1. ขนาดที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีพื้นที่ประมาณ 44 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นทวีปที่มีพื้นที่กว้างที่สุดในโลกตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของโลก ทวีปเอเชียตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 1 องศา 15 ลิปดาเหนือถึง 77 องศา 41 ลิปดาเหนือและลองติจูด 24 องศา 4 ลิปดา ตะวันออกถึง 169 องศา 40 ลิปดาตะวันตก
อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดกับมหาสมุทรอาร์กติก
ทิศใต้ ติดกับมหาสมุทรอินเดีย
ทิศตะวันออก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก
ทิศตะวันตก ติดกับเทือกเขาอูราล ทวีปยุโรป
2. ลักษณะภูมิประเทศของทวีปเอเชีย
ทวีปเอเชียมีลักษณะเด่นคือ มีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงอยู่เกือบใจกลางทวีป ภูเขาดังกล่าวทำหน้าที่เหมือนหลังคาโลกเพราะเป็นจุดรวมของเทือกเขาสำคัญๆ ในทวีปเอเชียจุดรวมสำคัญ ได้แก่ ปามีร์นอต ยูนนานนอต และอามีเนียนนอต เทือกเขาสูงๆ ของทวีปเอเชียวางแนวแยกย้ายไปทุกทิศทุกทางจากหลังคาโลกเช่น เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาคุนลุ้นเทือกเขาเทียนชาน เทือกเขาอัลตินตัก เทือกเขาฮินดูกูซ เทือกเขาสุไลมาน ยอดเขาเอเวอร์เรสต์มีระดับสูง 8,850 เมตร (29,028 ฟุต) เป็นยอดเขาสูงที่สุดในโลกตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยระหว่างเทือกเขาเหล่านี้มีพื้นที่ค่อนข้างราบแทรกสลับอยู่ ทำให้เกิดเป็นแอ่งแผ่นดินที่อยู่ในที่สูง เช่น ที่ราบสูงทิเบต ที่ราบสูงตากลามากัน ที่ราบสูงมองโกเลีย ที่ราบสูงยูนาน ลักษณะภูมิประเทศดังกล่าวข้างต้นทำให้บริเวณใจกลางทวีปเอเชียกลายเป็นแหล่งต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ ที่มีรูปแบบการไหลออกไปทุกทิศโดยรอบหลังคาโลก เช่น ไหลไปทางเหนือมีแม่น้ำ อ็อบ เยนิเซ ลีน่า ทางตะวันออกเฉียงเหนือมีแม่น้ำอามูร์ ทางตะวันออกมีแม่น้ำฮวงโห (หวงเหอ แยงซีเกียง (ฉางเจียง) ซีเกียง (ซีเจียง) ทางตะวันออกเฉียงใต้มีแม่น้ำแดง โขง เจ้าพระยา สาละวิน อิระวดี ทางใต้มีแม่น้ำพรหมบุตร คงคา สินธุ ทางตะวันตกมีแมน้ำอามู ดาร์ยา จากที่สูงอามีเนียนนอต มีแมน้ำไทกรีส ยูเฟรตีส บทบาทของลุม่ นํ้าเหลา่ นี้ คือพัดพาเอาตะกอนมาทับถมที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาล กลายเป็นแหล่งเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยสำคัญๆ ของชาวเอเชีย โดยเฉพาะที่ราบดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ จึงกลายเป็นแหล่งที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุด
3. ลักษณะภูมิอากาศของทวีปเอเชีย
ทวีปเอเชียโดยส่วนรวมประมาณครึ่งทวีปอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตั้งแต่ปากีสถานถึงคาบสมุทรเกาหลี เป็นผลทำให้มีฝนตกชุกในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และมีอากาศหนาวในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในเขตละติจูดกลางหรือเขตอบอุ่น แถบจีนและญี่ปุ่นจะได้รับอิทธิพลจากแนวปะทะอากาศบ่อยครั้ง ทางชายฝั่งตะวันออกของทวีปตั้งแต่ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย จะได้รับอิทธิพลของลมไต้ฝุ่น และดีเปรสชั่นทำให้ดินแดนชายฝั่งตะวันออกของหมู่เกาะได้รับความเสียหายจากลมและฝนเสมอ ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์สูตรจะมีปรากฏการณ์ของหย่อมความกดอากาศต่ำทำให้มีอากาศลอยตัว ก่อเป็นพายุฟ้าคะนองเกิดขึ้นเป็นประจำในเวลาบ่ายๆ หรือใกล้ค่ำ แถบที่อยู่ลึกเข้าไปในทวีปห่างไกลจากทะเลจะมีภูมิอากาศแห้งแล้งเป็นทะเลทราย
4. สภาพทางสังคม วัฒนธรรม ภาษา ศาสนา
เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ประชากร 2 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด เป็นพวกมองโกลอยด์มีพวกคอเคซอยด์อยู่บ้าง เช่น ชาวรัสเซียอพยพมาจากยุโรปตะวันออก ประชากรของเอเชียมีความหลากหลาย ด้านประกอบอาชีพ เศรษฐกิจของประเทศในเอเชียขึ้นอยู่กับภาคเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพด้านการเกษตร คือ การเพาะปลูก ข้าวข้าวโพด และมีการเลี้ยงสัตว์ ทั้งเลี้ยงไว้เป็นอาหาร และทำงาน นอกจากนี้ยังมีการค้าขายการประมง การทำเหมืองแร่
ลักษณะทางเศรษฐกิจ
1. การเพาะปลูกทำในที่ราบลุ่มของแม่น้ำต่างๆ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์ม ปอฝ้าย ชา กาแฟ ข้าวโพด
2. การเลี้ยงสัตว์ ในเขตอากาศแห้งแล้งจะเลี้ยงแบบเร่ร่อนซึ่งเลี้ยงไว้ใช้เนื้อและนมเป็นอาหารได้แก่ อูฐ แพะ แกะ โค ม้า และจามรี
3. การทำป่าไม้ ป่าไม้ในเขตเมืองร้อนจะเป็นไม้เนื้อแข็ง ผลผลิตที่ได้ส่วนใหญ่นำไปก่อสร้าง
4. การประมง ทำในบริเวณแม่น้ำลำคลอง หนอง บึงและชายฝั่งทะเล
5. การทำเหมืองแร่ ทวีปเอเชียอุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด
6. อุตสาหกรรม การทำอุตสาหกรรมหลายประเทศในเอเชีย เริ่มจากอุตสาหกรรมในครัวเรือนแล้วพัฒนาขึ้นเป็นโรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่
ประชากร
ทวีปเอเชียมีประชากรมากที่สุดในโลกประมาณ 3,155 ล้านคน ประชากรส่วนใหญ่มาจากพันธุ์มองโกลอยด์ประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นบริเวณชายฝั่งทะเลและที่ราบลุ่มแม่น้ำต่างๆ เช่น ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ลุ่มแม่น้ำแดงและลุ่มแม่น้ำคงคาส่วนบริเวณที่มีประชากรเบาบาง จะเป็นบริเวณที่แห้งแล้งกันดารหนาวเย็นและในบริเวณที่เป็นภูเขาซับซ้อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณกลางทวีป
ภาษา
1. ภาษาจีน ภาษาที่ใช้กันมากในทวีปเอเชีย โดยใช้กันในประเทศจีน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สิงคโปร์ ประมาณว่าประชากรเอเชีย 1,000 ล้านคน พูดภาษาจีน แต่เป็นภาษาที่แตกต่างกันไป เช่น ภาษาแต้จิ๋ว ไหหลำ จีนกลาง หรือที่เรียกว่าภาษาแมนดาริน
2. ภาษาอินเดีย เป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายรองลงมาอันดับ 2 โดยส่วนใหญ่ใช้กันในประเทศอินเดีย และปากีสถาน
3. ภาษาอาหรับ เป็นภาษาที่ใชกั้นแพรห่ ลายมากอันดับ 3 โดยใชกั้นในแถบเอเซียตะวันตกเฉียงใต้
4. ภาษารัสเซีย เป็นภาษาที่ใช้กันมากอันดับ 4 โดยใช้กันในรัสเซียและเครือจักรภพ
ศาสนา
ทวีปเอเชียเป็นแหล่งกำเนิดศาสนาที่สำคัญของโลก เช่น ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู และยูดาห์ ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดูกว่า 500 ล้านคนในอินเดีย รองลงมาคือ ศาสนาอิสลามมีผู้นับถือประมาณ 450ล้านคน นอกจากนี้ยังมีลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๋อ ที่แพร่หลายในจีน ลัทธิชินโตในญี่ปุ่น
1. ขนาดที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสมในการตั้งถิ่นฐานทั้งในด้านลักษณะภูมิประเทศทีี่มีที่ราบลุ่ม เทือกเขาที่ไม่ตั้งกั้นทางลม มีแม่น้ำหลายสาย ลักษณะภูมิอากาศที่อบอุ่น ชุ่มชื่นมีทรัพยากรธรรมชาติ คือ เหล็กและถ่านหิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จึงส่งผลให้ทวีปยุโรปมีประชากรตั้งถิ่นฐานหนาแน่นที่สุดในโลก อีกทั้งเป็นทวีปที่มีอารยธรรมที่เก่าแก่ คือ อารยธรรมกรีกและโรมัน
ทวีปยุโรป เป็นทวีปที่ตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 36 องศา 1 ลิปดาเหนือถึง 71 องศา10 ลิปดาเหนือและระหว่างลองติจูด 9 องศาตะวันตก ถึง 66 องศาตะวันออก จากพิกัดภูมิศาสตร์จะสังเกตได้ว่า ทวีปยุโรปมีพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในซีกโลกเหนือและอยู่เหนือเส้นทรอปิคออฟแคนเซอร์ มีเส้นสำคัญที่ลากผ่านคือ เส้นอาร์กติกเซอร์เคิลและเส้นลองติจูดที่ 0 องศา มีเนื้อที่ประมาณ 9.9 ล้านตารางกิโลเมตร จึงเป็นทวีปที่มีขนาดเล็ก โดยมีขนาดเล็กรองจากทวีปออสเตรเลีย
อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดกับมหาสมุทรอารก์ ติกและขั้วโลกเหนือ จุดเหนือสุดอยูท่ ี่แหลมนอรท์ (North Cape) ในประเทศนอร์เวย์
ทิศใต้ ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จุดใต้สุดอยู่ที่เกาะครีต ประเทศกรีช
