เศรษฐกิจระหว่างประเทศ คือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย การค้าระหว่างประเทศ การชำระเงินระหว่างประเทศ การร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
1. การค้าระหว่างประเทศ (International Trade)
การค้าระหว่างประเทศ (International Trade) หมายถึง การนำสินค้าและบริการจากประเทศหนึ่งแลกเปลี่ยนกับอีกประเทศหนึ่ง
1.1 ปัจจัยที่ทำให้เกิดการขยายตัวทางการค้าระหว่างประเทศ
1) ความแตกต่างของทรัพยากรและปัจจัยการผลิต เช่น ราคาของวัตถุดิบคุณภาพแรงงานการให้บริการ
2) ความแตกต่างของลักษณะทางกายภาพ เช่น ภูมิประเทศ ภูมิอากาศทำให้ผลผลิตที่ได้แตกต่างกัน
3) ความแตกต่างในความสามารถทางการผลิต เช่น เทคโนโลยี ต้นทุนการผลิต
4) การสนับสนุนจากภาครัฐบาลและกฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุน
5) โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ
1.2 ประโยชน์ของการค้าระหว่างประเทศ
1) แต่ละประเทศมีสินค้าครบตามต้องการ
2) การผลิตสินค้าในประเทศต่างๆ จะมีการแข่งขันทางด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ
3) การกระจายผลผลิตไปสู่ผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง เป็นการจัดสรรทรัพยากรของโลกที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้สามารถสนองความต้องการของประชากรโลกอย่างทั่วถึง
4) เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การขยายตัวของการผลิต การจ้างงานการถ่ายทอดเทคโนโลยี การผลิตระหว่างประเทศ เกิดความรู้ความชำนาญเฉพาะอย่าง มีโอกาสพัฒนาประเทศตนให้ทัดเทียมกันได้
5) การผลิตสินค้าเป็นการผลิตเพื่อการค้าหรือมีเศรษฐกิจแบบการค้าประเทศที่ทำการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเรียกว่า ประเทศคู่ค้า สินค้าที่นำมาจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาจำหน่าย เรียกว่า สินค้าเข้า (Import) ส่วนสินค้าที่ผลิตได้นำส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ เรียกว่า สินค้าออก (Export)
1.3 นโยบายการค้าระหว่างประเทศ (Trade Policy) เป็นแนวทางปฏิบัติทางการค้ากับประเทศต่างๆ ซึ่งมักกำหนดขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประชาชน แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
1) นโยบายการค้าแบบเสรีมักใช้วิธีการ ดังนี้
1. ไม่มีการเก็บภาษีคุ้มกัน คือไม่ตั้งกำหนดกำแพงภาษีขาเข้า ไม่เก็บค่าพรีเมี่ยม
2. ไม่ให้สิทธิทางการค้าแก่ประเทศหนึ่งประเทศใด
3. หลักการแบ่งงานทำกัน เลือกผลิตเฉพาะสินค้าที่ตนถนัด ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำสินค้ามีคุณภาพ เกิดประโยชน์ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
4. ไม่มีข้อจำกัดทางการค้า คือ ไม่มีการกำหนดโควตาสินค้า
ปัจจุบันประเทศต่างๆ ยกเลิกนโยบายการค้าแบบเสรี เนื่องจากประเทศเกษตรกรรมจะเสียเปรียบประเทศอุตสาหกรรม ทำให้เกิดภาวะปัญหาขาดดุลการค้า เงินทองรั่วไหลไปประเทศอื่นมากและสถานการณ์ทางการเมืองโลกเปลี่ยนไป จึงมีการกีดกันทางการค้าซึ่งกันและกัน
2) นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน (Protective Policy) เป็นนโยบายการค้าที่จำกัดสินค้าเข้าที่จะมาแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศ นโยบายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองการผลิตภายในประเทศประเทศที่ใช้นโยบายการค้าแบบคุ้มกันมักใช้วิธีการ ดังนี้
1. การตั้งกำแพงภาษี กำหนดอัตราภาษีสินค้าเข้าให้สูงกว่าชาติ เก็บภาษีหลายอัตรา
2. กำหนดปริมาณการนำเข้าหรือการส่งออกสินค้าบางชนิด (โควตา)
3. ห้ามนำเข้าหรือส่งออกสินค้าบางชนิด เช่น ห้ามส่งออกสัตว์ป่า
4. การให้เงินอุดหนุน เช่น ให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ผลิตในประเทศหรือผู้ส่งออกสินค้าบางชานิด ลดภาษีส่งออกหรือให้ความสะดวกด้านสินเชื่อ
1.4 นโยบายการค้าต่างประเทศของไทย
พื้นที่ทางเศรษฐกิจของไทย คือ เกษตรกรรม เพื่อไม่ให้เกิดการเสียเปรียบดุลการค้า จึงใช้นโยบายการค้าต่างประเทศแบบคุ้มกัน ดังนี้
1) ใช้นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน นำเอามาตรการต่างๆ มาใช้ เช่น ตั้งกำแพงภาษี การกำหนดปริมาณการนำเข้าสินค้า การลดภาษีส่งออก เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรม
