พระยาธรรมนำปัญญา พระยาธรรมิกราช พุทธโอวาทกึ่งพุทธกาล •
100 วิดีโอ
การกระทำทั้งหลาย จะคิด จะพูด จะทำสิ่งใดในการดำรงชีวิต ให้ยึดหลัก พอดี ให้มีความเป็นกลาง ตามเหตุตามปัจจัย ไม่ให้ตึง ไม่ให้หย่อน ในด้านใดด้านหนึ่ง ให้เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น ทางสายกลาง คือสายที่ปลอดภัย เดินทางสบาย เข้าถึงความพ้นทุกข์ได้เร็วที่สุด
ดวงจิตเกิดจากธรรมชาติ เมื่อเกิดมาแล้ว ต้องเรียนรู้และเข้าใจในธรรมชาติ ถึงจะกลับคืนสู่ธรรมชาตินั้นได้ ธรรมชาตินั้นจะมีความสมดุลอยู่ จะไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง จะไม่ยึดถือสิ่งใด เห็นทุกสิ่งมีขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา ไม่สุขไม่ทุกข์ ปล่อยวาง ทำให้จิตเป็นกลางๆ ว่างๆ จากทุกสรรพสิ่ง ไม่มีตัวตน การเดินทางแสวงหาความพ้นทุกข์ถึงจะสิ้นสุดลง
ทางแห่งความพ้นทุกข์นั้น การปล่อยวางเป็นการสร้างเหตุให้ไม่ต้องเป็นทุกข์ แต่การจะปล่อยวางได้ จะต้องรู้ ต้องเข้าใจในเหตุที่เกิดขึ้นก่อน ว่ามาจากเหตุใด ถึงต้องมารับผลเช่นนี้ ถ้าเราศรัทธาเชื่อถือในกฎของกรรมแล้ว ดวงจิตทั้งหลายจะได้รับผลสิ่งใด ย่อมเกิดมาจากการกระทำที่ได้หว่านได้ปลูกไว้มาก่อนนั่นเอง ฉะนั้นเมื่อมีสิ่งใดที่กระทบเข้ามาจะเป็นในทางที่ดี หรือไม่ดี น่าชอบใจ หรือไม่น่าชอบใจ ก็ทำใจให้เป็นกลางๆ เป็นผู้ดู ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ข้องเกี่ยวให้ต้องสุขและทุกข์อีก
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น ความทุกข์เกิดจากเหตุอะไร เหตุมาจากที่มีเรา ถ้าจะดับความทุกข์ต้องดับเราก่อน หาตัวเราให้เจอ เราเกิดขึ้นมาด้วยเหตุใด เมื่อรู้แล้วให้ดับเหตุนั้นเสีย เมื่อดับที่เหตุนั้นแล้ว จะไม่มีเราต่อไป ความทุกข์ทั้งหลายมลายหายไปด้วย
เราเกิดมาในชาตินี้ ให้พิจารณาให้เห็นความเป็นจริงทั้งหลาย ว่าการได้มาซึ่งร่างกายนี้ไม่ใช่ของง่าย จะต้องแลกด้วยความเจ็บปวดของมารดาผู้ให้กำเนิด ผ่านคืนวันล่วงเลย ต้องเจอกับความทุกข์มาไม่รู้เท่าไหร่ จนมีชีวิตถึงทุกวันนี้ได้อะไรบ้าง ได้สิ่งใดที่จะไปค้ำหนุนดวงจิต ให้ก่อเกิดความสุขในปัจจุบันและภายหน้า ให้ไม่เป็นผู้สูญเปล่าในการมาเกิดรอบนี้
วันนี้เป็นออกพรรษา องค์พระบิดาสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จองค์ปัจจุบัน ได้ให้พุทธโอวาทแก่บริษัททั้งหลาย ของพระองค์ท่าน การทำความดีทั้งหลายในช่วงเข้าพรรษา ในการสร้างสั่งสมทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มาจนครบพรรษานี้ ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับสิ่งที่ดีงาม ความเจริญงอกงาม ได้รับแสงธรรมนำทาง ให้เกิดปัญญาเปิดโลก เปิดธรรม เห็นประตูแห่งความพ้นทุกข์ แห่งดวงจิต และก้าวย่างก้าวเดินให้ถึงพ้นจากความทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน
สภาวธรรมความเป็นจริงของโลกสวรรค์ โลกบาดาล และโลกมนุษย์นั้น มีสภาวธรรมคล้ายคลึงกัน เพราะยังตกอยู่ในโลกธรรมของแต่ละโลกอยู่ คือ ยังมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ มีนินทา มีทุกข์อยู่ แต่จะมีมากน้อยต่างกันเท่านั้น จึงไม่ใช่ที่จะมีความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง เมื่อดวงจิตใดต้องการความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง จะต้องปล่อย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่หลง ไม่ยึดติด ไม่อยากได้อยากมีอยากเป็นในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะได้ไม่สร้างกรรมเบียดเบียนให้กับตนเองและผู้อื่น ความพ้นทุกข์จะเข้ามาเยือนและพาเราออกจากกองทุกข์ได้ในที่
คนเราเกิดมามีพ่อแม่คนเดียวกัน มีครูบาอาจารย์เดียวกัน ยังมีความคิด ความรู้ ความเห็น มีหน้าที่ ที่ต่างกัน ดังนั้นจึงคิด พูดและทำในสิ่งที่แตกต่างกันเป็นธรรมดา แม้แต่ศาสนาเราเองยังมีผู้ที่มาทำหน้าหลากหลายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหน้าที่ของแต่ละบุคคล มีแนวทางวิธีการสอนที่ต่างกัน แต่อยู่ในกรอบของศีลธรรม แล้วใครละ จะเป็นตัดสินว่า ใครผิดใครถูก อะไรดีไม่ดี ผู้ที่สมควรเป็นผู้ตัดสินผู้อื่น คือผู้ที่ทำตนให้ดีแล้ว พ้นทุกข์แล้วนั่นแหละ ควรจะเป็นผู้ตัดสิน เพราะเมื่อพ้นทุกข์แล้ว ทำตนดีแล้ว เขาจะไม่เพ่งโทษผู้อื่น ไม่สนใจก้าวก่ายหน้าที่ผู้อื่นเลย จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีเท่านั้นเอง
ความรักคือสิ่งหนึ่งในเกมส์ ที่ใช้เป็นตัวล่อหลอกให้ดวงจิตทั้งหลาย หลงอยู่ ติดอยู่ จมอยู่ ไม่หลุดพ้น ต้องกลับมาเวียนวน มาเรียนรู้ใหม่ มาสอบใหม่อยู่ร่ำไป จนกว่าจะระลึกรู้ ว่าความรักเปรียบเหมือนเป็นยาพิษ นั่นแหละ ถึงจะสามารถผ่านความทุกข์ ผ่านความเร่าร้อนไปได้ ไม่กลับไปลิ้มลองและหลงกับมันอีก
การแสวงหาความสุขจากการได้มาซึ่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ ข้าวของ เงินทอง ตำแหน่ง หน้าที่การงาน คำชื่นชมของชาวโลกนั้น มันเป็นความสุขที่ไม่เที่ยง มีมาแล้ว ได้มาแล้ว ไม่นานก็เสื่อมไป สลายไป ถ้าเราต้องการได้รับความสุขที่แท้จริงนั้น ให้ปล่อยวางทำใจให้เป็นกลางๆ รู้จักคำว่าพอ พอใจในสิ่งที่มี ที่เป็น ทำตามเหตุตามปัจจัย ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ในสิ่งใด มีความสุขพอใจในสิ่งที่มีอยู่แล้ว สร้างสั่งสมกรรมดี รักษาศีล ภาวนา มองเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง เมื่อนั้นแหละ เราจะได้พบกับความสุขที่แท้จริง เข้าถึงอารมณ์ของพระนิพพาน ไม่กลับไปทุกข์ได้อีก
เมื่อคลอดออกมาจากท้องแม่ ได้ร่างกายมา กว่าจะรู้จักโลก ใช้เวลามากมาย ในการเรียนรู้และแสวงหา และเข้าใจในโลก แต่คนเรามีเวลาที่แตกต่างกัน ได้เวลาน้อยบ้าง มากบ้าง บางคนก็ต้องจากโลกนี้ในวัยเด็ก วัยหนุ่มสาว วัยกลางคน หรือตอนที่แก่แล้ว สิ่งที่ควรจะรู้ให้ได้ ก่อนอื่นก็คือ เราเป็นใคร มาจากไหน มาเกิดในครั้งนี้ มาเพื่อทำอะไร จะได้ไม่เสียเวลา จะได้ทำหน้าที่ของตน ให้เสร็จก่อนจะหมดเวลากลับไป จะได้ไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง
ตราบใดยังมีความต้องการอยู่ ตราบนั้นยังต้องแสวงหาอยู่ เมื่อมีการแสวงหา ทำให้มีความทุกข์ตามมา เมื่อยังมีความทุกข์อยู่ จึงไม่สามารถหลุดพ้นด้ เมื่อม่สามารถหลุดพ้น ทำให้ต้องเกิดอยู่ เมื่อเกิดอยู่ จึงมีความทุกข์อยู่ จนเราดับจากความต้องการทั้งหลายนั้้นแหละ จึงจะทำให้เราพ้นจากความทุกข์ และม่ต้องกลับมาเกิดอีก
คำสัญญามาจากเหตุแห่งความรัก ความรักมาจากเหตุแห่งความหลง คำสัญญาจึงนำมาซึ่งความทุกข์ ผู้มีสติ มีปัญญา จะไม่สัญญาในสิ่งใด เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้ ล้วนไม่เที่ยง ไม่รู้ว่าจะต้องตายจากกันเมื่อใด สิ่งสัญญาไว้จะเป็นบ่วงพันผูก ให้ดวงจิตไม่หลุดพ้น ต้องกลับมาเวียนวน ถอนคำสัญญา
ช่วงเข้าพรรษาชาวมนุษย์ สวรรค์ บาดาล ทุกภพภูมิ ได้ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญ ถือศีล ภาวนา เหล่านักบวชทั้งหลาย เข้าบำเพ็ญอย่างเต็มที่ การทำบุญทำทานเมื่อกาลออกพรรษา จึงเปรียบเหมือนการได้หว่านเมล็ดพันธุ์ ในดินที่บุกเบิกใหม่ ที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยปุ๋ย มีสารอาหารมาก มีความชุ่มเย็น หว่านเมล็ดพันธุ์เล็กน้อย ก็จะงอกเงยงอกงาม ออกดอกออกผลมาก ดังนั้นจงตั้งใจทำบุญทำทานเถิด ขวนขวายทำเถิด ก่อนที่เราจะหมดเวลากลับไป
ดวงจิตใดหากปรารถนาที่จะหลุดพ้นแล้วนั้น ให้เริ่มสร้างสั่งสมแต่ความดี สิ่งใดที่ไม่ดี เราจะไม่คิดไม่พูดไม่ทำอีก เหมือนการจุดเทียนให้ไฟเผาไหม้ไส้เทียนและไขเทียนให้หลอมละลายไป กรรมที่เราเคยทำไม่ดีเมื่อมาให้ผล เราจะไม่เป็นทุกข์กับมัน ไฟที่หลอมละลายเทียน เหมือนความทุกข์หลอมละลายกรรมไม่ดีในอดีต ปล่อยให้หลอมละลายไปเรื่อยๆ จนวิบากกรรมไม่ดีมอดไปดับไปในที่สุด จนสิ้นสุดหนี้กรรม เราจะเกิดความสำเร็จในจิต จะไม่สุขไม่ทุกข์ในสิ่งใดอีกแล้ว
ผู้ที่นอบน้อมต่อพระรัตนตรัย ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทำจิตใจให้ชุ่มเย็น เห็นสรรพสิ่งตามความเป็นจริง เข้าใจในเหตุในผล ไม่ปนเปื้อนกับความทุกข์ทั้งหลายแล้ว คือผู้ที่เข้าถึง เข้าพบกับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ธรรมชาติได้ให้ดวงจิตหยิบยืมร่างกายเพื่อสร้างบุญความดี เมื่อมีหมดกาลเวลา ต้องส่งคืนร่างกาย
การเรียนรู้พระธรรมคำสอน เปรียบเหมือนการเรียนรู้แผนที่การเดินทาง การจะสำเร็จในธรรมนั้น ต้องปฏิบัติให้เข้าถึงด้วยตนเอง ไม่ใช่เป็นผู้รู้จากตำราเหมือนรู้จักแผนที่การเดินทาง แต่ไม่เคยไป จะเรียกว่าผู้รู้ ผู้สำเร็จในธรรมยังไม่ได้ การที่รู้ไม่เท่าการที่ทำเอง การที่ทำเองจึงจะเป็นการที่รู้อย่างแท้จริง หนึ่งแสนความรู้ ไม่เท่ากับหนึ่งครั้งที่พิสูจน์ หนึ่งแสนคำพูดที่ฟังมา ไม่เท่ากับหนึ่งครั้งที่สำผัส จงยืนหยัดในการบำเพ็ญ ปฏิบัติเพื่อให้รู้ได้เห็นด้วยตนเอง
17 … ทางแห่งความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ***
ดวงจิตมีที่มาต่างกัน อธิษฐานมาต่างกัน การเลือกเส้นทางของชีวิตจึงต่างกัน ทางแห่งความพ้นทุกข์จึงมีหลายเส้นทาง แต่จะไม่เกินกรอบของ ศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา โดยมีศีลเหมือนกฎจราจรของการเดินทาง มีธรรมเป็นแผนที่การเดินทาง มีสมาธิเป็นยวดยานพาหนะเป็นกำลังในการเดินทาง มีปัญญาเป็นผู้รู้เหตุรู้ปัจจัย ว่าจะต้องเดินไปทางใด ใช้ความเร็วขนาดไหน ควรหยุดควรเลี้ยวไปทางใด แล้วให้อยู่ในทางสายกลางไม่ตกขอบ ไปทางซ้ายหรือขวาจนเกินไป จึงจะเข้าถึงความพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
ทางสายกลางคือการที่ไม่หลง ไม่ยึดติดในสิ่งใด ปล่อยให้เป็นไปธรรมชาติ ไม่สุข ไม่ทุกข์ จะมีหรือไม่มี ก็อยู่เฉยๆ ทำตามเหตุตามปัจจัยที่มี ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ไม่ขวนขวายจนเกินพอดี ทำเป็นกลางๆ เมื่อเดินทางสายนี้ จะพ้นความทุกข์ ได้เจอความสุขอย่างแท้จริง
ให้ระลึกถึงนึกถึง วันเวลาที่หมุนไป ล่วงไปผ่านไป เปรียบเหมือนสายน้ำที่ไหลไปแล้ว ไม่หวนย้อนกลับ สรรพสิ่งล้วนเกิดมีขึ้น ตั้งอยู่แล้ว เสื่อมสลายไป ตอนนี้เราทำอะไรอยู่ ได้ทำหน้าที่ของตนแล้วหรือยัง ได้ทดแทนผู้มีคุณและ ทำให้จิตของเราพ้นทุกข์ได้แล้วหรือยัง เรารู้ทางไปทางมาหรือยัง เจอหนทางแสงสว่างของจิตหรือยัง พิจารณาให้เห็นและเร่งทำหน้าที่ของตนเถิด เพราะไม่นานนักดอก เราต้องจากโลกนี้ไปแล้ว
ร่างกายเปรียบเหมือนรถ จิตเปรียบเหมือนคนขับ ธรรมชาติได้สร้างร่างกายสตรีให้บอบบาง การเล่นเกมส์แสวงหา ต้องพิจารณาใช้รถให้เหมาะกับกิจการงาน ใช้สติปัญญาทำตามเหตุตามปัจจัยที่ีมี สร้างกำไรความดี อยู่ในกรอบของศีลธรรม ให้เรียนรู้กับรถที่ขับและค่อยขับไป ก็จะเข้าถึงเป้าหมายความพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
เชื้อความรักมีมูลเหตุมาจากความลุ่มหลงในรูปกาย ดวงจิตมาเกิดถูกครอบงำด้วยกายในและกายนอก ซึ่งมีกิเลสตัณหา ถึงแม้จะเป็นกายทิพย์ของเทพเทวดา นาค หรือกายมนุษย์ ก็ยังมีเชื้อรัก จะดับเชื้อนี้ได้ ต้องตัดความยึดถือแห่งกายภายในและกายภายนอก เมื่อดับกายในได้แล้ว จึงจะดับการยึดถือกายภายนอก โดยมีกรอบของศีลเป็นเกราะป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อนี้กำเริบและสร้างความทุกข์ให้แก่เราอีก
การศึกษาเรียนรู้เข้าใจในธรรม นำมาสู่การปฏิบัติและการทดสอบจิตเพื่อปรับเลื่อนระดับบารมีธรรมให้สูงขึ้น การศึกษาเรียนรู้และทดสอบจะมีไปเรื่อยๆจนกว่า จะเป็นผู้สำเร็จในธรรม พ้นทุกข์แล้ว เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อย่างแท้จริง จึงจะจัดไว้ในตำแหน่งของผู้บอกทาง ชี้ทางให้ผู้อื่นได้รู้และปฏิบัติตาม
พลังทางจิตหนุนพลังใจ พลังใจหนุนพลังทางกาย จิตกายใจค้ำหนุนให้มีลมหายใจ ขาดสูญความดีเมื่อใด เหมือนลมหายใจจะดับลมทันที ฉะนั้นให้สร้างความดีให้จิตมีพลังบุญ เพื่อหนุนกำลังใจและกำลังกาย
ด้วยบุญคุณบิดามารดาที่ได้ให้ชีวิต และค้ำหนุนข้าวน้ำอาหาร การศึกษา เติบใหญ่ขึ้นมา ได้เป็นคนดี สร้างสั่งสมบุญ เมื่อได้สิ่งทั้งหลายมาค้ำหนุนชีวิตแล้ว อย่าลืมตอบแทนคุณพ่อ คุณแม่ผู้เลี้ยงดูตน และรู้คุณผู้เป็นพ่อแม่ของแผ่นดิน ที่ได้ปกปักรักษาดูแล ให้ความสุขร่มเย็นแก่พวกเรา
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ คืออะไร ?
