พระยาธรรมิกราช พุทธโอวาทกึ่งพุทธกาล154 วิดีโอ
… ตอนที่ ๕๐ ปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา
ปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา ทำสิ่งใดได้รับผลสิ่งนั้น สร้างความชั่วหวังผลให้ได้ความสุข จึงไม่มีเลย เพราะความสุขจะเกิดขึ้นกับผู้สร้างความดีเท่านั้น ฉะนั้นจงขวนขวายสร้างความดีเถิด จะได้ผลคือสุขตามมา
การสร้างความดี ต้องมีบททดสอบ ถ้าบารมีไม่เพียงพอ ความดีทั้งหลาย ที่เพียรสร้างอาจจะถูกลบล้างไปได้ การจะผ่านบททดสอบทั้งหลาย ให้พึงระลึกไว้ ทำดีแล้วให้ปล่อยวาง ทำแล้วไม่ยึดถือความดีไว้ เพียงสร้างความดีไปเรื่อยๆก็พอ ทำแล้วเหมือนไม่ทำ บททดสอบที่มีมา จะผ่านไปได้อย่างสบาย เมื่อถึงเหตุถึงปัจจัย ความดีทั้งหลาย จะส่งผลให้ได้รับความสุข อย่างแน่นอน
… ตอนที่ ๔๙ ความอิจฉา นินทาลับหลัง
กฎของกรรมคุมไว้ การกระทำอันใด จะคิดอยู่ในใจ หรือพูดออกมา ที่ไม่ดี จะทำต่อหน้าหรือลับหลัง แต้มคะแนนความดีก็จะเสียไป การสร้างเหตุความไม่ดีเอาไว้ ผลของการกระทำ จะให้ได้รับความทุกข์ตามมา จึงไม่ควรสร้างเหตุที่ไม่ดีเลย จงรู้จักสงสารตนเองบ้าง ที่ต้องมารับทุกข์ทีหลัง
… ตอนที่ ๔๘ ทำความดีให้ปล่อยดี
การทำความดีนั้น อย่ายึดถือความดีเอาไว้ ให้ปล่อยวางความดี จะได้ไม่หนัก ไม่เป็นทุกข์ เพราะการแบกไว้ ถือไว้ จะทำให้มือไม่ว่าง ไม่สามารถประกอบความดีได้อีก การสร้างความดีโดย ไม่หลงดี ไม่ถือดี จึงจะเข้าถึงความดีอย่างแท้จริง
เชือกแห่งความรัก เชือกแห่งความพันผูก เชือกแห่งความหลง เชือกแห่งความยึดติด คือ เชือกมหัศจรรย์ที่ ผูกรัดให้ดวงจิตทั้งหลาย ติดอยู่ จมอยู่ ไม่สามารถที่จะพ้นความทุกข์ เวียนเกิดกลับมา ต้องถูกเชือกเหล่านี้มัดไว้ แล้วหมดเวลา ตายกลับไป เกิดมาใหม่ ก็ถูกรัดอีก ไม่สามารถพ้นทุกข์ไปได้เลย จึงเรียกว่าเชือกมหัศจรรย์ ใครหลุดรอด จากการผูกรัดได้ ยิ่งเป็นผู้น่าอัศจรรย์
ความสวยงาม ล่อหลอก ปกปิดซ่อนเร้น สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน สวยแค่ภายนอก หวานแค่น้ำตาลที่เคลือบเอาไว้ หลงกลืนกินลงไป ทั้งปวดแสบปวดร้อน เจ็บปวด ทุรนทุราย ฉะนั้นให้ระวังสิ่งที่สวยงาม จะนำความทุกข์มาให้ เมื่อได้เข้าไปลุ่มหลงในความสวยงาม
สิ่งใดที่ยึดถือ สิ่งใดที่หลง สิ่งใดที่รัก สิ่งเหล่านี้ คือตะขอเกี่ยวใจ ให้ติดอยู่ ต้องกลับมาเวียนตาย เวียนเกิด กลับมายึด กลับมาหลง กลับมารัก กลับมาทุกข์ ไม่มีที่สิ้นสุด ละความยึดถือ ละความหลง ละสรรพสิ่ง ตะขอเกี่ยวใจไม่มีแล้ว พ้นทุกข์แล้ว
… ตอนที่ ๔๔ สิ่งที่มีทำให้เกิดทุกข์
สิ่งที่มีที่เป็น ทำให้เกิดทุกข์ เกิดมาจากมีแล้ว ลุ่มหลง ยึดติด ยึดถือ อยากให้มันเป็นไปตามที่เราต้องการ จนเกิดความทุกข์ ความเร่าร้อนเบียดเบียนตน และผู้อยู่ใกล้ อยู่ร่วมให้เป็นทุกข์ จงฝึกปล่อยวาง ในจิตทำให้ มีเหมือนไม่มี เป็นเหมือนไม่เป็น ความพ้นทุกข์ จึงจะเกิดแก่เราทั้งหลาย จากสิ่งที่มีที่เป็น
… ตอนที่ ๔๓ ออกแสวงหาความพ้นทุกข์
การออกจากบ้าน จากลูกหลาน ญาติมิตร มาบวช มาปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นเสบียงให้กับดวงจิต เพื่อก่อเกิดปัญญา เพื่อดับการเกิด การพลัดพราก ทำให้เราพ้นทุกข์ได้ก่อน แล้วกลับมา บอกลูกหลาน ญาติมิตร ให้เขาเดินตาม
… ตอนที่ ๔๒ ปล่อยทางโลก วางทางธรรม
เมื่อสละทางโลกแล้ว การเข้ามาสู่ทางธรรม ก็ยังมีลาภยศ สรรเสริญ สุข ที่จะมาล่อหลอกให้ติดอยู่อีก จงปล่อยวางสิ่งที่ล่อหลอกทั้งทางโลก และวางสิ่งทั้งหลาย ตอนเข้ามาสู่ธรรมนั้นด้วย จะได้ไม่หลง ไม่เสียเวลา ข้ามฝั่งพ้นความทุกข์ได้ เมื่อเรารู้จักการปล่อยวาง
คนที่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด ย่อมถูกสิ่งนั้นรัดเอาไว้ ย่อมเป็นทุกข์ แม้แต่การยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย กายย่อมครอบจิตเอาไว้ กายทุกข์จากความแปรปรวนของธาตุในกาย กายทุกข์จากการรับรู้สิ่งภายนอกเข้ามาในกาย ย่อมทำให้จิตเป็นทุกข์ ดังนั้น ถ้าเราแยกจิตออกจากกาย ถอดถอนจิตให้เป็นอิสระจากกาย เราจะสามารถพ้นทุกข์ได้ทั้งปวง
… ตอนที่ ๔๐ ผู้บอกทางผู้ชี้ทาง
การที่จะบอกใครให้ทำดี ให้เรามองย้อนมาดูที่ตัวเอง ว่าเราทำดีแล้วหรือยัง ถ้าเราทำดีแล้ว เราพ้นทุกข์แล้วหรือยัง ถ้าเรายังไม่ถึงความพ้นทุกข์ เราจงเร่งขวนขวายสร้าง สั่งสมความดี ให้ถึงที่สุด ให้เข้าถึงความพ้นทุกข์ ก่อนที่จะเป็นผู้บอกทาง ชี้ทางผู้อื่น ให้เขาได้ทำตามพ้นตาม
… ตอนที่ ๓๙ พอใจในสิ่งที่มีที่เป็น
พอใจในสิ่งที่มี พอใจในสิ่งที่เป็น เพียงพอในสิ่งที่มี เพียงพอในสิ่งที่เป็น ความทุกข์ทั้งหลาย จะดับลงได้ เมื่อรู้จักปล่อยวาง
… ตอนที่ ๓๘ ความยึดมั่นถือมั่น
การยึดถือตัวตน เป็นบ่วงห่วงที่ผูกรัด ให้ติดอยู่กับความทุกข์ เพราะ เมื่อมีเรา ก็จะมีเขา มีของเรา มีของเขา มีการแย่งชิง ยึดครอง ยึดถือ ทำให้ติดอยู่ จมอยู่ ไม่หลุดพ้นจากความทุกข์ จนกว่าเรา จะปล่อยวาง จากสิ่งภายนอก เข้าสู่การปล่อยวางในกาย จนสู่การปล่อยวางในจิต ให้ไม่มีอะไร เป็นความว่างเปล่า ไร้ตัวตน
… ตอนที่ ๓๗ ผู้ปรารถนาความพ้นทุกข์
ถึงแม้จะอยู่ในปราสาท คฤหาสน์ใหญ่โต มีทรัพย์ศฤงคาร บริวาร พร้อมสรรพ แต่ความทุกข์หาได้ จากเราไปไม่ ยกเว้นเราละได้ ซึ่งความอยาก เมื่อไม่อยากอะไรทั้งหมดแล้ว การขวนขวายได้มา หรือ สิ่งต้องรักษาไว้ ก็ไม่มีต่อไป เป็นความสำเร็จได้ ในการได้เกิดมา
การจะทำทานได้ เพราะมีปัญญา เมื่อมีปัญญา ความหลงก็หายไป
เมื่อทำทานได้ ความโลภก็หายไป การอภัยละได้ซึ่งความโกรธ
อภัยทานจึงดับกิเลส เหตุปัจจัยของการเกิดลงได้ จิตเลื่อนเข้าสู่ความว่างเปล่า ไม่มีตัวตน
การแสวงหาความสุข ในช่วงเวลา อันน้อยนิด ข้องเกี่ยวลุ่มหลง ผูกพัน อยู่กับความสุขทางโลก เปรียบเหมือนกับปลาติดเบ็ด จากเหยื่อทั้งหลาย ที่เขาเอามาหลอก มาล่อ ให้ปลาติดเบ็ด ย่อมมีความทุกข์อยู่ตลอดเวลา เมื่อตายไปแล้ว ต้องกลับมาเกิดใหม่ ลุ่มหลงอยู่อีก ติดอยู่อีก ผู้มีปัญญาเห็นเช่นนี้ รู้เช่นนี้แล้ว ย่อมจะไม่หลง ในเหยื่อทั้งหลาย ที่มาล่อมาหลอก ให้ต้องติดอยู่ในความทุกข์ในโลกอีก
ความทุกข์คือ ความไม่สบายกาย สบายใจ จะดับทุกข์ได้ ต้องรู้เหตุของความทุกข์ มูลเหตุใหญ่ ของความทุกข์ มาจากที่มีเรา ถ้าไม่มีเรา ก็ไม่มีทุกข์ ฉะนั้นหาตัวเราให้เจอ แล้วทำให้เราหายไป ความทุกข์ทั้งหลาย ก็จะดับไปสิ้นไปทันที ร่วมศึกษาวิธี ค้นหาตัวเราเองได้ ที่พุทธอุทยานภูสวรรค์ เชียงของ ได้ทุกวัน
การทำทานด้วยทรัพย์สิน เงินทองข้าวของ อานิสงส์ผลบุญนี้ จะก่อเกิดความร่ำรวยในทรัพย์สิน เงินทองข้าวของ จึงควรต้องสร้างบุญ ด้วยการบำเพ็ญปฏิบัติด้วย เพื่อให้ก่อเกิดปัญญา เพื่อจะไม่ยึดติด ลุ่มหลง ในทรัพย์สินเงินทอง จนปิดกั้นความดี ไม่สร้างบุญบารมี ที่จะให้ก่อเกิดความสุข ให้พ้นความทุกข์อย่างแท้จริงต่อไปได้
นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส กับพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเนื้อนาบุญ เปรียบเช่น นาดีเป็นนาที่มีปุ๋ย มีความชุ่มเย็น อุดมสมบูรณ์ ค้ำหนุนให้เมล็ดพันธุ์พืช ที่หว่านลงไป ให้ได้หมากผล เจริญงอกงามมาก เช่นเดียวกับ เนื้อนาบุญ จะ เต็มเปี่ยมด้วยบุญบารมี หว่านเมล็ดพันธุ์ความดี ถึงแม้เล็กน้อยก็ได้ผลบุญบารมีมาก เช่นเดียวกัน
บุคคลในโลกนี้ มีสติปัญญาได้จำแนกไว้ ๔ ระดับ ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ผู้มีปัญญาปานกลาง ผู้มีสติปัญญาน้อย ผู้ด้อยสติปัญญา ต้องใช้เวลาเข้าใจในธรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็สำเร็จได้ ด้วยความขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ปัญหา ความสำเร็จก็เข้าถึงได้เช่นเดียวกัน