ทิศตะวันออก ติดต่อกับทวีปเอเชีย โดยมีเทือกเขาอูราล เทือกเขาคอเคซัสและทะเลแคสเปียนเป็นเส้นกั้นพรมแดน
ทิศตะวันตก ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวันตกสุดของทวีปอยู่ที่แหลมโรคาประเทศโปรตุเกส
2. ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศแบ่งออกเป็น 4 เขต ได้แก่
1. เขตเทือกเขาตอนเหนือ ได้แก่ บริเวณคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ภูมิประเทศส่วนมากประกอบด้วยเทือกเขาสูงและที่ราบชายฝั่งทะเล เทือกเขาที่สำคัญในบริเวณนี้ได้แก่ เทือกเขาเซอรอนและเทือกเขาแกรมเปียน เนื่องจากทวีปยุโรปเคยถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งมาก่อนบริเวณชายฝั่งทะเลถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะและทับถม ทำให้เกิดชายฝั่งเว้าแหว่งและอ่าวน้ำลึกที่เรียกว่า ฟยอร์ด พบมากในประเทศนอร์เวย์และแคว้นสกอตแลนด์
2. เขตที่ราบสูงตอนกลาง ประกอบด้วยที่ราบสูงสำคัญ ได้แก่ ที่ราบสูงแบล็กฟอเรสต์ตอนใต้ของเยอรมันนี ที่ราบสูงโบฮีเมีย เขตติดต่อระหว่างเยอรมันนีและสาธารณรัฐเช็คที่ราบเมเซตา ภาคกลางของคาบสมุทรไซบีเรีย ในเขตประเทศสเปนและโปรตุเกส ที่ราบสูงมัสชีพซองตรัล ตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส
3. เขตที่ราบตอนกลาง ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถึงเทือกเขาอูราลในรัสเซีย ตะวันตกของฝรั่งเศส ตอนใต้ของสหราชอาณาจักรเบลเยี่ยมเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ภาคเหนือของเยอรมันนีโปแลนด์และบางส่วนของรัสเซียเป็นบริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุด และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญของทวีปในบริเวณนี้มีแม่น้ำที่สำคัญได้แก่ แม่น้ำไรน์ แม่น้ำเชน แม่น้ำลัวร์ และแม่น้ำเอลเบ
4. เขตเทือกเขาตอนใต้ ประกอบด้วยเทือกเขาสูง เทือกเขาที่สำคัญในบริเวณนี้ได้แก่ เทือกเขาแอลป์ ซึ่งเป็นเทือกเขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ทอดตัวยาวตั้งแต่ตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ผ่านสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมันนี ออสเตรีย เซอร์เบีย ไปจนถึงทางเหนือของอิตาลี บริเวณยอดเขามีธารน้ำแข็งปกคลุมเกือบตลอดทั้งปี บางช่วงเป็นหุบเขาลึก ยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ คือ มองต์บลังก์ สูง 4,807 เมตร นอกจากนี้ยังประกอบด้วยยอดเขาคอเคซัส ทางตอนใต้ของรัสเซียมียอดเขาเอลบรูส สูง 5,642 เมตร ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป
แม่น้ำ แม่น้ำที่สำคัญในทวีปยุโรป มีดังนี้
แม่น้ำโวลกา เป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดในทวีป มีต้นน้ำอยู่บริเวณตอนกลางของสหพันธ์รัสเซียไหลลงสู่ทะเลแคสเปียน
แม่น้ำดานูบ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาทางภาคใต้ของเยอรมัน ไหลผ่านประเทศออสเตรีย ฮังการี ยูโกสลาเวีย พรมแดนระหว่างประเทศบัลแกเรียกับประเทศโรมาเนีย แล้วไหลลงสู่ทะเลดำ แม่น้ำดานูบเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านหลายประเทศ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นแม่น้ำนานาชาติแต่ในด้านความสำคัญของการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมนั้นมีไม่มากเท่ากับแม่น้ำไรน์ เนื่องจากแม่น้ำดานูบไหลออกสู่ทะเลดำซึ่งเป็นทะเลภายใน
แม่น้ำไรน์ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของสวิสเซอร์แลนด์ ไหลขึ้นไปทางเหนือระหว่างพรมแดนฝรั่งเศสและเยอรมันไปยังเนเธอร์แลนด์ แล้วไหลลงทะเลเหนือ
แม่น้ำไรน์เป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญมาก มีปริมาณน้ำไหลสม่ำเสมอ ไหลผ่านที่ราบและไหลผ่านหลายประเทศจึงถือว่าเป็นแม่น้ำนานาชาติ และยังเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบและสินค้าที่สำคัญ คือ ถ่านหิน แร่เหล็ก และแป้งสาลี โดยเฉพาะการขนส่งถ่านหินซึ่งมีปริมาณมากในย่านอุตสาหกรรมถ่านหินของเยอรมัน แม่น้ำสายนี้จึงได้รับสมญานามว่า “แม่น้ำถ่านหิน”การขนส่งสินค้าผ่านทางแม่น้ำไรน์นี้ จะออกสู่บริเวณปากแม่น้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองท่ารอตเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของทวีป
3. ลักษณะภูมิอากาศ เขตอากาศ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิภาคอากาศของทวีปยุโรป
1. ละติจูด ทวีปยุโรปมีที่ตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 36 องศา 1 ลิปดาเหนือ ถึง 71 องศา 10 ลิปดาเหนือ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอบอุ่น มีเพียงตอนบนของทวีปที่อยู่ในเขตอากาศหนาวเย็นและ ไม่มีส่วนใดของทวีปที่อยู่ในเขตอากาศร้อน
2. ลมประจำ ลมประจำที่พัดผ่านทวีปยุโรป คือ ลมตะวันตก ซึ่งพัดมาจากมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าสู่ทวีปทางด้านตะวันตก มีผลทำให้บริเวณฝั่งตะวันตกของทวีปมีปริมาณฝนค่อนข้างมาก อุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาวไม่ค่อยแตกต่างกันมากนักแต่ถ้าลึกเข้ามาภายในทางด้านตะวันออกของทวีปซึ่งติดกับทวีปเอเชียนั้น ปริมาณฝนจะลดลงและจะมีความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนกับฤดูฝนมากขึ้นด้วย
3. ความใกล้ไกลทะเล ทวีปยุโรปมีชายฝั่งทะเลยาวและเว้าแหว่ง ประกอบกับมีพื้นที่ติดทะเลถึง 3 ด้าน ทำให้ได้รับอิทธิพลจากทะเลและมหาสมุทรอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง ดังนั้นจึงไม่มีพื้นที่ใดในทวีปยุโรปที่มีภูมิอากาศแห้งแล้ง
4. ทิศทางของเทือกเขา เทือกเขาส่วนใหญ่ในทวีป วางตัวในแนวทิศตะวันออกตะวันตก ทำให้ไม่กั้นขวางทางลมตะวันตกที่พัดเข้าสู่ทวีป
5. กระแสน้ำในมหาสมุทร บริเวณชายฝั่งมีกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกเหนือไหลผ่านทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือของทวีป ทำให้น่านน้ำบริเวณเกาะบริเวนใหญ่และประเทศนอร์เวย์ไม่เป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว จึงแตกต่างจากบริเวณทะเลบอลติกที่น้ำ กลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้ประเทศสวีเดน ต้องเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งสินค้าจากทางเรือไปเป็นการขนส่งโดยใช้เส้นทางรถไฟจากสวีเดนไปยังนอร์เวย์แล้วจึงนำสินค้าลงเรือที่เมืองท่าประเทศนอร์เวย์
เขตภูมิอากาศแบ่งออกได้เป็น 7 เขต ดังนี้
1. ภูมิอากาศแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ได้แก่ บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในเขตประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส ภาคใต้ของสเปน แอลเบเนีย กรีซ บัลแกเรีย และเซอร์เบียฤดูร้อนมีอากาศร้อน อุณหภูมิเฉลี่ย 23 องศาเซสเซียส ในฤดูหนาวมีอากาศอบอุ่นและมีฝนตกอุณหภูมิเฉลี่ย 8 องศาเซลเซียส ปริมาณฝนตกเฉลี่ย 500-1,000 มิลลิเมตรต่อปี
2. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย ได้แก่ บริเวณภาคกลางของคาบสมุทรไซบีเรีย ตอนเหนือของทะเลดำและทะเลแคสเปียน ในเขตประเทศฮังการี ยูเครน โรมาเนีย และตอนใต้ของรัสเซีย มีฝนตกน้อยมากเฉลี่ยปีละ 250-500 มิลลิเมตรต่อปี
3. ภูมิอากาศแบบพื้นสมุทรได้แก่ สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ฝรั่งเศส เดนมาร์ก เบลเยี่ยม และตอนเหนือของเยอรมนี มีฝนตกชุกตลอดทั้งปีเฉลี่ย 750-1,500 มิลลิเมตรต่อปี ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ย 1-7 องศาเซลเซียส เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกเหนือ
4. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ได้แก่ บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำดานูบในฮังการีตอนเหนือของเซอรเ์ บียและโรมาเนีย มีอากาศอบอุน่ ฝนตกตลอดทั้งปเี ฉลี่ย 500-1,000 มิลลิเมตรตอ่ ปีเนื่องจากได้รับอิทธิพลความชื้นจากทะเล
5. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นทวีป ได้แก่ ยุโรปตะวันออก และยุโรปกลางรัสเซีย สาธารณรัฐเซ็ก สาธารณรัฐ สโลวักและโปแลนด์ ฤดูหนาวมีอากาศหนาวและแห้งแล้งฤดูร้อนมีอากาศอบอุ่นและมีฝนตก อุณหภูมิเฉลี่ย 19-20 องศาเซลเซียส ปริมาณฝน 500-750 มิลลิเมตรต่อปี