สร้างพระ เสนาสนะ เจดีย์เพื่ออะไร ?
ใคร คือพระพุทธเจ้าน้อย ?
ทำอย่างไร ถึงจะพ้นทุกข์ ?
หาคำตอบได้ ใน พุทธศาสนา คือ อะไร ?
องค์พระอรหันต์มีแบบไหนบ้าง ฤาษี มุนีดาบส คนที่ปฏิบัติตนอยู่บ้าน เป็นพระอรหันต์ได้ไหม ความกตัญญูต่อบิดามารดา ผู้มีพระคุณ ต้องปฏิบัติอย่างไร
หาคำตอบได้ ในพระอรหันต์มีแบบไหนบ้าง
4 … พุทธโอวาทในวันขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๘
กาลเวลาล่วงไป ทำให้รู้ว่าหมดเวลาที่จะอยู่ ในโลกนี้ไปอีกหนึ่งปีแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าแต่ละคนสัญญาเช่าร่างกายมาคนละกี่ปี จึงไม่ควรประมาทในการสร้างคุณความดี เห็นเวลาเป็นสิ่งมีค่า ไม่ปล่อยให้เวลาต้องสูญเสียไป
จักรวาลเริ่มต้น การเดินทางของดวงจิต คือจักรวาลการก่อเกิดดวงจิต สร้างผลิตดวงจิตขึ้นมามากมาย จึงมีจักรวาลการสร้างร่างกาย มารองรับดวงจิตทั้งหลาย เมื่อดวงจิตได้มาสู่ จักรวาลสวรรค์ จักรวาลบาดาล จักรวาลโลกมนุษย์ และ จักรวาลของนรก ติดอยู่ หมุนวนอยู่ ในจักรวาลทั้งสี่ ที่เรียกว่า วัฏสงสาร ตกอยู่ภายใต้กฎของกรรม เป็นกฎของเกมส์ ที่คอยคัดกรองดวงจิต ที่สะสมแต้มคะแนนความดี ได้รับความสุข ความทุกข์ตามผลการกระทำ จนกว่าได้คะแนนความดีสูงสุด ได้รางวัลแห่งความพ้นทุกข์ เข้าสู่จักรวาลแห่งพระนิพพาน
2 … พระเจ้าจักรพรรดิแห่งจักรวาล วัฏสงสาร
ชีวิตหลังความตาย การเวียนไปการเวียนมาของดวงจิตในวัฏสงสาร ใครเป็นผู้นำพาดวงจิตไป ใครปกครองจักรวาล ดูแลวัฏสงสาร ทำกรรมดีกรรมชั่ว ใครเป็นผู้คอยจด นับถือศาสนาต่างกัน ตายแล้วจะไปไหน จะเชื่อได้อย่างไร พิสูจน์ได้อย่างไร หาคำตอบได้ที่ ภูสวรรค์
วันสำคัญในทางพุทธศาสนา ได้เวียนมาบรรจบ ครบรอบของปี วันนี้ เราได้ทำวันที่สำคัญ ให้มีความสำคัญกับเราแล้วหรือยัง ได้ คิดดี ทำดี ขวนขวายความดี ให้แก่ตน ให้สมกับเป็นวันสำคัญในพุทธศาสนา ทำให้วันมีคุณค่า เรามีคุณค่า ก่อนที่จะหมดเวลา ไปกับกาลเวลา ที่ล่วงไป
ผู้ที่มีปัญญา คือผู้ที่รอบรู้ เข้าใจ ในสรรพสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง สามารถที่จะนำพาดวงจิตของตน ออกจากความทุกข์ได้ ถึงจะเรียกว่า มีความฉลาด มีสติ มีปัญญา อย่างแท้จริง
การรักษาศีล เปรียบเหมือนการรักษาบ้านเรือน ให้เป็นปกติ แข็งแรง ไม่ผุพัง เพื่อเป็นเกราะป้องกันแดด ป้องกันลมฝน ฝุ่นละอองต่างๆ ไม่ให้มากระทบกระแทก มาทำให้เราร้อน เราหนาว เปียกฝน ปนเปื้อนกับสิ่งที่ต่างๆที่พัดเข้ามา ให้เราต้องเป็นทุกข์ เหมือนมีศีลคอยป้องกันไม่ให้เราเร่าร้อนจากปัญหาทั้งหลาย ที่มาทดสอบ มากระทบจิตใจของเราให้เป็นทุกข์ ไม่ต้องออกจากศีล เหมือนไม่ต้องออกจากบ้าน ที่จะคุ้มครองป้องกันเรา จากแดด ลมฝน พายุทั้งหลาย ให้แดด ให้ลมฝน พายุผ่านไป ทุกอย่างจะเข้าสู่ความสงบสุขเองในที่สุด
เราเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร จะไปไหน ถ้ายังไม่รู้ความจริงทั้งหลายเหล่านี้ เปรียบเสมือนคนตาบอด ถ้ารู้ในเรื่องเหล่านี้ รู้ตัว รู้ตน รู้หนทาง เปรียบเหมือนคนตาดี แต่ถ้ารู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง จงเร่งขวนขวายแสวงหาความรู้ เพื่อเช็ดสิ่งที่ปิดบังตาบังใจ ให้สว่างให้รู้แจ้งในสรรพสิ่งทั้งหลายเถิด จะได้ไม่ลุ่มหลงในสิ่งล่อหลอก ลวงตาลวงใจทั้งหลายให้ จมอยู่ติดอยู่ในกองทุกข์ นำแสงสว่างสู่จิตใจของเรา เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม
ดวงจิตมีที่มาต่างกัน สภาวจิตสภาวธรรมจึงแตกต่างกัน การเข้าใจเข้าถึงธรรมคำสอน จึงไม่เสมอกัน ขึ้นอยู่กับการสร้าง การสั่งสมอบรมมาในกาลก่อน ดังนั้นเราควรทำใจให้เป็นกลาง ที่รับรู้ เรียนรู้คำสอน เพื่อให้ได้คำสอนที่เหมาะสมกับดวงจิตของเรา จะได้นำทางให้เราออกจากความพ้นทุกข์ โดยใช้ความสนใจพอใจในธรรมที่เหมาะกับเราก่อน แล้วตั้งใจขวนขวายพิจารณาเหตุพิจารณาผลตาม ปฏิบัติตามภายใต้กรอบของการไม่เบียดเบียน ไม่หลง ไม่ยึดติดในสิ่งใด แม้แต่ธรรมคำสอนเอง เพราะธรรมก็ไม่เที่ยง มีสูงมีต่ำมีหลายระดับ แตกต่างกันออกไป
ทางเดินของชีวิตแต่ละคน ได้ลิขิตมาจากการกระทำ ทั้งในอดีตกาลก่อนและปัจจุบัน เป็นตัวกำหนด การช่วยเหลือบุคคลอื่น ในเส้นทางของชีวิต ก็จะมีคนอื่นมาค้ำหนุนช่วยเหลือเรา ในการเดินทาง แต่การช่วยเหลือใคร อย่าให้ละเมิดกฎของเกมส์ ที่ไม่ให้เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ให้ประเมินกำลังของตน พอช่วยได้ขนาดไหน ที่ไม่ทำให้ตนเอง และบุคคลอื่นต้องเดือดร้อนในภายหลัง การทำความดีนั้นทั้งหลายพึงกระทำเถิด แต่ให้เหมาะกับบุญบารมีที่พอจะรับได้รับไหว
