ธรรมะเปิดโลก
พระยาธรรมิกราช พุทธโอวาทกึ่งพุทธกาล 113 วิดีโอ
บ่วงแห่งความทุกข์มีอยู่สองเส้น คือ ความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง และ กฎแห่งกรรม ที่ทำให้ดวงจิตถูกมัดไว้ ให้จมอยู่กับความทุกข์ การจะแก้ปมความทุกข์ ต้องยอมรับความจริง เห็นสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงเป็นธรรมดา ไม่สร้างความชั่ว สร้างแต่ความดี ปมแห่งความทุกข์ ก็จะสลายคลายออกจากจิต ได้พบกับความสุขอย่างแท้จริง
การเกิดเป็นเหตุให้ต้องดิ้นรนแสวงหา ในทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของ มาเพื่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้เกิดทุกข์ ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย พลัดพราก สูญเสีย สิ่งที่รักที่พอใจ บุคคลที่รักที่พอใจ ทำให้เกิดทุกข์ ฉะนั้น จงหาทางดับความทุกข์ ด้วยการดับการเกิด ดับเหตุของความทุกข์ทั้งหลาย ก่อนที่จะหมดเวลาในการเกิดมาในครั้งนี้เถิด
การทำทานเป็นการหยิบยื่นแบ่งปัน ในสิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์ เกิดความสุขแก่ผู้อื่น และทำให้ตนได้ละความยึดติด ลุ่มหลง ในข้าวของ ในสิ่งที่มี ทำให้พบกับความสุข เป็นการก้าวไปสู่ความพ้นทุกข์
ศีลเป็นกรอบของการทำความดี ละเว้นความชั่ว เว้นจากการเบียดเบียนซึ่งตน และผู้อื่น ศีลจึงเป็นกติกาของคนดี ที่ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
วัดวาอารามไม่ใช่สุสานคนเป็น นักบวชผู้บำเพ็ญคือผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ฉะนั้น จงแบ่งเวลาเพื่อประพฤติปฏิบัติ ให้เห็นทางแห่งความพ้นทุกข์เถิด
ผู้มีปัญญาธรรม คือผู้ที่มีแสงสว่าง ทำให้รู้แจ้ง เห็นจริง ในสรรพสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ทำให้ไม่ลุ่มหลง ไม่ยึดติดในสิ่งใด เกิดการปล่อยวาง ทำให้พ้นจากความทุกข์
ชีวิตเป็นสิ่งไม่เที่ยง ต้องรีบเร่งขวนขวายความดี ด้วยความตั้งใจ ขยันหมั่นเพียร อดทน เพื่อให้เกิดความสำเร็จ ให้จิตหลุดพ้นจากความทุกข์
ตอนที่ ๒๙ ระดับความรู้ในทางธรรม
ชาวโลก คือผู้ที่ปรารถนาความสุขจากโลก มีความสุขที่ได้ทรัพย์สินทอง ข้าวของ มีความสุขที่ได้จากหน้าที่ ตำแหน่งการงานที่ดี มีความความสุขที่ได้คำสรรเสริญ ชาวโลกปรารถนาให้สิ่งที่ดี ที่พอใจให้อยู่ตลอดกาล ตลอดสมัย แต่ท้ายที่สุด ก็ต้องเจอความทุกข์ เพราะสรรพสิ่งไม่เที่ยง เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาของชาวโลก
คนสามารถที่จะเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือเลือกที่จะเป็น สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน คนเลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำ เป็นได้ทุกอย่าง ตามการกระทำของคน
ตอนที่ ๓๒ ผู้ให้ธรรมคำสอนที่ไม่เป็นทุกข์
การให้ธรรมะเช่นใดถึงจะไม่ทุกข์ในภายหลัง ก่อนให้ได้พิจารณาโดยแยบคายแล้ว หลังการให้ได้ปล่อยวาง จึงจะไม่เจอกับความทุกข์
ปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา ทำสิ่งใดย่อมได้รับสิ่งนั้น ทำทานไม่รักษาศีล ภาวนา อาจจะตกไปอยู่ในอำนาจของทรัพย์สินเงินทองที่ได้มา ด้วยผลของทาน สวดมนต์ ภาวนา แต่ไม่ทำทาน ปรารถนาความร่ำรวย จึงเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้น ทำความดีขอให้ทำครบทุกอย่าง จึงจะไม่ขาดในสิ่งใด ที่ทำให้ต้องเจอกับความทุกข์
ศีลเป็นกรอบของความดี ไม่ให้ไปล่วงละเมิดเบียดเบียน ให้ตนและผู้อื่นเป็นทุกข์ การจะเป็นผู้มีศีล ต้องได้สมาทานละเว้นความชั่ว อย่างน้อยศีลห้าขึ้นไป และรักษาไว้ได้ไม่ล่วงละเมิดในข้อห้าม ที่ได้สมาทานไว้แล้ว การจะขาดจากศีล ขึ้นอยู่ที่เจตนา ตั้งใจเบียดเบียน จึงจะเป็นผู้ขาดศีล
ตอนที่ ๒๕ ผู้มีธรรม ผู้รู้ธรรม
ธรรมคือแผนที่การบอกทาง ในการเดินทางของดวงจิต เข้าสู่ความพ้นทุกข์ จะเป็นผู้มีธรรมได้ ก็ต่อเมื่อได้ประพฤติปฏิบัติตามธรรมคำสอนนั้น การที่จะเป็นผู้รู้ธรรม ก็ต้องเป็นผู้ปฏิบัติให้เข้าถึงธรรม สำเร็จในธรรมนั้น จึงจะเป็นผู้รู้ธรรมอย่างแท้จริง
การที่มีสมาธิ คือการที่จิตมีความสงบ เย็น ไม่สับสนวุ่นวายในสิ่งใด จะมีสมาธิที่แท้จริงได้ ต้องมีอยู่ในทุกขณะจิต ในการกระทำ ไม่ว่าจะยืน เดิน นอน นั่ง หรือ ร่างกายจะขยับทำสิ่งใด จิตต้องนิ่งสงบ ไม่ขยับ กระเพื่อมไปตามการกระทำของกาย
ตอนที่ ๒๗ ผู้มีปัญญาทางโลก ผู้มีปัญญาทางธรรม
ผู้มีปัญญาทางโลก จะฉลาดรอบรู้ในเรื่องของทางโลก แต่ยังไม่สามารถที่นำตนให้พ้นจากความทุกข์นั้นได้
ผู้มีปัญญาในทางธรรม เป็นผู้รู้ถึงความทุกข์ที่มีในการเกิด รู้วิธีดับการเกิด และทำการดับการเกิดนั้นได้ จึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีปัญญาอย่างแท้จริง