6. ภูมิอากาศแบบไทกา ได้แก่ ตอนเหนือของฟินแลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ ฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็นและยาวนาน อุณหภูมิเฉลี่ย 6 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนอากาศอบอุ่นอุณหภูมิเฉลี่ย 17 องศาเซลเซียส มีปริมาณฝนตกน้อยและส่วนมากเป็นหิมะเฉลี่ย 600 มิลลิเมตรต่อปี
7. ภูมิอากาศแบบขั้วโลกหรือภูมิอากาศแบบทุนดรา ได้แก่ ทางเหนือของทวีปที่มีชายฝั่งติดกับมหาสมุทรอาร์กติก ฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัดและยาวนานปีละ 10-11 เดือน ฤดูร้อนมีอากาศอบอุ่นและสั้นเพียง 1-2 เดือน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 10 องศาเซลเซียส ปริมาณฝนตกน้อยมากและส่วนมากเป็นหิมะ
4. ลักษณะเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางสังคมวัฒนธรรม
ลักษณะเศรษฐกิจ
ทวีปยุโรปมีความเจริญทั้งในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยมีเขตเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ดังนี้
การทำเกษตรกรรม
1. เขตปลูกข้าวสาลี ได้แก่ บริเวณที่ราบภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณประเทศฮังการีโรมาเนีย ยูเครน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวสาลีแหล่งใหญ่
2. เขตทำไร่ปศุสัตว์ ส่วนใหญ่จะพบในบริเวณเขตอากาศแห้งแล้ง ไม่ค่อยเหมาะกับการเพาะปลูกแต่มีหญ้าที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ เช่น บริเวณชายฝั่งทะเลแคสเปียน และที่ราบสูงของทวีป สัตว์ที่เลี้ยงได้แก่ โคเนื้อ แกะ แพะ ส่วนการเลี้ยงโคนม จะพบบริเวณเขตอากาศชื้นภาคพื้นสมุทร เนื่องจากมีทุ่งหญ้าอุดมสมบูรณ์มากกว่า
3. เขตเกษตรกรรมแบบผสม ได้แก่ เขตที่มีการเลี้ยงสัตว์ควบคู่กับการปลูกพืช เช่น การปลูกข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ การเลี้ยงสัตว์ เช่น โคเนื้อ โคนม ซึ่งพบมากบริเวณภาคตะวันตก และภาคกลางของทวีป
4. เขตเกษตรแบบเมดิเตอร์เรเนียน พบบริเวณเขตชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่น อิตาลี กรีซ พืชสำคัญ ได้แก่ ส้ม องุ่น มะกอก
5. เขตเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน มีการเลี้ยงสัตว์แบบที่มีการย้ายถิ่นที่อยู่เพื่อหาแหล่งอาหารแหลง่ ใหมท่ ี่อุดมสมบูรณก์ วา่ บริเวณที่มีการเลี้ยงสัตวแ์ บบเรร่ อ่ น คือ บริเวณที่มีอากาศหนาวเย็น เช่น ชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติก หรือเขตอากาศแบบทุนดรา
การป่าไม้
แหล่งป่าไม้ที่สำคัญของทวีป คือ เขตภูมิอากาศแบบไทกา บริเวณคาบสมุทร สแกนดิเนเวีย ซึ่งจะมีป่าสนเป็นบริเวณกว้าง
การประมง
จากลักษณะภูมิประเทศของทวีปยุโรปที่มีชายฝั่งทะเลยาวและเว้าแหว่ง ติดทะเลทั้ง 3 ด้าน ประกอบกับการมีกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกเหนือไหลผ่านทำให้ในฤดูหนาวน้ำไม่เป็นน้ำแข็ง จึงกลายเป็นแหล่งประมงที่สำคัญของทวีป มีชื่อว่า “ดอกเกอร์แบงก์ (Dogger Bank)
การเหมืองแร่
ทวีปยุโรปมีทรัพยากรที่มีความสำคัญมากต่อการทำอุตสาหกรรม ได้แก่ เหล็กและถ่านหิน
แร่ถ่านหิน ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการถลุงเหล็ก โดยมีแหล่งถ่านหินที่สำคัญ เช่น ภาคเหนือของฝรั่งเศสและภาคกลางของเบลเยี่ยม เยอรมัน เป็นต้น
แร่เหล็ก เมื่อผ่านการถลุงแล้วจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า โดยมีแหล่งแร่เหล็กที่สำคัญ เช่น ประเทศสวีเดน ฝรั่งเศส
น้ำมันปิโตรเลียมมี 2 แหล่งที่สำคัญ คือ ทะเลเหนือ และทะเลดำ
การอุตสาหกรรม
ทวีปยุโรปเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ประเทศที่มีชื่อเสียงมาก คือ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม สวีเดน โดยบริเวณนี้จะมีแร่เหล็กและถ่านหินซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำอุตสาหกรรม
สภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม
ลักษณะประชากร
1. มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และหนาแน่นมากเป็นอันดับ 2 ของโลก
2. มีการกระจายประชากรทั่วทั้งทวีป เนื่องจากความเหมาะสมในด้านสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศและทรัพยากร
3. บริเวณที่มีประชากรหนาแน่น คือ บริเวณที่ราบภาคตะวันตกและภาคกลางของทวีป ส่วนบริเวณที่มีประชากรเบาบาง คือ บริเวณคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย และเขตยุโรปตะวันออก
ประวัติศาสตร์ แบ่งได้ 3 สมัยคือ
1. สมัยโบราณ หรือ อารยธรรมสมัยคลาสสิค มีกรีกและโรมันเป็นศูนย์กลางความเจริญ โดยตั้งมั่นอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรปในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
2. กรีก ชนชาติกรีกได้ถ่ายทอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมไว้หลายประการ ได้แก่
1.) การปกครอง ชาวกรีกได้ให้สิทธิราษฎรในการลงคะแนนเสียงเลือกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
2.) ศิลปวัฒนธรรม ชาวกรีกมีความสามารถในด้านวรรณคดี การละคร และสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง คือ วิหารพาเธนอน นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกีฬาที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ กีฬาโอลิมปิก
3.) ปรัชญาความคิด นักปรัชญากรีกที่มีชื่อเสียง คือ อริสโตเติล และเพลโต
3. โรมัน ชนชาติโรมันได้รับความเจริญต่างๆ จากกรีก สิ่งที่ชาวโรมันได้ถ่ายทอดให้กับชนรุ่นหลังคือ ประมวลกฎหมาย และภาษาละติน
1.) สมัยกลาง ในช่วงนี้ยุโรปมีศึกสงครามเกือบตลอดเวลา จนทำให้การพัฒนาด้านต่างๆ ต้องหยุดชะงัก ยุคนี้จึงไดชื่อว่าเป็น “ยุคมืด” หลังจากผ่านพ้นช่วงสงครามจึงเป็นช่วงของการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเริ่มให้ความสำคัญกับมนุษย์มากขึ้นเรียกยุคนี้ว่า ยุคเรอเนสซองซ์ (Renaissance)
2.) สมัยใหม่ ยุคนี้เป็นยุคแห่งการแสวงหาอาณานิคม ทำให้ศิลปวัฒนธรรมของชาติตะวันตกแผ่ขยายไปยังดินแดนต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์สำคัญ คือ การปฏิวัติวิทยาศาสตร์และการปฏิวัติอุตสาหกรรม
1. ขนาดที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
ทวีปอเมริกาใต้เป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากทวีปเอเชียทวีปแอฟริกา และทวีปอเมริกาเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 17.8 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 299 ล้านคน รูปร่างของทวีปอเมริกาใต้คล้ายคลึงกับทวีปอเมริกาเหนือ คือมีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยมหัวกลับ มีฐานกว้างอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนยอดสามเหลี่ยมอยู่ทางทิศใต้
ตั้งอยู่ในแถบซีกโลกใต้ ระหว่างละติจูด 12 องศา 25 ลิปดาเหนือ ถึง 56 องศาใต้และลองติจูด 34 องศา 47 ลิปดาตะวันตก ถึง 81 องศา 20 ลิปดาตะวันตก อาณาเขตของทวีปอเมริกาใต้มีดังนี้
อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดกับทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีคลองปานามาเป็นเส้นกั้นเขตแดนและติดต่อกับทะเลแคริบเบียน ในมหาสมุทรแอตแลนติก จุดเหนือสุดอยู่ที่แหลมกายีนาสในประเทศโคลอมเบีย
ทิศใต้ ติดกับทวีปแอนตาร์กติกา มีช่องแคบเดรกเป็นเส้นกั้นเขตแดน จุดใต้สุดอยู่ที่แหลมโฟร์วาร์ด ในคาบสมุทรบรันสวิก ประเทศชิลี
ทิศตะวันออก ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวันออกสุดอยู่ที่แหลมโคเคอรูสในประเทศบราซิล
ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก จุดตะวันตกสุดอยู่ที่แหลมปารีนเยสในประเทศเปรู
2. ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาใต้สามารถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะได้แก่