การเบียดเบียนเป็นหนึ่งสาเหตุของการต้องติดอยู่ในการเกิด เมื่อมีการเบียดเบียนจะถูกตัดแต้มตัดคะแนน ระดับคะแนนตัดเกรดของดวงจิต จึงตกลงไปต่ำอยู่ในอบายภูมิ กว่าจะได้ใช้หนี้กรรม และสร้างสั่งสมคะแนนความดีขึ้นมาใหม่ ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน ฉะนั้นจงจำไว้เถิดกฎข้อห้ามของผู้ที่ต้องการพ้นความทุกข์คือห้ามเบียดเบียนผู้อื่นและตนเอง
ความสุขที่แท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน อยู่ในจิตในใจหรือภายนอก การแสวงหาความสุขนั้น เมื่อหาไม่ถูกที่ไม่ถูกทาง จึงหาความสุขไม่เจอเลย การที่เราเอาความสุขของเราออกไป เพื่อแลกกับปัจจัยภายนอกทั้งหลาย ที่เป็นทรัพย์สิน ข้าวของ เงินทอง เพราะคิดว่าเมื่อได้มาแล้วจะมีความสุข เมื่อคิดอย่างนี้ก็ทำไปเช่นนี้ แต่แท้ที่จริงแล้ว ความสุขนั้นอยู่ภายในจิตภายในใจของเรานั้น ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย ไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยภายนอกทั้งหลายเหล่านั้นเลย เอาความสุขออกไปแลกมา ทำมาแล้ว ที่เหลืออยู่ในชีวิตของเรา จึงเหลือแต่ความทุกข์ เมื่อมีความทุกข์ขณะมีชีวิต ก่อนตายมีความทุกข์ ชีวิตหลังความตาย ดวงจิตจึงต้องไปในที่มีความทุกข์ความเร่าร้อนด้วย ไม่ได้จบสิ้นแค่นั้น ยังสืบต่อความทุกข์ไปอีก เช่นนี้แล้วอย่าพึงเลือก อย่าพึงทำอาชีพที่ต้องสูญเสียความสุขเช่นนั้นเลย
44… อาชีพฆ่าสัตว์และขายสิ่งมีชีวิต
เราเห็นคนที่มีร่างกายที่พิกลพิการ ร่างกายมีแต่ความเจ็บไข้ได้ป่วย คนที่ต้องอายุสั้นพลันตาย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นผลของกรรม ที่มาจากการเบียดเบียนชีวิตของผู้อื่นมาในกาลก่อน การที่เราเลือกอาชีพเพื่อให้ชีวิตของเราและบุคคลที่เรารัก ดำรงสืบต่อด้วยการทำมาค้าขายและฆ่าชีวิตของผู้อื่นนั้น ให้ระวังผลที่จะตามมาทีหลัง ซึ่งตอนนี้ผู้ดูแลกฎของกรรม เขาเปลี่ยนการให้ผลกรรมเร็วมาก ดังนั้นอย่าคิดว่าผลของกรรมจะตามมาไม่ทันในชาตินี้ การทำเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข แต่กลับได้ทุกข์กลับมาทีหลังมากมาย ไม่ควรกระทำเลย
สัมมาอาชีวะ เป็นหนึ่งในหนทางที่จะนำทางให้พ้นทุกข์ การขายสิ่งที่เบียดเบียนผู้อื่น ทำให้ส่งผลกลับมาเบียดเบียนตนเองและบุคคลที่เรารัก ทำให้เขาเป็นบ้า เราก็ต้องบ้าเช่นเดียวกัน ให้เขาเป็นทุกข์แบบใด เราก็ต้องทุกข์แบบนั้น และมีตัวคูณจำนวนเท่าขึ้นไปอีก บางทีงอกเงยงอกงาม ใช้ไม่หมดไม่สิ้นเสียที ชาติแล้วชาติเล่า และส่งต่อให้ลูกให้หลานรับผลกรรมต่อไปอีก พึงพิจารณาเถิด เมล็ดพันธุ์อันใดไม่ดีอย่าหว่าน อย่าปลูก ให้ต้องมาคอยรับผลเผ็ดร้อนในภายหลังเลย สงสารตนเองและลูกหลานบ้างเถิด
การค้าการขายสุรายาเมา เป็นอาชีพที่สร้างกรรมเบียดเบียน ให้ก่อเกิดการขาดสติ ขาดปัญญา ดังนั้นกรรมนี้จะทำให้เป็นคนหลง เมื่อเป็นคนหลง ก็จะทำให้เกิดรัก ให้เกิดโลภ ให้เกิดโกรธ ตามมาอีก เมื่อครบองค์ประกอบเหล่านี้แล้ว อยู่ที่ไหน อยู่ในจิตในใจผู้ใด ก็จะเร่าร้อนเป็นทุกข์ อยู่ในครอบครัวใดก็จะร้อนเหมือนอยู่กับกองไฟ เบียดเบียนเขา เบียดเบียนเรากลับ นี่คือกฎของกรรม ฉะนั้นพึงหาอาชีพที่ไม่เบียดเบียนเถิด จะได้ไม่ต้องมีทุกข์ตามมาทีหลัง
47… อาชีพพึงเว้นเมื่อต้องการพ้นทุกข์
อาชีพที่พึงเว้น สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการ กลับมาแก้ไขในการติดค้างหนี้กรรมกับดวงจิตอื่นอีก คือการค้าขายสิ่งมีชีวิตหรือซากสัตว์ หรือสิ่งเสพติดของมึนเมา เมื่อราได้สร้างสมความดี เพื่อปรารถนาความหลุดพ้นทุกข์แล้ว พึงเว้นจากอาชีพเหล่านี้เสีย ไม่เช่นนั้น เราต้องกลับมาชดใช้หนี้กรรม ไม่สามารถหลุดพ้นได้ในครั้งนี้
48… เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
การที่เราปรารถนาจะพบกับความสุข สิ่งที่ต้องระมัดระวัง ไม่ให้ไปละเมิดกฎของเกมส์คือการห้ามเบียดเบียนผู้อื่นและตนเอง เพราะกฎของกรรมนี้ เป็นกฎที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้แสดงไว้ว่า เมื่อมีการกระทำสิ่งใด เราต้องรับผลของการกระทำนั้น เบียดเบียนเขา เราก็ถูกเบียดเบียนกลับ ให้เขา เขาก็ให้เรากลับ ฉะนั้นการกระทำทั้งความคิด ทางคำพูด ทั้งทางกาย เมื่อกระทำสิ่งใดไว้แล้ว นอนรอรับผลการกระทำได้เลย เที่ยงแท้และแน่นอน
49… ชีวิตเป็นของใคร อะไรที่เรียกชีวิต
ชีวิตคือสิ่งใด อะไรเรียกชีวิต จิตหรือร่างกาย ใครเป็นเจ้าของ เรามาตรองตามนี้ดู สิ่งมีจิตครองเขาถึงเรียกว่ามีชีวิต ดังนั้นชีวิตคือจิตนั่นเอง แล้วใครเป็นเจ้าของ ต้องมาดูว่าฝ่ายใดครอง ถ้าฝ่ายดีครองจิต ชีวิตชีวีถึงกลับมา ถ้ากิเลสตัณหาครอง ความเศร้าหมองของจิตหมดชีวิตหมดชีวา รู้อย่างนี้แล้วหนา ให้สร้างสั่งสมความดีขึ้นมา เอาชีวิตกลับมาเป็นของเรา
ศึกภายนอกหรือจะสู้ศึกภายใน ผู้ชนะกิเลสตัณหาในจิตใจ ถึงเป็นผู้มีชัยในสงครามอย่างแท้จริง