ตอนที่ ๒๘ การปล่อยวางที่ถูกต้อง
การปล่อยวางไม่ได้ปล่อย ที่การกระทำ ไม่ได้ปล่อยหน้าที่ แต่ปล่อยวางที่จิต ไม่ดิ้นรนขวนขวายจนเกินพอดี ทำจิตให้สบาย ทำใจให้สงบ ไม่กังวลสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ทำไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยากได้ อยากมี อยากเป็น จนเกินพอดี ทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดี จึงจะเป็นการปล่อยวาง ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง
การเกิดมาเป็นคน เหมือนเป็นพ่อค้า ทรัพย์สิน ข้าวของทั้งหลายที่หามาได้ ที่มีอยู่เป็นต้นทุน ต้องนำออกมาทำการค้า เพื่อหากำไร สร้างประโยชน์ ก่อนที่สินค้าทั้งหลาย จะหมดอายุและเสื่อมไป ตามกาลเวลาของมัน สิ่งที่มีที่เป็นก็จะหายไป ไม่สามารถนำไปได้เป็นการร่ำรวยของปลอม
กฏที่คุมไว้ในวัฏสงสาร คือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง มีขึ้นตั้งอยู่ และดับไป ทำสิ่งใดไว้ต้องรับผลของการกระทำ ฉะนั้น การทำความดี จะนำพาให้เราเจอสิ่งที่ดี พ้นจากความทุกข์ และไม่ยึดติดในสิ่งทั้งหลาย เพราะท้ายที่สุด ต้องส่งคืนให้แก่โลก แก่วัฏสงสาร แก่ธรรมชาติ เพราะเป็นสิ่งหยิบยืมมาชั่วคราวเพื่อสร้างหนทางเพื่อความพ้นทุกข์เท่านั้น
ตอนที่ ๒๑ รอให้รวยก่อนค่อยไปทำบุญ
การที่จะมีทรัพย์สินเงินทอง ย่อมมีบุญเก่ามาค้ำหนุน ถ้าไม่มีบุญสิ่งทั้งหลาย ที่ปรารถนา ย่อมไม่สามารถมีขึ้นมาได้ ถ้าไปหาเงินแล้วขาดบุญย่อมหาเงินไม่เจอเลย ฉะนั้น ต้องไปหาบุญให้ได้บุญมาก่อนค่อยไปหาเงิน จึงจะเป็นผู้ไม่เดินหลงทาง
ตอนที่ ๒๒ อานิสงส์ทำบุญผ้าป่าสามัคคี
การเป็นผู้นำสร้างความดี ทำผ้าป่าสามัคคี เชิญชวนญาติมิตรมาร่วมบุญ เกิดอานิสงส์ได้บริวาร มาคอยค้ำหนุนในกิจการงาน ได้ความรักความสามัคคี ผลทานทั้งหมดในการจัดหามาได้เกิดผลร้อยเท่าทวีคูณ ไปเก็บไว้ในบัญชีบุญ ได้แผ่อานิสงส์บุญให้กับดวงจิตทั้งหลายที่เป็นบริวาร
การขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะให้บังเกิดสำเร็จ สมหวังตามที่ได้ขอพรมานั้น ขึ้นอยู่กับเราได้ประพฤติปฏิบัติดี มีกุศลบุญบารมีที่ได้สร้างได้ทำไว้ พรนั้นถึงจะสำเร็จตามที่ได้ขอพร
การที่กลัวความทุกข์ จึงได้แสวงหาความสุข ยิ่งหาก็ยิ่งทุกข์ หาความสุขไม่เจอเลย เพราะความสุขที่แท้จริง ไม่มีในวัฏสงสาร ฉะนั้น จงหยุดหนีความทุกข์ หยุดหาความสุข ปล่อยวาง มองเห็นทุกสิ่งทุกข์อย่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ปรารถนาสิ่งใด ความพ้นทุกข์ ความสุขจึงจะเกิดแก่เราได้
ดอกไม้ชูช่อเบ่งบาน แล้วเหี่ยวเฉา กลีบร่วงโรยลงไป เช่นเดียวกับความรัก เบ่งบานในจิตใจ มีความสวยงาม กาลเวลาผ่านไป ความรักก็สลายจืดจางลงไม่แตกต่างจากดอกไม้เลย
เดินกันมาคนละเวลา มากันคนละทาง มาหยุดยืนอยู่ในที่แตกต่าง จึงรู้จึงเห็นอาจจะไม่เหมือนกัน ดังนั้น ความคิดเห็นจึงอาจจะแตกต่าง ถ้าไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก จงเห็นเป็นธรรมดา และปล่อยวางเถิด
เส้นทางของชีวิต ถูกลิขิตมาจากการกระทำ ที่ส่งผลมาจากอดีตและปัจจุบัน หากเลือกกระทำแต่สิ่งที่ดีก็จะพบกับแต่สิ่งที่ดี หากเลือกกระทำชั่วก็จะพบกับสิ่งที่ชั่ว สิ่งที่ทำให้พบแต่ความทุกข์ ฉะนั้นจงเลือกให้ถูกทางเถิด จะได้พบกับความสุข พ้นจากความทุกข์ ด้วยการกระทำของเราเอง
ตอนที่ ๕ ก้าวแรกของการออกจากวัฏสงสาร
ผู้ที่ต้องการจะพ้นความทุกข์ ก้าวที่หนึ่งให้รักษาศีลห้าให้ได้ครบถ้วน ศีลจะนำให้รู้เข้าใจในธรรมของพระพุทธเจ้า ให้เกิดสมาธิ ปัญญาตามมา ซึ่งเมื่อกลับมาเกิดอีก ก็ไม่เกินเจ็ดชาติ ก็จะสามารถหลุดพ้น เข้าสู่พระนิพพานได้แล้ว
ทางเดินของชีวิตที่เวียนวน เคยเกิดมาเป็นเทพเทวดา นางฟ้า คนรวยคนจน รับความสุข ความทุกข์มานับไม่ถ้วนแล้ว ขึ้นอยู่กับการกระทำที่ทำไว้ ถ้าปรารถนาที่จะหยุดการเดินทางของชีวิต เพื่อจะได้หยุดความทุกข์ ให้ปล่อยวาง ไม่ลุ่มหลงกับสิ่งใด ไม่เบียดเบียนใคร เราจะได้พบกับความพ้นทุกข์สักวันหนึ่ง
จิตที่มีคุณค่า จะต้องเป็นจิตที่อยู่เหนือสมมติ ไม่ถูกครอบงำจาก ลาภยศ สรรเสริญ ไม่ลุ่มหลงในสิ่งใด ไม่ให้ราคาในสิ่งใดให้มีอำนาจเหนือจิต ทำให้ตกเป็นทาสเป็นทุกข์ จิตจะอิสระจากทุกสิ่ง เป็นจิตที่สะอาดสงบเย็น เป็นจิตอิสระ
การบวงสรวงเป็นการเชิญเทพเทวา เหล่านาคานาคี เหล่าภพภูมิทั้งหลาย พร้อมญาติบุญให้มาร่วมบุญบารมี ร่วมเฉลิมฉลอง เป็นงานเลี้ยงให้เกิดความสุข สามัคคีร่วมใจกัน ทั้งสวรรค์ มนุษย์ บาดาล ทำให้สามารถทำกิจการงานสำเร็จ ลุล่วงไปได้ด้วยดี