มารทั้งหลายที่ว่าร้าย ชนะได้ด้วยความไม่มีตัวตน ไม่มีตัวตน ก็ไม่มีทุกสิ่ง แม้แต่มารก็ไม่มี ฉะนั้นเร่งหาตัวตนให้เจอ แล้วนำมาสลาย อัตตา ตัวตน ให้หายไป เป็นความว่างเปล่า ความสงบสุขอย่างแท้จริง จะสว่างเจิดจ้าแก่จิต ไม่มัวหมองต่อไปอีกแล้ว
ความทุกข์เกิดจาก ความไม่สบายกาย สบายใจ เหตุมาจากความอยากทั้งหลาย ทางที่ดับทุกข์ได้ ต้องละส่วนสุดสองอย่าง ไม่ข้องเกี่ยวกับ การฝึกปฏิบัติที่เคร่งเครียด จนเกิดทุกข์ทางกายทางใจ ไม่ฝึกแบบย่อหย่อน ติดในกามสุข จนเป็นทาสแห่งความอยาก ความหลง ความยึดติดในสิ่งทั้งหลาย ให้เดินทางสายกลาง ทำใจให้เป็นสุข เห็นทุกสิ่งไม่เที่ยง มีขึ้นตั้งอยู่และดับไป ไม่ขวนขวายทำสิ่งใด จนสร้างกรรมเบียดผู้อื่น แม้แต่ตนเอง ความพ้นทุกข์ จะมาเข้าเยือนเรา ในไม่ช้าไม่นาน
การชี้ทางบุญให้แก่ผู้อื่นนั้น เสมือนการชี้ทางบอกทาง แห่งต้นน้ำของสายน้ำ ที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ ให้กับสรรพสิ่ง เพราะบนโลกนี้ หากขาดน้ำสิ่งมีชีวิต ก็จะไม่สามารถ ดำรงชีวิตต่อไปได้ ผู้ชีทางบุญ จึงเป็นผู้ชี้ทางที่ประเสริฐ ทางแห่งพ้นทุกข์ ให้แก่ดวงจิตทั้งหลาย
… ตอนที่ ๒๖ ละความปรารถนาเพื่อละทุกข์
สิ้นสุดความปรารถนา ย่อมสิ้นสุดการแสวงหา สิ้นสุดการแสวงหา ย่อมสิ้นสุดความทุกข์ด้วย เช่นกัน
ทรัพย์สิน เงินทอง ข้าวของ มีไว้เพื่อสิ่งใด มีไว้เพื่อลุ่มหลงให้เป็นทุกข์ หรือมีไว้เพื่อสร้างความสุข สิ่งที่เป็นอยู่ หน้าที่การงาน ยศฐาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่ง มีไว้เพื่อสร้างความดี หรือสร้างกรรมเบียดเบียน ผู้มีปัญญาจะรู้ จะเข้าใจ จะเป็นผู้ผ่านด่านทดสอบ ความลุ่มหลง ไม่เสียเวลา ไม่เสียแต้มคะแนนความดี กับสิ่งที่มาล่อหลอกเหล่านั้น
การทวนเห็นภพชาติที่ผ่านมาแล้ว เพื่อเป็นครูสอนใจ ไม่ให้หลง ยึดติดในสิ่งทั้งหลาย ที่ยึดถือเอาไว้ไม่ได้ เห็นความทุกข์ ที่ต้องเวียนตายเวียนเกิด ตราบใดที่ยังไม่สามารถ ถอดถอนการเกิดได้ คงต้องทุกข์เช่นนั้น ไม่จบไม่สิ้น สิ่งใดที่ยึดอยู่ย่อมทุกข์อยู่ สิ่งใดที่ถืออยู่ย่อมหนักอยู่ ปล่อยวางไม่ยึดไม่ถือได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ความทุกข์ความหนัก จะไม่เกิดขึ้นแก่เราอีกแล้ว
… ตอนที่ ๒๔ ทำความดีละเว้นความชั่ว ***
เมื่อมีลมหายใจอยู่ ให้สร้างสะสมความดีเอาไว้ ไม่เบียดเบียนเขา ไม่เบียดเบียนเรา ทำใจปล่อยวางในสรรพสิ่ง ทั้งสิ่งที่ผ่านมาแล้ว และยังไม่มาถึง ทำหน้าที่ของตนให้ดี ไม่หลง ไม่ยึดติด ปล่อยวางทุกสิ่งในจิต มีเหมือนไม่มี เป็นเหมือนไม่เป็น สักว่าทำสักว่าเป็น ทำจิตให้หลุดพ้น ปล่อยวางในร่างกาย ก่อนที่จะถูกฝังไป หรือนำไปเผาไฟในที่สุด
… ตอนที่ ๒๓ สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็น
สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ อย่างสิ่งที่เห็น สิ่งที่รู้อาจจะไม่ใช่ อย่างสิ่งที่รู้ ตราบใดเรายังไม่พ้นทุกข์อย่างแท้จริง ไม่ต้องตัดสินใคร ตัดสินสิ่งใด เพราะมีอะไรในโลกนี้ ที่ลึกลับซ่อนอยู่มาก ที่เรายังไม่รู้ อย่าปล่อยแต้มคะแนนความดี ให้สูญเสียไป จากการที่คอยยุ่ง แต่เรื่องของคนอื่นอยู่เลย เอาตัวเอาตนให้พ้นความทุกข์ก่อนเถิด
การที่ยังไม่รู้หน้าที่ของตน ย่อมไม่รู้หน้าที่ของบุคคลอื่น เมื่อรู้แจ้งแห่งหน้าที่ของตน อย่างแท้จริงแล้ว ก็จะแจ้งในหน้าที่ของบุคคลอื่น และเข้าใจในสรรพสิ่งว่า เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่และดับไปเพื่ออะไร การตายจากโลกนี้แล้วจะไปอยู่แบบไหน มีอย่างไรบ้าง ฉะนั้นอย่ามัวเพ่งโทษหน้าที่ ของผู้อื่นเลย จงทำหน้าที่ของตนให้ดี และรู้แจ้งเถิด
ทางสายกลาง เป็นทางดำเนินของผู้ที่ปรารถนาความพ้นทุกข์ ทางสายนี้จะไม่ตึงเครียดจนเกินไป จะไม่ย่อหย่อนไปในทางใด พอใจตามสภาวธรรมที่มีอยู่ เป็นอยู่ ตามธรรมะ ที่ได้จัดสรรไว้ ไม่ปรุงแต่งเกินพอดี ไม่ปล่อยจิตปล่อยใจไปในทาง ลุ่มหลง ยึดติด ทำใจว่างๆ เห็น รู้ ไม่ยึดถือไว้ มีสัญญา เหมือนไม่มีสัญญา อยู่เหมือนไม่อยู่ เป็นเหมือนไม่เป็น เห็นเหมือนไม่เห็น รู้เหมือนไม่รู้ ที่เหลืออยู่มีหน้าที่แค่บอกทาง
… ตอนที่ ๒๐ ทำดีอย่างไรเพื่อให้ได้ดี
เมื่อได้ตั้งใจที่จะสร้าง จะถางทางแห่งความดีแล้วนั้น จงตั้งใจ ไม่ต้องรอให้ใครชม สร้างไปด้วยความอดทน ไม่ย่อท้อ ต่อบททดสอบทั้งหลาย ที่จะมาพิสูจน์ว่า เราเป็นคนดีจริงมากน้อยขนาดไหน ถ้าเราดีจริงแล้วไซร้ เราจะได้รับปริญญาธรรม ตามระดับชั้นของความดี
… ตอนที่ ๑๗ ลาภยศทรัพย์สินสมบัติ
ทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของสมบัติ ยศตำแหน่ง ฐานะสังคม ในโลกนี้ เป็นสิ่งล่อหลอกในเกมส์ ให้เราหลงติดอยู่ จนเวลาของเกมส์ ที่ได้มาแต่ละรอบของการเกิดนั้น หมดไปสิ้นไป บางครั้งหลง ถึงกับสร้างกรรมเบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น ให้เสียแต้มคะแนนความดี ขาดทุนในการเกิดเสียอีก ปล่อยวางจิต ในลาภยศทรัพย์สินให้ได้ สร้างสะสมความดี ในเส้นทางพุทธองค์วางไว้ ตัดวงจรการเกิดให้ได้ ก่อนที่เวลาจะหมดไป เป็นผู้ชนะในเกมส์ชีวิต ได้อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๑๘ ตั้งใจแน่วแน่ในสิ่งที่ทำ *****
เมื่อตั้งใจแน่วแน่ ที่จะพ้นทุกข์ หนทางความพ้นทุกข์ ที่ต้องผ่านไปนั้น ต้องเจอกับความทุกข์อยู่สองฝั่ง ของการเดินทาง แต่อย่าหยิบจับ ยึดถือความทุกข์เอาไว้ ให้มองผ่านเลยไป เอาศีลเป็นเกราะป้องกันกาย เอาธรรมเป็นแผนที่หมาย สมาธิตั้งมั่นไว้ ปัญญารู้เหตุโดยฉับไว ไม่นานถึงที่หมาย คือความพ้นทุกข์ อย่างแน่นอน
… ตอนที่ ๑๙ หลงอยู่ในธรรมของโลก
การกระทำสิ่งใดในโลกนี้ หากทำเพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อคำสรรเสริญ เพื่อจะให้ได้มาซึ่งความสุขแล้วนั้น ขอให้ได้พึงระลึกเสมอว่า ธรรมของโลกมาเป็นคู่เสมอ ถ้าปรารถนาในลาภ จะเจอเสื่อมลาภ ถ้าปรารถนาในยศ จะพบเสื่อมยศ ถ้าปรารถนาในคำสรรเสริญแล้วไซร้ คำนินทาจะตามหลังมาทันที ความทุกข์อันว่าไม่ปรารถนานี้ ก็จะมาเยือนเช่นกัน
… ตอนที่ ๑๖ การก้าวข้ามวัฏสงสาร ***
การก้าวออกจากเรือนมาเพื่อแสวงหาโมกขธรรม ธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ธรรมนี้เป็นไปเพื่อดับการเกิด ดับการที่ต้องมาเวียนวนในวัฏสงสาร เป็นไปเพื่อพ้นแล้วซึ่งความทุกข์ เป็นไปเพื่อรู้แจ้งในสรรพสิ่ง จิตกลับเข้าสู่ธรรมชาติ สู่ความว่างเปล่า ไม่มีดัวตนอีกแล้ว
… ตอนที่ ๑๕ การพลัดพรากจากบุคคลที่รัก
การพลัดพรากจากของคนเรานั้น ไม่จากเป็นก็จากตาย ผู้มีปัญญาได้รู้เช่นนี้แล้ว จึงได้ออกแสวงหาหนทาง เพื่อความพ้นทุกข์ เมื่อเจอแล้ว จะได้กลับมาสอนให้คนที่รักรู้ตาม เพื่อจะได้ไม่ต้องพลัดพรากจากกันอีกอย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๑๔ ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา
ความสุขของชาวโลก เป็นสิ่งที่มีไว้คู่โลก ไว้คอยล่อหลอก ลวงตาลวงใจให้ชาวโลกหลงอยู่ ติดอยู่ แต่ความสุขทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อจิตเราสงบแล้ว เราจะเห็นความสุขเหล่านั้นเป็นสิ่งจอมปลอม ไม่สามารถที่จะคงอยู่ ให้มีความพอใจ สุขใจตลอดไปได้ จงเดินออกมาแสวงหาความพ้นทุกข์ให้พบเถิด