1. เขตเทือกเขาตะวันตก ได้แก่ บริเวณเทือกเขาแอนดีส ซึ่งทอดตัวยาวขนานไปกับชายฝงั่ มหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแตท่ างเหนือบริเวณทะเลแคริบเบียนไปจนถึงแหลมฮอรน์ทางตอนใต้ มีความยาวประมาณ 7,200 กิโลเมตร เป็นแนวเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลกยอดเขาสูงที่สุดในบริเวณนี้ คือ ยอดเขาอะคองคากัว สูงประมาณ 6,924 เมตร บริเวณตอนกลางของเทือกเขามีที่ราบสูงที่สำคัญคือ ที่ราบสูงโบลิเวีย มีความสูงถึง 4,500 เมตร และมีขนาดกว้างใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากที่ราบสูงทิเบต บนที่ราบสูงแห่งนี้มีทะเลสาบซึ่งเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลก ได้แก่ ทะเลสาบติติกากา ในประเทศเอกวาดอร์
2. เขตที่ราบสูงตะวันออก ประกอบด้วยที่ราบสูงสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่
ที่ราบสูงกิอานา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศเวเนซูเอลากายอานาซูรินาเม เฟรนซ์เกียนา และภาคเหนือของบราซิล มีลักษณะที่เป็นที่ราบสูงสลับกับเทือกเขาสลับซับซ้อน
ที่ราบสูงบราซิล ตั้งอยู่ตอนกลางของทวีป บริเวณตะวันออกของประเทศบราซิลตั้งอยู่ระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอน ที่ราบลุ่มแม่น้ำปารานา และที่ราบลุ่มแม่น้ำปารากวัยทางตะวันออกมีความสูงชัน จากนั้นค่อยๆ ลาดต่ำลงไปทางตะวันตก
ที่ราบสูงปาตาโกเนีย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีป ในเขตประเทศอาร์เจนตินาทางตะวันออกค่อนข้างราบเรียบและค่อยๆ สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทางตะวันตก
3. เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ อยู่บริเวณตอนกลางของทวีป เป็นที่ราบดินตะกอนที่มีความอุดมสมบูรณ์และกว้าง ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาแอนดีสและที่ราบสูงทางตะวันออก เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำที่สำคัญของทวีปอเมริกาใต้มี 2 บริเวณได้แก่
ที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอนหรืออเมซอน เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 7 ล้านตารางกิโลเมตร มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนมากมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอนดีสและไหลสู่มหาสมุทรแอตแลนติก แม่น้ำที่สำคัญที่สุดในบริเวณนี้คือ แม่น้ำแอมะซอน
ที่ราบลุ่มแม่น้ำโอริโนโค อยู่ทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศโคลอมเบียและเวเนซุเอลา บริเวณนี้เป็นเขตเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญของทวีปอเมริกาใต้
แม่น้ำที่สำคัญในทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่
แม่น้ำแอมะซอน มีความยาว 6,440 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแม่น้ำไนล์ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอนดีส ไหลผ่านประเทศบราซิล ไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
แม่น้ำปารานา มีความยาว 2,800 กิโลเมตรมีต้นกำเนิดจากที่สูงทางตะวันออกของทวีป ไหลผ่านประเทศบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา ลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกบริเวณอ่าวริโอเดอลาพลาตา
แม่น้ำปารากวัย มีความยาว 2,550 กิโลเมตร มีต้นกำเนิดจากที่สูงในประเทศบราซิลไหลผ่านประเทศบราซิล ปารากวัยไปรวมกับแม่น้ำปารานาในเขตประเทศอาร์เจนตินา
3. ลักษณะภูมิอากาศ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาใต้
1. ละติจูด พื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปครอบคลุมเขตอากาศร้อน และประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทวีปเป็นอากาศแบบอบอุ่น ภูมิภาคทางเหนือของทวีปจะมีฤดูกาลที่ตรงข้ามกับภูมิภาคทางใต้
2. ลมประจำ ได้แก่
2.1 ลมสินค้าตะวันออกเฉียงเหนือ พัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกจึงนำความชุ่มชื้นเข้าสู่ทวีปบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
2.2 ลมสินคา้ ตะวันออกเฉียงใต ้ พัดผา่ นมหาสมุทรแอตแลนติกจึงนำความชุม่ ชื้นเข้าสู่ทวีปบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้
2.3 ลมตะวันตกเฉียงเหนือ พัดผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกจึงนำความชุ่มชื้นเข้าสู่ทวีปบริเวณชายฝั่งตะวันตกของทวีป ตั้งแต่ประมาณละติจูด 40 องศาใต้ลงไป
3. ทิศทางของเทือกเขา ทวีปอเมริกาใต้มีเทือกเขาสูงอยู่ทางตะวันตกของทวีปดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่กั้นขวางอิทธิพลจากทะเลและมหาสมุทร ทำให้บริเวณที่ใกล้เทือกเขาค่อนข้างแห้งแล้ง แต่ในทางตรงกันข้าม ชายฝั่งด้านตะวันออกจะได้รับอิทธิพลจากทะเลอย่างเต็มที่
4. กระแสน้ำ มี 3 สายที่สำคัญ คือ
4.1 กระแสน้ำอุ่นบราซิล ไหลเลียบชายฝั่งของประเทศบราซิล
4.2 กระแสน้ำเย็นฟอล์กแลนด์ ไหลเลียบชายฝั่งประเทศอาร์เจนตินา
4.3 กระแสน้ำเย็นเปรู (ฮัมโบลด์) ไหลเลียบชายฝั่งประเทศเปรูและชิลี
เขตภูมิอากาศแบ่งออกได้เป็น 8 เขต ดังนี้
1. ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น ได้แก่ บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอน เป็นบริเวณที่มีอากาศเย็น ป่าดิบชื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลกส่วนใหญ่มีพื้นที่อยู่ประเทศบราซิล มีอุณหภูมิสูงเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส มีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปีประมาณ 2,000 มิลลิเมตรต่อปี
2. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน ได้แก่ บริเวณตอนเหนือและใต้ของลุ่มแม่น้ำแอมะซอน มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ฤดูร้อนมีฝนตกแต่ไม่ชุกเหมือนในเขตป่าดิบชื้นอุณหภูมิสูงเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส มีลักษณะอากาศคล้ายกับภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
3. ภูมิอากาศแบบทะเลทราย ได้แก่ ภาคใต้ของเปรูและภาคเหนือของชิลี เป็นบริเวณที่รอ้ นและแหง้ แลง้ มาก มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยตํ่ากวา่ 250 มิลลิเมตรตอ่ ป ี และบางครั้งฝนไม่ตกยาวนานติดต่อกันหลายเดือน ทะเลทรายที่สำคัญในบริเวณนี้ได้แก่ ทะเลทรายอะตากามาในประเทศชิลี ในบริเวณนี้มีฝนตกน้อยกว่า 50 มิลลิเมตรต่อปี บางครั้งฝนไม่ตกติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี จัดเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
4. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย ได้แก่ ทางตะวันออกของประเทศอาร์เจนตินาจนถึงที่ราบสูงปาตาโกเนีย อุณหภูมิไม่สูงนักเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น ฤดูร้อนมีอากาศร้อน ปริมาณฝนน้อยประมาณ 500 มิลลิเมตรต่อปี
5. ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ได้แก่ บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ตอนกลางของประเทศชิลี ในฤดูร้อนมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ฤดูหนาวมีฝนตก
6. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ได้แก่ บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของทวีป ตั้งแต่ตอนใต้ของบราซิล ปารากวัย อุรุกกวัย และตะวันออกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินา อากาศในบริเวณนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก ฤดูหนาวมีอากาศอบอุ่น ฤดูร้อนมีฝนตกเฉลี่ย 750 – 1,500 มิลลิเมตรต่อปี
7. ภูมิอากาศแบบภาคฟื้นสมุทร ได้แก่ บริเวณชายฝั่งทะเลอากาศหนาวจัด มีฝนตกเกือบตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ร่วงเฉลี่ย 5,000 มิลลิเมตรต่อปี
8. ภูมิอากาศแบบที่สูง ได้แก่ บริเวณเทือกเขาแอนดีส เป็นบริเวณที่มีความแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับระดับความสูงของพื้นที่ คือ บริเวณที่ราบมีอุณหภูมิสูงและฝนตกชุกเมื่อสูงขึ้นอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนจะลดลงไปเรื่อยๆ ยิ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 เมตร มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 15 องศาเซลเซียส ปริมาณฝนตกเฉลี่ย 1,000 มิลลิเมตรต่อปี ในขณะที่ประเทศอื่นที่อยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร แต่ตั้งอยู่บนที่ราบ เช่น มาเลเซีย มีอุณหภูมิเฉลี่ย 27 องศาเซียส และมีฝนตกชุกตลอดทั้งปีสูงกว่า 2,500 มิลลิเมตรต่อปี