การเวียนตายเวียนเกิดของดวงจิต ผ่านภพน้อยภพใหญ่ ชาติน้อยชาติใหญ่ เวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังไม่รู้ ตามความเป็นจริงในการเกิด และยังไม่สามารถดับเหตุของการเกิดได้ การระลึกชาติจึงเป็นดาบสองคม ผู้มีปัญญาจะนำสิ่งที่ระลึกได้นั้นมา เพื่อพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความทุกข์ ทำให้เบื่อหน่าย จึงได้หาทางดับทุกข์ ดับการเกิด สำหรับผู้โง่เขลา เมื่อรู้อดีตชาติก็จะทำให้ยึดติด ลุ่มหลงหนักเข้าไปอีก ทุกข์หนักขึ้นไปอีก ฉะนั้น จงนำสิ่งที่เห็นที่รู้ในการระลึกชาติ ไปทำให้เกิดประโยช์แก่ตนและผู้อื่นเถิด
ตอนที่ ๑๐ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
เกิดมาแล้วลุ่มหลง ยึดติด คิดว่าสิ่งทั้งหลายในโลกเป็นของสวยงาม มีความสุข จึงต้องพบกํบความทุกข์ ความสวยงามที่ไม่จริงของโลก เช่นเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
ผู้ที่รู้พระธรรมคำสอน แต่ไม่เคยประพฤติปฏิบัติ ให้เข้าถึงความดี ให้เข้าถึงความพ้นทุกข์ จะเป็นบอกว่าผู้รู้ยังไม่ได้ จนกว่าจะปฏิบัติให้จิตเข้าถึงความดีให้รู้เอง พ้นทุกข์เอง จึงจะเป็นผู้รู้อย่างแท้จริง
ตอนที่ ๑๓ ช่วยเหมือนไม่ได้ช่วย
ทำความดี ช่วยเหลือใคร อย่าคิดว่าทำให้เขา แต่ให้คิดว่าได้ทำเพื่อเรา ่ทำให้เราได้สร้างความดี จึงจะเป็นการช่วยเหลืออย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการช่วยเหมือนไม่ได้ช่วย
การเกิดเป็นเหตุให้ต้องดิ้นรนแสวงหา ในทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของ มาเพื่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้เกิดทุกข์ ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย พลัดพราก สูญเสีย สิ่งที่รักที่พอใจ บุคคลที่รักที่พอใจ ทำให้เกิดทุกข์ ฉะนั้น จงหาทางดับความทุกข์ ด้วยการดับการเกิด ดับเหตุของความทุกข์ทั้งหลาย ก่อนที่จะหมดเวลาในการเกิดมาในครั้งนี้เถิด
กิเลส มีความรัก โลภ โกรธ หลง เป็นเชื้อโรคของดวงจิต ที่ทำให้เจ็บป่วย เปรียบเหมือนกับเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย โปรโตซัว เป็นเชื้อโรคของร่างกาย ที่ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าปรารถนาความพ้นทุกข์ จะต้องดับกิเลสให้สิ้นไป ด้วยการตัดความยึดติดลุ่มหลงในร่างกาย เห็นความไม่เที่ยง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของกรรม ทำจิตให้ชุ่มเย็น ทำความดี เว้นการทำชั่ว ก็จะดับกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไปได้ในที่สุด
วัฏสงสารคือที่ยังไม่พ้นความทุกข์ พระพุทธเจ้าคือผู้บอกทางให้เดินออกจากวัฏสงสาร เข้าสู่ความพ้นทุกข์คือพระนิพพาน ฉะนั้น จงเดินตามทางที่พระพุทธเจ้าชี้บอกเถิด เพื่อเข้าถึงความพ้นทุกข์ เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
ชีวิตดูเหมือนจะมีหลายทางให้เลือกเดิน แต่แท้ที่จริงแล้ว มีแค่สองทาง คือเดินเข้าไปในวัฏสงสาร และเดินออกจากวัฏสงสารเท่านั้น ผู้ที่ปัญญาจะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในวัฏสงสาร ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ จึงได้เลือกที่จะเดินออกจากวัฏสงสาร เพื่อจะได้หยุดเดิน หยุดทุกข์ พบกับความสุขที่แท้จริง
ความอดทนเป็นหนทาง แห่งความสำเร็จ ทำสิ่งใดถ้าขาดความทน จะพบความสำเร็จเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้น จงอดทนอดกลั้นในสิ่งทั้งหลาย ที่มาล่อหลอกให้เราออกนอกกรอบของความดี ของการเป็นคนดีของเราเถิด ชัยชนะ ความสำเร็จ ความหลุดพ้น จะพึงเกิดขึ้นแก่เรา
การที่คิดจะทำอะไร พูดอะไรออกไป ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อน ว่าทำได้จริง เป็นจริงเช่นนั้นหรือเปล่า เพราะอาจจะนำมาซึ่งความไม่เชื่อถือ ในคำพูด จะเป็นอุปสรรคตัดรอน ในการที่จะทำความดี ให้ถึงที่สุดแห่งความดีได้
ความตั้งใจ ความปรารถนาในสิ่งใด การอธิษฐานคือเป้าหมาย จุดหมาย เส้นชัย ของการสร้าง การทดสอบบารมี ฉะนั้น การสร้างความดี จะขาดอธิษฐานไม่ได้ เพราะเป็นกรอบ เป็นเป้าหมายในการสร้างความดี
ความเมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก จิตที่มีความเมตตา จะอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื่นไปด้วยความสุข ความเมตตาไม่ปรารถนาให้ใครได้รับทุกข์ จึงไม่สร้างกรรมเบียดเบียนใคร สังคมจึงสงบสุข ร่มเย็นด้วยความเมตตา
อุเบกขา คือ การปล่อยวาง ว่างอยู่ในจิต ช่วยได้ก็ช่วย เกินกำลังก็ปล่อยวางให้ทุกอย่างเป็นไป ตามกฎของกรรม ทำแบบไม่ให้ทุกข์ ทำอย่างอุเบกขา จึงจะอยู่ในกรอบของความดี
ตอนที่ ๔๕ พุทธโอวาทในวันวิสาขบูชา ๒๕๕๘