การออกบวชเป็นไปเพื่อแสวงหาหนทางความพ้นทุกข์ ทำให้แจ้งซึ่งเส้นทางนั้น เดินไปให้ถึงซึ่งความพ้นทุกข์ แล้วกลับมาบอกทาง ชี้ทาง บุคคลทั้งหลายอันเป็นที่รัก ผู้ติดอยู่ หลงอยู่ ยังไม่รู้ซึ่งหนทาง ให้เขาได้รู้ ปฏิบัติตามและพ้นความทุกข์ตาม
… ตอนที่ ๑๒ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนตาย
การทำความรู้แจ้งในชีวิตหลังความตาย สามารถที่ทำให้เราหลุดพ้นจากการเวียนวน เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ที่คอยส่องแสงให้กับดวงจิตทั้งหลาย เปรียบเหมือนสายน้ำที่คอยให้ความชุ่มเย็น ความตายจึงไม่เป็นสิ่งน่ากลัว สำหรับผู้ที่มีความสว่างแล้วในจิต พ้นแล้วในความทุกข์ทั้งหลาย
ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนหนีไม่พ้น เกิดมาแล้วต้องตาย สักวันหนึ่งเราก็ต้องตายเช่นกัน ไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเราเมื่อไหร่ ตายไปต้องพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก ทรัพย์สินอันเป็นที่รัก ไม่ปรารถนาทุกข์จากการตาย ต้องดับการเกิด โดยไม่หลง ไม่ยึดติดในสิ่งทั้งหลายว่าเป็นของเรา ทำจิตให้ว่าง วางจิตออกจากกาย พ้นการถูกงำจากกายทั้งหลาย เราจะได้ไม่ต้องกลับมาเกิด มาทุกข์อีก
… ตอนที่ ๑๐ พิจารณาความแก่ ความเจ็บป่วย
เมื่อมีร่างกาย ย่อมมีเจ็บป่วย มีแก่ชรา เป็นธรรมดา สรรพสิ่งล้วน มีเหตุอันเป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ ยกเว้นเราดับเหตุของการเกิดได้ ความหลุดพ้นจากการเจ็บ การแก่ การตาย จึงพึงมีแก่เรา ให้พิจารณาตัดความยึดถือของกายนี้ อยากมีกายนี้อีก การเกิดในกายนี้ จึงจะมีเหตุที่สิ้นไปดับไป
ผู้มีสติปัญญามีแสงสว่างอยู่ในจิต เป็นผู้ที่ได้สร้างสั่งสมบุญมามากแล้ว ถึงแม้จะมีสิ่งมาล่อหลอก ลวงตาลวงใจ มาปิดกั้นความดี จะไม่สามารถทำให้หลงไปทางผิด หยุดยั้งในการสร้างความดี สร้างบุญบารมีได้เลย เพราะเป็นผู้สว่างแล้ว แจ้งแล้วสรรพสิ่ง
… ตอนที่ ๘ ผู้ที่เรียนจบอย่างแท้จริง
การศึกษาเล่าเรียนในทางโลกนั้น เมื่อมีการตายถือว่าเป็นการสิ้นสุดการเรียนรู้ แต่ไม่ใช่การจบการเรียนรู้อย่างแท้จริง เพราะต้องกลับมาเกิดใหม่ ศึกษาเรียนรู้ใหม่ ไม่เหมือนการเรียนรู้ทางธรรม เมื่อเรียนรู้ ปฏิบัติจบแล้ว ไม่ต้องกลับมาเรียนใหม่อีก เพราะดับแล้วซึ่งการเกิด ภพชาติไม่มีอีกแล้ว
… ตอนที่ ๗ การออกบวชกับหน้าที่ทางโลก
เมื่อมีบุคคลในครอบครัว ได้สละหน้าที่ทางโลก ออกบวชเพื่อแสวงหาความพ้นทุกข์นั้น อานิสงส์ของการออกบวช จะส่งผลให้ปวงญาติ ได้รับผลบุญเช่นเดียวกัน เมื่อผู้ออกบวชได้เจอหนทางแล้ว จะสามารถมานำทางให้ผู้อื่นได้รู้ตาม ปฏิบัติตาม แล้วพ้นจากความทุกข์ได้เช่นเดียวกัน
… ตอนที่ ๖ ความปรารถนาดีต่อลูก
ผู้ที่เป็นบิดามารดานั้นย่อมปรารถนาให้บุตรธิดาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อไม่เป็นไปตามที่คิดหวังไว้ก็เป็นทุกข์ ลืมคิดไปว่าเราให้เขาได้แค่ชีวิต ไม่อาจให้ชะตาชีวิตหรือไปลิขิตชีวิตแก่เขาได้ ทุกคนมีกรรมของตน แม้เราเองก็เช่นกัน ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ แล้วปล่อยวางให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของเกมส์เถิด
… ตอนที่ ๕ เหตุที่ดีทำให้พบกับสิ่งที่ดี
การที่เรารอคอยว่าเมื่อไหร่ จะมีใครมาสร้างความดี ความสุขให้เรานั้น เป็นเรื่องยาก แต่การที่เราสร้างความดีให้เกิดความสุขแก่เรานั้น ทำได้เลยไม่ต้องรอสิ่งใด
… ตอนที่ ๔ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ถึงแม้จะมีองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติบังเกิดขึ้น ถึงแม้จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ถึงแม้จะมีองค์พระอรหันต์เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถให้เราเป็นผู้พ้นทุกข์ได้ ถ้าไม่ทำตนให้เข้าถึงความดี เดินตามทางที่ผู้ประเสริฐเหล่านั้นชี้ทางและบอกทาง
… ตอนที่ ๓ สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง
ดอกไม้แม้จะสวยงามแต่ย่อมเสื่อมไปตามกาลเวลา ความสุขความทุกข์ใดในโลกนี้ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อมีมาก็เสื่อมไปเป็นธรรมดาอยู่อย่างนั้น แล้วจะวิ่งตามทำไมให้เป็นทุกข์เปล่าๆ จงหยุดหลงไหล ทำตนให้นั้นพ้นจากความทุกข์ ให้จิตเป็นอิสระ หลุดพ้นจากการครอบงำจากสรรพสิ่ง สว่างแจ้งตลอดไป
… ตอนที่ ๑ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาเพื่ออะไร
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มานำสัตว์โลก ที่วนเวียนในวัฏสงสาร ให้ออกจากทุกข์ พระองค์ท่านเป็นผู้รู้แจ้ง ทางแห่งความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ผู้ใดที่เชื่อและเดินตามรอยพระองค์ท่าน ย่อมได้พบกับความสุขพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๒ ผู้เดินตามรอยพระศาสดา
ผู้ที่เบื่อหน่ายการเวียนตายเวียนเกิดแล้ว ปรารถนาที่จะออกจากการเวียนวน ให้เดินตามรอยพระศาสดา สี่ก้าวย่าง มีศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา ย่อมออกจากความทุกข์ในการเกิดนั้นได้.
การที่เห็นคนอื่นทำสิ่งใด ทำตามเขาโดยไม่รู้จักประมาณในตน ต้องพบกับความทุกข์ ทน ให้รู้จักประมาณกำลังแบกน้ำหนัก ที่พอประมาณไหว อย่าเอาใครมาทับถมตน ให้รู้จักพิจารณา ก่อนจะทำสิ่งใด จะได้ไม่เป็นทุกข์ ในภายหลัง
… ตอนที่ ๕๓ คบกับคนดี เว้นคบกับคนชั่ว
คนดีจะชักชวนสร้างสั่งสมบุญ สร้างเหตุของความสุข ให้แก่ตนและผู้อื่นเสมอ ดังนั้นควรคบคนดี ทำแต่สิ่งที่ดี จะสงบเย็น ได้ผลกำไร ให้แก่ดวงจิตตน
ลุ่มหลงในสิ่งใด จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น ยึดติดในสิ่งใด ก็เป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น คลายความลุ่มหลง คลายความยึดติด ด้วยสมาธิ สติปัญญา แสวงหาความดี ให้สร้างเหตุตามปัจจัยที่มี ปรารถนาความดีเกินความพอดี ก็จะเป็นความลุ่มหลงไป
… ตอนที่ ๕๕ บ่วงใจสายใยครอบครัว
บ่วงคล้องใจ สายใยครอบครัว ด้วยรักผูกพัน จึงทำให้เจอกับความทุกข์ เพราะยึดติดว่าเป็นเรา เป็นของเรา คลายความยึดถือ ยึดติด ยึดมั่นถือมั่น คอยเตือนตนเสมอ ว่าไม่มีใครเป็นของใคร มีแค่หน้าที่ ที่ต้องทำให้ดีก็พอ
… ตอนที่ ๕๖ ลุ่มหลงในกามคุณ ***
กามคุณทั้งหลาย ที่ผ่านมาทางตา หู จมูก ลิ้น สัมผัสทางกาย เป็นความสุขแค่นิดเดียว สุขแค่ลมพัดผ่าน ต้องเสียเวลา และต้องแสวงหา ให้ได้ความสุขชั่วคราวอยู่ร่ำไป ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ปล่อยความสุขทางกามคุณทั้งหลายได้ ก็เข้าใกล้ความพ้นทุกข์ พบความสุขที่แท้จริง
คนที่มองเห็นว่าทางโลกว่าดี ย่อมลุ่มหลงในโลก ย่อมเป็นทุกข์ในโลก บุคคลใดได้เข้าถึงธรรม สว่างแจ้งในทางธรรม ย่อมเห็นความแตกต่างที่ซ่อนเร้น ย่อมปล่อยวาง ปล่อยความยึดติด ทางโลก ปล่อยความทุกข์ เข้าสู่ความเจริญในทางธรรม
การสร้างเกราะป้องกันภัย ให้สร้างความดี ทำหน้าที่ของตนให้ดี รู้จักการเสียสละ ให้อภัย ยกจิตให้สูงชึ้น ปล่อยความยึดถือตัวตน ความดีเหล่านี้จะเป็นเกราะป้องกันภัย อันตรายให้แก่ตนที่ดีที่สุด
… ตอนที่ ๕๙ แสงสว่างของการทำความดี
การที่ต้องการให้ใคร คนใดคนหนึ่ง เขาสร้างความดี เราต้องทำความดีให้เขาเห็นเป็นแบบอย่าง เพื่อจะมีพลังความดีค้ำหนุน ให้เขาศรัทธาว่า สิ่งที่เราแนะนำไปนั้น จะไม่ผิดทาง หลงทาง ฉะนั้นทำตนให้ดีก่อน ค่อยบอกสอนคนอื่นให้เขาทำตาม จึงจะสามารถชี้ทาง นำทาง ให้เขาเหล่านั้น เข้าถึงความดีได้ด้วย พลังบุญบารมีของเรา
… ตอนที่ ๕๙ แสงสว่างของการทำความดี
พระยาธรรมิกราช พุทธโอวาทกึ่งพุทธกาล .
