การฟ้องร้องเรื่องการเป็นหนี้กัน ไม่ว่าหนี้นั้นจะเกิดจากอะไรโดยทั่วไปแล้วจะเป็นคดีแพ่ง ซึ่งเมื่อเป็นคดีแพ่งฟ้องคดีต่อศาลมักจะมีค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีก็คือค่าธรรมเนียมศาล 2% สำหรับคดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์
1. หนี้จากการกู้ยืม
2. หนี้จากการค้าขายแล้วเราไม่สามารถชำระค่าสินค้าได้
3. หนี้จากมูลละเมิด ขับรถไปชนทรัพย์สินเขาเสียหายก็ต้องจ่าย
4. หนี้จากถูกฟ้องศาล ศาลสั่งให้ชำระหนี้
ตั้งหลักก่อน นำยอดทุกอย่างมารวมกัน เพื่อดูรายละเอียดทุกอย่าง
ดูว่าอันไหนดอกเบี้ยเยอะ จ่ายก่อน
หรือดอกเบี้ยเยอะ ขอเจรจาลดดอกเบี้ย
อย่ากู้หนี้อันอื่น มาปลดหนี้อันเก่า
ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
หารายได้เพิ่มเท่าที่จะทำได้ แต่อย่าลงทุนมากเดี๋ยวจะเป็นหนี้หนักกว่าเดิมอีก
ห้ามกู้หนี้อื่นมาปลดหนี้เก่าเด็ดขาด ตายกันมาเยอะ!!!
นำคำฟ้องมาให้ทนายดู
เรื่องราวต่างๆในฟ้องถูกต้องไหม เช่นยอดเงิน ที่เป็นหนี้เป็นจริงไหม หรือเราชำระหนี้ไปแล้วบางส่วนถูกต้องไหม
ในคำฟ้องศาลมีนัดหมายเมื่อไหร่บ้าง
พยานหลักฐานต่างๆถ้าเราไม่เป็นหนี้เขาจริง รวบรวมมาให้ทนายดู
วางแผนล่วงหน้าในการพบทนาย เพราะถ้ามีข้อเท็จจริงที่จะต้องต่อสู้คดี ต้องใช้เวลาในการ ยื่นคำให้การ
ในทางแพ่ง หนี้ต้องถึงกำหนดชำระเท่านั้น จึงจะสามารถฟ้องร้องและดำเนินคดีได้ หากหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามไม่สามารถดำเนินคดีหรือฟ้องร้องได้
ดังนั้นก่อนการส่งหนังสือทวงถามหรือก่อนการฟ้องคดีจึงต้องตรวจสอบ ให้ชัดเจนว่าหนี้ที่เกิดขึ้นมานั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า มีความสมบูรณ์ของหนี้หรือเปล่า มีข้อบกพร่องอะไรหรือไม่ เช่น นิติกรรมที่ทำเป็นโมฆะหรือโมฆียะ และหนี้นั้นต้องถึงกำหนดชำระแล้วด้วย และลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ จึงดำเนินการนำมาฟ้องร้องกันต่อไป
หักกลบลบหนี้ => ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้และขณะเดียวกันตัวเจ้าหนี้เอง ก็เป็นหนี้กับลูกหนี้ จึงนำหนี้ 2 ก้อนนี้ มาหักกลบลบหนี้กัน
ชำระหนี้ => คือการที่เราชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้
ปลดหนี้ => คือการที่เจ้าหนี้ยอมสละไม่ คิดหนี้กับเรา ปลดหนี้ให้กับเรา
มีหนี้ให้ชำระหนี้ จริงอยู่ว่า การฟ้องคดีและสู้ด้วยอายุความ ในทางกฎหมาย อาจทำให้เราไม่ต้องชำระหนี้ได้ แต่หนี้นั้นยังคงมีอยู่ตลอดไป ตราบเท่าที่เรายังไม่ชำระหนี้