วันวิสาขบูชา เป็นสำคัญในพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้เกิดขึ้นในโลก เกิดขึ้นเพื่อมาเป็นพระพุทธเจ้า เป็นผู้ถางทางนำทาง ดวงจิตทั้งหลายให้ออกจากความทุกข์ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้สำเร็จในการดับเกิด ดับความทุกข์ ที่ต้องเกิดอีก ไม่ต้องทุกข์อีก เป็นวันที่ปรินิพพาน วันที่สิ้นสุดลง ของการได้มาซึ่งร่างกาย ที่ไม่เที่ยง ที่เป็นทุกข์ ที่ต้องดับ ต้องสลายไปในที่สุด
ผู้ที่มีบารมี คือ ผู้ที่มีกำลังใจเปี่ยมล้น ในการสร้างความดี ไม่ย่อท้อต่อบททดสอบทั้งหลาย ย่อมนำความสำเร็จ ความสุขมาให้ ย่อมได้รับความพ้นทุกข์ พ้นการเกิด จึงจะเป็นผู้ที่มีบารมีอย่างแท้จริง
ครูที่ดีต้องมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ คิดพูดทำสิ่งใด ต้องให้เป็นแบบอย่างที่ดี ก่อนที่จะชี้นำสั่งสอนผู้ใดให้ทำตาม จึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นครูที่ดี
ตราบใดที่ยังอยู่ในเมืองแห่งความปรารถนา มีความต้องการอยู่ ก็ยังต้องแสวงหาอยู่ ยังเป็นทุกข์อยู่ การที่จะออกจากเมืองปรารถนานี้ได้ ต้องออกบวชเพื่อละความปรารถนา จึงพานพบกับเมืองพอ เมืองแห่งความสงบสุข เมืองที่ไม่ต้องแสวงหาสิ่งใดอีกแล้ว
ทุกชีวิตเกิดมา มีหน้าที่ต้องเรียนรู้ และ มีบททดสอบ มีสิทธิ์ที่จะคิด และ ทำตามภูมิจิตของตน มีสิทธิ์ที่จะผิดพลาดได้ เพื่อจะได้เป็นประสบการณ์ของชีวิต การคิดแทนเรื่องของผู้อื่น วุ่นเรื่องของชาวบ้าน จึงสร้างเหตุของทุกข์ไม่รู้จบ ทำจิตให้ปล่อยวาง ทำใจให้ว่างๆ ปัญหาทุกอย่าง มีขึ้น ตั้งอยู่ ท้ายที่สุดก็ดับไป
การทำดีความดี ช่วยเหลือผู้ใด ถ้าไม่รู้จักประมาณกำลังของตน ทำแล้วต้องมานั่งบ่น ทำแล้วต้องเป็นทุกข์ ทำความดีไม่ถูกวิธี จึงเป็นการทำดีไม่ได้ดี การทำดีที่เป็นหมัน
ความทุกข์มีอยู่ในการเกิด ความทุกข์มีอยู่ในสิ่งที่มี ความทุกข์มีอยู่คู่โลก ความทุกข์มีอยู่คู่วัฏสงสาร ไม่มีใครหนีความทุกข์พ้นไปได้ ตราบใดยังไม่ดับเหตุของการเกิด ซึ่งมี ความหลง ความอยาก ความยึดติด และ การเบียดเบียน ถึงจะก้าวพ้นความทุกข์ไปได้
ตอนที่ ๕๒ ความเป็นจริงของชีวิต
การเกิดเหมือนความฝัน สั้นนิดเดียว ไม่ว่าจะฝันดีหรือร้าย ก็ต้องตื่นจากฝันอยู่ดี ต้องมาเจอความเป็นจริงของชีวิต ต้องมาเจอความทุกข์ ที่ได้มาพร้อมกับการเกิด ต้องมาเจอความไม่เที่ยงแท้ ซึ่งท้ายที่สุดต้องจากโลกนี้ไป
ตอนที่ ๕๓ ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ของชีวิต
การกระทำที่ดี สร้างมิตรขึ้นมามากหลาย การทำชั่วร้ายมุ่งสร้างศัตรู ผู้มีปัญญาจะรู้ว่าควรสร้าง ควรทำสิ่งใด
ศาสนาคืออะไร มีประโยชน์อย่าง สอนไว้ว่าอย่างไร เมื่อไม่รู้ ไม่ได้ศึกษา จึงไม่รู้คุณค่า ชีวิตจึงไม่มีคุณค่ามากพอ ที่จะนำพาตน ให้ออกจากความทุกข์ไปได้
ตอนที่ ๕๕ ทางพ้นทุกข์อยู่ที่ใด
ทางพ้นทุกข์ในโลกนี้ มีอยู่ที่ไหน อยู่เหนือหรืออยู่ใต้ อยู่แห่งหนตำบลใด ใครรู้บ้างช่วยขานไข เป็นทางที่สร้างขึ้นมาด้วยสิ่งใด มีกว้างยาวไกลกี่หลักกิโล
ดวงจิตเปรียบเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ เย็นตาเย็นใจ แต่ที่เศร้าหมองลงไป เพราะความคิดปรุงแต่ง ให้เกิดความทุกข์ เปรียบเสมือนเมฆหมอกมาบดบง ความสว่างและงดงามของพระจันทร์วันเพ็ญ
ตอนที่ ๕๗ ผู้ที่จะพบกับความสุข
เศรษฐี ยาจก วนิพก ขอทาน มีทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่มีเหมือนกันนั้น คือไม่พ้นจากความตาย ผู้ทีได้ประพฤติปฏิบัติบำเพ็ญ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา ปล่อยวางได้ในทุกสิ่ง ไม่ยึดติด ลุ่มหลงในสิ่งใด จึงจะเป็นผู้พบความสุขได้อย่างแท้จริง
ตอนที่ ๕๘ การสร้างพระกับความลุ่มหลงยึดติด
ความดีที่ได้สร้างพระ สร้างเจดีย์ มีอานิสงส์ความสุข ประกอบด้วยบุญ บารมี เกิดสามัคคีร่วมแรงร่วมใจ จนเกิดสิ่งที่ดี ให้ได้สักการะบูชา เป็นหลักฐานในพระศาสนา เพื่อจะได้น้อมถึงพระธรรมคำสอนของพระศาสดา เพื่อสืบทอดความดี ให้ยาวนานสืบต่อ ไม่ใช่สร้างมาเพื่อความยึดติด ลุ่มหลงในวัตถุ แต่เป็นการรักษาไว้ซึ่งสัญลักษณ์แห่งความดี
ตอนที่ ๕๙ สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง
อย่ายึดติดกับอะไร อย่าลุ่มหลงในสิ่งใด อย่าเบียดเบียนใคร อย่าอยากได้ อย่าอยากมี อย่าอยากเป็นถ้าทำได้ เป็นสิ่งดีที่เหนือกว่าอะไรที่ดวงจิตทั้งหลายจะแสวงหาได้อีกแล้วในโลกนี้
เมื่อเราได้สร้างความดี แล้วมีคนมาขัดขวาง สร้างความวุ่นวาย ใส่ร้ายป้ายสีให้ปนเปื้อน จงอย่าให้คุณค่าบุคคลผู้ใด ที่ทำตัวเป็นบันได ให้เราได้เหยียบย่ำขึ้นไป สู่ความพ้นทุกข์
อำนาจเปรียบได้ดั่งไฟ ตกไปอยู่ในมือของคนดี ก็นำไปใช้ก่อให้เกิดประโยชน์ ตกไปอยู่ในมือคนชั่ว ก็นำไปสร้างโทษ ผู้ที่ลุ่มหลงในอำนาจ จึงเหมือนตกไปอยู่ในกองไฟ มีความเร่าร้อน ก่อนได้อำนาจมาก็เป็นทุกข์ ได้มาแล้วก็เป็นทุกข์ สูญเสียไปก็เป็นทุกข์ จึงไม่ควรหลงอยู่กับความทุกข์ อยู่กับอำนาจนั้นเลย