… ตอนที่ ๖๐ การได้มาซึ่งชัยชนะ
การชนะความโกรธได้ด้วยการไม่โกรธ การชนะความชั่วได้ด้วยความดี การชนะความตระหนี่ได้ด้วยการให้ การชนะคำพูดพล่อยๆด้วยการทำจริง
ความลุ่มหลงในสิ่งล่อตา ล่อใจ ทั้งหลาย เมื่อเห็นว่าดี ย่อมตกเป็นทาสของมัน ย่อมเร่าร้อน อยู่กับความทุกข์ เพื่อให้ได้มันมาก็เป็นทุกข์ เมื่อต้องสูญเสียไปก็เป็นทุกข์ จงทำจิตปล่อยวาง ในสิ่งทั้งหลาย เพื่อให้เบาสบาย ว่างเปล่า ไร้ซึ่งความทุกข์
ความสวยงามเป็นสิ่งล่อตาล่อใจ ให้ลุ่มหลง ให้เป็นทุกข์ เร่าร้อน เพราะความสวยงาม ถ้าไม่รู้เท่าทันก็จะตกเป็นทาสของของสวยงามนั้น จงถอดถอนความลุ่มหลงต่อความสวยงามนั้น เพื่อความพ้นทุกข์เถิด
… ตอนที่ ๖๓ ทางสายแห่งความพ้นทุกข์
ทางสายแห่งความพ้นทุกข์ คือสายทางแห่งการสร้างความดี สายที่ไม่คร่งเครียด เคร่งครัด ไม่ตึงไม่หย่อน จนเกินไป ไม่เบียดเบียนเขา ไม่เบียดเบียนเรา ทำจิตให้เป็นสุข ไม่ลุ่มหลง ไม่ยึดติด ในสิ่งใด เดินมาเรื่อยๆ จะปล่อยวางตัวตน หลุดพ้นความทุกข์ได้เอง
… ตอนที่ ๖๔ ทำความดี ละเว้นความชั่ว
การสร้างความดี จะเป็นเล็กน้อย หรือ สร้างความดีที่ยิ่งใหญ่ เมื่อถึงเหตุ ถึงปัจจัย จะมีบททดสอบ ในการทำดี จะสอบผ่าน หรือไม่ อยู่ที่สติปัญญาว่า รู้เท่าทันเหตุทันปัจจัย จึงจะสามารถผ่านการทดสอบไปได้ และ ยังสามารถสร้างความดียิ่งๆ ขึ้นไป ไม่เป็นผู้พ่ายแพ้ ในบททดสอบ หมดหวังในการสร้างความดี และเพ่งโทษความดีว่า ทำดีแล้วไม่ได้ดี
… ตอนที่ ๖๕ รู้จักให้โอกาสตนเอง
การทำสิ่งที่ไม่ดี จะได้รับอภัย ก็ต่อเมื่อ เราเปลี่ยนแปลงตนเอง จากการทำชั่ว ไปทำความดี เพราะไม่มีใคร ให้โอกาสเราได้ ถ้าเราไม่ให้โอกาสตนเอง ดังนั้นจงรู้สำนึก และแก้ไขสิ่งไม่ดี ก่อนที่หมดโอกาส และสายเกินไป.
การสร้างความดี แล้วเจอแต่สิ่งไม่ดี เข้ามาในชีวิต ทำให้เราท้อถอย ในการทำความดี เหตุมาจากเราเคยสร้างกรรมชั่วเอาไว้ เมื่อสร้างความดีเมื่อไหร่ ผลของกรรมชั่ว จะเข้ามาให้ผล ต้องชดใช้ ดังนั้น ไม่ควรทำความชั่วเลย เพราะจะเป็นกับดัก ในการทำความดี เมื่อสร้างความดีเมื่อไหร่ ก็จะตกหลุมตกบ่อ ตกกับดักที่ตนขุดเอาไว้
… ตอนที่ ๖๗ ความชั่วแม้เล็กน้อยไม่ควรทำ
การคบความชั่ว ผลจะทำให้ได้รับความทุกข์ จะเป็นความชั่วมาก หรือชั่วน้อย ก็จะได้รับทุกข์เช่นเดียวกัน แตกต่างแค่ทุกข์มาก ทุกข์น้อย เท่านั้นเอง
ดังนั้น อย่าคบความชั่ว อย่าทำความชั่วเลย
ศีลเป็นเกราะป้องกันความทุกข์ จากการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ธรรมเป็นหนทางที่จะดำเนิน ให้พ้นจากความทุกข์ การมีศีลธรรม จึงเป็นสิ่งที่ควรเพาะปลูกให้เจริญงอกเงยงอกงาม ในจิตในใจของทุกคน
การกระทำที่ผิดพลาดไปแล้ว จะได้รับการอภัย ก็ต่อเมื่อ ได้รับการสำนึกผิด และปรับจิตปรับใจ ปรับตัวใหม่ในการทำดี การกล่าวคำขอโทษ ถึงจะมีประโยชน์แก่ตนเอง
… ตอนที่ ๗๐ ยาแก้ความแก่ ความชรา
ความแก่ชรา เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา นำมาซึ่งความทุกข์ หากต้องการยาแก้ ต้องยอมรับความเป็นจริง ปล่อยวางในทุกสิ่ง แม้แต่ร่างกาย ได้อย่างแท้จริงแล้ว ความแก่ ความชรา จะไม่เกิดกับเราอีก เพราะได้ดับเหตุ การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย เรียบร้อยแล้ว
… ตอนที่ ๗๑ ธรรมดาเป็นเช่นนั้นเอง
การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ชีวิตสิ้นสุดลง แล้วกลับมา เป็นเช่นนี้อีก ส่วนที่เป็นบุคคล ข้าวของ ทรัพย์สิน เงินทอง สมบัติ ที่เป็นของเรา ที่ทำให้ยึดติด และลุ่มหลงอยู่ ก็ต้องจบลง ที่การตาย เช่นเดียวกัน จงหาทางออกมา ออกมาแสวงหา หนทางความพ้นทุกข์เถิด จะได้ไม่ต้องกลับมาเวียนตาย เวียนเกิดอีก
แสงเทียนที่จุดขึ้นมา อย่ารอเวลาให้มอดไหม้ จนหมดไขเทียน สิ่งใดเป็นความดี จงขวนขวายไว้ เพราะสิ่งที่ทำไว้ นำไปได้มีความชั่วและความดี
ผู้ที่จะเป็นผู้ชนะ เป็นผู้สำเร็จ ในความพ้นทุกข์ ต้องเจอความทุกข์ เจอบททดสอบ เยอะแยะมากมาย จะผ่านไปได้ ต้องจิตใจที่มั่นคง อดทนอดกลั้น รู้ทันเหตุปัจจัยทั้งหลาย ปล่อยวางสรรพสิ่ง ให้เห็นเป็นแค่ เครื่องหมายตามสายทาง
… ตอนที่ ๗๔ ความดีไม่ได้แบ่งชายหรือหญิง
การสร้างความดี ไม่ได้จำกัดไว้ที่เพศใด แต่ขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของตน ให้เข้าสู่หนทางแห่งความดี เข้าถึงความหลุดพ้น เข้าถึงคำว่า องค์อรหันต์ทั้งหญิง และชาย
… ตอนที่ ๗๕ การตอบแทนพระคุณพ่อแม่
การตอบแทนคุณบิดามารดา ต้องเรียงระดับความดี นำท่านเข้าศึกษาธรรม ทำตนของเราให้เป็นคนดี มีทรัพย์ค้ำหนุนท่านยามแก่เฒ่า จึงจะเป็นการตอบแทนคุณที่ดี อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๗๖ ความดีไม่ได้มีไว้อวด
การมีสิ่งที่ดี ที่ประเสริฐ ปรารถนาให้คนอื่น ได้รู้ตามเห็นตาม จึงต้องแสดงออกมา เพื่อให้มีความศรัทธา ในสิ่งที่บอก ไม่เจตนาให้ลุ่มหลง จึงไม่ใช่การแสดง โอ้อวด เช่นกับ องค์สัมมาพระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์ เพื่อให้คนศรัทธา ในสิ่งที่แนะนำสั่งสอน จะได้มีความเชื่อ ประพฤติปฏิบัติตาม ทางที่ชี้บอก จะได้พ้นความทุกข์ตาม
ทางแห่งความพ้นทุกข์ มีความสลับซับซ้อน ถ้าไม่เคยเดินผ่านมาก่อน จะไม่สามารถบอกทาง ได้อย่างถูกต้อง อาจจะบอกทางให้คนอื่นหลงทางได้ เพราะฉะนั้น ผู้ชี้ทางบอกทาง ควรปฏิบัติให้ถึงความพ้นทุกข์ ได้อย่างแท้จริง ก่อนที่จะบอกทางชี้ทางให้ผู้อื่นเดินตาม
ความทุกข์ทั้งหลาย เกิดขึ้นได้เพราะมีเรา มีเราได้เพราะการเกิด เหตุของการเกิด มีมาจากความลุ่มหลง ก่อให้เกิดความอยากได้ อยากมี อยากเป็นตามมา เมื่อได้มาสิ่งใด ก็มีความยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นของเรา เพื่อให้ได้มาบางครั้ง ก็เล่นผิดกติกาผิดกฎเกมส์ สร้างกรรมเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ทำให้ต้องเวียนมาเกิด มาชดใช้หนี้กรรมม่จบไม่สิ้น สิ่งที่เป็นตัวล่อ ตัวหลอกในเกมส์ที่ขาดไม่ได้นั้น คือ ความสวยงาม
ความสุขเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคน ดิ้นรนแสวงหา แต่ยิ่งหากลับยิ่งทุกข์ คิดว่าถ้าได้สิ่งนี้มา จะเป็นสุข แต่เมื่อคว้ามาได้ กลับพบสุขแค่นิดหน่อย ที่เหลือส่วนมากมีแต่ความทุกข์ เพราะแท้ที่จริงแล้ว ความสุขทางโลก จะมีแต่ความสุข ไม่เจือด้วยความทุกข์นั้นไม่มี ดังนั้นหยุดแสวงหาความสุขทางโลก แล้วมาแสวงหา ความสุขทางธรรมเถิด จึงจะพบกับความสุข อย่างแท้จริง
กายเปรียบเหมือนรถ จิตเปรียบเหมือนคนขับ ถ้าเรายึดถือในรถ ว่าเป็นของเรา รักในรถมาก ห่วงในรถมาก เมื่อรถเสื่อมไป เสียไป ก็จะเป็นทุกข์ ถ้ารถหมดสภาพใช้งานไปแล้ว ต้องแสวงหารถคันใหม่ เป็นทุกข์ ในการแสวงหา การมีรถ รักษารถ ซ่อมรถ สืบต่อไป เช่นเดียวกับ จิตจะพ้นจากกาย จะต้องแยกจิตออกจากกาย ปล่อยวางกาย ปล่อยความยึดถือกาย ความอยากมีกาย ความทุกข์ จึงจะไม่มี แก่จิตดวงนั้น อีกต่อไป
หลักการทำสมาธิ เริ่มแรกให้ผู้ที่จะทำสมาธินั่งขัดสมาธิ แบมือทั้ง 2 ข้าง เอาไว้ที่หัวเข่า เพื่อรับพลังพุทธบารมี ให้ตัดความยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งทุกอย่าง ตัดอดีตที่ผ่านมา เพราะว่าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ตัดอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะว่าเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ให้อยู่กับปัจจุบัน และคิดว่าตอนนี้เรากำลังนั่งทำสมาธิอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งเป็นโลกของความสงบสุข เมื่อได้ตัดความวุ่นวายทั้งหลายออกไปแล้ว ให้หายใจลึกๆ ค่อยๆหลับตาลง ให้ตั้งสมมุติขึ้นมาว่าเหนือศีรษะของเราขึ้นไป สูงขึ้นไป มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ขนาดใหญ่ เป็นกายแก้วใสๆ นั่งอยู่บนดอกบัวแก้ว แล้วพระองค์ท่านมีฉัพพรรณรังสี.. สว่างเจิดจ้าด้วยพุทธบารมี