และการผลิตสินค้าภายในประเทศ
2) ให้เอกชนมีบทบาททางการค้ามากที่สุด รัฐบาลส่งเสริมให้เอกชนดำเนิน
การส่งออก มีสินค้าบางอย่างที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการส่งออก เช่น ข้าว ข้าวโพด น้ำตาล
เป็นต้น
3) ใช้ระบบภาษีศุลกากรพิกัดอัตราเดี่ยว หรือพิกัดอัตราซ้อน สินค้านำ
เข้าจากประเทศใดก็ตาม รัฐเก็บภาษาศุลกากรในอัตราเดียวกัน ไม่ให้สิทธิหรือกีดกันประเทศ
ใดเป็นพิเศษ ที่เป็นเช่นนี้เพราะประเทศไทยเป็นสมาชิก องค์การค้าโลก (World Trade
Organization หรือ WTO)
ปริมาณการค้าระหว่างประเทศ คิดจากมูลค่าของสินค้าออกและมูลค่าของสินค้าเข้ารวมกันปริมาณการค้าระหว่างประเทศจะแตกต่างกันไป ตามสภาพเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของประเทศนั้นๆ ประเทศพัฒนาแล้วมีปริมาณการค้าระหว่างประเทศสูงกว่าประเทศกำลังพัฒนา
1.5 ดุลการค้าระหว่างประเทศ
ดุลการค้า (Balance of Trade) คือ การเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าออกกับมูลค่าสินค้าในเวลา 1 ปี ดุลการค้ามี 3 ลักษณะ คือ
ดุลการค้าเกินดุล = มูลค่าสินค้าออก มากกว่า มูลค่าสินค้าเข้า
ดุลการค้าสมดุล = มูลค่าสินค้าออก เท่ากับ มูลค่าสินค้าเข้า
ดุลการค้าขาดดุล = มูลค่าสินค้าออก น้อยกว่า มูลค่าสินค้าเข้า
แต่ขณะเดียวกันประเทศไทยร่วมจัดตั้ง เขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area หรือ AFTA) มีข้อตกลงจัดเก็บภาษาสินค้าเข้าจากประเทศสมาชิก AFTA ต่ำกว่าร้อยละ 0-5 เท่านั้น ประเทศสมาชิก AFTA ทั้ง 10 ประเทศจะเก็บภาษีในอัตราเท่ากันทั้งหมดในอัตราที่ต่ำกว่า WTO
1.6 ดุลการค้าของไทย
ดุลการค้าประเทศไทยมีลักษณะขาดดุลมาตลอด นับตั้งแต่ พ.ศ. 2495 เป็นต้นมา เนื่องจากสินค้าเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมเช่น เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า และน้ำมันดิบเป็นจำนวนมากมาพัฒนาประเทศส่วนสินค้าออกเป็นผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรกรรมซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่าสินค้าทุน จึงทำให้ขาดดุลการค้าตั้งแต่ ปี 2541 เป็นต้นมาปริมาณการค้าขยายตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยเริ่มดุลการค้าเกินดุล ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย คือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ประชาคมยุโรป (EC)และประเทศในกลุ่มอาเซียน
1.7 ปัญหาการค้าระหว่างประเทศของไทย
ปริมาณการค้าระหว่างประเทศของไทย มีอัตราขยายตัวสูงมาก ขณะเดียวกันก็ประสบปัญหาสำคัญ 3 ประการ คือ
1) ลัทธิกีดกันทางการค้าของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ เช่น การตั้งกำแพงภาษีขาเข้า ยกเลิกการให้สิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) แก่สินค้าไทย กฎหมายลิขสิทธิ์ทางปัญญา
2) ตลาดการค้าในต่างประเทศยังไม่กว้างขวาง
3) การแข่งขันแย่งตลาดของประเทศคู่แข่ง ไทยมีคู่แข่งสินค้าการเกษตรในตลาดโลกหลายราย โดยเฉพาะสินค้าข้าว
4) ข้อผูกพันที่ต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของแกตต์ (GATT) คือ ข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้าของประเทศสมาชิก
5) การขาดดุลการค้า แนวทางแก้ไข คือ ปรับปรุงคุณภาพสินค้าและราคา แล้วขยายตลาดและปริมาณส่งออก ในขณะเดียวกันต้องพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศพร้อมๆกับจำกัดการนำเข้าสินค้าต่างประเทศที่ฟุ่มเฟือย
2. การเงินระหว่างประเทศ (International Finance)
การเงินระหว่างประเทศเป็นการแสดงความสัมพันธ์ด้านการเงินระหว่างประเทศหนึ่งกับอีกประเทศหนึ่งอันสืบเนื่องมาจากการค้าขายระหว่างประเทศ การกู้ยืมเงินและการชำระหนี้ การลงทุนระหว่างประเทศและการช่วยเหลือกันระหว่างประเทศ
2.1 การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange)
การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คือ การเปรียบเทียบราคาของเงินตราประเทศหนึ่งกับเงินตราของอีกประเทศหนึ่ง โดยทั่วไปมักเทียบค่าเงินตราของประเทศตนกับเงินดอลลาร์สหรัฐ การที่ต้องแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพราะมีการดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ แต่ละประเทศมีหน่วยเงินตราไม่เหมือนกัน จึงต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน เงินตราที่ได้รับการยอมรับให้เป็นสื่อในการแลกเลี่ยน คือ เงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน เงินยูโร