แต่ละดวงจิตเดินทางมาแตกต่างกัน จึงมีกรรมที่ลิขิตมาแตกต่างกันบ้าง เหมือนกันบ้าง จึงควรปล่อยวาง เห็นเป็นธรรมดา เพื่อจะได้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ฉะนั้น จึงควรฝึกให้เข้าใจผู้อื่นเห็นใจผู้อื่น เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ดินฟ้าอากาศ ธรรมชาติ หมุนเวียนเปลี่ยนผัน ชีวิตเดินทางผ่านคืนวัน นำไปสู่ความตาย จะยึดมั่นถือมั่น เกาะเกี่ยวในสิ่งใด ยึดถือเอาไว้ไม่ได้เลย ฉะนั้น จงยอมรับความจริง ว่าทุกสิ่งมีขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ตามกฎของธรรมชาติ ซึ่งเป็นอยู่เช่นนั้น จะได้พ้นจากความทุกข์
ชีวิตในโลกนี้มีเวลาสั้นนัก จะมีลมหายใจอีกนานเท่าใด ก็ยังไม่รู้ สิ่งใดที่เป็นการสร้างความดี ที่พอจะขวนขวายกระทำได้ในแต่ละวัน ให้รีบสร้างรีบทำ ก่อนที่จะหมดเวลา ก่อนที่จะต้องจากโลกนี้ไป เพราะความดีที่ได้ทำนั้น จะเป็นสิ่งค้ำหนุนดวงจิตให้หลุดพ้นจากความทุกข์ จึงไม่ควรปล่อยเวลาให้สูญเสียไปโดยไม่ได้สร้างสั่งสมบุญเลย
ตอนที่ ๖๕ เกิดมาทำไม เหตุใดต้องเกิด
การเกิดมาทุกครั้ง ย่อมนำมาซึ่งความทุกข์ ตราบใดที่ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจเหตุของการเกิด และถอดถอนดับเหตุของการเกิด ก็ยังต้องมีการเกิดอีก ฉะนั้น ผู้มีปัญญาจะศึกษา ประพฤติปฏิบัติตน เพื่อดับการเกิด จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์อีก
ตอนที่ ๖๖ การช่วยเหลือผู้อื่นได้อะไร
การที่ช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยจิตเมตตา ด้วยความเต็มใจ ไม่คาดหวังสิ่งใดให้ต้องมาตอบแทนคุณ ความดีจะค้ำหนุนให้สลายทิฐิ อัตตาตัวตน บังเกิดเป็นสุขที่มากล้น จากการได้ช่วยเหลือผู้อื่นไป
การสร้างความดีทีละล็กทีละน้อยทำบ่อยๆให้ผลเพิ่มพูน ทำความชั่วทีละนิด ไม่ว่าจะเป็นการคิด การพูด หรือการกระทำทางกาย จะทำน้อยแต่ให้ผลหลายเท่าทวีคูณให้ได้รับความทุกข์มากมาย ฉะนั้น อย่าประมาทในกรรมเล็กกรรมน้อย ขึ้นชื่อว่ากรรมไม่ดีไม่พึงกระทำเลย
กรรมเป็นรากฐานของชีวิต ลิขิตมาเป็นชะตากรรม ทำสิ่งใดไว้ต้องรับผลของกรรม ฉะนั้น จงทำตนให้ดี สร้างแต่ความดี ไม่ต้องสนใจเพ่งโทษใคร เพราะผลกรรมที่ได้ มาจากผลการกระทำของเราเอง
คนเราเกิดมาย่อมปรารถนาความสุข แต่เรานั้นเป็นใคร ถ้ายังไม่รู้ไม่เข้าใจ จะหาความสุขอย่างแท้จริงไม่ได้เลย จะเจอแต่ความสุขอันจอมปลอม
ตอนที่ ๗๐ การเดินทางที่แตกต่าง
นิ้วมือของคนเรา ยังมีสั้นยาวไม่เหมือนกัน ความแตกต่างของดวงจิตนั้น ทำให้มีการเดินทางที่ต่างกัน จึงไม่ควรสนใจผู้อื่น ตัดสินใคร ว่าเดินทางผิดหรือเดินทางถูก ตราบใดที่เรายังไม่สามารถนำพาตน ให้พ้นจากความทุกข์
ผู้ที่ปรารถนาความพ้นทุกข์ ต้องหยุดสร้างความชั่ว สร้างแต่ความดี เดินมาในสี่ย่างก้าว คือก้าวที่หนึ่งให้มีศีล ก้าวที่สองให้มีธรรม ก้าวที่สามให้มีสมาธิ ก้าวที่สี่ให้มีปัญญา จึงจะนำพาให้ออกจากความทุกข์ไปได้
ตอนที่ ๗๒ ธรรมปฏิบัติสำหรับฆราวาส
ผู้ที่ยังครองเรือน เมื่อปรารถนาความพ้นทุกข์ ยังมีภาระหน้าที่ทางโลกอยู่ ให้เลือกประกอบอาชีพ ที่ไม่เบียดเบียนสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ละเว้นจากการทำชั่ว รักษาศีลห้าให้ครบ รู้จักการทำทาน สวดมนต์ เจริญภาวนา เมื่อถึงเวลาก็จะได้ออกบวช ปล่อยวางหน้าที่ทางโลก เพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์ให้แก่ตนเอง
กรรมเป็นสิ่งกำหนด ให้เป็นผู้สูงศักดิ์ หรือต่ำทราม เป็นคนดี หรือเป็นคนร้าย เป็นเทพเทวดา หรืออสุรกาย ทุกคนเลือกได้ที่จะเป็น เลือกได้ที่จะทำ กรรมจะส่งผลให้เป็น เช่นเดียวกันกับการกระทำของเราเอง
ตอนที่ ๗๔ จิตกับความคิดปรุงแต่ง
จิตเป็นคนละส่วนกับร่างกาย ซึ่งร่างกายแบ่งออกได้ ๕ กอง มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โครงสร้างร่างกายทั้งหลายเรียกว่ารูป
วิญญาณทั้งหลายนั้น มีอยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนังที่ห่อหุ้มกาย
สังขารนั้นคือสมองส่วนหน้า ที่นำมาคิดพิจารณา ปรุงแต่ง โดยดึงเอาสัญญา เป็นสมองส่วนเก็บความจำ ปรุงแต่งได้อะไร เวทนาสุขทุกข์หรือไม่ หัวใจจะรับรู้ เป็นที่อยู่ของเวทนา
ตอนที่ ๗๕ สิ่งใดที่ยึดติดอยู่ *****
ถือสิ่งใดก็หนัก หนื่อยเมื่อยล้า จากสิ่งที่ถือไว้
ยึดสิ่งใด ยื้อสิ่งใด ก็ได้แต่ความทุกข์
เพราะความไม่เที่ยง ไม่คงอยู่ ของสิ่งทั้งหลายนั้น
ปล่อยวางสรรพสิ่งทำใจให้ว่างๆ เห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง จะได้ไม่ยึดติดในสิ่งใด จนเป็นเหตุแห่งความทุกข์