บริกรรมว่า *สัมมาสัมพุทธะ ปัจฉิมาสัมพุทธะ *
… ตอนที่ ๘๒ ธรรมะเปิดโลก *****
การเปิดโลกของพุทธองค์ เป็นการเปิดด้วยพระธรรมคำสอน เปิดให้เห็นความเป็นจริงในการเวียนตาย เวียนเกิด ในวัฏสาร เปิดให้เข้าใจที่มาของดวงจิต เข้าใจเหตุที่มาเวียนวน เข้าใจวิธีการทำให้หลุดพ้น เข้าใจในสภาวธรรมของสรรพสิ่ง ตามความเป็นจริง จึงเรียกว่า ธรรมะเปิดโลก
สรรพสิ่งที่เกิดในโลก จะเกิดโดยธรรมชาติ หรือมนุษย์สร้างขึ้นมา ให้มีคุณค่าหรือไม่ อยู่ที่การสมมติ ถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจในความเป็นจริง ก็จะเป็นทุกข์ เพราะความต้องการ ความยึดติด ความลุ่มหลง และการเบียดเบียนกัน เพื่อให้ได้มา ซึ่งสิ่งสมมติทั้งหลายนั้น ผู้ที่เป็นทุกข์เพราะสิ่งสมมติ จึงเป็นคนหลงโลก หลงสมมติ
… ตอนที่ ๘๔ ชีวิตก่อนและหลังความตาย
ก่อนเกิดมาจากไหน มีหน้าที่มาทำอะไร ตายแล้วจะไปไหน ชีวิตหลังความตาย มีจริงหรือเปล่า แล้วความจริงเป็นเช่นใด จะเชื่อได้อย่างไร ว่าเป็นจริง นี่คงเป็นคำถาม ที่หลายคนต้องการคำตอบ แต่อย่ารอคำตอบจากใครเลย ให้แสวงหาความจริง จากการประพฤติปฏิบัติ ให้รู้ความจริง ด้วยตนเองเถิด เพราะ ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง ถึงจะได้ประโยชน์แก่ตน อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๘๕ นรก สวรรค์ นิพพาน มีจริงไหม ***
ดวงจิตที่มาเกิดในโลก มีละครชีวิต ที่ต้องมาเล่นมาแสดง จิตจะเป็นผู้รู้ ผู้เสวยอารมณ์ เมื่อได้กระทำเหตุของความทุกข์ จิตจะมีความทุกข์ ความเร่าร้อน เรียกจิต เข้าสู่นรก เมื่อจิตมีความสุขเรียกว่าได้ขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าจิตพ้นจากความทุกข์ ความสุขได้ เรียกว่าเข้าสู่สภาวธรรมพระนิพพาน เมื่อหมดเวลาของการแสดงในโลก จะมีที่พักของดวงจิต ที่มีความทุกข์เรียกนรก ที่มีความสุขเรียกสวรรค์ เพื่อรอรอบมาแสดงใหม่ สำหรับผู้ที่พ้นความทุกข์และสุขได้แล้ว ไม่ต้องกลับมาแสดงละครอีก เข้าสู่พระนิพพาน
เกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อลุ่มหลง ในสิ่งที่มี สิ่งที่เป็น เกิดมาเพื่ออยากได้ อยากมี อยากเป็น เกิดมาเพื่อยึดติด ในสิ่งที่มี ที่เป็น เกิดมาเพื่อเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่น หรือเกิดมาเพื่อ ดับเหตุทั้งหลายเหล่านี้ เพื่อไม่เกิดความทุกข์อีกต่อไป แล้วท่านทั้งหลาย เกิดมาเพื่อสิ่งใด
การทำผิดทำพลาดไป ด้วยความไม่รู้ อย่ามัวแต่โทษตัวเอง อย่ามัวแต่ทุกข์ ให้หาเหตุทั้งหลาย ในความผิดพลาดนั้น เพื่อจะไม่ให้เรา ต้องทำผิดพลาดอีก ความดีที่ได้ทำแล้ว ก็อย่ามัวแต่ดีใจ คิดว่าดีแล้ว ฉลาดแล้ว ยึดถือไว้ จนทำให้มองไม่เห็น ไม่พิจารณาเหตุ จนไม่สามารถทำ ความดีต่อไปได้อีก เพราะ มัวแต่ยึดดี และหลงดี
ผู้ที่ผ่านความทุกข์ ผ่านการเรียนรู้ความทุกข์ เข้าใจในความทุกข์ สามารถที่ทำจิตเข้าถึง รู้แจ้งในเหตุของความทุกข์ สามารถดับเหตุของความทุกข์ เข้าถึงความสุขอย่างแท้จริง จะให้กลับไปลุ่มหลง อยากได้อยากมี อยากเป็น ยึดติดใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขของโลก เป็นไปไม่แล้ว เพราะบุคคลผู้นั้น เป็นผู้รู้ ผู้สว่างแล้วในสรรพสิ่ง เป็นผู้พ้นโลก
เมื่อได้ทำความดี จะได้ความดี มามากหรือน้อย ถ้าเราต้องการที่จะทำดีต่อไป เราอย่าไปยึดดี อย่าถือความดีไว้ จะทำให้มือไม่ว่าง ไม่สามารถทำความดีต่อไปได้ จะทำให้หนักและ เป็นทุกข์ ความดีที่ดี อย่างแท้จริง เขาจะไม่เอามาอวดใคร เดี๋ยวจะถูกแย่งความดีไป จะมาทุกข์ใจ เพราะได้ทำความดี ให้สูญเสียไปแล้ว จึงไม่ควรอวดดี
… ตอนที่ ๙๐ การกระทำในที่ลับที่แจ้ง
การกระทำจะเป็นการคิด การพูด หรือการกระทำทางร่างกาย ทั้งในที่ลับ ทั้งในที่แจ้ง ต่อหน้าและลับหลัง จะมีคนรู้ หรือไม่รู้ จะมีคนเห็น หรือไม่เห็นก็ตาม เป็นการกระทำที่ดี หรือที่ชั่ว ก็จะมีผลให้เกิดทั้งความสุข และความทุกข์ตามมา ฉะนั้น จงคิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ดีเถิด
… ตอนที่ ๙๑ การทำให้ถูกใจผู้อื่น
ในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่าง มีหลากหลายความคิด มีหลายจิตหลายใจ จึงเป็นไปได้ยาก ที่จะทำให้ถูกใจหมดทุกคน ดังนั้น เราควรทำตามหลักของความดี จึงจะเป็นทางที่ถูกต้อง เพราะความดีจะเป็นหนทาง ที่ออกไปจากความวุ่นวาย หนทางที่ออกไปจากความทุกข์
… ตอนที่ ๙๒ ผู้อยู่เหนือโลก ***
บุคคลที่สามารถ ดับความลุ่มหลงในร่างกายของตนและผู้อื่นได้ ดับความอยากมี อยากเป็นในร่างกายของตนและผู้อื่นได้ ดับความยึดติดในร่างกายของตนและผู้อื่นได้ ดับการเบียดเบียนซึ่งร่างกายของตนและผู้อื่นได้ บุคคลที่ดับได้ทั้งหมดนี้ จะเป็นบุคคลที่พ้นทุกข์ จะเป็นผู้ที่อยู่เหนือโลก
… ตอนที่ ๙๓ ความโกรธไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหา
เมื่อมีความเห็นต่าง ขัดแย้งกันในสิ่งใด จงอธิบายด้วยเหตุ ด้วยผล เพื่อให้เกิดความเข้าใจ สลายความขัดแย้งนั้น ถ้าได้ทำแล้วยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ ให้ทำจิตให้สงบ ปล่อยวาง ปล่อยไปตามเหตุตามปัจจัย แต่อย่าให้ความโกรธ มาครอบงำจิตใจเราได้ เพราะความโกรธ แก้ไขปัญหาสิ่งใดไม่ได้
… ตอนที่ ๙๔ การเพ่งโทษผู้อื่น ***
ในโลกนี้มีสิ่งที่ ซ่อนเร้นเยอะแยะมากมาย เกินกว่าเราจะรู้ ทำความเข้าใจได้ในทุกสิ่ง เพื่อไม่ให้เกิดพลาด สร้างกรรมเบียดเบียด ให้แก่ตนและผู้อื่น จึงไม่ควรสนใจใคร ให้สนใจตนเอง ไม่ตัดสินวใคร ไม่เพ่งโทษใคร ทำเราให้ดี คิดดี พูดดี ทำดี เพื่อจะได้พ้นจากความทุกข์
… ตอนที่ ๙๕ เว้นจากการเบียดเบียน *****
สมการของความทุกข์ และวิธีการแก้สมการให้พ้นความทุกข์
ความทุกข์ = การเกิด = กิเลส * ตัณหา * อุปาทาน * อกุศลกรรม = หลง * อยาก * ยึด * เบียด
หลง คือ ความโง่ ไม่รู้ตามความเป็นจริง เป็นหัวหน้าของกิเลสใหญ่ทั้งหลาย เมื่อมีแล้วจะ ทำให้ ลุ่มหลงในความรักในระหว่างเพศ ความโลภในทรัพย์สินเงินทองข้าวของ เมื่อปรารถนาแล้วไม่ได้ก็เกิดความโกรธตามมา
อยาก คือ ตัณหา อยากได้ อยากมี อยากเป็น สร้างเหตุของความทุกข์
ยึด คือ อุปาทาน การยึดติดในสิ่งทั้งหลายในโลกสมมติ ว่าเป็น ของเรา
เบียด คือ อกุศล การเบียดเบียน ซึ่งตน และ ผู้อื่น เกิดหนี้กรรมที่ต้องชดใช้
จะพ้นความทุกข์ได้ ต้องให้ ตัวแปรใดตัว ตัวแปรหนึ่งในสมการนี้ ให้มีค่าเท่ากับศูนย์ ความพ้นทุกข์ หรือ ความทุกข์ จะมีค่าเท่ากับศูนย์ การเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็จะไม่มีแก่เราอีกแล้ว
นักบวชในพุทธศาสนา มีหน้าที่แสวงหาความพ้นทุกข์ ตามแนวทางที่พุทธองค์ ท่านได้ทรงบอกหนทาง วางแนวทางการปฏิบัติ ศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา เอาไว้ จะได้เข้าสู่หนทางพ้นทุกข์ อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๙๗ การหว่านเมล็ดพันธุ์ความชั่ว
การหว่านเมล็ดพันธุ์ของไม้ดอก ไม้ผล เมื่อเหตุปัจจัยค้ำหนุน ก็จะเจริญงอกเงย งอกงาม ออกดอก ออกผล ให้เราและบุคคลที่รักได้ ชื่นชม และเก็บกิน อันว่า เมล็ดพันธ์ุ ความชั่วเช่นกัน ได้หว่านไปแล้วนั้น ไม่นานนักหรอก เราจะต้องรับผลเร่าร้อนเป็นทุกข์ แก่เราและบุคคลที่รักได้เช่นกัน
… ตอนที่ ๙๙ อย่าให้อายช้างอายลิง
