนเองหรือรู้สึกเสียใจเมื่อผู้อื่นมีพฤติกรรมเลียนแบบการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตนเอง
ผู้อื่น -->เสียใจ ทำให้เกิดความรู้สึกอับอาย ไม่ปลอดภัย กลัว รุ้สึกไม่มั่นคง มีบาดแผลทางจิตใจ ได้รับความเกลียดชัง สูญเสียการยอมรับ
ด้านสังคม ตนเอง -->ถูกสังคมลงโทษ ได้รับการประณามหรือเกลียดชังจากสังคม
ผู้อื่น --> ได้รับผลกระทบด้านการใช้ชีวิตประจำวัน ครอบครัวเดือนร้อน ถูกประณามจากสังคม
ด้านกฎหมาย ตนเอง --> ได้รับโทษ เนื่องจากข้อมูลเหล่านั้น อาจผิดระเบียบ กฏเกณฑ์ หรือกฎหมาย ทำให้เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายจากการดำเนินคดี
ด้านการงานและธุรกิจ ผู้อื่น --> อาจถูกให้ออกจากการงานเพราะบริษัทเกิดความเข้าใจผิดจากข้อมูลที่ได้รับ เสียผลประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ผู้แสวงหาผลประโยชชน์ หรือคู่แข่งทางธุรกิจ อาจสร้างข่าวลวง โฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจคู่แข่ง
ก่อนเผยแพร่ข้อมูลลงในอินเตอร์เน็ต ควรพิจารณา ประเด็นต่อไปนี้
ความเป็นส่วนตัว Privacy ต้องเข้าใจว่าเป็นข้อมูลของใครหรือองค์กรใด สามารถเผยแพร่ได้หรือไม่
ความถูกต้อง Accuracy ข้อมูลที่เผยแพร่ต้องถูกต้อง น่าเชื่อถือ และรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของข้อมูล
ทรัพย์สินหรือความเป็นเจ้าของ Property ต้องรู้ว่าใครเป็นเจ้าของข้อมูล
การเข้าถึง Access กำหนดให้ใคร หรือองค์กรใดมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล
เอกสาร รูปภาพ หรือวิดีทัศน์ เป็นทรัพย์สินที่เจ้าของสามารถแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของได้ ตัวอย่าง
การใส่ชื่อ
สัญลักษณ์
ลายน้ำ
และเงื่อนไขการอนุญาตให้นำไปใช้งานได้ เช่น
นำไปใช้เพื่อการศึกษาได้ แต่ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา
หากบันทึกภาพไปใช้ จะต้องทำการบันทึกให้เป็นส่วนที่แสดงถึงโลโก้ของเจ้าของผลงาน
นำภาพไปใช้ในสื่อสิ่งพิมพ์ ต้องสำเนาไม่เกิน 5,000 ฉบับ
มารยาทในการใช้อีเมล
ใช้ภาษาสุภาพ ชัดเจน ตรงประเด็น เหมาะสมกับกาลเทศะ
ใช้อักษรตัวหนา เฉพาะข้อความที่ต้องการเน้นเท่านั้น
ระบุหัวเรื่อง ชื่อผู้ที่จะสื่อสาร และระบุตัวตนของผู้ส่ง
ระบุช่ือหรือตำแหน่งผู้ที่จะสื่อสารให้ถูกต้องเหมาะสม
เนื้อหาในอีเมล ไม่ควรมีข้อความแสดงถึงเจตนาไปในทางเสื่อมเสีย ไม่ใช้ข้อความกำกวม ข้อความแสดงการตำหนิ ดูถูก ใส่ร้ายผู้อื่น
หลีกเลี่ยงการส่งอีเมลและแนบไฟล์ขนาดใหญ่ ใช้วิธีการส่งลิงก์แทน
ไม่ลักลอบส่งอีเมลปลอมแปลงชื่อผู้ส่ง
ไม่ส่งต่ออีเมลลูกโซ่ Chain e-mail
ไม่ส่งอีเมลขายสินค้า โฆษณา หรือข้อความรบกวนผู้อื่น
มารยาทในการใช้แชทหรือเครือข่ายสังคม
ไม่ใช้ข้อความที่เป็นชนวนก่อให้เกิดปัญหาระหว่างบุคคลและกลุ่ม
หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์หรือความรู้สึกที่มากเกินไป ทั้งในการอ่าน และแสดงความคิดเห็น
ไม่สวมรอยหรือแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลในแชท แสดงความคิดเห็น หรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
ไม่ใช้ถ้อยคำยั่วยุหรือท้าทาย เพื่อแสดงความเห็น หรือความคิดที่ขัดแยังกับผู้อื่น