หัวหน้าของอันธพาลทั้งหลาย มีเจ้าหลง เป็นพี่ใหญ่ ที่คอยให้ท้าย เจ้ารัก เจ้าโลภ เจ้าโกรธ ก่อความวุ่นวาย ให้เมืองจิต เมืองกายไม่สงบสุข ดับเจ้าหลง ถอดถอนเจ้าหลงเมื่อไหร่ เมืองกายเมืองจิตจะกลับมาสู่ความสงบสุขทันที
จิตของบุคคลใด ที่กำลังหลงรักใครอยู่ ดวงจิตนั้นมีเชื้อความหลงและความรัก ที่ครอบงำจิตใจ จะทำให้เป็นทุกข์ เร่าร้อน จะต้องแสวงหาอาหารของเชื้อเหล่านั้น เติมเต็มเข้าไป ต้องได้เห็นหน้า ต้องได้ยินเสียง ไม่เช่นนั้นจะเร่าร้อน ทุรนทุรายเป็นความทุกข์ ฉะนั้น จงถอดถอนทำลายเชื้อความหลง ความรักนั้นเสีย ด้วยการมีสติ ปัญญา พิจารณาให้เห็นความเป็นจริงในสิ่งที่กำลังลุ่มหลง กำลังรักอยู่เถิด จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์
ความห่วงใยเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าห่วงมากเกินไป จะเป็นบ่วงรัด มัดเราเอาไว้ ห่วงมากจนไม่สามารถ ที่จะไปไหน ไปทำอะไร ไม่สามารถไปสร้างไปทำความดีเอาไว้ สุดท้ายก็ตายจากไป แบบไม่ได้อะไรเลย ห่วงใยจึงเป็นบ่วงใจที่ต้องห่วงให้พอดี ไม่ห่วงจนเกินไปจึงจะดี
ทำความดีแล้วยึดติดในความดี ทำดีแล้วไม่ปล่อยวาง เปรียบเหมือนสร้างพระแล้วเอามาถือไว้ ทั้งเหนื่อยทั้งหนักไม่สบาย เป็นการทำความดีไว้แล้วไม่ปล่อยวาง
ตอนที่ ๘๐ ทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทำ
การเชื่อในสิ่งใด ต้องประกอบด้วยใจที่เป็นกลาง สิ่งใดเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด ต้องพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล เมื่อทำตามในสิ่งที่เชื่อ จึงจะไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ ตามมาทีหลัง
ความรักเปรียบเหมือนกองไฟ ความรักเปรียบได้ดั่งยาพิษ เมื่อนำมายึดไว้ถือไว้ นำมาดื่มกิน จึงต้องพบกับความทุกข์ ความเร่าร้อน จึงไม่ควรที่จะรัก ซึ่งจะทำให้ตน ต้องพบกับความทุกข์เลย
ตอนที่ ๘๒ เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา
ทุกศาสนาสอนให้คนทำความดี แล้วพุทธศาสนาของเรานี้สอนให้ทำความดีไปเพื่ออะไร ทำความดีเพื่อจุดมุ่งหมายจะไม่ต้องกลับมาเกิด เว้นจากความชั่วทั้งหลายเพื่อดับการเกิด ทำจิตใจให้ผ่องใสเพื่อจะได้ไม่ต้องเกิด เหล่านี้คือบรมธรรมของพุทธศาสนา
ตอนที่ ๘๓ พระยาธรรมิกราช มีหน้าที่มาทำอะไร
๐ ถึงวาระท่านพระยาธรรมิกราช
ผู้แทนองค์ประกาศหลักศาสนา
ด้วยพุทธเนรมิตจึ่งได้อุบัติมา
เป็นบัญชาเมื่อถึงกึ่งพุทธกาล
มานำทางฉุดช่วยมวลมนุษย์
ช่วยให้หลุดฉุดพ้นวัฏสงสาร
ชี้ทางลัดกลับสู่พระนิพพาน
ด้วยมหาบุญญาธิการบารมี
ในดิถีวาระมิ่งมงคล
พระทศพลทรงแสดงธรรมวิถี
ต้องตามหลักไตรปิฎกบัญญัติมี
เปลี่ยนวิธีใหม่ขึ้นตรงพระทรงธรรม
ใช้คำศัพท์ที่เคยยากให้ง่ายดาย
ให้ญาติบุญทั้งหลายเป็นสุขล้ำ
อิ่มในรสชื่นในจิตซึ้งพระธรรม
เป็นแก่นธรรมพระพุทธองค์ทรงสอนไว้
หลักคำสอนโบราณแต่กาลก่อน
ถ้าจะย้อนอ่านดูมิใช่ง่าย
ยิ่งคนด้อยศึกษายากเข้าใจ
กาลผ่านไปเปลี่ยนให้เข้าวิถีชน
เมื่อเข้าใจหลักได้ง่ายจึงคลายทุกข์
ปรับประยุกต์บรรลุธรรมทั่วแห่งหน
สุขสงบวางจิตว่างจากตัวตน
บังเกิดผลเป็นพุทธบูชา
โลกีย์ชนได้ทำดีทวีกุศล
ประเสริฐล้นบุญค้ำจุนพระศาสนา
บาปทั้งหลายอุปสรรคเคยมีมา
เกิดบุญญาบารมีจึงตัดรอน
กราบโมทนาพระเมตตากรุณาธิคุณ
ทรงค้ำหนุนพระยาธรรมถ่ายทอดสอน
เพื่อกอบกู้หมู่เวไนยหลงทางจร
นำดวงจิตประภัสสรสู่นิพพาน ...@
พระผู้รู้แจ้งโลก คือผู้ที่สามารถรู้เข้าใจ เห็นตามความเป็นจริงในธรรมชาติของโลก สามารถยกจิตให้หลุดพ้น จากการลุ่มหลง ยึดติดอยู่ในโลก หลุดพ้นจากความทุกข์ ดับเหตุของความทุกข์ ไม่ต้องกลับมาเกิดในโลกอีกแล้ว จึงจะเป็นผู้รู้แจ้งในสรรพสิ่ง เป็นผู้รู้แจ้งโลก
ตอนที่ ๘๕ ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง
ผู้ที่ปรารถนาจะพ้นจากความทุกข์ ไม่จำเป็นที่จะไปศึกษาหาความรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แค่ศึกษาหนทางแห่งความพ้นทุกข์ ประพฤติตนให้อยู่ในกรอบของศีล ศึกษาธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ฝึกปฏิบัติสมาธิให้จิตสงบสุข พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง ถอดถอนความลุ่มหลง ความอยาก ความยึดติด ไม่เบียดเบียนผู้ใดแม้แต่ตนเอง ก็จะพบความรู้แจ้งโลกได้ในที่สุดเอง
รู้ในเรื่องกฎของกรรม ภพ ชาติ การเวียนว่ายตายเกิด เห็นตามความเป็นจริงในความไม่เที่ยงแท้ แล้วหาทางดับการเกิด โดยการปฏิบัติในศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา ถอดถอนความหลง ความอยาก ความยึดติด เว้นการเบียดเบียน เพื่อดับความทุกข์ นี้คือหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ตอนที่ ๘๗ ธรรมะเปิดโลกเปิดจักรวาลเปิดวัฏสงสารเพื่ออะไร
