ซึ่งในคดีแพ่งสำหรับคดีต่างๆจะมีอายุความแตกต่างกันออกไปจึงต้องมาวิเคราะห์กันก่อนว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรจึงจะรู้ว่าอายุความเท่าไหร่ โดยทั่วไปประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/30 ถ้ากฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นไม่ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะก็จะกำหนดให้มีอายุความในคดีแพ่ง 10 ปี ตีความหมายได้ว่าถ้าไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติไว้ ก็ให้ใช้อายุความทั่วไป 10 ปี
ตราประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34 มีอายุความ 2 ปีซึ่งได้แก่
การทำหนังสือรับสภาพหนี้มีอายุความ 2 ปีตามมาตรา 193/35 นับแต่วันที่ได้ทำหนังสือรับสภาพความผิดหรือให้ประกัน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/33 สิทธิ์เรียกร้องดังต่อไปนี้มีอายุความ 5 ปีได้แก่ดอกเบี้ยค้างชำระซึ่งต้องผ่อนชำระเงินต้นคืนเป็นงวดค่าเช่าทรัพย์สินที่ค้างชำระเว้นแต่ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 193/34(6) เงินค้างจ่ายคือเงินเดือน เงินปี เงินเดือนค่าประกัน อื่นๆ
"ท่านถูกฟ้องคดีแพ่ง แล้วไม่แน่ใจว่าขาดอายุความหรือไม่ ส่งคำฟ้องมาให้ทนายตรวจสอบด่วน !! เนื่องจากต้องดูรายละเอียดในเนื้อคำฟ้องด้วย หากขาดอายุความ จะต้องยื่นคำให้การต่อสู้ในคดี โดยทนายความ เพื่อประโยชน์ทางรูปคดีของท่านเอง."
ติดต่อทนาย lawyersiam.com
ขอขอบคุณ สำหรับการติดตามเราที่ https://www.facebook.com/nitilawlawyer
ปัญหาอายุความคดีแพ่งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยดังนั้นตัวโจทก์สามารถนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้แต่ก็มีประเด็นคือตัวจำเลยจะมีข้อต่อสู้เรื่องอายุความดังนั้นการที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีแพ่งต่อศาลอาจจะเสียเวลาเปล่าหรือมีโอกาสแพ้คดีในเรื่องนี้ค่อนข้างสูง เนื่องจากจำเลยก็จะสู้เรื่องอายุความ
แต่หากจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ก็จะทำให้โจทก์ยังพอจะมีโอกาสชนะคดีอยู่ได้ แต่ทั้งนั้นก็เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ เนื่องจากการฟ้องคดีมีตัวแปรที่ยังไม่ทราบอีกเป็นจำนวนมาก ที่พร้อมจะเข้ามาให้ทนายได้ทำการแก้ไขปัญหาต่างๆ
มีปัญหากฎหมาย ปรึกษาเบื้องต้น
ปรึกษากฎหมายฟรี
จริงอยู่ไม่ว่าการที่จำเลยถูกฟ้องเป็นคดีแพ่งและสู้เรื่องอายุความโจทก์ก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรกับเราได้ แต่ตามจริงแล้วมูลหนี้ก็ยังคงอยู่ตลอดไปตราบใดที่จำเลยยังไม่ได้ใช้หนี้ให้กับโจทก์หรือไม่ให้ใช้หนี้กับเจ้าหนี้
สำหรับการวิเคราะห์ว่าคดีแพ่งแต่ละคดีมีอายุความเท่าไหร่ ให้ดูว่าเข้าตามกฎหมายข้อใดถ้าหากไม่อยู่ในข้อใดก็ให้กลับไปใช้ความทั่วไปคืออายุความ 10 ปีนั่นเอง
ใดๆก็แล้วแต่หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นให้รีบทำการปรึกษาทนาย และฟ้องคดีต่อศาลน่าจะดีที่สุด ถึงแม้ว่าอาจจะมีค่าใช้จ่ายบ้าง แต่อย่าปล่อยไว้ไปเนิ่นนาน เพราะนอกจากปัญหาเรื่องอายุความ ยังมีปัญหาเรื่องพยานเอกสารหรือพยานบุคคลต่างๆ ซึ่งอาจสูญหายไปตามกาลเวลา เช่น เอกสารที่เก็บไว้หายไป หรือพยานบุคคลที่รู้เรื่องราวอาจย้ายไปอยู่ที่อื่น หรืออาจเสียชีวิตลงก็ได้
การฟ้องร้องดำเนินคดีตั้งแต่เรื่องราวที่ยังสดใหม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นประโยชน์กับตัวท่านด้วยทั้งหมด อนึ่งแล้ว ในแต่ละคดีย่อมมีตัวละครเกี่ยวข้องหลายคน โดยเฉพาะคดีที่มีข้อพิพาทต่างๆซึ่งอาจจะต้องมีการสืบพยานบุคคลเกี่ยวข้อง