ธนาคารกลางเป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยน โดยเทียบค่าเงินของตนกับทองคำหรือเงินตราสกุลอื่น ภายใต้เงื่อนไขที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กำหนด
2.2 ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ (Balance of Payment)
ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ หมายถึง รายการแสดงยอดรายรับและรายจ่ายของประเทศที่เกิดจากการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในระยะเวลา 1 ปี ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ ประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ
1) บัญชีเดินสะพัด เป็นบัญชีแสดงดุลการค้า ดุลบริการ
2) บัญชีทุนเคลื่อนย้าย เป็นบัญชีแสดงการนำเงินไปลงทุนระหว่างประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน
3) บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ เป็นบัญชีที่แสดงการเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินสำรองระหว่างประเทศในแต่ละปี
ทุนสำรองระหว่างประเทศ คือ ทรัพย์สินของประเทศที่เก็บไว้ในรูปของเงินสกุลต่างประเทศและทองคำแท่ง
4) บัญชีเงินโอนและบริจาค เป็นเงินได้เปล่าหรือเงินบริจาคระหว่างประเทศ
ดุลการชำระเงินมี 3 ลักษณะ คือ
ดุลการชำระเงินขาดดุล คือ รายรับต่ำกว่ารายจ่าย
ดุลการชำระเงินเกินดุล คือ รายรับสูงกว่ารายจ่าย
ดุลการชำระเงินสมดุล คือ รายรับเท่ากับรายจ่าย
ดุลการชำระเงิน = รายรับทั้งหมดที่ได้จากต่างประเทศ - รายจ่ายทั้งหมดที่จ่ายไปต่างประเทศ
ข้อแตกต่างระหว่างดุลการค้ากับดุลการชำระเงิน
1) ดุลการค้า เปรียบเทียบเฉพาะ มูลค่าสินค้าออกกับมูลค่าสินค้าเข้าเท่านั้น
ดุลการชำระเงิน เปรียบเทียบเฉพาะรายรับกับรายจ่ายที่เกิดจากการติดต่อกับต่างประเทศทุกด้าน
2) ดุลการค้า เป็นส่วนหนึ่งของบัญชีดุลการชำระเงิน
2.3 ภาวะดุลการชำระเงินของไทย
แม้ดุลการค้าของประเทศจะขาดดุลมาตลอด แต่ประเทศไทยไม่ขาดดุลการชำระเงิน ปีใดดุลการชำระเงินเกินดุลเกิดผลดี ทำให้ประเทศมี “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” เพิ่มสูงขึ้น
ปี 2540 ดุลการชำระเงินขาดดุล เพราะดึงทุนสำรองมาใช้ จนเกิดวิกฤติการเงิน
ปี 2541 ดุลการค้าเริ่มเกินกุล เนื่องจากการลดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศลดการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบ นับจากปี 2541 นี้ไป ไทยยังคงมีดุลการค้าเกินดุลแต่เริ่มเกินดุลลดลง
3. การลงทุนระหว่างประเทศ (International Investment)
การลงทุนระหว่างประเทศ หมายถึง การที่รัฐบาลหรือเอกชนของประเทศหนึ่งนำเงินไปลงทุนดำเนินธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรในอีกประเทศหนึ่ง ปัจจุบันการลงทุนระหว่างประเทศส่วนใหญ่อยู่ในรูปการดำเนินงานโดยวิสาหกิจ และมีสถาบันการเงินเอกชนเป็นผู้จัดหาเงินทุนสำหรับโครงการต่างๆ
3.1 สาเหตุของการลงทุนระหว่างประเทศ
1) ลดต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ
2) ลดต้นทุนแรงงานต่ำ
3) ขยายตลาด โดยตั้งโรงงานผลิตเพื่อตอบสนองความตอ้ งการตลาดมากขึ้น
4) ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี
ประเทศกำลังพัฒนามีความเหมาะสมมากต่อการลงทุน
ผลดีของการลงทุนระหว่างประเทศ คือ ทำให้การค้าระหว่างประเทศขยายตัวเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น และมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
3.2 การลงทุนของต่างประเทศในประเทศไทย
รัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนของต่างประเทศ และจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment หรือ BOI) เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการลงทุนโดยให้สิทธิพิเศษต่างๆ แก่ผู้ลงทุน เช่น ลดหย่อนภาษีศุลกากรสินค้าส่งออกและนำเข้าวัตถุดิบ หรือตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมที่ผลิตได้ในประเทศไทย ประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่