...ตอนที่ ๕๑ ความรักของครูอาจารย์ในทางธรรม
บุคคลที่ได้ชื่อว่า ครูอาจารย์ ที่สอนสั่งศิษย์ในทางธรรม ต้องสอนสั่งอย่างปล่อยวาง อย่ายึดถือ ยึดติด ให้เกิดเป็นตัวตน เป็นบุคคลของตน จนไม่สามารถหลุดพ้น จากความทุกข์ทั้งศิษย์และอาจารย์
...ตอนที่ ๕๐ ความดีที่ทำหายไปไหน
ทำบุญทำทาน จะให้ทำไปถึงไหน รักษาศีล ทำสมาธิ ทำแล้วทำอีก ยังต้องทำใหม่ แล้วความดีที่ทำหายไปไหน เมื่อไหร่จะสิ้นสุดของการทำความดี ถ้าปรารถนาอยากรู้ พุทธองค์จะไขปัญหาที่คาใจ
...ตอนที่ ๔๙ สงสัยในเรื่องจิตใจกาย*****
จิตคือจิต กายคือกาย มีกายนอก กายภายใน มีขันธ์ห้าซ้อนขันธ์ห้าซ้อนกันไป จึงซับซ้อนเกินบรรยาย ให้ลองไปฟังธรรม แล้วทำความเข้าใจกันเอาเอง
*ระบบ*ของการขัดเกลากิเลสตัณหา
(เข้่าสู่พระนิพพาน)
...ตอนที่ ๔๘ การแสวงหาความสุขที่แท้จริง
การดิ้นรนขวนขวาย แสวงหาความสุข แต่ยังไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงคืออะไร แสวงหาไปจนตาย หรือหลายแสนชาติ อาจจะไม่เจอความสุขที่แท้จริง
ธรรมะในวันแม่แห่งชาติปีนี้ แสดงถึงการเป็นลูกที่ดี ซึ่งพ่อแม่ไม่ได้หวังอะไร ขอเพียงอย่าสร้างความทุกข์ใจ ให้ก็พอแล้ว จับใจความได้เท่านี้ ที่เหลือ ขอให้ไปฟังเอง
...ตอนที่ ๔๖ การจะยึดใครเป็นแบบอย่าง
การที่เราจะยึดใคร คนใดเป็นแบบอย่าง ให้รู้ว่ามีสิ่งที่ต่างในความเหมือน จะได้ทำตามอย่างไม่ลุ่มหลง ยึดติดจนหลงทางไป ไม่เข้าถึงความสำเร็จ ในการทำความดี ตามที่ตั้งใจ
... ตอนที่ ๔๕ ชอบจำแต่สิ่งไม่ดี
จิตของคนเรามันเป็นยังไง สิ่งที่ดีไม่ค่อยชอบจำ ชอบจำแต่สิ่งไม่ดี เหตุมันเกิดจากอะไร หาคำตอบได้ ไขปัญหาคาใจในคลิปนี้ได้เลย
...ตอนที่ ๔๔ ความคิดเห็นต่างจะวางจิตยังไง *****
การมีความคิดเห็นต่าง จากสิ่งที่เราคิด ทำไมถึงคิดเช่นนั้น มันมีเหตุมาจากอะไร จะให้ทำยังไงต่อไป ถึงจะไม่เป็นทุกข์ จะยากอะไร ให้ไปฟังในคลิปนี้ ว่าพุทธองค์ท่านสอนอะไร ฟังจบแล้วให้ปฏิบัติตาม แค่นั้นเอง
...ตอนที่ ๔๓ บอกอานิสงส์บุญแบบไหนดี
ความดีที่ทำ กรรมที่ก่อ ให้เกิดอานิสงส์เช่นไร จะบอกไปยังไงดี ไม่ให้เกิดความลุ่มหลงในความดีที่ทำ ถ้าปรารถนาจะรู้ ลองไปฟังดู
... ตอนที่ ๔๒ สุขในวัฏสงสารเป็นเช่นใด
ความสุขของวัฏสงสาร เปรียบเหมือนการแสวงหา ให้ได้มาซึ่งข้าวปลาอาหารมากิน มีความสุขเมื่อได้กิน แตก็เป็นความสุขชั่วคราว เดี๋ยวก็หิวอีก ต้องหามาใหม่ ความสุขของวัฏสงสาร เป็นเช่นนั้น
...ตอนที่ ๔๑ ชีวิตคืออะไร *****
ชีวิตเกิดมาจากไหน แท้ที่จริงชีวิตมีจริงหรือไม่ ไขปัญหาข้องใจ ชีวิตคืออะไร
...ตอนที่ ๔๐ อธิษฐานกับการวิงวอนขอ
การไปขอพร วิงวอนร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บันดาล แตกต่างจากอธิษฐานบารมี ที่ต้องทำเหตุที่ดีเอาไว้แล้ว ค่อยอธิษฐานให้เป็นไป ตามที่ปรารถนา
บุคคลผู้ที่หลงโลก ไม่เห็นภัยในวัฏสงสาร ในความตาย ความเจ็บ ความแก่ที่คืบคลาน เลยใช้ชีวิตเพลิดเพลินไปวันๆ ไม่รู้ความเป็นจริงของโลก จึงหาทางออกไปไม่ได้เลย
การจะแนะนำชี้ทางผู้ใด ให้เอาเหตุผล ความถูกต้องเป็นที่ตั้ง จิตมีความว่าง บอกอย่างวางเฉย โดยปราศจากอัตตาตัวตน ส่วนจะบอกได้ขนาดใด ให้ใช้ปัญญาพิจารณาดูเอา
...ตอนที่ ๓๗ ทำยังไงไม่ให้หลงในโลกทิพย์
ฝึกฝนจิตทำสมาธิ สามารถแยกจิตออกจากกาย ได้ไปพบเจอว่าตนเป็นเทพผู้ใหญ่ มีทิพย์สมบัติ วิมานเวียงวัง บริวารมากมาย จะทำยังไงไม่ให้หลงไป กับสิ่งที่เห็น ในสิ่งที่มี พระพุทธองค์ท่านทรงชี้บอกยังไง ลองไปฟังดู
...ตอนที่ ๓๖ จะตึงหรือหย่อนก่อนในการทำความดี