4. ลักษณะเศรษฐกิจและ สภาพแวดล้อมทางสังคม วัฒนธรรม
ลักษณะเศรษฐกิจ
การทำเกษตรกรรม
1. จากลักษณะอากาศของทวีป เหมาะกับการปลูกพืชเมืองร้อน เช่น กาแฟ กล้วย โกโก้ อ้อย ยาสูบ โดยเฉพาะกาแฟมีผู้ผลิตรายใหญ่ คือ บราซิลและโคลัมเบีย
2. บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปารานา – ปารากวัย – อุรุกวัย มีความเหมาะสมในการปลูกข้าวสาลี เนื่องจากอยู่ในเขตอบอุ่นและเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะในเขตประเทศอาร์เจนตินา
3. การเพาะปลูกในทวีปมีทั้งการเพาะปลูกเปน็ ไรก่ ารคา้ ขนาดใหญ ่ ที่เรียกวา่ เอสตันเซีย และมีการเพาะปลูกแบบยังชีพ
การเลี้ยงสัตว์
การเลี้ยงสัตว์ในทวีปอเมริกาใต้กระทำอย่างกว้างขวาง ดังนี้
1. ทุ่งหญ้าปามปัส เป็นเขตปศุสัตว์ขนาดใหญ่ มีการเลี้ยงโคเนื้อ โคนม แกะ
2. ทุ่งหญ้ายาโนส และทุ่งหญ้าแกมโปส เป็นเขตเลี้ยงโคเนื้อ
3. ทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย บริเวณที่ราบสูงปาตาโกเนีย มีการเลี้ยงแกะพันธุ์ขน ประเทศที่ส่งเนื้อสัตว์เป็นสินค้าออกจำนวนมาก คือ ประเทศอาร์เจนตินา อุรุกวัย บราซิล
การประมง
แหล่งประมงที่สำคัญของทวีป คือ บริเวณชายฝั่งประเทศเปรูและชิลี ซึ่งมีกระแสน้ำเย็นเปรู (ฮัมโบลด์) ไหลผ่าน มีปลาแอนโชวีเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการจับปลาตามลุ่มแม่น้ำต่าง ๆ โดยชาวพื้นเมืองอีกด้วย แต่เป็นการจับปลาเพื่อยังชีพ
การป่าไม้
การทำป่าไม้ในทวีปมีไม่มากนักเนื่องจากความไม่สะดวกในการคมนาคมและการขนส่ง เขตที่มีความสำคัญในการทำป่าไม้ คือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล
การทำเหมืองแร่
ทวีปอเมริกาใต้เป็นแหล่งผลิตพืชเมืองร้อนและสินแร่ การทำเหมืองแร่มีความสำคัญรองจากการทำเกษตรกรรม โดยมีแหล่งแร่ที่สำคัญดังนี้
อุตสาหกรรม
การอุตสาหกรรมในทวีปยังไม่ค่อยมีความเจริญมากนัก เนื่องจากขาดเงินทุน และยังต้องอาศัยความร่วมมือและการร่วมลงทุนจากต่างชาติ ประเทศที่มีความเจริญทางด้านอุตสาหกรรม คือ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี เวเนซุเอลา
1. ขนาดที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
ทวีปอเมริกาเหนือเป็นทวีปที่มีขนาดกว้างใหญ่โดยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกรองจากทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกามีพื้นที่ประมาณ 24 ล้านตารางกิโลเมตร รูปร่างของทวีปอเมริกาเหนือมีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยมหัวกลับมีฐานกว้างอยู่ทางทิศเหนือส่วนยอดสามเหลี่ยมอยู่ทางทิศใต้ ด้วยความกว้างใหญ่ของทวีปจึงมีความหลากหลายทั้งในด้านลักษณะทางกายภาพทรัพยากรธรรมชาติและเป็นที่รวมของชนชาติหลายเชื้อชาติจนกลายเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรม อีกทั้งมีความเจริญก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมต่าง ๆ ตั้งอยู่ในแถบซีกโลกเหนือระหว่างละติจูด 7 องศา 15 ลิปดาเหนือถึง 83 องศา 38 ลิปดาเหนือและลองจิจูด 55 องศา 42 ลิปดาตะวันตก 172 องศา 30 ลิปดาตะวันออก
อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดกับทะเลโบฟอร์ตในมหาสมุทรอาร์กติกและขั้วโลกเหนือ จุดเหนือสุดอยู่ที่แหลมมอริสเจซุป เกาะกรีนแลนด์และประเทศแคนาดา
ทิศใต้ ติดกับทวีปอเมริกาใต้ (มีคลองปานามาเป็นเส้นแบ่งทวีป) ทะลแคริบเบียนในมหาสมุทรแปซิฟิกและอ่าวเม็กซิโกในมหาสมุทรแอตแลนติก
ทิศตะวันออก ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวันออกสุดของทวีปอยู่ที่คาบสมุทรลาบราดอร์ ประเทศแคนาดา
ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก จุดตะวันตกสุดของทวีปอยู่ที่แหลมปรินซ์ออฟเวลรัฐอะลาสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา
2. ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาเหนือ สามารถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะได้แก่
1. เขตเทือกเขาภาคตะวันออก เริ่มตั้งแตเ่ กาะนิวฟนั ดแ์ ลนดท์ างตะวันออกเฉียงเหนือของแคนาดา จนถึงตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยเทือกเขาและที่ราบสูงแต่ไม่สูงนัก ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขามิตเชล มีความสูง 2,037 เมตร เทือกเขาที่สำคัญคือ เทือกเขาแอปปาเลเซียน นอกจากนี้ยังมีที่ราบแคบๆ ขนานไปกับชายฝั่งทะเล บางส่วนลาดลงทะเลกลายเป็นไหล่ทวีป
2.เขตเทือกเขาสูงภาคตะวันตก ได้แก่ พื้นที่ชายฝั่งตะวันตกด้านมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่เทือกเขาตอนเหนือสุดบริเวณช่องแคบแบริง ทอดตัวยาวทางใต้ของทวีปประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนจำนวนมาก ยอดเขาที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาแมกคินเลย์สูง 6,096 เมตร ในเทือกเขาอะลาสกา นอกจากนี้ยังมีเทือกเขาร็อกกีและเทือกเขาแมกเคนซีระหว่างเทือกเขาสูงมีที่ราบสูงจำนวนมาก ที่สำคัญได้แก่ ที่ราบสูงอะลาสกา ที่ราบโคโรราโดที่ราบสูงเม็กซิโก และที่ราบสูงบริติชโคลัมเบีย เขตเทือกเขาสูงบริเวณนี้มีภูมิประเทศที่สวยงามที่มีทั้งเทือกเขาสูง สลับกับที่ราบสูง หุบเขาลึกชัน เกิดเป็นโตรกเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ โตรกเขาที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ แกรนด์แคนยอน (grand canyon) ที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำโคโรราโด รัฐแอริโซนาประเทศสหรัฐอเมริกา
3. เขตที่ราบภาคกลาง เป็นที่ราบขนาดกว้างใหญ่ อยู่ระหว่างเทือกเขาตะวันออกและตะวันตก เริ่มตั้งแต่ชายฝั่งมหาสมุทรอาร์ติกจนถึงชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก มีลักษณะเป็นที่ราบลูกคลื่นอันเกิดจากการกระทำของธารน้ำแข็งและการทับถมของตะกอนจากแม่น้ำที่ราบที่สำคัญ ได้แก่ ที่ราบลุ่มทะเลสาบทั้งห้า ที่ราบลุ่มแม่น้ำแมกแคนซี ที่ราบลุ่มแม่นํ้ามิสซิสซิปปี-มิสซูรี่ ที่ราบแพรีและที่ราบชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก
แม่น้ำ แม่น้ำที่สำคัญในทวีปอเมริกาเหนือ มีดังนี้
แม่น้ำมิสซิสซิปปี เกิดจากเทือกเขาสูงทางตะวันตกของทวีป เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในทวีปไหลผ่านที่ราบกว้างลงสู่อ่าวเม็กซิโก เป็นเขตที่ราบที่มีตะกอนทับถมเป็นบริเวณกว้าง จึงเหมาะแก่การเพาะปลูก และเป็นเขตประชากรหนาแน่น
แม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ ไหลจากทะเลสาบเกรตเลคออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกแม่น้ำสายนี้ใช้ในการขนส่งสินค้าหรือวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม (เนื่องจากบริเวณรอบๆเกรตเลคเป็นเขตอุตสาหกรรม) แต่ปัญหาสำคัญของแม่น้ำสายนี้ คือ จะมีระยะที่เดินเรือไม่ได้ในฤดูหนาว ลักษณะพิเศษของแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ คือ มีการขุดร่องน้ำและสร้างประตูกั้นน้ำเป็นระยะๆ เนื่องมาจากบริเวณแม่น้ำมีแก่งน้ำตกขวางหลายแห่ง เส้นทางการขนส่งสินค้า และเดินเรือนี้ เรียกว่า “เซนต์ลอว์เรนซ์ซีเวย์” (St. Lawrence Seaway)
แม่น้ำริโอแกรนด์ กั้นพรมแดนระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศเม็กซิโก
3. ลักษณะภูมิอากาศ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาเหนือ
1. ละติจูด ทวีปอเมริกาเหนือตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 7 องศา 15 ลิปดาเหนือ ถึง 83 องศา 38 ลิปดาเหนือใกล้ขั้วโลกเหนือ จึงทำให้มีเขตภูมิอากาศทุกประเภทตั้งแต่อากาศร้อนไปจนถึงอากาศหนาวเย็นแบบขั้วโลก
2. ลมประจำ ลมประจำที่พัดผ่านทวีปอเมริกาเหนือ มีความแตกต่างกันตามช่วงละติจูด มีลมประจำที่สำคัญดังนี้
1) ลมด้านตะวันออกเฉียงเหนือ พัดตั้งแต่ละติจูด 40 องศาเหนือลงไปทางใต้พัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกเขา้ สูท่ วีป จึงนำความชุม่ ชื้นมาใหช้ ายฝงั่ ตะวันออกของทวีปตลอดทั้งปี ตั้งแต่ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา อเมริกากลางและหมู่เกาะอินดิสตะวันตก