มื่อมีเราจึงมีเขาตามมา เมื่อมีเขาจึงมีสุขทุกข์ตามมาอีก
ดับที่เราได้ ที่เขาก็ดับด้วย สุขทุกข์ก็จะดับด้วยเช่นกัน
52… ทางสายกลาง ***
ดวงจิตมีที่มาต่างกัน การเดินทางของดวงจิตจึงแตกต่างกันออกไป เส้นทางจึงมีหลายเส้นทาง มีหลายตรอกซอกซอย ไม่เหมือนกัน กาลเวลาเปลี่ยนไป เส้นทางจึงมีใหม่เพิ่มขึ้น แผนที่สำหรับนำทางสู่ความพ้นทุกข์ จึงมีหลายแบบ แต่ก็อยู่ในกรอบของ ศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา ทางนี้จึงเป็นทางสายกลาง ทางแห่งความพ้นทุกข์ อย่างแท้จริง
ธรรมชาติสร้างเรามาแล้ว ย่อมสร้างหนทางออกให้เราด้วย ขึ้นอยู่ว่าเราจะรู้วิธี เพื่อหาทางออกจากการปนเปื้อน ในสิ่งที่สกปรกเศร้าหมองนั้นหรือเปล่า บนโลกนี้มีแต่เสียงคร่ำครวญ เสียงร้องไห้ แม้จะจากโลกนี้ไป ก็ยังไม่วายมีเสียงร้องไห้ตามไปอีก แม้เกิดมาใหม่ ก็ยังมีเสียงร้องไห้ตามมาอีก ลองทบทวนคิดดูให้เห็น เหตุของความทุกข์ เพื่อเราจะได้ รู้วีธีออกจากความทุกข์ทั้งหลาย ว่าเป็นเพราะเราหลงกับสิ่งทั้งหลาย ยึดกับสิ่งทั้งหลาย อยากมีอยากเป็นในสิ่งทั้งหลาย สร้างกรรมเบียดเบียนผู้อื่นหรือเปล่า ที่ทำให้เราต้องติดอยู่ วนเวียนอยู่ จมอยู่ เป็นทุกข์อยู่ ไม่จบไม่สิ้น เดินออกมาทางศีลทางธรรมเถิด อย่ามัวมองดูผู้อื่นอยู่เลย ไม่เป็นผู้สร้างกรรมเบียดเบียนผู้อื่นและตนเอง ศึกษาคำสอนให้รู้ในกฎของกรรม กฎของเกมส์ กฎของความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง มีสมาธิ มีสติ มีปัญญา ปล่อยวางในสิ่งที่หลง ที่ยึดถือ ที่อยากมีอยากเป็นเสียเถิด จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ หลุดจากการมาเกิดซะที
จิตเกิดมาจากธรรมชาติ เมื่อต้องการหยุดพักการเดินทางของจิต ต้องหวนกลับสู่ธรรมชาติ โดยรู้และเข้าใจเช่นนี้ว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากธรรมชาติ หากจะดับลงได้ ต้องเข้าใจในธรรมชาติ ยอมรับในสิ่งที่เป็นไปของธรรมชาติ เขาเกิดมาจากสิ่งไหน ให้ดับไปจากสิ่งนั้น ไม่มีตัวตน ไม่ใช่เขา ไม่ใช่เรา
ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีผิด ไม่มีถูก อยู่ในเรา อยู่ในเขา จะมีเพียงแค่รู้หรือยังไม่รู้ หากเป็นผู้รู้แล้ว ย่อมเข้าใจในทุกอย่าง เหลือแค่เพียง บอกทางให้คนอื่นรู้ตาม
เมื่อเกิดมาแล้ว ก็มีเรา เมื่อมีเรา จึงมีสิ่งสมมติทั้งหลายว่าเป็นของเรา มีหน้าที่ มีกิจการงาน มีทรัพย์สินเงินทอง มีบุคคลข้าวของอันเป็นที่รักของเรา อันที่จริงแล้ว มีสิ่งอันใดบ้างที่เป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเขามีของเขาอยู่แล้ว แต่เรามายึด มาถือเอาว่าเป็นของเรา แค่นั้นเอง แต่สิ่งทั้งหลายนั้น มีขึ้นมาได้ ตั้งอยู่ได้ แล้วก็จะสลายไปเช่นกัน ยึดถือสิ่งใด ก็จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น เช่นนั้นแหละท่านทั้งหลาย
มีหลายคนที่มีความกังขา ความแตกต่างระหว่างดวงจิตที่มาอยู่ในกายบุรุษและกายสตรี ว่ามีผลต่อการบรรลุธรรมได้หรือไม่ สำหรับสตรีที่มีความเชื่อว่าสตรีด้อยกว่าบุรุษ ก็จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่มีกำลังใจสร้างความดี เสียโอกาสในการสร้างคุณความดีไป สำหรับบุรุษที่คิดว่าตนเหนือกว่า ก็จะไม่สามารถรับคุณความดีที่จะมาจากสตรีได้ ทำให้พลาดโอกาสในสร้างคุณงามความดีเช่นกัน ดังนั้นลองมาฟัง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน แสดงธรรมถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร เพื่อจะได้ไม่หลง จนเป็นเหตุให้เราสูญเสียโอกาสที่รับสิ่งที่ดีให้แก่ดวงจิตของเรา
57… พิจารณาให้เห็นถึงความไม่เที่ยง
การที่เราจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั้น ต้องรู้เหตุของความทุกข์ก่อน ว่ามีเหตุมาจากสิ่งใด การยึดถือในสิ่งทั้งหลายนั้น ก็เป็นเหตุของความทุกข์เช่นกัน ฉะนั้นต้องพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย มีขึ้นมาได้ ก็จากไปได้ เสื่อมไปได้ สลายไปได้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เพราะความยึดถือเหล่านี้ จงรู้ตามนี้เถิด เห็นตามนี้เถิด ปล่อยวางเสียเถิด จะได้ไม่ทุกข์อีก
ท่านกำลังน้อยเนื้อต่ำใจว่าเป็นคนต้อยต่ำ ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของ ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่มีชาติมีตระกูล คงไม่สามารถทำบุญทำทาน สร้างคุณงามความดีกับใครเขาได้ ให้คิดอย่างนี้ว่าคนที่เขาต่ำต้อยกว่าเราก็มี บางดวงจิตยังเป็นสัตว์เดรฉานก็มี ให้เรามองคนที่ต่ำกว่าเพื่อสร้างกำลังใจให้เรา มีพลังขึ้นมาขวนขวายสร้างคุณความดี ให้ดียิ่งๆขึ้นไป ถ้าท่านกำลังมีความรู้สึกว่าฉันใหญ่ที่สุดแล้ว รวยที่สุด มียศฐาบรรดาศักดิ์ที่ใหญ่มาก สูงมากจนไม่มีใครสูงกว่า ให้ลดอัตตาตัวตนลงมา โดยมองคนที่สูงกว่า เพื่อจะได้ลดตัวตนลงมาสร้างคุณความดีต่อไปได้ ให้ปรับให้พอดีเพื่อเดินทางสายกลาง จะได้ไม่พบความทุกข์ความวุ่นวายทั้งหลายได้พบกับความพ้นทุกข์ซะที