การทำความดี จะใหตึงไปก่อน ค่อยผ่อนไปสู่ทางสายกลาง หรือจะหย่อนไปก่อน จะทำแบบไหนดี มีคำตอบให้แล้วในคลิปนี้ ถ้ามีเวลาก็ขอเชิญรับฟัง
...ตอนที่ ๓๕ บททดสอบเรื่องคู่บารมี
การเวียนเกิดเวียนตาย ย่อมมีคู่ร่วมสร้างบุญสร้างบารมี สร้างความดีร่วมกันมา แต่ถ้าปรารถนาเข้าสู่พระนิพพาน จะต้องผ่านด่านคู่บารมี จะทำยังไงดี ถ้าต้องผ่านด่านนี้ ลองไปฟังดู
...ตอนที่ ๓๔ ประโยชน์ที่ได้จากคำตักเตือน
ถ้ามีบุคคลใด บอกสอนตักเตือนเรา ให้เข้าใจว่า สิ่งนั้นเป็นเครื่องเจียระไน คอยขัด คัดกรองดวงจิต ให้เข้าถึงความถูกต้องที่แท้จริง ถึงแม้พิจารณาเห็นว่า เราถูกต้องอยู่แล้วก็ตามที
...ตอนที่ ๓๓ เหตุใดจึงฟุ้งซ่าน
บุคคลที่ชอบฟุ้งซ่าน ฟุ้งไปในอดีต คิดไปในอนาคต ห่วงหน้าพะวงหลัง เป็นเพราะขาดสมาธิ เลยขาดสติ ไม่อยู่ในปัจจุบัน จิต่ตกเป็นทาสจากกรรมวิบาก และกิเลสตัณหา ชักพาให้เป็นไป
...ตอนที่ ๓๐ ความเชื่อในพระพุทธศาสนา
ความเชื่อในพุทธะ สอนให้ทุกดวงจิต รู้แจ้งตามความเป็นจริง ด้วยการพิสูจน์ นำมาปฏิบัติ ให้รู้ได้ด้วยตนเอง จนอยู่เหนือการเกิด อยู่เหนือความเชื่อทั้งปวง
...ตอนที่ ๓๑ เณรทำปาราชิก จะบวชพระได้ไหม
สามเณรเคยสร้างกรรมทำความผิด ถ้าเป็นพระสงฆ์เรียกว่าอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ จะบวชใหม่เป็นพระสงฆ์ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสิกขาบทใด ต้องพิจารณาหลายเหตุหลายปัจจัย ให้ท่านทั้งหลาย ลองไปฟังดู
...ตอนที่ ๓๒ ทำไมไม่หยุดการสร้างดวงจิต
ดวงจิตไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยธรรมชาติ ทำให้ก่อเกิด หรือกำเนิดขึ้นจากผู้มีบุญบารมี เมื่ออยู่ในวัฏสงสารนี้ล้วนเป็นทุกข์ แล้วให้ดวงจิตทั้งหลายเกิดมาทำไม ถ้าท่านสงสัยก็ลองไปฟังดู
ถึงจุดมุ่งหมายปลายทาง จะเหมือนกัน การเลือกใช้เส้นทางอาจแตกต่าง การแสดงธรรมไป จะให้มีคนเห็นด้วย หรือเห็นต่างออกไป มันขึ้นอยู่ที่สติปัญญา ความรู้ความเข้าใจของแต่ละบุคคล จึงควรเห็นเป็นธรรมดา
ดวงจิตคลุกเคล้ากิเลสตัณหา ทำให้เกิดกรรมขึ้นมา ทั้งดีและชั่ว ชอบทำสิ่งใด ทำให้มีจริตนิสัย ในรูปแบบของตน ดวงจิตจะไม่มีจริตนิสัย เมื่อชำระกิเลสตัณหา ละกายหยาบได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
ดวงจิตที่บริสุทธิ์ ดุจเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา ถูกเชื้อกิเลสตัณหาครอบงำ ทำให้เกิดการสร้างกรรมขึ้นมา ผลของกรรมทำให้ดวงจิต มีจริตนิสัยไปตามการกระทำ จริตจึงเกิดจากเชื้อกิเลสตัณหาและผลของกรรม
คงจะได้ยินกันบ่อยๆว่า การกระทำเช่นนั้น เช่นนี้ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แล้วกิจของสงฆ์ มันคืออะไร มันมีอะไรบ้าง ขอเชิญท่านทั้งหลาย ติดตามรับชม รับฟังได้เลย
...ตอนที่ ๒๕ ภิกษุณีในประเทศไทยมีอยู่ไหม
การจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ หรือพระภิกษุณี เมื่อได้บวชแล้ว ต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของศีล ที่ได้สมาทานเอาไว้ จึงจะเป็นการบวชที่สมบูรณ์ ไม่เกี่ยวกับประเทศ ขอบเขตภายนอกอื่นใดนั้นเลย
...ตอนที่ ๒๔ ปล่อยวางกับปล่อยปละละเลย***
การปล่อยปละละเลย เป็นการปล่อยให้เป็นไป ไม่สนใจในหน้าที่แห่งตน ขาดความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ต่างจากการปล่อยวาง ซึ่งทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในเหตุปัจจัยที่มี แต่ปล่อยวางในผลที่เกิดขึ้น ที่เป็นไป
...ตอนที่ ๒๓ หลงหรือไม่ เขาดูกันยังไง
ธรรมชาติของจิตทุกดวง ที่ยังไม่สามารถออกไปจากวัฏสงสาร ย่อมยังมีความลุ่มหลงเป็นธรรมดา การจะทำสิ่งใดขึ้นมา จะหลงหรือไม่ ถ้าไม่เบียดเบียนใคร ก็ให้ทำไป