2) ลมตะวันตกเฉียงใต้ พัดตั้งแต่ละติจูด 40 องศาเหนือถึง 60 องศาเหนือ พัดจากมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าสู่ตอนกลางถึงตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาและตอนใต้ของแคนาดา
3) ลมขั้วโลก พัดอยูบ่ ริเวณขั้วโลกนำความหนาวเย็นมาใหพ้ ื้นที่ทางตอนบนของทวีป
3. ความใกล้ไกลทะเล จากลักษณะรูปร่างของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งตอนบนจะกว้างใหญ่ และค่อยๆ เรียวแคบลงมาทางตอนใต้ ทำให้ตอนบนของทวีปได้รับอิทธิพลจากมหาสมุทรน้อย จึงทำให้พื้นที่ตอนบนมีภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง
4. ทิศทางของเทือกเขา ทิศทางการวางตัวของเทือกเขาในทวีปอเมริกาเหนือเป็นส่วนสำคัญในการทำให้พื้นที่ทางตอนในของทวีปมีอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง โดยเฉพาะเทือกเขาทางตะวันตกของทวีป ซึ่งเป็นเทือกเขายุคใหม่ที่สูงมาก จึงขวางกั้นความชื้นที่มากับลมประจำ
5. กระแสน้ำ ทวีปอเมริกาเหนือมีกระแสน้ำ 4 สาย ซึ่งมีอิทธิพลต่ออากาศบริเวณชายฝั่งโดยกระแสน้ำอุ่น ทำให้อากาศบริเวณชายฝั่งอบอุ่นชุมชื้น ส่วนกระแสน้ำเย็นทำให้อากาศบริเวณชายฝั่งเย็นและแห้งแล้ง
1) กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ไหลเลียบชายฝั่งตะวันออกของเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกาทางใต้ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดา
2) กระแสน้ำเย็นแลบราดอร์ ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของเกาะกรีนแลนด์ลงมาจนถึงชายฝั่งตะวันออกของแคนาดา พบกับกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม บริเวณเกาะนิวฟันด์แลนด์จึงทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งปลาชุม เนื่องจากมีอาหารปลาจำนวนมาก กลายเป็นเขตทำประมงที่สำคัญ เรียกบริเวณนี้ว่า “แกรนด์แบงค์” (Grand Bank)
3) กระแสน้ำอุ่นอลาสกา ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของรัฐอลาสกาขึ้นไปทางเหนือจนถึงช่องแคบเบริง ทำให้ชายฝั่งอบอุ่น น้ำไม่เป็นน้ำแข็งสามารถจอดเรือได้ตลอดปี
4) กระแสน้ำเย็นแคลิฟอร์เนีย ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาลงมาทางใต้จนถึงชายฝั่งคาบสมุทรแคลิฟอร์เนีย ทำให้ชายฝั่งมีอากาศเย็นและแห้ง
พายุ พายุที่มีอิทธิพลต่อลมฟ้าอากาศของทวีปอเมริกาเหนือเป็นอย่างมากคือ
1. พายุเฮอริเคน เป็นพายุหมุนเขตร้อน เช่นเดียวกับใต้ฝุ่น พายุนี้เกิดในทะเลแคริเบียน และอา่ วเม็กซิโก เปน็ พายุที่ทำใหฝ้ นตกหนัก คลื่นลมแรงเคลื่อนตัวจากทะเลเขา้ สู่ชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และหมู่เกาะในทะเลแคริเบียน
2. พายุทอร์นาโด เนื่องจากบริเวณภาคกลางของสหรัฐอเมริกาเป็นพื้นที่โล่งกว้างทำให้มวลอากาศปะทะกันได้ง่ายเกิดเป็นพายุหมุนทอร์นาโด มีกำลังแรงมาก ก่อให้เกิดความเสียหายกับบ้านเรือนในรอบ 1 ปีเกิดพายุนี้ได้บ่อยครั้ง จนได้รับสมญานามว่า“พายุประจำถิ่น” ของสหรัฐอเมริกา
เขตภูมิอากาศแบ่งออกได้เป็น 12 เขต ได้แก่
1. ภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ได้แก่ บริเวณชายฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง และบางส่วนของหมู่เกาะอินดีสตะวันตก มีอากาศร้อนเกือบตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียสและมีฝนตกชุกเฉลี่ย 1,700 มิลลิเมตรต่อปี ในเขตนี้ไม่มีฤดูหนาว
2. ภูมิอากาศแบบทะเลทราย ได้แก่ บริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาและภาคเหนือของเม็กซิโก มีอากาศรอ้ นจัดและมีฝนตกนอ้ ยมาก เฉลี่ย 250 มิลลิเมตรตอ่ ปี
3. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน ได้แก่ ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกากลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของเม็กซิโก บางส่วนของหมู่เกาะอินดีสตะวันตก และทางตอนใต้สุดของคาบสมุทรฟลอริดา มีอุณหภูมิแตกต่างกันมากระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาว คือ ฤดูหนาวอากาศหนาวจัดฤดูร้อนมีอากาศร้อนจัดและมีฝนตก
4. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย ได้แก่ บริเวณชายขอบของเขตทะเลทรายเริ่มตั้งแต่บางส่วนของประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา มีลักษณะภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้ง ฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัด ฤดูร้อนมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ปริมาณฝนไม่มากนัก แต่มากกว่าในเขตทะเลทราย
5. ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ได้แก่ บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ในฤดูร้อนมีอากาศไม่ร้อนจัด ในฤดูหนาวมีอากาศอบอุ่นแห้งแล้งและมีฝนตก
6. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ได้แก่ บริเวณที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและที่ราบตอนกลางของทวีป อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีมีความใกล้เคียงกัน มีฝนตกเกือบตลอดทั้งปีเฉลี่ย 750 มิลลิเมตรต่อปี
7. ภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก ได้แก่ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปีเฉลี่ย 2,000 มิลลิเมตรต่อปีฤดูร้อนมีอากาศร้อนชื้นและ ฤดูหนาวมีอากาศเย็นสบาย
8. ภูมิอากาศแบบชื้นภาคพื้นทวีป ได้แก่ ตอนใต้ของประเทศแคนาดารอบๆทะเลสาบทั้ง 5 และภาคเหนือของสหรัฐอเมริกา ในฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น ในฤดูร้อนมีอากาศอบอุ่นและมีฝนตก
9. ภูมิอากาศแบบไทกา ได้แก่ ภาคเหนือของประเทศแคนาดา และตอนใต้ของรัฐอะลาสกา สหรัฐอเมริกา เป็นบริเวณที่มีอากาศหนาวจัด มีหิมะตกติดต่อกันหลายเดือนฤดูร้อนมีอากาศเย็น มีปริมาณฝนตกน้อยและระยะสั้นๆ
10. ภูมิอากาศแบบทุนดรา ได้แก่ ชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติก ภาคเหนือของแคนาดา รัฐอะลาสกาของสหรัฐอเมริกา และชายฝั่งเกาะกรีนแลนด์ มีอากาศหนาวจัดเกือบตลอดทั้งปี ฤดูร้อนมีช่วงสั้นและอุณหภูมิต่ำเฉลี่ยตลอดทั้งปี 10 องศาเซลเซียส
11. ภูมิอากาศแบบขั้วโลก ได้แก่ ตอนกลางของเกาะกรีนแลนด์ มีอากาศหนาวจัดมีน้ำแข็งปกคลุมเกือบตลอดทั้งปี บริเวณตอนกลางของเกาะมีน้ำแข็งปกคลุมหนาถึง 3,000 เมตร
12. ภูมิอากาศแบบบริเวณภูเขาสูง ได้แก่ เทือกเขาสูงในภาคตะวันตก เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับความสูงของพื้นที่ เช่น ในฤดูร้อนด้านที่รับแสงแดดอากาศร้อนจัด ในด้านตรงกันข้ามจะมีอากาศหนาวเย็น ในแถบหุบเขาจะมีอากาศหนาวเย็นโดยเฉพาะในเวลากลางคืน อุณหภูมิจะต่ำลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น บริเวณยอดเขามีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ ในบริเวณนี้มีฝนตกน้อย
4. สภาพเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมทางสังคมวัฒนธรรม
ลักษณะเศรษฐกิจ ลักษณะเศรษฐกิจของทวีปอเมริกาเหนือจะมีความแตกต่างกันคือ ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา จะเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีความเจริญสูง ส่วนในเขตของเม็กซิโกอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสตะวันตกจะมีทั้งเขตเศรษฐกิจที่เจริญแล้ว และเขตที่ยังต้องได้รับการพัฒนา
การทำเกษตรกรรม
1. เขตปลูกข้าวสาลี บริเวณที่มีการปลูกข้าวสาลี ซึ่งถือเป็นแหล่งสำคัญของโลก คือ บริเวณภาคกลางของแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
2. เขตทำไร่ปศุสัตว์ พบในบริเวณที่ภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง เช่น ภาคตะวันตกของแคนาดา สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก สัตว์ที่เลี้ยง คือ โคเนื้อ
3. เขตเกษตรกรรมแบบผสม ได้แก่ เขตที่มีการเลี้ยงสัตว์ควบคู่กับการปลูกพืชเช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ส่วนสัตว์เลี้ยงคือ โคเนื้อ โคนม การเกษตรลักษณะนี้พบบริเวณทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