พระยาธรรมิกราชมาเปิดโลก เปิดจักรวาล เปิดวัฎสงสาร เปิดความเป็นจริงของพระนิพพาน เพื่อเป็นแผนที่การบอกทาง ให้ดวงจิตทั้งหลาย ให้เดินออกจากความทุกข์ เมื่อได้เปิดจิตเปิดใจ นำคำสอนไปปฏิบัติ เมื่อสำเร็จเป็นองค์อรหันต์แล้ว จะสามารถเข้าใจ รู้ได้ด้วยตนเองว่าเป็นจริงหรือไม่ ฉะนั้น จึงควรเปิดจิตเปิดใจ ฝึกฝนปฏิบัติตน ให้พ้นจากความทุกข์ ใช้เวลาไม่นานมากนักหรอก ก็จะเห็นผลได้ด้วยตนเอง
ตอนที่ ๘๘ ผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้ด้วยตนเอง
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะรู้จากตำรา ฟังครูบาอาจารย์ว่า จะตั้งตนเป็นผู้รู้ผู้เข้าใจในธรรมยังไม่ได้ ต้องรู้จากการประพฤติปฏิบัติให้รู้ได้ด้วยตนเอง และพึงสอนสั่งธรรมเฉพาะส่วนที่ตนเองทำได้ ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงของการบอกทางที่ผิดพลาด จะเป็นหนี้กรรมที่จะทำให้เราต้องกลับมาชดใช้
การเดินทางเพื่อมุ่งสู่พระนิพพาน มีศีลเป็นกฎเป็นกติกาจราจร มีธรรมเป็นแผนที่ มีสมาธิเป็นกำลัง มีปัญญาไว้พิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง ในสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ที่มาหลอกตาลวงใจ จะสำเร็จหลุดพ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา
ตอนที่ ๙๐ จุดมุ่งหมายการมาของพระยาธรรม
การยกมือชี้นิ้วของพระพุทธเจ้าน้อย พระยาธรรม เป็นสัญลักษณ์แห่งการมาชี้ทางบอกทาง ในการประกาศพระธรรมคำสอน ให้ดวงจิตทั้งหลายเข้าใจในความเป็นจริง ในความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง จะได้นำพาตนให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
ตอนที่ ๙๑ สิ่งใดที่ไม่รู้ไม่ใช่ไม่มี
ในโลกนี้ มีสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ลึกลับซับซ้อนเยอะแยะมากมาย เกินกว่าที่เราจะรู้ และทำความเข้าใจได้หมด ฉะนั้น อย่าพึงไปตัดสินใคร ตัดสินสิ่งใดว่า มีหรือไม่มี ดีหรือไม่ดี เพราะการมองผู้อื่น ตัดสินผู้อื่น ไม่ได้ทำให้เรา พ้นจากความทุกข์เลย
การที่รู้ในสิ่งใด ไม่ควรยึดติดในความรู้ ในสิ่งที่รู้ จนเป็นกำแพงกั้นความดี ความรู้ที่จะเข้ามาใหม่ เพราะสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย เมื่อเหตุเปลี่ยนผลจึงได้เปลี่ยนตาม จึงไม่ควรยึดติดในความรู้ จนกลายเป็นความลุ่มหลง ติดอยู่ในความรู้นั้นเลย
ตอนที่ ๙๓ พิจารณาเลือกผู้นำทางผู้ชี้ทาง
การที่จะเดินให้ถึง ซึ่งความพ้นทุกข์ จะต้องได้ศึกษา ได้ฟังคำสอนจากครูบาอาจารย์ ที่ได้รู้แจ้งในธรรม ปฏิบัติตนให้ถึงความพ้นทุกข์แล้วเท่านั้น เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เดินตามผู้นำทาง ผู้ชี้ทาง ที่นำพาให้เดินหลงทาง
ตอนที่ ๙๔ หน้าที่อย่างแท้จริงของมนุษย์
เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว อย่ามัวคิดแต่ว่าจะเป็นสามีของใคร เป็นภรรยาของผู้ใด ทำอย่างไรถึงจะรวย ทำอย่างไรจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้มา จนลืมหน้าที่อย่างแท้จริงของตนเอง ว่าเกิดมาเพื่อสิ่งใด มาทำอะไร จงพิจารณาให้รู้จักหน้าที่ของตน ให้แจ่มแจ้งด้วยตนเองเถิด ก่อนจะหมดเวลา จะต้องตายกลับไป
บุคคลที่ปรารถนาให้ได้มาซึ่งความสุข ตราบใดที่ยังฝากเอาไว้กับปัจจัยภายนอก ยังไม่พิจารณาให้เห็น ให้รู้ตามความเป็นจริง ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นไป ไม่มีสิ่งใดที่จะเที่ยงแท้ คงอยู่ตลอดกาล ตลอดสมัย ตลอดไป ยกเว้นหยุดความอยาก ความปรารถนา ความสุขที่แท้จริง จึงจะได้เข้ามาให้พานพบ
ตอนที่ ๙๖ ผู้เดินทางท่ามกลางความมืด
การเล่นเกมส์ใดแม้แต่ในการกีฬา ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ ในกฎกติกา จะนำมาซึ่งชัยชนะย่อมเป็นไปได้ยาก ผู้ที่เดินทางในเวลากลางคืน หากปราศจากซึ่งแสงสว่าง โอกาสที่จะเดินหลงทางย่อมมีสูง ผู้ที่ปรารถนาความหลุดพ้น มีแสงสว่างในจิตของตน ย่อมต้องมีแสงธรรมนำทาง จึงจะนำพาให้ดวงจิตพ้นจากความทุกข์ไปได้
เมล็ดพันธุ์พืชใด ที่ไม่เคยเพาะปลูกเอาไว้ มีหรือจะงอกออกมาให้ได้เก็บหมากเก็บผล บุคคลผู้ที่ไม่เคยทำกรรมเอาไว้ กรรมอันนั้นจะมาให้รับผลจึงเป็นไปไม่ได้ ความยุติธรรมทั้งหลาย อยู่ที่เคยกระทำสิ่งใดเอาไว้ จึงส่งผลให้ต้องรับกรรม
อย่ามัวนึกถึงแต่อดีตก็ผ่านมาแล้ว พะวงกับอนาคตก็ยังไม่มาถึง ปัจจุบันทำจิตให้ปล่อยวาง ทำใจให้ว่างๆ จะทำให้ก่อเกิดสติปัญญา สามารถรู้เข้าใจ แก้ไขปัญหา ดับความทุกข์ ด้วยพลังที่สงบเย็น จากการปล่อยวาง
ตอนที่ ๑๐๐ จริงไม่มี มีไม่จริง