...ตอนที่ ๒๒ การถอดถอนความยึดติด
บุคคล สิ่งของอันเป็นที่รัก ล้วนมีมา แล้วจากไป ตามเหตุตามปัจจัยที่เปลี่ยนไป จึงควรปล่อยวาง ละความยึดติดซึ่งกันและกันเอาไว้ แสวงหาหนทางที่ดี ที่จะทำตนให้พ้นทุกข์ แล้วค่อยกลับมา ฉุดช่วยให้บุคคลอันเป็นที่รักได้พ้นทุกข์ตาม
...ตอนที่ ๒๑ ธรรมะมีมากขนาดไหน*****
ธรรมะ คือธรรมชาติ มีขึ้นตั้งอยู่และดับไป จึงมีมากมายมหาศาล พระธรรม คือ คำสอนให้เห็น สิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ เรียนธรรมะให้จบได้ แค่รู้เหตุที่เกิด เหตุที่ดับในตน นำตนให้พ้นจากความทุกข์ เท่านั้นเอง
...ตอนที่ ๒๐ ยุคก่อนสมัยนี้กับสิ่งล่อตาหลอกใจ
ยุคสมัย จะมีสิ่งที่แตกต่างเพียงใด กิเลสตัณหามีอยู่ที่จิต กายใจ ก็จะมีสิ่งมาหลอกให้ลุ่มหลง หาทางออกจากความยึดติด ในสิ่งที่มี ที่เป็นไม่ได้อยู่ดี จึงไม่มีความแตกต่าง ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเลย
...ตอนที่ ๑๙ พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน
พระพุทธเจ้าเป็นผู้เข้าถึงว่าง ความไม่มีตัวตน ซึ่งอยู่ในทุกที่ทุกแห่งหน ผู้ที่จะพบพระองค์ได้ ต้องเข้าถึงความว่าง ปราศจากการมีตัวตนเช่นเดียวกัน
...ตอนที่ ๑๘ การออกบวช ต้องวางจิตยังไง
การบวชต้องคิดเสมือนว่า เราได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน มีหน้าที่หาทางดับการเกิด ดับเหตุของทุกข์ให้ได้ เมื่อสำเร็จธรรม ตามที่ปรารถนา ค่อยพิจารณาโปรดดวงจิตอื่น ให้พ้นทุกข์ตาม
...ตอนที่ ๑๗ ผิดพลาดมาในอดีต จะวางจิตยังไง
บุคคลที่ยังไม่พ้น จากอำนาจกิเลสตัณหา ยังไม่มีปัญญารู้แจ้งในทุกสิ่ง จะไม่เคยทำผิดเลย คงเป็นไปไม่ได้ ้จงปล่อย จงวางอดีตที่ผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เริ่มต้นทำความดีใหม่ ความดีที่ทำ จะหนุนนำจิต ให้พบทาง พบแสงสว่าง หลุดพ้นจากปัญหา หลุดพ้นจากความทุกข์ได้เอง
...ตอนที่ ๑๖ เจ็บป่วยไข้จะรักษาอย่างไร
ร่างกายที่เจ็บป่วย จะเนื่องด้วยพิษ ด้วยเชื้อโรค ธาตุขันธ์ที่เสื่อมไป หรือเป็นไป ตามผลของกรรม การรักษา จะต้องรู้ที่เหตุ และดับที่เหตุของความเจ็บไข้ แต่ถึงจะรักษาให้หายยังไง ท้ายที่สุดทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี
...ตอนที่ ๑๕ ทำไมต้องสร้างวัดไม่ปฏิบัติไปเลย
แต่ละบุคคลสร้างบุญบารมีมาแตกต่าง บางคนทำความดีจากภายนอกสู่ภายใน บางคนทำจากจิตใจ ออกสู่ภายนอก การสร้างวัดวา สร้างเสนาสนะเป็นการสร้างความดีจากภายนอก น้อมนำความดีสู่จิตใจ แล้วหนุนนำออกมาสร้างความดีภายนอกใหม่ เป็นวิถีทางแห่งการสร้างความดีเช่นกัน
...ตอนที่ ๑๔ เกิดจากปาฏิหาริย์หรือกรรม
อิทธิปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ จากผู้มีบุญมีบารมีก็จริง แต่ย่อมมาจากกรรม จากการ
กระทำทั้งนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้น อยู่นอกกรอบกฎของกรรมเลย
...ตอนที่ ๑๓ ใจมันดื้อเพราะอะไร
กิเลส ตัณหา กรรม ผลของกรรม ชักนำ ครอบงำให้จิตที่บริสุทธิ์ ต้องเพี้ยนแปรเปลี่ยนไป จะให้จิตให้ใจ ว่านอนสอนง่าย หันมาคิดทำความดี จึงเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย
..ตอนที่ ๑๒ กิเลสมีประโยชน์ไหม
เชื้อของกิเลส เชื้อของตัณหา จะไม่มีประโยชน์อะไร สำหรับผู้ที่ไม่มีพลังจิตที่เข้มแข็ง ขาดสติปัญญา ควรห่างกิเลสตัณหาให้ไกล แต่สำหรับผู้มีสติปัญญารู้ทันแล้วไซร์ สามารถเอากิเลสตัณหา มาพิจารณาเพื่อดับการเกิดได้เช่นเดียวกัน
...ตอนที่ ๑๑ หมดกำลังใจที่จะไปถึงพระนิพพาน