4. เขตปลูกฝ้าย ได้แก่ บริเวณทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเขตที่มีอากาศค่อนข้างร้อนและแห้งแล้ง
5. เขตปลูกผัก ผลไม้และไร่ยาสูบ ได้แก่ บริเวณที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
6. เขตปลูกพืชเมืองร้อน พืชเมืองร้อนที่นิยมปลูกคือ กล้วย โกโก้ อ้อย กาแฟ ซึ่งมีมากบริเวณอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสตะวันตก
การประมง
บริเวณที่มีการทำประมงกัน อย่างหนาแน่น คือ แกรนด์แบงค์ และบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉพาะบริเวณที่มีกระแสน้ำเย็นแคลิฟอร์เนียไหลผ่าน
การทำเหมืองแร่
ถ่านหิน สหรัฐอเมริกาและแคนาดา สามารถผลิตถ่านหินได้เป็นจำนวนมาก โดยมีแหล่งผลิตที่สำคัญ คือ บริเวณเทือกเขาแอปปาเลเซียน ในสหรัฐอเมริกา และมณฑลควิเบกของแคนาดา
เหล็ก แหล่งสำคัญ คือ ทะเลสาบเกรตแลค
น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ พบบริเวณเทือกเขาแอปปาเลเซียนลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปีอ่าวเม็กซิโก แคลิฟอร์เนีย อลาสกา
การทำอุตสาหกรรม สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้นำในการทำอุตสาหกรรมระดับโลก ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก ส่วนประเทศเม็กซิโก และอเมริกากลาง รวมถึงประเทศในหมู่เกาะอินดีสตะวันตก อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเกษตรการแปรรูปผลผลิตต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยการพัฒนาต่อไป
สภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม
ประชากร
1. บริเวณที่มีประชากรหนาแน่น ได้แก่ ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี ลุ่มแม่น้ำเซนต์ลอรว์เรนซ์ ที่ราบสูงในเม็กซิโก หมู่เกาะอินดีสตะวันตก
2. มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เช่น อินเดียนแดง เอสกิโม ยุโรป แอฟริกัน เอเชียและกลุ่มเลือดผสม
เขตวัฒนธรรม
1. แองโกอเมริกา หมายถึง สหรัฐอเมริกาและแคนาดา
2. ลาตินอเมริกา หมายถึง กลุ่มคนในเมกซิโก อเมริกากลาง และหมู่เกาะอินดีสตะวันตก (ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสเปนและโปรตุเกส)
1. ขนาดที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
ทวีปแอฟริกามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากทวีปเอเชีย มีพื้นที่ประมาณ 30.3ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากร 600 ล้านคน อยู่ระหว่างละติจูดที่ 37 องศา 21 ลิปดาเหนือ ถึง 34 องศา 50 ลิปดาใต้ ลองติจูดที่ 51 องศา 24 ลิปดาตะวันออกถึง 17 องศา 32 ลิปดา
อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในมหาสมุทรแอตแลนติก ช่องแคบยิบรอลตาร์จุดเหนือสุดของทวีปอยู่ที่แหลมบอน ประเทศตูนิเซีย
ทิศใต้ ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรอินเดีย จุดใต้สุดของทวีปอยู่ที่แหลมอะกอลฮัส (Agulhas) ในประเทศแอฟริกาใต้
ทิศตะวันออก ติดกับทะเลแดง ในมหาสมุทรอินเดีย จุดตะวันออกสุดของทวีปอยู่ที่แหลมฮาฟูน ประเทศโซมาเลีย
ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวันตกสุดของทวีปอยู่ที่แหลมเวิร์ดประเทศเซเนกัล
2. ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศทวีปแอฟริกาสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะดังนี้
1. เขตที่ราบสูง
พื้นที่เกือบทั้งหมดของทวีปเป็นที่ราบสูง จนได้รับสมญาว่า เป็นทวีปแห่งที่ราบสูงโดยทางซีกตะวันออกจะสูงกว่าซีกตะวันตก ลักษณะเด่นของบริเวณที่ราบสูงทางภาคตะวันออกของทวีป คือ เปน็ พื้นที่ที่มีภูเขาสูง และภูเขาไฟ ภูเขาไฟที่มีชื่อเสียง คือ ภูเขาคิลิมันจาโร (แทนซาเนีย) และมีทะเลสาบหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบวิคตอเรีย (ทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก) ทะเลสาบแทนแกนยิกาและทะเลสาบไนอะซา
2. เขตที่ราบ ทวีปแอฟริกามีที่ราบแคบๆ บริเวณชายฝั่งทะเล
3. เขตเทือกเขา
เขตเทือกเขาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คือ เทือกเขาแอตลาส วางตัวขนานกับชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเทือกเขายุคใหม่
เทือกเขาทางทิศใต้ คือ เทือกเขาดราเคนสเบิร์ก วางตัวขนานกับชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย เป็นเทือกเขายุคเก่า
แมน้ำแม่น้ำในทวีปแอฟริกาส่วนใหญ่เกิดจากที่ราบสูงตอนกลาง และทางตะวันออกของทวีป ซึ่งมีฝนตกชุก เนื่องจากพื้นที่ต่างระดับ แม่น้ำจึงกัดเซาะพื้นที่ให้เกิดเป็นแก่งน้ำตกขวางลำน้ำ จึงเป็นอุปสรรคต่อการคมนาคม แต่สามารถใช้ประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้แม่น้ำที่สำคัญ ได้แก่
แม่น้ำไนล์ เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในโลก ไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประกอบด้วยแควสำคัญ คือ ไวท์ไนว์ บลูไนล์และอัตบารา ปากแม่น้ำเป็นเดลต้า
แม่น้ำซาอีร์ (คองโก้) เป็นแม่น้ำสายยาวอันดับ 2 ของทวีป และเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่กว้างขวาง น้ำในแม่น้ำไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
แม่น้ำไนเจอร์ ไหลลงสู่อ่าวกินี
แม่น้ำแซมเบซี ไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย ไหลผ่านที่ราบสูงและไหลเชี่ยวมาก
3. ลักษณะภูมิอากาศ เขตอากาศ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปแอฟริกา
1. ละติจูด ทวีปแอฟริกามีเส้นศูนย์สูตรผ่านเกือบกึ่งกลางทวีป และตั้งอยู่ระหว่างเส้นทรอปิคออฟแคนเซอร์ กับเส้นทรอปิคออฟแคปริคอร์น ทำให้มีเขตอากาศร้อนเป็นบริเวณกว้าง มีเฉพาะส่วนเหนือสุดและใต้สุดที่อยู่ในเขตอบอุ่น
2. ลมประจำ มี 2 ชนิดคือลมสินค้าตะวันออกเฉียงใต้ พัดจากมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติกทำให้ฝนชุกบริเวณชายฝั่งแอฟริกาตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้กับชายฝั่งอ่าวกินีลมสินค้าตะวันออกเฉียงเหนือ พัดจากตอนในของทวีปมาสู่ชายฝั่ง จึงนำความแห้งแล้งมาสู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป
3. กระแสน้ำ ได้แก่กระแสนํ้าอุน่ กินี ไหลผา่ นชายฝงั่ ตะวันตกจากมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังอา่ วกินีกระแสน้ำเย็นคานารี ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปกระแสน้ำเย็นเบงเก-ลา ไหลเลียบชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปกระแสน้ำอุ่นโมซัมบิก ไหลผ่านบริเวณช่องแคบโมซัมบิก
4. ระยะห่างจากทะเล ด้วยความกว้างใหญ่ของทวีป การมีที่สูงอยู่โดยรอบทวีปทำให้อิทธิพลของมหาสมุทรเข้าไปไม่ถึง ประกอบกับได้รับอิทธิพลจากทะเลทรายของทวีปเอเชียทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป ทำให้ทวีปแอฟริกามีเขตภูมิอากาศแห้งแล้งเป็นบริเวณกว้าง
ทวีปแอฟริกาสามรถแบ่งเขตอากาศได้เป็น 8 เขตดังนี้
1. ภูมิอากาศแบบทะเลทราย ได้แก่ บริเวณทะเลทรายสะฮาราและทะเลทรายลิเบียทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศไนเจอร์ ชาด ลิเบีย มาลี บุร์กินาฟาโซ มอริเตเนียคิดเป็นพื้นที่ร้อยละ 30 ของพื้นที่ในทวีปแอฟริกา และถือเป็นเขตทะเลทรายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลทรายที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือ ทะเลทรายกาลาฮารี ทางตอนใต้ของทวีปในเขตประเทศบอตสวานาและนามิเบีย มีลักษณะอากาศร้อนและแห้งแล้งเฉลี่ยสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมาก มีฝนตกน้อย เฉลี่ยต่ำกว่า 250 มิลลิเมตรต่อปี
2. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย ได้แก่ บริเวณที่ราบสูงตอนในของทวีปชายฝั่งตะวันตกและตอนใต้ของเส้นศูนย์สูตร ในฤดูร้อนมีอากาศร้อนจัดและมีฝนตกแต่ไม่มากนักประมาณ 600 มิลลิเมตรต่อปี ฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัด บางครั้งอาจถึงจุดเยือกแข็ง
3. ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น ได้แก่ บริเวณลุ่มแม่น้ำคองโก ที่ราบสูงในแอฟริกาตะวันออก ฝั่งตะวันออกของเกาะมาดากัสการ์ และชายฝั่งรอบอ่าวกินี มีอากาศร้อนอุณหภูมิเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส และฝนตกชุกตลอดทั้งปีมากถึง 2,000 มิลลิเมตรต่อปี
4. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนา ได้แก่ บริเวณเหนือและใต้แนวเส้นศูนย์สูตรในเขตประเทศเอธิโอเปีย ซูดาน เคนยา คองโก สาธารณรัฐคองโก แทนซาเนีย และด้านปลายลมของเกาะมาดากัสการ์ มีอุณหภูมิร้อนเกือบตลอดทั้งปี ในฤดูร้อนมีอากาศร้อนและมีฝนตกปริมาณ 1,500 – 2,000 มิลลิเมตรต่อปี ฤดูหนาวมีอากาศหนาวและแห้งแล้ง
4. ลักษณะเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมทางสังคมวัฒนธรรม
ลักษณะเศรษฐกิจ
การเกษตรกรรม
1. การเพาะปลูกแบบยังชีพ เป็นการปลูกพืชเพื่อบริโภคภายในครอบครัว
2. การทำไร่ขนาดใหญ่ เป็นการเพาะปลูกเพื่อการค้า พืชที่ปลูก เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน
3. การเกษตรแบบผสม คือ การเพาะปลูกแบบเลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไป พืชที่ปลูกคือข้าวโพดข้าวสาลี สัตว์ที่เลี้ยง คือ โคเนื้อ โคนม แกะ
4. การเกษตรแบบเมดิเตอร์เรเนียน คือปลูกองุ่น มะกอก บริเวณชายฝั่งทะเลมดิเตอร์เรเนียนและตอนใต้ของทวีป
5. การทำไร่ปศุสัตว์ ส่วนใหญ่จะเป็นการเลี้ยงแบบปล่อยคือ การปล่อยให้สัตว์หากินในทุ่งหญ้าตามธรรมชาติ
6. การเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน เป็นการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่เป็นทะเลทราย
การป่าไม้
พื้นที่ที่มีความสำคัญในการทำป่าไม้ คือ แอฟริกาตะวันตก แอฟริกากลาง ป่าไม้ส่่วนใหญ่สูญเสียไปเนื่องจากการทำไร่เลื่อนลอยและการขาดการบำรุงการล่าสัตว์และการประมงชนพื้นเมืองจะดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์ ส่วนการประมงมีความสำคัญไม่มาก การประมงน้ำจืดจะทำตามลุ่มแม่น้ำสายใหญ่ และทะเลสาบวิคตอเรีย ส่วนประมงน้ำเค็มมักจะทำบริเวณที่มีกระแสน้ำเย็นเบงเก-ลา ไหลผ่าน
การทำเหมืองแร่
เป็นทวีปที่มีสินแร่อยู่เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญคือ เพชร ทองคำ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ
การอุตสาหกรรม
การทำอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในทวีปแอฟริกา เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปผลิตผลการเกษตร การอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเจริญมากนักเนื่องจากยังขาดเงินทุนและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม
ประชากร
มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 รองจากทวีปเอเชียประชากรหนาแน่นบริเวณลุ่มแม่น้ำ และบริเวณชายฝั่งทะเลประกอบด้วยเชื้อชาตินิกรอยด์และคอเคซอยด์
1. ขนาดที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
ทวีปออสเตรเลียและโอเซียเนีย เป็นที่ตั้งของประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ทวีปออสเตรเลียได้รับสมญานามว่า ทวีปเกาะ ส่วนหมู่เกาะแปซิฟิกซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศอื่นๆ ต่อเนื่องไปถึงทวีปแอนตาร์กติก เรียกว่า โอเชียเนีย หมายถึง เกาะ และหมู่เกาะในภาคกลางและภาคใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้งหมู่เกาะไมโครนีเซีย เมลานีเซียโปลีนีเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และหมู่เกาะมลายู
ทวีปออสเตรเลียเป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีพื้นที่ 7.6 ล้าน ตร.กม.มีประชากร 17.5 ล้านคน ที่ตั้งของทวีปออสเตรเลียอยู่ในซีกโลกใต้ทั้งหมด ตั้งแต่ละติจูดที่ 10 องศา 41 ลิปดาใต้ ถึง 43 องศา 39 ลิปดาใต้ และลองจิจูด 113 องศา 9 ลิปดาตะวันออก ถึง 153 องศา 39 ลิปดาตะวันออก
อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในมหาสมุทรแปซิฟิก จุดเหนือสุดของทวีปอยู่ที่แหลมยอร์กมีช่องแคบทอร์เรสกั้นจากเกาะนิวกินี
ทิศตะวันออก ติดกับทะเลคอรัลและทะเลแทสมันในมหาสมุทรแปซิฟิก จุดด้านตะวันออกสุดอยู่ที่แหลมไบรอน
ทิศใต้ ติดกับมหาสมุทรอินเดีย จุดใต้สุดอยู่ที่แหลมวิลสันมีช่องแคบบาสส์กั้นจากเกาะแทสมาเนีย
ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรอินเดียจุดตะวันตกสุดอยู่ที่แหลมสตีฟ
ภูมิภาคและประเทศต่างๆ ของทวีปออสเตรเลีย
1. ออสเตรเลีย ได้แก่ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
2. หมูเ่ กาะในมหาสมุทรแปซิฟกิ ไดแ้ ก ่ ปาปวั นิวกินี หมูเ่ กาะเซโลมอน ฟจิ ิ วานูอาตูคิริบาส ซามัวตะวันตก ตองกา ตูวาลู นาอูรู ไมโครนีเซีย
2. ลักษณะภูมิประเทศของทวีปออสเตรเลียและโอเซียเนีย
มีเขตที่สูงทางด้านตะวันออก มีฝนตกชุกที่สุดของทวีป มีเทือกเขาเกรตดิไวดิงอยู่ทางด้านตะวันออก มีลักษณะเป็นสันปันน้ำที่แบ่งฝนที่ตกลงให้ไหลสู่ลำธาร เขตที่ราบต่ำตอนกลาง พื้นที่ราบเรียบ มีลำน้ำหลายสายไหลมาอยู่บริเวณนี้ และเขตที่ราบสูงทางด้านตะวันตกตอนกลางของเขตนี้เป็นทะเลบริเวณทางใต้และทางตะวันออกเฉียงเหนือใช้เป็นเขตปศุสัตว์และเพาะปลูก
3. ลักษณะภูมิอากาศของทวีปออสเตรเลียและโอเซียเนีย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทวีปออสเตรเลียมีภูมิอากาศต่างๆ กัน คือ ตั้งอยู่ในโซนร้อนใต้และอบอุ่นใต้ มีลมประจำพัดผ่าน ลักษณะภูมิประเทศและมีกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นไหลผ่าน
ลักษณะภูมิอากาศของทวีปออสเตรเลียและโอเซียเนียแบ่งเขตภูมิอากาศเป็น 6 ประเภทคือ
1. ภูมิอากาศทุ่งหญ้าเขตร้อน
2. ภูมิอากาศทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย
3. ภูมิอากาศทะเลทราย
4. ภูมิอากาศเมดิเตอร์เรเนียน
5. ภูมิอากาศอบอุ่นชื้น
6. ภูมิอากาศภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก
4. สภาพทางสังคม เชื้อชาติ เศรษฐกิจ ศาสนาและวัฒนธรรม
ประชากร
เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ของออสเตรเลีย ชาวพื้นเมืองดั้งเดิมเป็นพวกผิวดำเรียกว่า อะบอริจินส์เป็นพวกที่อพยพมาจากหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือ และภาคตะวันตกปัจจุบันมี ชาวผิวขาว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษอาศัยอยู่จำนวนมากรัฐบาลได้จัดที่อยู่ในเขตนอร์ทเทิร์นเทริทอรี่ รัฐควีนสแลนด์ และรัฐออสเตรเลียตะวันตก พวกผิวเหลืองเป็นพวกที่อพยพมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ ชาวจีน ญี่ปุ่น พวกผิวขาว ส่วนใหญ่เป็นพวกที่อพยพมาจากประเทศอังกฤษ มีการประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรคือปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ การประมง และอุตสาหกรรม
การกระจายประชากร
รัฐบาลออสเตรเลียมีนโยบายสงวนพื้นที่ไว้สำหรับชาวผิวขาว คือ นโยบายออสเตรเลียขาวกีดกันผิวโดยจำกัดจำนวนคนสีผิวอื่นที่ไม่ใช่ผิวขาวเข้าไปตั้งถิ่นฐานในออสเตรเลียบริเวณที่ประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณที่มีประชากรเบาบาง ได้แก่ ตอนกลางของทวีป ภาคเหนือ และภาคตะวันตก
ศาสนา
ชาวออสเตรเลียนับถือศาสนาคริสต์หลายนิกาย ได้แก่ แองกลิกัน โรมันคาทอลิกโปรแตสแตนส์ ภาษาที่ใช้มากคือภาษาอังกฤษ
การแบ่งแยกทางการเมือง ออสเตรเลียมีระบบการปกครองแบบสหพันธรัฐประกอบ
ด้วยรัฐต่างๆ รวม 6 รัฐและดินแดนอิสระที่ไม่ขึ้นกับรัฐใดๆ อีก 2 แห่ง คือ
1. รัฐนิวเซาท์เวล เมืองหลวง ซิดนีย์
2. รัฐวิกตอเรีย เมืองหลวง เมลเบิร์น
3. รัฐควีนสแลนด์ เมืองหลวง บริสเบรน
4. รัฐออสเตรเลียใต้ เมืองหลวง แอเดเลด
5. รัฐออสเตรเลียตะวันตก เมืองหลวงเพิร์ธ
6. รัฐแทนสเมเนีย เมืองหลวง โอบาร์ต
ดินแดนอิสระ 2 บริเวณ ได้แก่
นอร์ทเทิร์นแทริทอรี เมืองหลวง ดาร์วิน
ออสเตรเลีย แคปิตอลเทริทอรี เมืองหลวงแคนเบอร์รา ออสเตรเลียเป็นประเทศเอกราชในเครือจักรภพอังกฤษ มีพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 2 เป็นพระราชินีและเป็นประมุขของประเทศ มีข้าหลวงใหญ่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
จัดการปกครองระบอบประชาธิปไตยในรูปแบบ สหพันธรัฐการปกครองของออสเตรเลีย เป็นแบบรัฐบาลรวม คือ มีรัฐบาล 2 ระดับ ได้แก่
รัฐบาลกลาง
รัฐบาลของรัฐ