59 … การทำทานให้เข้าถึงบุญอย่างแท้จริง
การเป็นผู้ให้ทานเป็นผู้แบ่งปัน จะต้องรู้ว่าการให้ที่พอดี ไม่เบียดเบียนตนเอง ทำให้ต้องเป็นทุกข์ในภายหลัง จะต้องรู้จักประเมินกำลังของตนเอง ตั้งใจในสิ่งที่ทำ ไม่ลังเลสงสัยในสิ่งที่ทำ ศรัทธาในบุคคลที่เราให้ ผู้ที่รับทานต้องมีคุณความดี ให้น้อมถวายแด่พระรัตนตรัยก่อน เพื่อให้ได้รับอานิสงส์ผลบุญได้รับความสุขอย่างแท้จริง
60… การเกิดดวงจิตและโลกจักรวาล
นิทานที่มาของการเกิดดวงจิต ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร พร้อมกับ สภาวธรรมของโลกของจักวาลทั้งหลาย มีการก่อเกิดมีที่มา ที่ไปอย่างไร
การสร้างกรรมไม่ดีทั้งหลายนั้น ก่อเกิดผลเป็นบาป คือความทุกข์ ความเร่าร้อนขึ้นมาเป็นผล เมื่อเราได้เกิดมาอยู่ในตระกูล ในเผ่าพันธุ์ ในเชื้อชาติ ในขอบเขตประเทศ ทีมีการสร้างกรรมเบียดเบียนกันมาในกาลก่อน กรรมนั้นจะส่งผลให้เรา ต้องคอยรับผลคือความทุกข์ การถูกเบียดเบียน เช่นเดียวกัน แต่บาปกรรมชนิดนี้ เราไม่ได้กระทำเอง เราสามารถลบล้างด้วยการสร้างบุญและขอขมากรรม เพื่อให้กรรมวิปากคลายไปสลายไปในสุดได้
ทำบุญได้บุญจริงหรือเปล่า ทำแล้วสามารถแผ่บุญให้คนอื่นได้หรือเปล่า แล้วที่ว่าบุญหน้าตามันเป็นยังไง คงมีความสงสัยขึ้น ในจิตในใจหลายๆต่อหลายคน อันว่าบุญนี้เกิดขึ้น จากสร้างความดีทั้งหลาย ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ก่อความสุขทั้งผู้อื่นและตนเอง ความสุขนั้นแหละคือบุญ สามารถที่จะสร้างเอง และรับโมทนาบุญจากคนอื่นได้ สามารถที่จะส่งให้คนอื่นได้ด้วย แต่ไม่ได้มากและเท่ากับที่เราสร้างและทำเอง ฉะนั้นจงสร้างบุญด้วยตนเองเถิด อย่ามัวรอขอส่วนบุญจากคนอื่นอยู่เลย
เราเคยร้องไห้ เคยเสียใจ ทุกข์ใจ ด่าว่าใครเป็นคนกำหนด ที่ทำให้เราต้องมาเป็นเช่นนี้ ใครหนอช่างใจร้ายกับเราเสียจริง ความจริงแล้ว การกระทำทั้งหลายของเรานั้นแหละ เป็นผู้สร้างสรรผลงานให้ก่อเกิดเรื่องราวทั้งหลาย ให้เราต้องเผชิญ ต้องผ่านพ้นสิ่งต่างๆ ที่ได้แวะเวียนเข้ามา ให้เราต้องสุขต้องทุกข์และได้การเรียนรู้ จนเราจะเข้าถึงธรรม เข้าใจในกฎของกรรม ว่าสร้างเหตุเช่นไร เราต้องรับผลเช่นนั้น ไม่เป็นผู้เบียดเบียน จะได้ไม่ถูกเบียดเบียนกลับ เห็นเป็นธรรมดาในสรรพสิ่งจิตสงบระงับและปล่อยวาง
ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากธรรมชาติ หากจะดับลงได้ต้องเข้าใจในธรรมชาติ ยอมรับสิ่งที่เป็นไปของธรรมชาติ คือเกิดจากไหน ให้ดับจากที่นั่น ไม่มีตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ทุกอย่างว่างเปล่า การสลายอัตตาตัวตน คือ ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีถูก ไม่มีผิด อยู่ในเรา อยู่ในเขา มีก็เพียงแค่รู้ หรือยังไม่รู้ ผู้ที่รู้แล้วจะเข้าใจ ทุกอย่างไม่มีผิด มีถูก มีแต่เพียงบอกทางให้รู้ตาม
เคยหยุดคิดบ้างไหม ว่าถ้าตายตอนนี้ จะไปที่ไหน รู้หรือยังว่าถ้าตายตอนนี้ จะไปอยู่ที่ไหน ถ้ายังไม่รู้ให้สังเกตุดูจิตดูใจของตนเอง ว่าเราเป็นสุขหรือยัง หรือสุขบ้างทุกข์บ้าง หรือไม่มีความสุขเลย หรือไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว สภาวธรรมของจิตนั้นแหละ จะบอกเราว่า เมื่อเสียงระฆังบอกหมดเวลา ที่เรามาเกิดในรอบนี้ จะได้ไปที่ไหน ถ้ามีความสุขแล้ว เราจะได้สวรรค์หรือบาดาลเป็นที่ไป ถ้าสุขบ้างทุกข์บ้าง จะต้องกลับมาเกิดในมนุษย์ ถ้าไม่สุขเลยต้องไปอยู่ในภูมิของสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานก่อน ถ้าไม่สุขไม่ทุกข์แล้วท่านเป็นผู้ได้โล่ห์รางวัลได้เหรียญทองในการมาเกิดในครั้งนี้
การที่เราเล่นเกมส์ชนิดใด เราต้องรู้กฏกติกา ให้รู้แจ้งรู้จริง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถเล่นหรือ ทำคะแนนได้ดีในเกมส์นั้นๆ เกมส์ชีวิตก็เหมือนกัน มีกฏของเกมส์ ที่สำคัญคือกฏของกรรม ถ้าเรายังรู้ไม่แจ้งในกฎของกรรมแล้วไซร้ เราก็ยังไม่สามารถที่จะเป็นผู้ชนะ ในการมาเกิดในแต่ละครั้งได้ ลองมาศึกษากฎของกรรมเป็นผู้รู้อย่างแท้จริงเถิด จะได้เป็นผู้ชนะหลุดพ้นในความทุกข์ ในการเวียนวนลงมาเล่นเกมส์ซะที
เหตุความทุกข์มาจากการยึดถือ ยึดในสิ่งใด ถือในสิ่งใด ก็หนักก็เหนื่อย เป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น มีมา มีขึ้น ตั้งอยู่ เดี๋ยวก็ดับไป สลายไปในไม่ช้า ฉะนั้นตราบใดยังยึดอยู่ ถืออยู่ ก็ยังทุกข์อยู่ ดวงจิตที่จะหลุดพ้นได้ต้องวางให้หมด แม้แต่ร่างกายตัวตนของเรา จงวางเสียเถิดจะได้เบาสบาย ไปแต่จิตว่างๆ เข้าสู่พระนิพพาน .
