ปกติเมื่อมีหมายนัดไกล่เกลี่ยในคดีแพ่ง เราควรไปศาลตามนัด เพื่อไปไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี หากตกลงกันได้ก็จะมีการทำสัญญาประนีประนอมยอม หรือพิพากษาตามยอมต่อไป ซึ่งเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
คดีแพ่งสามัญ ในวันนัดไกล่เกลี่ยถ้าเราไม่ยอมไปตามนัดของศาล ศาลอาจเลื่อนนัดเป็นนัดหน้าให้มาชี้สองสถานได้ หรืออาจพิพากษาเลยก็ได้
หรือถ้าในนัดแรกนี้ศาลนัดไกล่เกลี่ยหรือชี้สองสถานเลย เมื่อเราไม่ไปไกล่เกลี่ยเท่ากับเราไม่ได้ไปชี้สองสถานด้วย ศาลอาจจะต้องเลื่อนนัด เพื่อมาทำการชี้ 2 สถาน ต่อไป
หรือหากคดีวิเคราะห์แล้วไม่ยุ่งยากหรือไม่มีประเด็น บางครั้งศาลอาจนัดสืบพยานในนัดนี้เลยก็ได้ เช่น คดีกู้ยืม [ซึ่งไม่ใช่คดีผู้บริโภค(เลขคดี ผบ.) แต่อาจจะเป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยาก(เลขคดี มย. )]
คดีนี้ศาลนัดไกล่เกลี่ย/ให้การ/สืบพยาน ในวันเดียวกัน การที่เราไม่ไปไกล่เกลี่ยตามหมายนัดของศาล เท่ากับเราไม่ได้ไปยื่นคำให้การ และไม่ได้ไปสืบพยานด้วย มีผลทำให้เราเสียสิทธิ์ในการให้การข้อโต้แย้งตามคำฟ้องของโจทก์
ทำให้ศาลต้องตัดสินตามคำฟ้องโจทก์ มันก็คือเราแพ้คดีได้เลย ดังนั้นจึงต้องใส่ใจให้มาก สำหรับคดีแพ่งกลุ่มนี้ อย่าละเลยเด็ดขาด
"คดีแพ่งมีหมายนัดแล้วท่านไม่ได้ไปตามนัด ท่านจะต้องส่งข้อมูล/คำฟ้องมาให้ทนายดูเป็นการด่วนเลย!! เพื่อจะดูว่าแก้ไขอะไรได้หรือเปล่า บางกรณีอาจจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เพื่อประโยชน์ทางรูปคดีของท่านเอง !! "
ขอขอบคุณ สำหรับการติดตามเราที่ https://www.facebook.com/nitilawlawyer
เมื่อมีเอกสารจากศาลหรือมีนัดจากทางราชการควรที่จะต้องไปตามนัดเพราะว่าเป็นสิ่งสำคัญ มันเป็นสิทธิ์ประโยชน์ของท่านเองการไปศาลดีกว่าไม่ไป
อย่างน้อยที่สุดท่านอาจจะมีข้อต่อสู้ในประเด็นแห่งคดีหรือในฟ้องอาจจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง ท่านสามารถโต้แย้งได้มันเป็นสิทธิ์ของท่าน
หรือท่านอาจจะขอศาลเพื่อเลื่อนคดีเพื่อไปทำการเจรจาหรือพูดคุยตกลง กับโจทก์ก็ได้เพื่อหาข้อตกลงให้บรรลุการอันเป็นผลดีแก่ทั้งสองฝ่าย
"ในคดีแพ่ง ผู้ที่เป็นจำเลยจะต้องยื่นคำให้การ การยื่นคำให้การก็คือ เป็นการให้การปฏิเสธฟ้อง หรือรับสารภาพตามฟ้อง ก็คือถ้าฟ้องนั้นโจทก์เขียนมาไม่ถูกต้อง ไม่เป็นตามความจริง จำเลยก็ต้องยื่นคำให้การ เพื่อปฏิเสธฟ้อง ต่อสู้คดี ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของจำเลยทั้งสิ้น !! "
กลับหน้า หมายศาลคดีแพ่ง