การแสวงหาหนทาง หาแสงสว่างปลายอุโมงค์ เพื่อออกจากถ้ำที่มืดมิด ยิ่งหายิ่งเหนื่อย ยิ่งท้อ จึงขอฟังธรรม จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้มีสติมีปัญญา เกิดกำลังแรงใจ จะไปให้ถึงความสำเร็จ ถึงซึ่งพระนิพพาน
...ตอนที่ ๙ การปกป้องพุทธศาสนา
การปกป้องพุทธศาสนา ให้น้อมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาประพฤติปฏิบัติตาม จนสำเร็จ พ้นทุกข์เมื่อใด ให้นำคำสอนที่ได้พิสูจน์ เห็นแจ้งด้วยตนเองแล้วนั้น เผยแผ่ออกไป พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง ได้รับการปกป้องอย่างแท้จริง
...ตอนที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าใหญ่กว่า
ผู้ที่ชนะกิเลสตัณหา สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วนั้น ไม่ควรเอาท่านมาเปรียบเทียบสูงต่ำ ตามกิเลสตัณหาแห่งตน จะทำให้เป็นบาปอย่างมาก จนไม่สามารถเข้าถึงความดีที่แท้จริงได้ จึงไม่ควรทำเช่นนั้นเลย
มีข้อสงสัยว่า ทำไมต้องทำดี ทำดีแล้วได้อะไร ทำความดีไปแล้ว จะเป็นยังไง เรามาคลายข้อสงสัยนี้ ไปพร้อมกับพระยาธรรม ที่ได้เข้าเฝ้าทูลถามธรรมนี้กับพุทธองค์
... ตอนที่ ๖ เหตุที่จะทำให้พุทธศาสนาเสื่อมไป
ศาสนาพุทธจะเสื่อมไปจากโลก เกิดจากการหมดรอบ ของการตั้งศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ เพียงสาเหตุเดียว แต่บางยุคบางช่วงก็จะเสื่อมไปหรือเจริญขึ้น เกิดจากการปฏิบัติของชาวพุทธเอง ส่วนบุคคลนอกศาสนา จะทำให้พุทธศาสนาเสื่อมไป มีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
...ตอนที่ ๗ สิ่งที่จะทำให้พุทธศาสนาเจริญ
พระพุทธศาสนา มีพระรัตนตรัย คือ องค์พระพุทธ ตรัสรู้ชอบดีแล้ว ได้ให้พระธรรมคำสอนเป็นแผนที่การบอกทาง ให้แก่พระสงฆ์ได้ศึกษาปฏิบัติตาม จนรู้แจ้งสำเเร็จธรรม พ้นทุกข์ได้แล้ว จึงได้่นำพระธรรมไปเผยแผ่ แก่อุบาสกอุบาสิกา ฆราวาสได้รู้ทางแล้วเดินตาม พุทธศาสนาจึงจะเจริญรุ่งเรือง
...ตอนที่ ๔ ศาสนาพุทธจะเสื่อมไหมในยุคนี้
ช่วงนี้ เห็นความวุ่นวายในศาสนา กลัวว่าศาสนาจะเสื่อมไป พระยาธรรมจึงได้เข้าเฝ้า ทูลถามองค์พระศาสดา พระองค์ให้คำตอบมา ให้คลายสงสัย ท่านตรัสว่าอย่างไร ให้ท่านทั้งหลายฟังกันเอาเอง
...ตอนที่ ๓ ใครคือผู้รู้ในพุทธศาสนาที่แท้จริง
การจะเป็นผู้รู้ในพุทธศาสนา จะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติตาม คำสอนขององค์พระศาสดา จนสามารถดับกิเลสตัณหา เข้าถึงความเป็นอริยบุคคล สำเร็จผลเป็นพระอรหันต์ จึงจะถือว่าเป็นผู้รู้ที่แท้จริง
...ตอนที่ ๒ การรักษาศีลที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
การที่จะรักษาศีลให้ได้ดี ต้องมีธรรมคำสอนของพุทธเจ้า ประกอบเข้าในการักษา มีสมาธิ มีสติปัญญา จึงจะรักษาศีล ไม่ให้ตึงไม่ให้หย่อน อยู่ในทางสายกลาง จึงจะสามารถนำไปชำระกิเลส
...ตอนที่ ๑ แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
สิ่งใดเป็นเครื่องตัดสินว่า แนวทางที่เราประพฤติปฏิบัติถูกต้อง ดีงามแล้ว ให้ดูที่เราปฏิบัติมา แล้วมันก้าวหน้าไปทางใด กิเลสตัณหาลดลงไปบ้างหรือเปล่า ปฏิบัติมานานแล้วพ้นทุกข์บ้างหรือยัง สิ่งเหล่านี้ ก็จะเป็นเครื่องชี้วัด ว่าเราปฏิบัติในแนวทางที่ถูกต้องหรือยัง สำหรับตัวเราเอง
...ตอนที่ ๕๓ ทำไมไม่ถึงพระนิพพานซะที
ฝึกฝนให้ตนเป็นคนดี มาหลายปี ทำไมยังไม่ถึงความพ้นทุกข์ซะที จะให้ทำอีกกี่เดือน กี่ปี ความดีจึงจะทำให้ถึง ซึ่งฝั่งพระนิพพาน เป็นปัญหาที่คาใจ สนใจอยากรู้ลองไปฟังดู
...ตอนที่ ๕๔ ไม่ชอบเสียงพระยาธรรม