ความโกรธเป็นหนึ่งเชื้อของดวงจิต มีฤทธิ์เผ็ดร้อน กัดกร่อนจิตใจ ทั้งตนเองและบุคคลที่อยู่ใกล้ เชื้อนี้ก็จะแพร่กระจายครอบงำ ให้คนที่ได้รับเชื้อจะเป็นทุกข์ และยังส่งผลให้เกิดการเวียนวน เวียนตาย เวียนเกิด ตราบใดสลัดเชื้อความโกรธไม่ได้ ความทุกข์ยังต้องมีต่อไป การจะสลัดความโกรธ จะต้องมียาสามขนานคือ มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา
สิ่งใดที่กระทำไปแล้ว กระทบเบียดเบียนผู้อื่น การกล่าวคำขอโทษจะมีประโยชน์ หรือมีโทษ ขึ้นอยู่ที่เจตนา ที่กระทำลงไป และสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำด้วยจิตใจอย่าแท้จริง รู้จักเหตุจากผลที่กระทำลงไป จึงสมควรกล่าวคำขอโทษ ไม่อย่างนั้นเราสักว่ากล่าวสักว่าพูด จะไม่ก่อประโยชน์อันใดเลย มีแต่สร้างกรรมเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นเพิ่มขึ้น เพราะคิดว่ามีคำขอโทษ ดังนั้นอย่าฝากอะไรไว้กับคำขอโทษเลย ให้ปฏิบัติ สำรวมระวังไม่ให้ผิดพลาด ทั้งจิต กาย ใจ เถิด
กฎของกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กรรมหมายถึงการกระทำ เมื่อได้กระทำสิ่งใดแล้ว ต้องรับผลของ
กรรมนั้น เมื่อได้ทำความผิด ความชั่วไปแล้ว จะสามารถแก้กรรม ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่เหตุและเจตนา ว่า
ได้ตั้งใจทำหรือไม่ ถูกบังคับ ล่อลวงให้ทำผิดหรือไม่ หรือไม่มีเจตนา ผลของการกระทำจะให้ผลหนักเบา
ที่แตกต่าง และแก้ไขได้ด้วยการ ทำความดีเพื่อให้พลังบุญพลังของความดีไป ค้ำหนุนดวงจิตของเราไม่
ให้ต้องเป็นทุกข์หรือรับผลของกรรมที่ทำผิดมากจนเกินไป
กรรมอะไรบ้างหนอ เป็นบ่วงที่เหนี่ยวรั้ง คอยถ่วงดึง ไม่ให้สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมจากผู้มีพระคุณ มีกรรมจากการกระทำ มีกรรมจากความคิด มีกรรมจากคำพูด มีกรรมจากเจตนาและไม่เจตนา มีกรรมจากภพชาติ มีกรรมจากคำมั่นสัญญา มีกรรมจากคำสาปแช่ง มีกรรมจากธรรมชาติ มีกรรมจากสายเลือดบรรพบุรุษ ทั้งหมดรวมกันมาเป็นกรรมของตน ให้สร้างบุญบารมี แล้วแผ่บุญไปลบล้างหนี้กรรมบ่วงกรรมทั้งหลายนี้ พร้อมขอขมากรรมบ่อยๆ เพื่อให้บ่วงกรรมทั้งหลายนี้สลายไป เพื่อเราจะได้ไม่ต้องมาเกิด มาเวียนวน ชดใช้หนี้กรรมไม่มีที่สิ้นสุด แล้วจะหลุดพ้นจากความทุกข์
การได้มาซึ่งการเกิดเป็นมนุษย์นั้น ช่างสุดแสนลำบาก ดังนั้นต้องรู้ตัวรู้ตนว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เราเป็นใครมาจากไหน มาทำอะไร ตายแล้วจะไปที่ไหน การมาลงทุนเกิดครั้งนี้ เราควรจะให้มีกำไรในการมาเกิด กำไรที่ได้มาจากการกระทำ คิดดี พูดดี ทำดี เมื่อทำดีแล้วภูมิจิตของเราก็จะปรับระดับเลื่อนภูมิสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่อยู่ในกายเนื้อ ถ้าเราทำไม่ดี เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่นนั้น ก็จะทำให้เราต้องขาดทุนและต้องกลับมาชดใช้ผลของการกระทำ ดังนั้นจึงจะต้องคิิดดี พูดดี ทำดี เพื่อให้เราได้ความดีมาค้ำหนุนให้เราพ้นจากความทุกข์ พ้นจากการเวียนวน
การกระทำทั้งหลาย ที่สร้างความสุขให้กับผู้อื่นและให้เราได้รับความสุขนั้น เรียกว่าการทำดี การไม่เบียดเบียนผู้อื่นและไม่ให้เราต้องรับผลของการกระทำ ก็เรียกว่าการทำความดี เหมือนกัน ดังนั้นการทำดีจึงไม่ต้องแบ่งเวลาไปทำ สามารถทำได้ทุกการกระทำ ไม่ว่านั่งอยู่ นอนอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ ได้ทุกเวลา แม้แต่ทุกลมหายใจเข้าหายใจออก เราสามารถทำดีได้ เมื่อเราได้คิดดี พูดดีและทำดีให้ถึงพร้อมแล้ว ความพ้นทุกข์ก็จะเข้าเยือนเราเอง ให้เราได้รับมีความสุขทุกเวลา
การกระทำอันใดที่ได้กระทำลงไปแล้ว ไม่ว่าอยู่ในที่ลับหรือที่แจ้ง ต่อหน้าหรือลับหลัง
ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปแล้ว ในไม่ช้าไม่นานหรอก เมล็ดพันธ์นั้นก็จะงอกเงยงอกงาม
ขึ้นมาเป็นดอกเป็นผลให้เราได้เก็บกิน จะรสหวานหรือขม ขึ้นอยู่กับชนิดเมล็ดพันธุ์ของพืช
ที่เราได้หว่านลงไป ฉะนั้นสิ่งใดที่ไม่ดี หากเรากระทำลงไปแล้ว จะทำให้เรามีความทุกข์เป็นผล
กลับมาอย่างแน่นอน หากคิดดี พูดดี ก็จะทำให้เราได้ความสุขจากคำพูดเช่นเดียวกัน
การเดินทางของดวงจิตทั้งหลายนั้น ได้เจออุปสรรคปัญหา สิ่งที่กระทบ จิต กาย ใจ อยู่ตลอดการเดินทาง ความทุกข์ทั้งหลายที่ผ่านมาแล้ว และกำลังเผชิญอยู่ จึงยังไม่ใช่ความทุกข์ที่หนักที่สุดที่แท้จริง ตราบใดที่ยังไม่สามารถแสวงหาหนทาง ที่จะออกจากการเวียนวนของดวงจิต ต้องเวียนกลับมาเกิดชาติแล้ว ชาติเล่า ความทุกข์ที่ได้เก็บเกี่ยวเอาไว้ในการเดินทาง จะมีมาให้ได้เก็บเกี่ยวอยู่เสมอไม่ได้ขาด ตราบใดเรายังไม่รู้ว่าความทุกข์ที่แท้จริงคืออะไร เราจะไม่สามารถออกจากกองทุกข์นั้นได้เลย
ความสุขที่แท้จริงคืออะไร มีรูปลักษณะยังไง หน้าตาเป็นเช่นใด มีอยู่ที่ไหน เมื่อเรารู้ว่าความสุขเป็นเช่นใดแล้ว เราถึงจะหาความสุขเจอ ถึงจะได้รับ และเข้าถึงความสุขได้อย่างแท้จริง
มารคือผู้ขวางความดี มีเหตุที่พึงระวัง จากบุคคลอันเป็นที่รัก จากลาภยศสรรเสริญ และกิเลตัณหาที่อยู่ในจิตในกายของตน ให้พึงระวังจะเป็นช่องทางขัดขวางในการสร้างและทำความดีของเราได้
การที่เราจะเอาชนะต่อพญามารได้นั้น เราต้องมีคุณธรรม ๖ ประการ คือหนึ่งต้องมี ๑.สติปัญญา ๒.เมตตตา ๓.ศ๊ล ๔.สมาธิ ๕.อดทน ๖.เข้มแข็ง ถึงจะสามารถเอาชนะกับสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายนั้นได้
80… ระมัดระวังในการสร้างกรรมชั่ว
การกระทำไม่ดีทั้งหลายนั้น คือการเบียดเบียนบุคคลอื่น ให้ก่อเกิดความทุกข์ จะเป็นการกระทำทางกาย ทางวาจาก็ดี ก็จะส่งผลกลับมาให้เราได้รับผลความทุกข์เช่นเดียวกัน ภายใต้กฎของกรรมกฎของเกมส์
การตามหารักแท้นั้น เราต้องรู้ก่อนว่ารูปร่างหน้าตารักแท้นั้น เป็นยังไง มีลักษณะอย่างไร จึงจะเรียกว่ารักที่แท้จริง เราถึงอาจจะหาเจอ ถึงแม้เราจะหาเจอแล้ว แต่ให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า แต่ความรักนั้นมันมีเวลาจำกัด ขึ้นอยู่ว่าจะสั้นหรือเร็ว แล้วก็จากไป ยิ่งรักมากย่อมทุกข์มาก ยิ่งรักนานยิ่งเจ็บนาน เป็นทวีคูณ รู้อย่างนี้ เช่นนี้แล้ว ยังจะตามหารักแท้ อีกไหมหนอ