มีสิ่งใดขึ้นมา ก็ก้าวหาสู่ความเสื่อมสลายไป มีอะไรเกิดขึ้นมา ก็ก้าวหาสู่ความตาย สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนไม่มีความเที่ยงแท้ เป็นแค่สิ่งสมมติ มีขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไป มีเหมือนไม่มี จึงมีไม่จริง
สัญญาที่ทำไว้ ตอนที่ได้ร่างกายมาครอง ว่าต้องขวนขวายแสวงหา อยากได้อยากมี อยากเป็น ในสิ่งทั้งหลายในโลก ให้กับกิเลสตัณหา ผู้ครองร่างกายจิตใจ ทำให้เป็นทุกข์ ไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้พร้อมหรือยัง ที่จะประกาศอิสระ ฉีกสัญญาทาส ประกาศความเป็นไท ให้แก่จิตใจ ของเราเอง
ทองที่ไม่ลอกไม่ดำ จึงเป็นทองคำแท้ ชาวพุทธที่ไม่รักษาศีลห้าจะอวดตนว่าเป็นชาวพุทธแท้ยังไม่ได้ เคารพในพระรัตนตรัย มั่นคงศีล เห็นความเป็นจริงของการเกิด เข้าถึงอริยบุคคลขั้นต้นขึ้นไป นั่นแหละถึงจะเรียกว่า พุทธที่แท้จริง
ตอนที่ ๑๐๓ พุทธโอวาทในวันครบรอบวงล้อธรรมจักรหมุน ๒๕๕๘
วันนี้เป็นวันที่ครบรอบการหมุนธรรมจักรแห่งปี มาอยู่ในช่วงกึ่งศาสนา ซึ่งได้มีพระยาธรรมิกราช มาหมุนธรรมจักรต่อไป เพื่อให้ศาสนาได้คงอยู่จนครบห้าพันปี เสียงธรรมจากวงล้อแห่งธรรมที่หมุนไป จะมีประโยชน์หรือไม่ อยู่ที่การเปิดจิตเปิดใจรับฟัง แล้วได้พิจารณาประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อให้เข้าถึงความพ้นทุกข์
ตอนที่ ๑๐๔ พุทธโอวาทวันเข้าพรรษา ๒๕๕๘
ช่วเวลาเข้าพรรษา ในกาลฤดุฝนมาถึงแล้ว อย่าประมาทในชีวิต ไม่รู้จะมีลมหายใจอีกนานเท่าไหร่ ให้ตั้งใจทำความดีสิ่งใดพอทำได้ เว้นจากการทำความชั่ว สิ่งใดพอละได้ ค่อยปล่อย ค่อยวาง จนถึงการไม่สร้างกรรมอันใดอีกแล้ว เป็นผู้ไม่ยึดถือทั้กรรมดีกรรมชั่ว พ้นจากอำนาจของกรรม เป็นผู้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ให้สำเร็จได้ในพรรษานี้ทุกคนเทอญ
ทางแห่งพุทธะ เป็นทางเว้นทางละ ไม่ใช่จะทำให้ได้ ทำให้มี ผู้เดินตามทางสายนี้ จะพบความสุข ความพ้นทุกข์ได้ อยู่ที่การละ การวาง
ตอนที่ ๑๐๖ สร้างองค์พระอรหันต์ในตน
การสร้างพระ สร้างเสนาสนะ สร้างสิ่งใดในโลก ต้องศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจในสิ่งที่จะสร้าง ให้เข้าใจ ว่าจะต้องทำอย่างไร เช่นเดียวกันกับการสร้างพระอรหันต์ขึ้นในตน ต้องรู้ว่าพระอรหันต์เป็นอย่างไร ต้องทำสิ่งใด ต้องถอดถอนอะไร จึงจะทำพระอรหันต์ใ ห้ก่อเกิดขึ้นมาได้
ตอนที่ ๑๐๗ ผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้ด้วยตนเอง
การอ่านสลากยา ไม่สามารถที่จะ ทำให้หายเจ็บป่วยไข้ อาหารอร่อยหรือไม่จากการคอยแต่สอบถามผู้อื่นเลย การศึกษาธรรมะ จะให้เข้าใจและพ้นทุกข์ได้ ต้องปฏิบัติให้รู้ได้ด้วยตนเอง
พระอาทิตย์ให้แสงสว่างในตอนกลางวัน พระจันทร์ให้แสงสว่างในตอนกลางคืน ชีวิตที่ดำเนินไป โดยปราศจากแสงแห่งธรรม ย่อมเป็นจิตใจที่มืดบอด ขาดแสงสว่างไม่รู้จะเดินไปทางใด ย่อมที่จะเดินหลงทาง
ตอนที่ ๑๐๙ จิตที่ถูกครอบงำด้วยกิเลสตัณหา
ผู้ที่ยังล่องลอย อยู่ในทะเลทุกข์ เวิ้งว้างมองสุดลูกตา เจอคลื่นลมมรสุมพัดผ่าน จะหาความสุขสงบเที่ยงแท้ไม่ได้เลย จนกว่าจะแสวงหาทางขึ้นฝั่ง ออกจากทะเลแห่งความทุกข์
ตอนที่ ๑๑๐ ก้าวออกจากทะเลทุกข์
ผู้ที่ยังล่องลอย อยู่ในทะเลทุกข์ เวิ้งว้างมองสุดลูกตา เจอคลื่นลมมรสุมพัดผ่าน จะหาความสุขสงบเที่ยงแท้ไม่ได้เลย จนกว่าจะแสวงหาทางขึ้นฝั่ง ออกจากทะเลแห่งความทุกข์
ตอนที่ ๑๑๑ ส่องแสงสว่างให้แก่ผู้เดินตาม
ทางแห่งความพ้นทุกข์ ทางเส้นนี้ตั้งอยู่ไม่นานนัก ก็จะลบเลือนหายไป จนกว่าจะมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่อุบัติขึ้นมา จงเดินไป พบเห็นสิ่งใด มีความสุขสำเร็จเช่นใด ช่วยบอกเล่าให้แก่ผู้ที่เขาเดินตาม
ตอนที่ ๑๑๒ สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
ความมุ่งมั่นตั้งใจ ทำสิ่งใดที่ไม่มีอยู่จริง ทำในสิ่งที่เป็นสิ่งสมมติ ย่อมไม่มีประโยชน์ หมดเวลาต้องตายกลับไป จึงนำไปไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้น มันเป็นของปลอม จงถอดถอนจากความลุ่มหลง ยึดติด จากสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเหล่านั้น ก่อนหมดเวลา จะได้ไม่กลับไปมือเปล่า
ตอนที่ ๑๑๓ ไม่เปรียบเทียบกับบุคคลอื่น
คนเราเกิดมาย่อมมีความแตกต่างกัน จะมีดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวกระทำ ไม่ต้องเอาผู้อื่นมาเปรียบเทียบวัดระดับว่าเราสูงหรือต่ำ ทำเหตุแห่งการเบียดเบียนซึ่งตนและผู้อื่น จึงควรพิจารณาในสิ่งที่ขาดหาย และทำให้เต็ม ไม่ควรเอาบุคคลอื่นมาเปรียบเทียบกับตนเลย
ตอนที่ ๑๑๔ ความอดทนที่สูงสุด ***
การอดทนต่อการกระทำของผู้อื่นได้ ต้องเข้าใจในเรื่องกฎของกรรม ทำใจให้ปล่อยวางได้ โดยไม่ได้สร้างกรรมอันใดเพิ่ม พร้อมที่จะให้อภัย เรียกได้ว่าเป็นความอดทนที่สูงสุด