การแสดงธรรมที่ผ่านมา มีเสียงเด็กพูดไม่ชัด ดัดเสียงทำไม ทำไมไม่พูดแบบธรรมดา เหมือนคนทั่วไป เป็นเพราะเหตุอันใด ลองไปฟังคลิปนี้ จะไขข้อข้องใจ ให้ท่านทั้งหลายได้รับฟัง
พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านทั้งหลาย ล้วนหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา จึงไม่มีความชอบใจ หรือไม่ชอบใจ ไม่มีความรำคาญในสิ่งใด ผู้ที่ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ รำคาญในเสียงธรรม จึงเป็นเรื่องธรรมดา
...ตอนที่ ๕๖ แสวงหาความสุขอันจอมปลอม
รู้ว่าเป็นหนี้ไม่ดี แต่แสวงหา มีใครให้กู้หรือเปล่า รู้ว่าตอนตายเอาทรัพย์สินไปไม่ได้ แต่ก็ยังดิ้นรนให้ได้มาครอง รู้ว่าความรักทำให้เป็นทุกข์ แต่ยังอยากจะมีรัก มันเป็นเพราะอะไร พระพุทธองค์จะไขปัญหาที่คาใจ
...ตอนที่ ๕๗ ทำความดีทำไมยังไม่ได้ดี
ทำความดีมาตั้งนาน ทำบุญทำทาน ช่วยงานวัดงานวา รักษาศีล สวดมนต์ บางคนก็ออกบวช แต่ความดียังไม่ปรากฏ เป็นเพราะเหตุอันใด พุทธองค์จะไขปัญหาคาใจ ให้พวกเราได้ฟังกัน
พระยาธรรมิกราชนิมิตประหลาด เห็นเรื่องราวของยักษ์กับเทวดา เกิดศึกชิงรักหักสวาทแย่งภรรยา จึงได้มาทูลถามแก่พุทธองค์ ถ้าท่านปรารถนาทราบเรื่องราว จะเป็นยังไง ลองไปติดตามฟังดู
..ตอนที่ ๕๙ การเห็นจิต *****
เมื่อจิตตื่นขึ้นด้วยพลังพุทธะ ก็จะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกาย ในใจ ในจิต แยกส่วนออกจากกัน จิตจะเป็นผู้รู้ ผู้เห็นอยู่ ผู้เบิกบาน สิ่งใดที่กระทบ เคลื่อนไหวไปทางใด จะมีสติรู้รอบและรู้ทัน ส่วนรายละเอียดนั้น ขอเชิญฟังธรรม
...ตอนที่ ๖๐ จะสอนให้ดูจิตแบบไหนดี ****
การเป็นผู้บอกทางความพ้นทุกข์ จะบอกแบบไหนดี การดูจิตจะสอนแบบไหน สอนได้ทุกคนไหม พิจารณาดูได้จากอะไร เมื่อเกิดปัญหา พระยาธรรมจึงเข้าเฝ้า ขอให้พุทธองค์ไขปัญหาที่คาใจ
...ตอนที่ ๖๑ สงสารคนที่ทำไม่ดีกับพระอริยเจ้า
เปลือกที่หุ้มห่อกาย ไม่สามารถแยกแยะ และมั่นหมายว่าเป็นเช่นใด ตามสติปัญญาแห่งตน จึงไม่ควรไปตัดสินใคร และทำสิ่งใดที่ไม่ดีกับใคร เพราะสิ่งที่กระทำไปนั้น มันมีตัวคูณให้ ถ้าเผลอไปทำไม่ดีกับพระอรหันต์เข้าให้ อาจจะต้องชดใช้ ร้อยชาติพันชาติ ยังไม่พ้นบ่วงกรรม
...ตอนที่ ๖๒ บวชแบบไม่ได้ตั้งใจหวังไปนิพพาน
การออกบวชในพุทธศาสนา มีเจตนามุ่งหมายที่แตกต่าง บางคนบวชแก้บนบ้าง บางคนบวชตามประเพณี บางคนก็บวชเพราะเจ็บป่วยไข้ บางคนบวชเพราะอยู่ทางโลกเอาดีไม่ได้ หลายเหตุผลต่างกันไป เมื่อบวชแล้ว ถ้าตั้งใจ ไม่ใช่จะไปนิพพานไม่ได้ ครูอาจารย์ควรสอนสั่งธรรมไป ด้วยความเมตตา
หลวงปู่องค์นี้ หลวงพ่อองค์นั้น ครูบาอาจารย์บางท่าน ได้สร้างสายธรรมเอาไว้ มีการปฏิบัติหลายแบบหลายสาย จะเลือกปฏิบัติธรรมอย่างไรดี จึงจะเข้าถึงพระนิพพานโดยง่าย พระยาธรรมจึงทูลขอต่อพระพุทธองค์ ให้ไขปัญหาที่คาใจ
การแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์อะไร ในสิ่งที่รู้ ในสิ่งที่คิดว่ารู้ ทั้งในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ อาจจะมีผลกรรมตีกลับ มาให้รับผลมากมาย ทำไปโดยประมาท พลาดพลั้งอันตราย อาจถึงขั้นต้องตายจาก พลัดพรากจากความดี
...ตอนที่ ๖๕ จะกลับก็ไม่ได้ จะไปก็ยังไม่ถึง
เดินทางมาตั้งไกล หันหลังกลับไป ก็ร้อนรุ่มกลุ้มใจ เพราะเคยทุกข์ เคยยาก เคยผ่านมันมาแล้ว จะเดินหน้าต่อไป ก็ไม่รู้จะถึงเมื่อใด จะกลับก็ไม่ได้จะไปต่อก็ยังไม่ถึง จึงเป็นสภาวธรรมที่พระยาธรรม ได้เข้าเฝ้าทูลขอฟังธรรรมจากพุทธองค์
...ตอนที่ ๖๖ สภาวธรรมของดวงจิต *****