การเกิดมาเป็นคน เมื่อไม่รู้ตัวรู้ตน ว่าเกิดมาทำอะไร ไม่รู้เป้าหมาย อย่างแท้จริงของชีวิต จึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป เพลิดเพลินหลงกับโลก หลงกับสิ่งที่มาล่อหลอก ลวงตาลวงใจให้ติดอยู่ หลงอยู่ ในทรัพย์สิน เงินทอง ข้าวของ บุคคลอันเป็นที่รักทั้งหลาย พอหมดเวลา ก็ต้องสลายพลัดพรากจากกันไป สุดท้ายต้องกลับมาเวียนตาย เวียนเกิดใหม่ ดังนั้น จึงควรรู้ตัวรู้ตัวตน รู้หน้าที่ใน การมาเกิด จะได้ทำให้สำเร็จเสร็จก่อน จะหมดเวลาตายกลับไป จะได้ไม่อายลิง
… ตอนที่ ๑๐๐ คุณค่าของคนอยู่ที่การกระทำ
กายกับจิต เปรียบกายเหมือนรถ จิตเป็นเช่นคนขับ จะมีคุณค่าจากรถนั้นได้ ขึ้นอยู่การขับไปทำอะไร หรือจอดทิ้งไว้เฉยๆ ดังนั้น จงนำร่างกายเร่งขวนขวาย สร้างประโยชน์ สร้างความดี จะได้มีความสุข มีคุณค่า มีผลกำไร จากการได้มาซึ่งร่างกาย
… ตอนที่ ๑๐๑ รักษากฎระเบียบที่ถูกต้อง
ในสังคมที่ต้องการความสงบสุข ต้องมีความเมตตาซึ่งกันและกัน มีกฎกติกาที่ยุติธรรม เคารพต่อผู้นำ ผู้นำต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม ไม่หลงในอำนาจ ในตำแหน่งที่เป็นอยู่ เพราะ หากใช้อำนาจ ขาดความยุติธรรมแล้ว สร้างการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ความแตกแยกก็้จะตามมา หาความสงบสุข ร่มเย็น ไม่ได้เลยในสังคมนั้น
… ตอนที่ ๑๐๒ น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ
บุคคลที่ฉลาด จะรู้เวลาไหน ควรหวังดีมีเมตตา หรือควรวางอุเบกขา ถ้าหวังดีกับสุนัขบ้า อาจจะโดนมันกัดเอาได้ คนกำลังลุ่มหลง กำลังโกรธ กำลังบ้า อย่าเข้าใกล้ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง จะได้ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ในภายหลัง เพราะความหวังดี
… ตอนที่ ๑๐๓ ทำบุญใหญ่ทำไมต้องตาย
การเกิดมาของแต่ละชีวิต เงื่อนไขการไปการมาของดวงจิต ไม่เหมือนกัน บางคนมาชดใช้หนี้กรรม บางคนบางสร้างบุญบารมี บางคนมาสร้างความดีเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สำเร็จเสร็จงานแล้วก็กลับบ้าน แต่บางคนยิ่งสร้างบุญสร้างทาน ยิ่งสร้างยิ่งได้มาซึ่งความสุข เพิ่มพูนบุญ เพิ่มพูนบารมี จึงไม่ใช่เหตุที่ทำบุญใหญ่จะต้องตาย ขึ้นความปรารถนามาในการมาเกิด แต่สามารถอธิษฐานเปลี่ยน ความปรารถนาได้ เมื่อมีบุญ
การเกิดมาในกึ่งกลางของพุทธศาสนา ยุคทองที่มีธรรมคำสอนแพร่หลาย ไม่รู้อีกเมื่อไหร่ หลายหมื่นหลายแสนปี ถึงจะมีอย่างนี้อีก จึงเป็นความโชคดีของท่าน ที่มาเกิดในยุคสมัยนี้ จงนำรางวัลที่ตนได้ โปรโมชั่นใหม่ แสวงหา ค้นคว้า ประพฤติปฏิบัติ เพื่อความพ้นทุกข์เถิด ท่านผู้โชคดีทั้งหลาย
… ตอนที่ ๑๐๕ สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็น
ดวงจิตทั้งหลายเวียนมาเกิดในโลก เพื่อทดสอบความดี บททดสอบยากง่ายโพธิสัตว์เลือกได้ที่จะเล่น เพื่อบททดสอบความดี เขียนบทเอง ลงมาเล่นเอง บางทีเลือกมาเป็นสัตว์ บางทีเลือกมาเป็นขอทาน บางทีเป็นเจ้าเป็นนาย จึงตัดสินไม่ได้ ว่าใครดีใครเลว ใครสูงใครต่ำ ตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เลย ฉะนั้นอย่าพึงไปตัดสินใคร ยุ่งกับเรื่องของใคร ให้เราทำความดี ทำหน้าที่ตนให้ดีก็พอแล้ว
… ตอนที่ ๑๐๖ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น
ทุกชีวิตที่เกิดมา ปรารถนาให้ตน ได้รับสิ่งที่ดี มีความสุขทั้งหมด แต่ที่ทำไม่ได้ เพราะขาดซึ่งปัญญา ขาดความรู้ ขาดความเข้าใจในกฎเกณฑ์ กฎของการกระทำ จึงสร้างกรรมเบียดเบียนผู้อื่นขึ้น ทำให้ต้องกลับมาชดใช้กรรม ในสิ่งที่ทำไป ถ้าปรารถนาความพ้นทุกข์แล้วนั้น จงละการเบียดเบียนตน และผู้อื่นเถิด การเกิดมาเพื่อชดใช้หนี้กรรม ถึงจะไม่มีกับเราอีก
… ตอนที่ ๑๐๗ ผู้ทำลายศาสนา ***
พุทธศาสนาได้ก่อเกิดขึ้นมา เพราะมีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สำเร็จในการแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ แล้วได้บอกวิธีการปฏิบัติเอาไว้ ให้อยู่ในทางสายกลาง ซึ่งไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไป ในการปฏิบัติ ในศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา ตราบใดยังมีผู้ปฏิบัติตามอยู่ ศาสนาก็ยังคงอยู่ ถ้าไม่มีผู้เดินทางแล้ว ร่องรอยของการเดินทาง ก็จะเสื่อมไปสิ้นไป ดังนั้นใครห่วงศาสนา จงรักษาหน้าที่ของตน ในการรักษาศีล เข้าในธรรมคำสอน ทำจิตให้สงบเย็น รู้เข้าใจในการเกิดการเวียนวน และดับการเกิดให้ได้ ก็พอแล้ว อย่ามัวเพ่งโทษกัน กลัวศาสนาจะเสื่อมอยู่เลย
… ตอนที่ ๑๐๘ ดูที่ตรงไหนใครดีใครชั่ว
สังเกตุยังไง ว่าใครดีใครเลว ดูยังไง ให้เราดูว่าบุคคลผู้นั้น เขามีศึลห้าอยู่ หรือเปล่า แต่ไม่ใช่ศีลสมมติ ศีลที่ยังไม่บริสุทธิืจริงๆ ให้ดูที่การกระทำ ชอบสร้างประโยชน์ หรือสร้างโทษเบียดเบียนผู้อื่น เพ่งโทษคนนั้นคนนี้ หาเรื่องเขาไปทั่ว แค่นี้ก็พอจะแยกแยะ ว่าใครดีใครเลวได้แล้ว
ลาภยศ สรรเสริญ สุขทางโลก การศึกษาทางโลก เป็นเครื่องทรง องค์ประกอบของร่างกาย ตายไปก็คืนให้กับโลก ส่วนการกระทำความดี ความชั่ว เป็นการวัดระดับของภูมิจิต ที่นำไปได้ทุกภพทุกชาติ จึงควรดูแลจิตให้ดี ให้เลื่อนภูมิจิตขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้รับ ความสำเร็จได้ปริญญาธรรม ได้รับความพ้นทุกข์
ชีวิตเกิดมาสิ่งที่ได้ สิ่งที่มี สิ่งที่เป็น สิ่งที่เห็นในปัจจุบัน ย่อมมีเหตุที่มา จากการกระทำในอดีต และปัจจุบัน ที่จะลิขิตให้เรารับผลของการกระทำ เป็นสิ่งค้ำหนุน หรือ ตัดรอน ขึ้นอยู่กับเบื้องหลังของชีวิต ได้กระทำสิ่งใดมา ดังนั้นจงกระทำความดี เพื่อเป็นเหตุค้ำหนุน ให้ชีวิตได้รับความสุข ได้รับความพ้นทุกข์เถิด
การกระทำที่ผิดพลาดไปในกาลก่อน เมื่อหวนระลึกนึกถึง ทำให้เกิดความทุกข์ ความเศร้าหมอง แต่อย่าทุกข์เลย ไม่มีใครเลยที่ไม่เคยผิดพลาด สิ่งใดที่ผ่านไปแล้ว ให้แล้วไป แก้ไขอะไรไม่ได้ เอาความผิดพลาดเป็นบทเรียน อย่าเอามาเป็นความทุกข์เลย รู้จักให้อภัยตน และอภัยผู้อื่น แล้วเริ่มต้นสร้างความดีใหม่เถิด
การที่เราต้องการความสุข ไม่ต้องการความทุกข์ ในการกระทำทั้งหลายนั้น จะเป็นการคิด การพูด การทำสิ่งทั้งหลายทางกาย ต้องกระทำให้เกิดประโยชน์ ไม่ให้มีโทษ ไม่ให้ความดีเปื้อนฝุ่น เปื้อนโคลน ทำดีให้บริสุทธิ์ จึงจะไม่มีความทุกข์ปนกลับมาทีหลัง เดี๋ยวจะรู้สึกว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี
… ตอนที่ ๑๑๓ ทำความชั่วเพื่อหวังความสุข
เมื่อหวังสิ่งใด ถ้าจะให้ได้มาต้องเบียดเบียนซึ่งตนและผู้อื่นนั้น หวังเพื่อความสุขให้ได้มาย่อมไม่มี เพราะการกระทำสิ่งไม่ดี จะหวังให้มีความดีนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ทำเหตุเช่นใด พึงได้ผล ตามเหตุที่ทำ ดังนั้นอย่าพึงสร้างกรรมไม่ดี เพื่อหวังความสุขเลย
ผู้ที่มองแต่คนอื่น ไม่มองตนเอง ผู้ที่เห็นแต่คนอื่น ไม่เห็นคนเอง ผู้ที่คิดเพ่งโทษคนอื่น ไม่เพ่งโทษตนเอง ผู้ที่ใช้วาจาคำพูดเชือดเชือน กระทำการเบียดเบียนผู้อื่น บุคคลผู้นั้นกำลังเป็นคนหลง จงกลับมาทำความดี เว้นจากการเบียดเบียนเถิด จะได้เป็นคนดี ไม่เป็นเป็นผู้เดินหลงทาง
นักโทษที่ติดอยู่ในห้อง มีกรงขัง รอวันที่จะนำไปประหารชีวิต ซึ่งมีอยู่ทุกวัน ขึ้นอยู่กับรอบของใคร เปรียบกับคนเราที่ติดอยู่ในโลก ซึ่งเหมือนห้องขังใหญ่ ที่รอวันตาย ไม่รู้ว่าเขาจะนำไปประหารเมื่อใด สิ่งที่ควรจะทำให้ได้ ก่อนวันนั้นมาถึง คือการปล่อยวางให้เกิดความว่างเปล่า สลายตัวสลายตน จะได้หลุดพ้นจากกรงขัง หลุดพ้นจากความทุกข์
… ตอนที่ ๑๑๖ สิ่งที่เป็นของเรา
