มาตรา 264
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วรรคสอง. ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
มาตรา 265
ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา 266
ผู้ใดปลอมเอกสารดังต่อไปนี้
(1) เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
(2) พินัยกรรม
(3) ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ หรือใบสำคัญของใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้
(4) ตั๋วเงิน หรือ
(5) บัตรเงินฝาก
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
"คดีปลอมเอกสารเป็นอาญาแผ่นดิน ซึ่งมีโทษจำคุกและท่านถูกจำคุกได้จริง การดำเนินคดีมีรายละเอียดต่างๆที่จะต้องดูอย่างมาก ท่านไม่ควรที่จะดำเนินการเองโดยไม่มีทนายความ โปรดสอบถามกับทนายความ เพื่อประโยชน์ของท่านเอง."
หากท่าน กลัวว่าค่าทนายจะแพงไหม Click ดู
ค่าจ้างทนายคดีอาญา
ตามมาตรา 264 เอกสารปลอม หมายความว่าเอกสารที่ทำขึ้นโดยบุคคลผู้ไม่มีอำนาจ ไม่ว่าข้อความในเอกสารจะจริงหรือเท็จก็ตาม
จะเห็นได้ว่าปลอมเอกสาร มีหลายอย่าง (เรียกชื่อให้ถูกต้อง คือ”ปลอมเอกสาร” ไม่ใช่ “ปลอมแปลงเอกสาร”)
อันดับแรก ท่านจะต้องวิเคราะห์ก่อนว่าเข้าในเรื่องการปลอมไหม ข้อที่ 2 ก็คือเอกสารที่ดำเนินการปลอมนั้นเป็นเอกสารธรรมดา เอกสารสิทธิ์ หรือเอกสารราชการ
การปลอมเอกสารจะต้องเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือแก่ประชาชนตาม ปอ.มาตรา 264
จะเห็นว่าการที่จะกระทำความผิดครบองค์ประกอบความผิดทางอาญาได้เป็นเรื่องที่ไม่ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ดังนั้นจึงจะต้องวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบความผิดอย่างชัดเจนว่า ครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ นั้นจึงจะลงความเห็นว่า ท่านมีการกระทำความผิดทางอาญาแต่ละข้อหาต่อไป