จิตคือความว่างที่มีชีวิต จิตที่ไม่หลุดพ้น คือความว่างที่ไม่รู้ตน ว่าตนคือความว่าง ก็เลยยึดเอาถือเอา สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของตน เลยพลอยสุขพลอยทุกข์กับสิ่งที่ไม่เที่ยง ส่วนสภาวธรรมของจิต ที่ละเอียด ลึกซึ้งเป็นยังไง ลองไปฟังธรรมนี้ดู
...ตอนที่ ๖๗ จิตว่างแบบพุทธะ *****
คิดว่า ว่าง ว่าง ว่าง ทุกอย่างนิพพานอยู่แล้ว จะถึงพระนิพพานได้ไหม ได้ แต่ถึงแค่คิดเอา นั่งสมาธิให้ถึงความว่าง จะให้ถึงพระนิพพานได้ไหม ได้ แค่นิพพานพรหม ผ้าหม่ยังไม่ซัก บอกว่าให้หายเหม็น คงเป็นไปไม่ได้ การว่างอย่างพุทธะ ไม่ใช่ว่างอย่างคิดเอา ปรารถนาที่จะรู้เป็นยังไง ควรไปฟังเอา
...ตอนที่ ๖๘ จิตของผู้รู้แจ้งโลก *****
การที่ดวงจิตได้หนึ่ง ได้สร้างความดี จนถึงที่สุดของความดี เป็นผู้รู้แจ้งโลก เข้าใจในโลก เข้าใจในวัฏสงสาร แต่เขารู้แบบไหน เขาเห็นแบบไหน อันนี้ มีรายละเอียดเป็นยังไง พระพุทธองค์จะไขปัญหา ให้ได้ฟังกัน
...ตอนที่ ๖๙ แยกจิตออกจากกรรม *****
ดวงจิตที่หลุดพ้น จากกิเลส ตัณหา ด้วยการกระทำตามศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา เมื่อรู้ตื่นแล้ว จิตจะไม่ใช่ตื่นด้วย อำนาจของศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา แต่จะรู้ตื่น เบิกบาน ด้วยสภาวธรรมของจิตเอง ธรรมนี้ ละเอียดอ่อนยิ่งนัก พึงพิจารณาให้จงดี จะได้ไม่งง และหลงทาง
...ตอนที่ ๗๐ จิตที่หลุดพ้นกลับมาในวัฏสงสาร
ดวงจิตทั้งหลายที่หลุดพ้น จากการเวียนว่ายตายเกิดแล้วนั้น จะกลับมาในวัฏสงสารได้ไหม หรือสูญสลายหายไป มีสภาวธรรมเป็นยังไง ลองไปฟังกัน พระพุทธองค์จะไขปัญหาคาใจ ให้พระยาธรรมและพวกเราได้ฟังกัน
...ตอนที่ ๗๑ นั่งสมาธินานๆนิพพานได้ไหม *****
มีบางคนหรือหลายคน อาจจะมีความสงสัย หรือข้องใจในการทำความดี ว่าถ้าปรารถนาความสำเร็จของจิต สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เราจะต้องทำสมาธิให้ได้นานๆ โโยไม่ต้องทำสิ่งอื่นใด จะเข้าถึงพระนิพพานได้ไหม พุทธธรรมตอนนี้ จะไขปัญหาที่คาใจ
ชีวิตของคนเรา เปรียบเสมือนการเล่นต่อจิ๊กซอว์ ถ้าต่อถูกก็หาชิ้นอื่นมาต่อใหม่ ชีวิตก็ดำเนินต่อไป ถ้าต่อผิด ชีวิตไม่รู้จะเดินไปทางไหน จะเป็นผู้ชนะหรือแพ้ แค่ต่อผิดหรือถูก แค่นั้นเอง
...ตอนที่ ๗๓ สิ่งใดที่จะไม่ทำให้จิตหลงทาง *****
ถ้าจิตยังไม่รู้ตื่น จะปล่อยศีล ธรรม สมาธิ ปัญญาไปไม่ได้ การทำความดี ละความชั่วทั้งหลาย ก็ต้องทำต่อไป จนจิตพ้นถึงฝั่งพระนิพพาน
...ตอนที่ ๗๔ พระนิพพานยากหรือง่าย
ผู้ที่คอยชี้บอกทางผู้อื่น ให้เดินไปสู่ความพ้นทุกข์ จนถึงฝั่งพระนิพพาน จะบอกว่าหนทางมันไปยาก หรือง่าย จึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในการบอกทาง
...ตอนที่ ๗๕ จิตที่เกิดใหม่กับจิตพระอรหันต์
ดวงจิตที่เกิดใหม่บริสุทธิ์แบบไหน มีความแตกต่างอย่างไร กับดวงจิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สำเร็จธรรมเป็นพระอรหันต์ เป็นปัญหาที่คาใจที่พระยาธรรมิกราช ได้เข้าเฝ้าทูลถามต่อพระพุทธองค์
...ตอนที่ ๗๖ การเติมพลังจิต ***
ในโลกใบนี้ มีพลังงานสองอย่าง คือ พลังงานที่ดี ที่เป็นพลังบวก และพลังงานที่ไม่ดี ที่เป็นลบ การเติมพลังให้แก่จิต แค่คิดดี พูดดี ทำดี ก็เป็นเหตุให้จิตได้รับพลังแล้ว ถ้าปรารถนารู้วิธี ลองไปฟังดู
...ตอนที่ ๗๗ ใครสุขใครทุกข์ *****
เราคือใคร ใครคือเรา สุขทุกข์เกิดมาจากอะไร ใครเป็นคนทำ พิจารณาแยกแยะให้เข้าใจ ขจัดต้นเหตุที่เกิดให้ได้ จะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น รู้แจ้งในโลกและจักรวาล