เมื่อมีความไม่รู้ มีความหลง ทำให้เกิดความยึดถือ ในสิ่งที่มี ในสิ่งที่เป็น ในสิ่งที่เห็นว่าเป็นของเรา สืบต่อทำให้ อยากให้มี อยากให้เป็น อยากให้เสื่อมไป ตามที่เห็นว่าดี หรือไม่ดี ชอบใจหรือไม่ชอบใจ ถ้าปรารถนาความดี ปรารถนาความพ้นทุกข์ จงเดินตามทางศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา ให้คลายจาก ความหลง ความยึดถือ ความอยาก เพื่อไม่ให้เบียดเบียนตน และผู้อื่น จะได้พ้นจากความทุกข์
… ตอนที่ ๑๑๗ ชัยชนะคือความว่างเปล่า
สิ่งที่มีอยู่ ทำให้ต้องพ่ายแพ้ในสิ่งที่มี หลงในสิ่งใด อยากมีสิ่งใด ยึดติดสิ่งใด เขาจะเอาสิ่งนั้นเป็นเหยื่อ เป็นตัวประกัน ทำให้เราไม่สามารถที่ได้ชัยชนะ ในการทดสอบ ในการต่อสู้ได้เลย จงฝึกปล่อยวางในทุกสิ่ง สลายตัวตน เพื่อความพ้นทุกข์ เพื่อชัยชนะในวัฏสงสารเถิด
ความดีเปรียบได้กับสีขาว แต่สีขาวแบบไหน ที่ขาวอย่างแท้จริง ขาวที่สุด เมื่อหลงว่าสีขาวที่มีอยู่ เป็นสีขาวแล้ว จึงไม่แสวงหาสีขาวที่ขาวยิ่งกว่า ดียิ่งกว่าอีก เช่นเดียวกับคนหลงดี ว่ามีดีแล้ว จึงไม่สร้างไม่ทำความดี ไม่รับความดีเข้ามาอีก จึงเรียกว่าเป็นคนหลงดี จึงทำให้ไม่หลุดพ้นจากความทุกข์
… ตอนที่ ๑๑๙ ความเจ็บป่วยในร่างกาย
เมื่อมีการเกิด ย่อมมีการเจ็บ การแก่ การตายตามมา การจะชนะการเจ็บ การตายได้นั้น ต้องยกจิตออกมาจากกาย ปล่อยวางในร่างกาย ตัดความยึดถือยึดติดในกาย ทั้งกายภายนอก กายภายใน สลายภายในจิต ให้เกิดความว่างเปล่า การเกิด การแก่เจ็บตาย จึงจะไม่เกิดขึ้นแก่เราอีก
… ตอนที่ ๑๒๐ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า
ชีวิตที่เกิดมา มีทรัพย์สิน ยศฐาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่ง คำสรรเสริญ เป็นตัวล่อหลอก ให้เสียเวลา ในการแสวงหา ให้ยึดติด ให้หลง ให้เป็นบ้า ในสิ่งเหล่านี้ ลืมตัวลืมตน ลืมคิดว่า ทุกสิ่งที่มี เป็นแค่สิ่งสมมติ ให้มีให้เป็น ท้ายที่สุดต้องตายจากไป เพราะไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ดังนั้นอย่ามัวลุ่มหลงอยู่เลย รีบสร้างความดี ให้เกิดบุญหนุนส่งจิต ให้เข้าสู่ความหลุดพ้นความทุกข์เถิด
เกิดมาเพื่อสิ่งใด อะไรที่เรียกว่า กำไรชีวิต การมีทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของบ้านหลังใหญ่หลังโต มีหน้ามีตาในสังคม ได้กินอาหารดีๆ ได้เที่ยวตามใจปรารถนา บางคนคิดว่า ได้กำไรชีวิตแล้ว แท้ที่จริงแล้ว ชีวิตเกิดมาเพื่อสร้างความดี ให้นำพาดวงจิต ให้พ้นจากความทุกข์ ฉะนั้นคนที่เกิดมา จะได้กำไรหรือขาดทุน ขึ้นอยู่กับการสั่งสมบุญได้มากน้อยเท่าใด แค่นั้นเอง
… ตอนที่ ๑๒๒ มีเวลาเหลืออยู่เท่าไหร่
สิ่งที่ได้มาพร้อมกับการเกิด คือนาฬิกาของชีวิต เข็มของกาลเวลา จะเริ่มหมุนไปเรื่อยๆ ผ่านวันผ่านคืน ผ่านวัย ล่วงสู่วัยเด็ก วัยรุ่น หนุ่มสาว กลางคน หรือชรา จะหยุดลงเมื่อใด น้อยคนที่จะล่วงรู้ ประโยชน์อันใดในเวลาที่ได้มาและเหลืออยู่ ให้ใช้ปัญญาพิจารณา และเร่งขวนขวายกระทำเถิด ก่อนเข็มนาฬิกาชีวิตจะหยุดลง ซึ่งไม่รู้ว่าเหลือเวลาอยู่เท่าใด
… ตอนที่ ๑๒๓ สุดท้ายต้องปล่อยวาง
การที่มีสิ่งใด เป็นอะไร มีไว้เป็นไป เพื่อได้สร้างความดีเท่านั้น เพื่อให้ความดีทั้งหลาย ค้ำหนุนดวงจิตให้พ้นจากความทุกข์ ไม่มีเป้าหมายอื่นใดนอกจากนี้เลย ฉะนั้น สิ่งทั้งหลายที่ได้มา ตั้งแต่ร่างกาย ไม่ให้ยึดไว้ แบกไว้ แม้ความดีทั้งหลาย ก็ต้องปล่อยวาง เพื่อจะได้เกิดความหลุดพ้น หลุดออกจากวัฏสงสาร
… ตอนที่ ๑๒๔ ยอมรับความเป็นจริง
ความเป็นจริงของชีวิต ถูกลิขิตด้วยกฎของกรรม และอยู่ภายใต้ความไม่เที่ยงแท้ สิ่งทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิต จึงมีทั้งความผิดหวัง สมหวัง ความสุข ความทุกข์ ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดไม่ได้เลย ถ้ายึดสิ่งใด ถือสิ่งใดก็จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น ปรารถนาให้คงอยู่ตลอดกาล ตลอดสมัยจึงเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเลยที่เกิดแล้ว จะไม่ตาย ฉะนั้นจงยอมรับความจริงในข้อนี้เสีย เพื่อจะได้คลายจากความทุกข์
การจะสร้างความดี จะปลูกความดีนั้น ต้องรู้จักวิธีทำ วิธีปลูกอย่างถูกต้อง ไม่อย่างนั้นความดี จะไม่ออกดอก ออกผล ไม่ได้ผลดก ผลดีกลับมา ให้ได้รับความสุขในการทำดี จงศึกษาวิธีการทำ ก่อนลงมือกระทำเถิด จะได้ทำดีแล้วได้ดี
ผู้ที่ทำดีไม่ติดดี ผู้ที่ทำดีไม่หลงดี ผู้ที่ทำดีแล้วปล่อยวางในความดี ไม่สนใจในผลที่ได้รับ ผลจะออกมาแบบไหน ก็ปล่อยวาง ไม่ลังเลสงสัยในการกรทำ ปล่อยวางจนจิตเข้าสู่ความว่างเปล่า เป็นผู้พ้นจากความทุกข์ เป็นผู้ประเสริฐ พ้นจากโลก อยู่เหนือกรรม
สายน้ำไหลไม่หวนย้อนคืนกลับ วันคืนลาลับไม่ย้อนกลับคืนมา ให้ระลึกรู้คุณค่าของกาลเวลา ไม่ให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า ซึ่งไม่รู้ว่าวันนี้พรุ่งนี้ จะมีเราอีกไหม จงเร่งแสวงหาสร้างความดี ทำหน้าที่ของตน ก่อนที่จะหมดรอบหมดเวลา
ผู้ที่สามารถรู้และเข้าใจ ในสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง เห็นเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติของสรรพสิ่ง ในความไม่เที่ยงแท้ แล้วปล่อยวางให้เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดมาทำให้ทุกข์ได้อีก เรียกบุคคลผู้นั้น ว่าเป็นผู้มีสติปัญญาอย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๑๒๙ ผู้ได้รับบัตรทองของศาสนา *****
ดวงจิตทั้งหลายที่ได้เกิดมาในยุคนี้ เป็นยุคทองของศาสนา มีพระธรรมคำสอน เป็นป้ายบอกทางที่ชัดเจน แจ่มแจ้ง สามารถที่จะนำมาฝึกฝนตน ประพฤติปฏิบัติให้ได้รับความพ้นทุกข์ ผู้เกิดมาในยุคนี้ จึงเหมือนได้รับบัตรทองของศาสนา จงรู้ค่าในโอกาสที่ได้รับมาเถิด
… ตอนที่ ๑๓๐ ทางสายแห่งพุทธะ ***
ทางสายแห่งพุทธะ เป็นทางสายแห่งผู้รู้ ผู้สำเร็จเป็นผู้ชี้บอก เป็นทางสายกลาง สายที่ไม่ให้ตึงจนเกินไป สายที่ไม่หย่อนไปในทางใด สายแห่งการปล่อยวาง สายแห่งการไม่ยึดติด ลุ่มหลงในสิ่งใด สายแห่งความพ้นทุกข์ สายแห่งพระนิพพาน
… ตอนที่ ๑๓๑ ปริญญาแท้ปริญญาเทียม
การศึกษาทางโลกมีปริญญาเป็นใบประกาศ ให้ได้โลกรู้ว่าเป็นบัณฑิต การศึกษาทางธรรมในพุทธศาสนา มีการศึกษาประพฤติปฏิบัติได้เป็นอริยะบุคคล เป็นผู้สำเร็จผลได้รับปริญญาในทางธรรม สามารถนำไปข้ามภพข้ามชาติได้ จึงเป็นปริญญาที่แท้จริงไม่เหมือนปริญญาทางโลกซึ่งเป็นปริญญาเทียม
… ตอนที่ ๑๓๒ ผู้ไม่กลัวความตาย
ความตายเป็นสิ่งที่คนทั้งหลาย ไม่อาจที่จะหนีหายไปจากมันได้ ไม่รู้วันนี้พรุ่งนี้หรือวันต่อไป คงจะมาถึงสักวันหนึ่ง แต่มีบุคคลประเภทหนึ่ง ที่ได้ชนะในเกมส์ชีวิต ชนะในวัฏสงสาร ชนะการเกิด เป็นผู้รู้แจ้งในสรรพสิ่ง เป็นองค์พระอรหันต์ เป็นบุคคลที่ไม่กลัวความตาย
… ตอนที่ ๑๓๓ อยู่เหนือสมมติ ***
ในโลกสมมติ มีสิ่งที่เป็นสมมติ ว่าดีว่าชั่ว มีคุณค่า ไม่มีคุณค่า ถูกใจ ไม่ถูกใจ มีขึ้นมาได้เพราะความยึดถือ ก่อให้เกิดลุ่มหลง อยากได้ อยากให้มี อยากให้เป็น เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ ตามที่อยากแล้ว ทำให้เกิดความทุกข์ จงละสมมติ ละการที่ให้คุณค่าในสิ่งสมมติทั้งหลาย อยู่เหนือสมมติ เพื่อจะได้พ้นจากความทุกข์
… ตอนที่ ๑๓๔ ความอดทนเป็นหนทางสู่ชัยชนะ
การที่ยังมีตัวตน จะเป็นคนสูงคนต่ำ จะทำอะไร เดินในเส้นทางไหน ไม่ว่าจะเป็นใคร เมื่อปรารถนาในสิ่งใด จะต้องมีบททดสอบ การจะได้ความสำเร็จ ได้ชัยชนะมาครองนั้น ขาดไม่ได้เลยคือความอดทนอดกลั้น ฉะนั้น จงฝึกฝนตนให้มีความอดทนเถิด เพื่อชัยชนะของตัวเราเอง
… ตอนที่ ๑๓๕ ทางโลกทางธรรมทางไหนดี ***