82… เมื่อกำลังท้อกับการสร้างความดี
หากกำลังทำความดี แล้วมีคนที่ไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจ ไม่เห็นด้วยในสิ่งที่เราทำ มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป ให้คิดดังนี้เถิดว่า คนเรามีความรู้ที่แตกต่างกัน มีภูมิจิตภูมิธรรม ความคิดที่ต่างกัน ความเชื่อ ความชอบที่ต่างกัน ดังนั้นจึงมีความเห็นที่แตกต่างกันเป็นธรรมดา ให้เห็นเป็นธรรมดาเช่นนี้เถิด
83… การกราบไหว้เทพเทวดาผีบรรพบุรุษ
การที่เรากราบไหว้บูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพเทวดานาคานาคี พระภูมิเจ้าที่ ผีบรรพบุรุษ ทั้งหลายนั้น เป็นความหลง หรือ ยึดถือปฏิบัติผิดทางหลงทางหรือเปล่า มาฟังพระยาธรรมเข้าเฝ้าทูลถามต่อพระพุทธองค์
สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกย่อมมีความเหมือน มีความแตกต่าง มีทั้งสูงและต่ำ มีดำมีขาว มีดินอุดมสมบูรณ์ดินที่แห้งแล้ง นักบวชก็มีทั้งผู้กำลังเรียน กำลังศึกษา กำลังเป็นผู้หลง เป็นผู้รู้ เป็นผู้สำเร็จ มีภูมิจิตภูมิธรรมที่แตกต่างกันออกไป อย่าคาดหวังว่าสิ่งนั้นต้องดีหมด หรือชั่วหมดเลย จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดี สร้างสั่งสมบุญแสวงหาธรรมคำสอน และปฏิบัติตนให้พ้นจากความทุกข์เถิด
ของขวัญสำหรับแม่นั้นที่ดีล้ำค่าที่สุด คงไม่เกินไปกว่าลูกของแม่เป็นลูกที่ดี กตัญญูรู้คุณ ให้ความรัก ความเอาใจใส่ดูแลสารทุกข์สุขของผู้มีพระคุณ เราจะเป็นลูกที่ดีมาก ดีปานกลาง ดีน้อย หรือไม่ดีเลย นั้นขึ้นอยูกับการกระทำของเรา ว่าจะเลือกทำแบบไหน ถ้าทำดีมากของขวัญที่แม่ได้รับก็จะมีคุณค่ามากตามไปด้วย
หลับแล้วตื่น ตายแล้วเกิด สภาวธรรมของการเวียนวนของดวงจิต วนเวียนไปเพื่อสิ่งใด เกิดก็เป็นทุกข์ ตื่นก็เป็นทุกข์ ต้องขวนขวายดิ้นรนไม่มีที่สิ้นสุด เหนื่อยกันหรือยัง ถ้าเหนื่อยแล้ว เดินออกมากันเถิด เดินออกมาหาทางพ้นทุกข์กันเถิดท่านทั้งหลาย
ดวงใจเรานั้นให้เก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าให้หมองหม่น ให้ใสแวววาวไม่ให้เศร้าหมอง อย่าฝากดวงใจไว้กับใคร ให้ดูแลรักษาไว้ด้วยตนเอง
88… รู้คุณค่าในสิ่งที่เป็นสิ่งที่ทำ
การทำได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วนั้น อย่ามัวแต่ท้อ แต่ทุกข์ แต่บ่นอยู่เลย เร่งสร้างคุณความดี ให้สมกับที่ได้สร้างสั่งสมบุญจนได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่รู้เราจะมีเวลาได้สร้างความดีถึงเมื่อไหร่ จะได้มาเป็นอีกไหม ให้รู้ค่าในสิ่งที่เรามีเราเป็นเถิด
การที่เราจะพ้นทุกข์ได้นั้น ต้องประกอบด้วยศรัทธา ปัญญา และการประพฤติปฏิบัติด้วย ไม่อย่างนั้นก็เปรียบเหมือนคนรู้จักสถานที่ไป แต่ไม่ยอมไป ต้องนอบน้อมกับผู้ชี้ทางบอกด้วยไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติให้พ้นการเวียนวนได้
การดื่มของมึนเมานั้นทำให้ขาดสติ ขาดการยับยั้งชั่งใจในการกระทำ สร้างการเบียดเบียนผู้อื่นและตนเอง ทำให้ต้องได้รับความทุกข์ตามมาไม่รู้จบสิ้น
การที่เราพูดโกหกนั้น ย่อมส่งผลให้ผู้อื่นพลอยทุกข์ใจ ทำให้ผลของการกระทำจะตีรอบกลับมาให้เราต้องทุกข์เพราะคำพูดเช่นกัน
92… เหตุที่ห้ามละเมิดความรักซึ่งกันและกัน
การที่เราละเมิดความรักอยู่เสมอนั้น ทำให้ผิดกฎของเกมส์ที่มาเล่น ผลของการกระทำจะต้องได้รับ การละเมิดความรักกลับอย่างเที่ยงแท้แน่นอน
กฎของเกมส์มีกฎของกรรมเป็นหลักในการคัดกรองดวงจิต ที่จะหลุดพ้นหรือติดอยู่ในเกมส์ เมื่อยังไม่หลุดพ้น กลับเวียนวนก็จะต้องรับผลของการกระทำอย่างแน่นอน ทำหนึ่งส่วนอาจจะได้รับผลเป็นร้อยเท่าพันทวี ฉะนั้นสิ่งใดไม่ดีไม่ควรหว่านเมล็ดพันธุ์ให้งอกเงยงอกงามให้เราต้องได้รับผลทีหลัง
หตุใดหนอพระพุทธองค์ถึงห้ามการฆ่า ห้ามเบียดเบียนผู้อื่น เพราะกฎของกรรมนั่นเอง ที่เป็นกฎของธรรมชาติ ที่คอยคุมเกมส์ของดวงจิตทั้งหลาย ที่มาเล่นเกมส์ ให้เกิดการเวียนวน เป็นผู้ฆ่า เป็นผู้เบียดเบียน กลับกลายเป็นผู้ถูกฆ่า ถูกเบียดเบียน กลับไปกลับมาเช่นกันเช่นนั้นแหละ
95… พิจารณาเหตุภายนอกเป็นครูสอนใจ
เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่ละเวลาที่ผ่านเข้ามานั้น ให้ใช้สติ ปัญญาพิจารณา ให้เห็นถึงความไม่เที่ยง ความที่ตั้งอยู่ ความที่ต้องเสื่อมไป สลายไป ดับไป ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี น่าพอใจและไม่น่าพอใจ
ดวงจิตทุกดวงที่มาเล่นเกมส์ชีวิต ด่านทดสอบอีกด่านหนึ่งคือความยึดติด ยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่มีอยู่ ที่เป็นอยู่ ว่าเราจะปล่อยวาง ทำใจให้เป็นกลางๆ ไม่สุขหรือทุกข์ ในสิ่งที่มีที่เป็น และในสิ่งที่เปลี่ยนไป เคลื่อนไปได้หรือเปล่า
การที่เราจะเมตตาสงสารใครนั้น ต้องดูกำลังที่เรามีอยู่ว่ามาสามารถช่วยได้ โดยที่เราไม่เป็นทุกข์ และบุคคลที่เราเมตตานั้น สมควรเมตตามากน้อยขนาดไหน เหมาะที่จะเมตตาหรืออุเบกขา
มนุษย์ส่วนมากจะหลงในร่างกายตนเอง และจะหลงยึดติดในร่างกายของบุคคลอื่น เปรียบเช่นดอกไม้ที่สวยงาม แต่ไม่สามารถที่จะประคับประคอง ให้สวยงดงามตลอดไปได้
เมื่อถึงวันเกิดอย่ามัวดีใจเสียใจ กับการจัดงานเลี้ยง ฉลองวันเกิดอยู่เลย ควรพิจารณาว่า การได้เกิดมาเป็นของยาก ผู้เป็นมารดา บิดาและญาติมิตรต้องคอยค้ำหนุนให้เราได้เกิดมา ให้ระลึกถึงผู้มีคุณเหล่านี้บ้าง เราได้ทำดีตอบแทนผู้มีคุณหรือยัง ได้เห็นเวลาที่ลึกไปล่วงไปในแต่รอบของวันเกิดหรือเปล่า ตอนนี้เราเป็นผู้หลงในสิ่งใดอยู่หรือเปล่า
จิตที่ไม่รู้เหตุรู้ผล ของการมาเกิดแต่ละรอบน้้น ทำให้ต้องแสวงหาความต้องการในแต่ละด้าน แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง โดยไม่รู้จักคำว่าพอ ฉะนั้นเราควรแสวงหาตัวตน ให้เจอก่อนจะหมดเวลา ว่าเราเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร ตายแล้วเราจะไปไหน