...ตอนที่ ๗๘ พระอรหันต์ดำรงตนในโลก
การดำรงชิวิตอยู่ในโลกของผู้สำเร็จจิต สำเร็จธรรม เป็นพระอรหันต์ ท่านดำรงอยู่แบบไหน ยังรู้จักเปรี้ยวหวาน มันเค็ม หรืออย่างไร รู้จักกลิ่นหอม เสียงเพราะอยู่ไหม พระยาธรรมจึงได้ ไขปัญหาคาใจกับพุทธองค์
...ตอนที่ ๗๙ ตายในฌานนิพพานทุกคนไหม
การจะนิพพานได้หรือไม่ เหตุจากการดับกิเลส ตัณหา การตายในท่าใด อริยาบถใด ยังสรุปไม่ได้ว่า จะไปพระนิพพาน สนใจในรายละเอียด เชิญรับฟังธรรมได้ จากพุทธองค์
...ตอนที่ ๘๐ พระร่างไม่เน่า เป็นพระอรหันต์ไหม
การที่จิตปล่อยร่าง วางทิ้งไว้ในโลก กายไม่เน่า กายไม่เปื่อย จะสรุปว่า จิตสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ไหม เป็นคำถามที่พระยาธรรมิกราช เข้าทูลถามปัญหาที่คาใจ ต่อพุทธองค์
...ตอนที่ ๘๑ พระธาตุกับการเป็นพระอรหันต์
ร่างกายที่กลายเป็นพระธาตุ จะประกาศความเป็นพระอรหันต์ได้ไหม มันก็ไม่แน่เสมอไป มันมีเหตุมีปัจจัยหลายประการ จะเป็นพระอรหันต์หรือไม่นั้น มันอยู่ที่จิตใจ ละจากกิเลสได้หรือไม่ เท่านั้นเอง
...ตอนที่ ๘๒ ทำความดีมีมารมาขัดขวาง
พระยาธรรมิกราชสงสัย ว่าทำไมเวลาทำความดี ถึงมีมารมากีดขวาง การทำความดี จึงได้เข้าเฝ้าทูลถามต่อพุทธองค์ ท่านตอบให้คลายสงสัย ขอเชิญท่านทั้งหลาย รับฟังธรรม
...ตอนที่ ๘๓ รำคาญใจเมื่อเห็นใครทำไม่ดี
พระยาธรรมิกราชสงสัยว่า เมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องราว เห็นใครเขาทำไม่ดี ทำไม่ถูกต้อง ทำไมเรายังรู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจ จะต้องทำยังไง ถึงจะไม่รู้สึกเช่นนั้น จึงได้ทูลถามต่อพุทธองค์ ให้หายคาใจ
...ตอนที่ ๘๔ กลัวชีวิตจะมีอุปสรรคปัญหา
ชีวิตไม่รู้ว่าลิขิตมายังไง สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ในทางที่ดี จะอยู่ได้นานขนาดไหน สิ่งที่ไม่ดีจะมาถึงเมื่อไร คิดมาแล้วเป็นทุกข์ใจ พระยาธรรมจึงได้เข้าเฝ้าพุทธองค์ให้ทรงเมตตา ชี้ทางสว่างให้คลายปัญหาที่คาใจ
... ตอนที่ ๘๕ ผู้มีบุญเกิดมาพร้อมความสำเร็จ
การที่โพธิสัตว์ หรือเทพผู้ใหญ่ ผู้มีบุญบารมีที่เป็นดวงจิตพิเศษ เกิดมาบนโลก ชีวิตจะถูกลิขิตให้เป็นไป ไว้แล้วหรือเปล่า หรือจะเป็นแบบไหน เป็นปัญหาคาใจของพระยาธรรม
...ตอนที่ ๘๖ การชำระกิเลสตัณหาให้หมดไป
พระยาธรรมิกราชสงสัย วิธีการที่จะทำให้กิเลสให้หมดไป จะต้องรู้อะไร จะต้องทำยังไง จึงจะเป็นเหตุให้กิเลสหมดไป จึงขอให้พระพุทธองค์ทรงบอกทาง
...ตอนที่ ๘๗ พระอรหันต์เป็นอย่างไร
พระอรหันต์ต้องเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ต้องไม่คิดไม่ทำอะไร เหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ ดูเหมือนหุ่นยนต์ ความเป็นจริงพระอรหันต์เป็นอย่างไร พระพุทธองค์จะไขข้อข้องใจ ให้ได้รับฟังกัน
... ตอนที่ ๘๘ การบอกอานิสงส์ความดีไม่ให้หลง ****
บุคคลผู้ไม่รู้หนทาง ไม่เคยไปหรือยังไปไม่ถึง การจะชี้บอกหนทางใคร ย่อมโอกาสชี้ให้หลงทาง การที่มีบุคคลใดทำความดี จะบอกอานิสงส์ความดีอย่างไร จึงทำให้ไม่หลง ในการทำความดี จึงอยู่ที่ผู้ชี้บอกทาง
...ตอนที่ ๘๙ สวดบารมีสามสิบทัศปราบมาร
การสวดบารมีสามสิบทัศอาจจะปราบมารภายนอกได้ แต่ถ้าจะปราบมารภายใน ที่ครอบงำจิต กาย ใจ จะต้องปราบด้วย ศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา เป็นหัวข้อสนทนา ที่พระยาธรรมได้เข้าเฝ้าทูลถามต่อพุทธองค์
...ตอนที่ ๙๐ อาจารย์ควรมีญาณรู้หรือเปล่า
หมอควรมีจะรู้ ในอาการเจ็บป่วยของคนไข้ ครูบาอาจารย์ควรจะรู้จิตใจของลูกศิษย์ ว่ามีกิเลส มีตัณหาอะไร ควรจะชี้บอกแบบไหน ส่วนรายละเอียดขอให้ไปฟังดู