ผู้ที่เห็นลาภยศ สรรเสริญ สุข เป็นของดี กำลังแสวงหาอยู่ กำลังต้องการอยู่ ยึดติดอยู่ ลุ่มหลงอยู่ ยังมีสุขมีทุกข์กับการได้มาและเสียไปอยู่ จึงเป็นผู้อยู่ในทางโลก แต่สรรพสิ่งไม่มีความเที่ยงแท้ ผู้รู้เข้าใจในความเป็นจริงนี้ จึงได้ปล่อยวาง ไม่ลุ่มหลง อยากได้ ในสิ่งที่ไม่เที่ยงทั้งหลายเหล่านั้น จึงเป็นผู้ไม่สุข ไม่ทุกข์ ในสิ่งที่มี ที่เป็น ในการได้มาหรือเสื่อมไป เป็นผู้ออกจากการครอบงำของโลกแล้ว เป็นผู้เดินเข้าสู่ในทางธรรม
จิตมาอาศัยอยู่ในร่างกาย ยึดถือไว้ว่าเป็นของตน ทำให้หลงยึดมั่นถือมั่น ว่าสิ่งทั้งหลายที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน กับร่างกายเป็นของตนด้วยเช่นกัน แต่ภายใต้กฏของธรรมชาติที่ไม่เที่ยง ทำให้เกิดทุกข์ ฉะนั้น ต้องคลายความยึดมั่น ถือมั่นในร่างกายเสีย เพื่อจะได้คลายความยึดถือในทุกสรรพสิ่ง เพื่อจะได้ไม่เกิดความทุกข์
… ตอนที่ ๑๓๗ การเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
การได้พบพระธรรมคำสอน เหมือนได้พบแผนที่การบอกทาง ในการเดินตามรอยพระศาสดา ซึ่งเมื่อได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน จนสำเร็จในธรรมแล้ว จะได้เป็นผู้ที่พ้นจากความทุกข์ ออกจากวัฏสงสาร เข้าเฝ้าต่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
การเกิดเหตุอะไร ไม่ใช่ใครคนอื่น ที่ทำให้มันเกิดขึ้นมา แต่เป็นเพราะมีเรา จึงทำให้มีเส้นทางชีวิต ที่ต้องผ่านต้องพบในสิ่งทั้งหลาย ตามสายทางของชีวิต ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างมีความทุกข์ซ่อนอยู่ เมื่อไม่ปรารถนาเจอทุกข์แล้ว ให้ดับที่เรา ไม่ให้มีเรา สรรพสิ่ง ความทุกข์ทั้งหลาย ก็จะสลายไปด้วยเช่นกัน
… ตอนที่ ๑๓๙ ธรรมดาของพระอรหันต์
ผู้ที่ฝึกฝนจิตสำเร็จเป็นองค์พระอรหันต์แล้ว ตราบใดยังมีร่างกายอยู่ ย่อมหรือวิบากกรรมที่ต้องชดใช้เป็นธรรมดา หากดับที่ร่างกายแล้ว จึงจะเป็นการดับความทุกข์อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๑๔๐ ฝากความสุขเอาไว้ที่ใด
การทำสิ่งใดที่เป็นการสร้างความดี เมื่อได้คิดดีแล้ว ทำดีแล้ว ให้ปล่อยวาง ไม่ต้องสนใจผลที่จะตามมา เพราะอาจจะมีกรรมเก่าแทรกซ้อน และบททดสอบความดี ทำให้ทำดีแล้วเหมือนกับไม่ได้ดี ไม่มีความความสุข ฉะนั้นทำดีแล้วให้ปล่อยวาง ทำความดีแล้ว ให้มีความสุข จากการที่ได้กระทำดีแล้วก็พอ
… ตอนที่ ๑๔๑ ผู้หลุดพ้นจากความทุกข์ ***
แม้โลกจะเศร้าหมอง แต่จิตใจไม่เศร้าหมอง แม้จะสูญเสียสิ่งใดไป แต่จิตไม่ได้สูญเสียสิ่งใดไปด้วย เพราะจิตได้หลุดพ้นจาก ความยึดติดในทุกสรรพสิ่ง เป็นผู้หลุดพ้นจากความทุกข์แล้ว
บุคคลที่ได้ฝึกฝนจิต ให้หลุดออกจากการครอบงำ จากความลุ่มหลง ความยึดติด มีจิตที่สว่างรุ่งเรืองแล้ว เมื่อจะต้องไปจากร่างกาย จะต้องจากโลกไป ออกจากวัฏสงสาร จะไม่มีความทุกข์อีกแล้ว เป็นผู้เสด็จไปแล้วด้วยดี
ปลาทั้งหลาย ที่เวียนว่ายกันในบ่อในบึงใหญ่ เห็นอาหารที่ชอบที่พอใจ จึงตรงเข้าไปงับเหยื่อ ที่นายพรานเบ็ดดักเอาไว้ สุดท้ายต้องตายไปเพราะหลงในเหยื่อนั้น เช่นเดียวกัน กับมนุษย์ที่หลงในลาภยศ สรรเสริญ ที่ต้องทุกข์เร่าร้อน เหมือนกับปลาติดเบ็ด
… ตอนที่ ๑๔๔ ปริศนาธรรมในสังเวชนียสถาน ***
พระอานนท์ทูลถามองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าว่า สถานที่ใดที่จะได้พบกับพระพุทธเจ้าหลังปรินิพพาน พระพุทธองค์ทรงตอบว่า มีสถานที่ ๔ แห่ง คือที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา ปรินิพพาน ถ้าเข้าใจในธรรมที่มีนัยซ่อนอยู่ในสถานที่ทั้งสี่นี้ ก็จะได้พบกับทางพ้นทุกข์ พบกับพระพุทธองค์อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๑๔๕ ประตูแห่งความทุกข์
ข้าศึกยกทัพเข้ามาประชิดติดเมือง มาล่อมาหลอกให้เปิดประตูเมือง เราไม่เห็นแจ้งในความเป็นจริง จึงถูกหลอกจนทำให้ข้าศึกเข้าเมืองมาได้ เปรียบเสมือนการที่เราเห็นสิ่งใด เห็นใคร แล้วเกิดความรักความลุ่มหลง เปิดจิดเปิดใจให้เข้ามา สร้างความทุกข์ความเร่าร้อนภายในจิตใจ ฉะนั้น จึงไม่ควรเปิดประตูแห่งความทุกข์ ประตูแห่งความรักความลุ่มหลงนั้นเลย
… ตอนที่ ๑๔๖ ความทุกข์เกิดอยู่ที่ใด
ทุกสรรพสิ่งในวัฏสงสาร มีความทุกข์ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อต้องการให้ได้มาก็เป็นทุกข์ ได้มาแล้วก็เป็นทุกข์ ถ้าปรารถนาพ้นความทุกข์ จะต้องยกจิตออกจากวัฏสงสาร ไม่ต้องการสิ่งใดอีก สละคืนเสียแม้แต่ร่างกาย จิตก็ต้องสลายคลายความยึดติดทั้งหมด จึงจะดับความทุกข์นั้นได้
… ตอนที่ ๑๔๗ เสียดายวันเวลาที่ล่วงไป
มนุษย์ทุกคนเกิดมามีเวลาที่จำกัด แต่คนส่วนมากมัวแต่เสียเวลากับเรื่องของบุคคลอื่น ทำให้ไม่สามารถที่จะแสวงหาทาง เข้าสู่ความพ้นทุกข์ไปได้ จึงต้องเวียนตาย เวียนเกิดอยู่ไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้น จงรู้จักคุณค่าของเวลา อย่าไม่ให้หมดไปโดยไร้ประโยชน์แก่ตนเลย
… ตอนที่ ๑๔๘ หลักคำสอนในพุทธศาสนา
ทุกดวงจิตที่เกิดมาในโลก ย่อมตกอยู่ภายใต้กฎของกรรม และกฎของไตรลักษณ์ พบกับความไม่เที่ยงแท้ ไม่คงอยู่ ต้องดับไป จึงต้องเจอกับความทุกข์ พุทธศาสนาจึงอุบัติขึ้นม าเพื่อบอกทางชี้ทางให้ดวงจิตทั้งหลาย เข้าใจในความเป็นจริง ออกไปจากความลุ่มหลง ยึดติดทั้งหลาย เดินไปจากโลก และจักรวาลในวัฏสงสาร เข้าสู่พระนิพพาน
การที่มีชีวิตอยู่ แต่ยังไม่สามารถทำให้ดวงจิต หลุดพ้นจากความทุกข์ได้ ก็จะมีไฟจากความรัก ความหลง ความโลภ ความโกรธ คอยแผดเผาให้เร่าร้อนเป็นทุกข์อยู่เสมอ จนกว่าจะรู้วิธี และทำการดับไฟเหล่านั้น ให้ดับมอดลงไปได้ จึงจะเป็นผู้ออกจากกองทุกข์ กองไฟได้อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๑๕๐ เหตุที่พระอานนท์สำเร็จอรหันต์ช้า
ผู้สำเร็จเป็นองค์อรหันต์ ถือว่าเป็นผู้มีคุณวิเศษสูงสุด การจะทำหน้าที่รับใช้ ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด จึงเป็นการไม่สมควร ดังนั้น สภาวธรรมโลกทิพย์ จึงให้พระอานนท์ที่เป็นพุทธอุปัฎฐาก ได้ทำหน้าสำเร็จลุล่วงตามที่ได้อธิฐานมาก่อน จึงจะสำเร็จเป็นองค์อรหันต์ได้
การทำความดี คือการสร้างประโยชน์ให้แก่ตน และบุคคลอื่นให้มีความสุข ไม่เบียดเบียนผู้หนึ่งผู้ใดให้เป็นทุกข์ แม้จะเป็นความดีเพียงเล็กน้อย ก็เป็นความดี ดังนั้นจึงไม่ควรเพ่งโทษกล่าวโทษผู้ที่ได้ทำความดี ทำให้บุคคลอื่นลังเลสังสัย ในการเดินทางสร้างความดี เป็นการปิดทางความดี
บุคคลใดที่ไม่ยอมรับฟังผู้อื่น มีความเห็นว่าตนดีแล้ว งามแล้ว เปรียบได้กับคนไม่ยอมส่องกระจก จึงไม่รู้ว่ามีสิ่งใด ในจุดที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตนเอง จึงควรเปิดจิตรับฟังความเห็นของผู้อื่นด้วย เพื่อจะได้แก้ไขในสิ่งที่ยังบกพร่องอยู่ ให้ดีงามยิ่งขึ้นไป
ยาจะมีสรรพคุณดีเพียงใด แต่ไม่มีใครนำไปใช้ นำไปรักษาโรค ก็จะมีประโยชน์อันใด คำสอนจะแนะนำจะชี้บอก หนทางที่ดีเพียงใด ถ้าไม่มีใครประพฤติปฏิบัติตาม ก็คงไม่เกิดประโยชน์เช่นกัน ฉะนั้น การรักษาคำสอน รักษาศาสนาที่ดีนั้น ต้องปฏิบัติให้รู้ให้เห็นแจ้ง ตามคำสอนด้วย จึงจะเป็นการรักษาศาสนาที่ดี และมีประโยชน์อย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๑๕๔ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
การสร้างความดี มีสี่ย่างก้าว คือมี ศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา เป็นการก้าวไปของดวงจิต ที่จะออกจากความทุกข์ ก้าวที่จะพ้นการเวียนว่ายตายเกิด พ้นจากวัฏสงสาร เข้าสู่พระนิพพาน การสร้างความชั่ว ก็มีสี่ย่างก้าวเช่นกัน คือมี หลง อยาก ยึด เบียด เป็นการก้าวสู่การเวียนว่ายตายเกิด ก้าวไปในวัฏสงสาร เป็นการก้าวไปในทางที่ผิด จึงพ้นทุกข์ไม่ได้เลย