...ตอนที่ ๙๑ จิตแต่ละดวงมีสภาวะเหมือนกันไหม
แท้ที่จริงแล้ว ดวงจิตของมนุษย์ ดวงจิตของภูมิต่างๆ มีสภาวะที่เหมือนกัน ที่เห็นแตกต่างไปนั้น เกิดจากสิ่งปกคลุมอยู่ภายนอก จากกิเลสตัณหาครอบงำ เกิดจากกรรมวิบากที่ทำไว้ จึงไม่ควรเพ่งโทษใคร ดีหรือชั่ว อยู่ที่รู้ หรือยังไม่รู้ แค่นั้นเอง
...ตอนที่ ๙๒ การช่วยแก้ปัญหาอย่างพุทธะ
ดวงจิตที่ยังไม่เป็นผู้รู้แจ้ง ย่อมทำผิดทำพลาดไป ด้วยความลุ่มหลง จนเกิดกรรม เกิดผลของกรรมขึ้นมา ทำให้เกิดปัญหาชีวิต ถ้าเราเป็นครูอาจารย์ จะช่วยแก้ไขปัญหายังไง จึงจะไม่กระทบกลับมา เป็นการแก้ไขปัญหาอย่างพุทธะ พระยาธรรมเป็นผู้ถาม พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตอบ เราเป็นผู้ฟัง
...ตอนที่ ๙๓ นำความดีงามของศาสนามาหากิน
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีพลังพุทธบารมี ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา แต่นำมาสร้างกติกา หาผลประโยชน์ให้แก่ตนและพวกพ้อง จะมีผลกรรมเช่นใด และเมื่อเราไปเห็น จะวางจิตยังไง พระพุทธองค์ทรงไขปัญหา ให้ปัญญาหายคาใจ
...ตอนที่ ๙๔ ทุกอย่างคือบททดสอบ *****
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ท้องฟ้าจะมืดมิด หรือแจ่มใส เป็นสิ่งที่น่าพอใจ ไม่น่าพอใจ ข้าวจะรวงใหญ่ หรือรวงเล็ก ล้วนเป็นบททดสอบทั้งนั้น ส่วนการจะต้องทำยังไง พระยาธรรมิกราชได้ไขคำตอบจากพุทธองค์ ลองไปฟังดู
...ตอนที่ ๙๕ เหตุที่เป็นเช่นนั้นภูมิหลังของดวงจิต(หาเหตุให้เจอ)*****
การที่ต้องหวนกลับไป ในสถานที่ใด การต้องเกิดมาอยู่ที่ไหน การต้องวนไปเจอกับใคร ย่อมมีเหตุให้เป็นเช่นนั้น แล้วจะให้ทำอย่างไรต่อไป ควรไปฟังธรรมจากพระพุทธองค์ จะทรงชี้บอกทาง
...ตอนที่ ๙๖ ทำไมตายแล้วไม่ไปเกิด
การเดินทางของพระยาธรรม ในรอบของการแผ่เมตตาปรับภพภูมิ ให้ดวงจิตทั้งหลายที่ซ้อนภูมิกันอยู่ในโลก ให้ได้รับความสุข จึงได้มีปัญหาคาใจ ว่าดวงจิตทั้งหลายที่ตายไป ทำไมยังไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์ จึงได้ทูลถามต่อพระพุทธองค์ ให้หายคาใจ
...ตอนที่ ๙๗ การเดินทางแผ่เมตตาปรับภพภูมิ
พระยาธรรมิกราชได้เดินทางแผ่เมตตา ช่วยเหลือปรับภพภูมิ แต่ก็ยังมีความสงสัยว่า จะปรับดวงจิตในภูมิต่างๆได้อย่างไร จึงเข้าเฝ้าทูลถามปัญหาคาใจ พระพุทธองค์จึงได้เปิดโลก แสดงธรรมให้ภพภูมิทั้งหลายให้ได้ฟังกัน
...ตอนที่ ๙๘ คนรอบข้างเป็นมารออกบวช
เมื่อปรารถนาออกบวช ประพฤติปฏิบัติบำเพ็ญ คนที่เกี่ยวข้องเป็นครอบครัว มีความคิดความเห็นที่แตกต่าง เป็นอุปสรรคในการบวช พระยาธรรมจึงสงสัยว่า บุคคลเหล่านั้นเป็นมาร หรือเปล่า จึงได้เข้าเฝ้าทูลถาม ไขปัญหาคาใจกับพระพุทธองค์
...ตอนที่ ๙๙ ความดีออกดอกออกผล
พระยาธรรมสงสัย ทำไมเวลาทำกรรมฐาน จิตจึงสงบนิ่งในทันที ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะอะไร จะต้องฝึกฝนต่อไป อีกมากน้อยเท่าใด จึงจะสำเร็จผลในสิ่งที่ดี
...ตอนที่ ๑๐๐ ผู้กอบกู้โลกกับผู้กอบกู้ธรรม
กอบกู้โลกกอบมาแล้ว ต้องเหนื่อยหนักกับการักษาเอาไว้ กอบกู้ธรรมกอบไว้แล้วปล่อยวาง เห็นทุกอย่างเป็นธรรมดา ไม่ต้องเหนือ่ยต้องหนักอีกต่อไป รายละเอียดเป็นอย่างไร ขอเขิญฟังธรรมจากพุทธองค์
...ตอนที่ ๕๒ บททดสอบของครอบครัว
บุคคลที่ปรารถนา หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ไปสู่พระนิพพาน จะมีการสอบความยึดติดในครอบครัว ซึ่งจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป จะเป็นแบบไหน ก็ต้องสอบผ่านให้ได้ ในบททดสอบของครอบครัว