ภาคกลาง มีภูมิประเทศเป็นที่ราบกว้างขวาง ซึ่งเกิดจากการทับถมของดินตะกอนของแม่น้ำน้อยใหญ่ที่มีต้นกำเนิดทางภาคเหนือ จึงเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญของประเทศมาช้านาน และนอกจากภาคกลางจะมีที่ตั้งเป็นศูนย์กลางของประเทศแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางของการปกครอง การศึกษา วัฒนธรรม อุตสาหกรรม การสื่อสารและการคมนาคมขนส่ง การท่องเที่ยวและการบริการ อาชีพของประชากรในภาคกลางจึงมีความหลากหลายกว่าทุกภาค ทั้งอาชีพเกษตรกร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การค้า และการบริการนานาชนิด
ภาคกลาง หมายถึง ภูมิภาคตอนกลางของไทย ครอบคลุมพื้นที่แห่งที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่กึ่งกลางระหว่างภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคใต้
ในบางบริบท ภาคกลางอาจหมายรวมถึงภาคตะวันตกและภาคตะวันออกด้วย
ราชบัณฑิตยสถานได้แบ่งพื้นที่ประเทศไทยออกเป็น 6 ภาคตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อย่างเป็นทางการ โดยให้ภาคกลางมีเนื้อที่ 91,795.14 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยเขตการปกครอง 22 จังหวัด (ในกรณีนี้นับรวมกรุงเทพมหานครว่าเป็นจังหวัดโดยอนุโลม) ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ชัยนาท
นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี
สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี
(ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ภาคกลาง)
ดูแผนที่ภาคกลาง https://www.google.co.th/maps/@14.1653503,100.2864931,395024m/data=!3m1!1e3
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศภาคกลางเกือบทั้งหมด เป็นที่ราบดินตะกอนที่เกิดจากการที่แม่น้ำลำธารพัดพาเอาตะกอนมาทับถมกัน จนทำให้ภาคกลางกลายเป็นที่ราบดินตะกอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและอุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศ ที่ราบดังกล่าวนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาโดยครอบคลุมอาณาบริเวณตั้งแต่จังหวัดสุโขทัยลงมาจนถึงอ่าวไทย
ลักษณะทางกายภาพ
ที่ตั้งสมบูรณ์
ทิศเหนือ อยู่ที่ละติจูด 17 องศา 45 ลิปดาเหนือ
ทิศใต้ อยู่ที่ละติจูด 13 องศา 15 ลิปดาเหนือ
ทิศตะวันออก อยู่ที่ลองจิจูด 101 องศา 35 ลิปดาตะวันออก
ทิศตะวันตก อยู่ที่ลองจิจูด 99 องศา 01 ลิปดาตะวันออก
ที่ตั้งสัมพันธ์
ทิศเหนือ ติดต่อกับภาคเหนือ ที่อำเภอศรัสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
ทิศใต้ ติดต่อกับอ่าวไทย ที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
ทิศตะวันออก ติดต่อกับภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทิศตะวันตก ติดต่อกับภาคตะวันตก
ลักษณะภูมิอากาศ
ภาคกลางเป็นภาคที่มีที่ตั้งที่ได้รับอิทธิพลจากทะเลถึง 2 ด้าน กล่าวคือ ทางทิศใต้ที่ติดต่อกับอ่าวไทย โดยมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเปิดโล่งหันหน้ารับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้อย่างเต็มที่ จากทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้ทะเลและเป็นที่ราบ ทำให้ฤดูหนาวและฤดูร้อนมีอุณหภูมิไม่แตกต่างกันมากนัก
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศภาคกลาง
1. ลมและมวลอากาศ ได้แก่ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมทะเล ทำให้เกิดฝนตกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ส่วนลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพัดพาเอาความหนาวเย็นมานั้น จะไม่มีผลต่อภาคกลางมากนัก
2. การขวางกั้นของภูเขา มีอิทธิพลสำคัญต่อภูมิอากาศภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณทางด้านตะวันตกของภาคที่มีเทือกเขาถนนธงชัยและเทือกเขาตะนาวศรี ที่กั้นทิศทางของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามัน จึงทำให้บริเวณพื้นที่ด้านตะวันตกของภาคกลางได้รับฝนน้อย เป็นเขตเงาฝน (Rain shadow)
ภาคกลางมีลักษณะภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนา (Savanna) หรือ
ทุ่งหญ้าเมืองร้อน ใช้สัญลักษณ์ (Aw) ตามแบบของเคิปเปน จะมีอุณภูมิสูงตลอดปีเฉลี่ยสูงกว่า 18 องศาสเซลเซียส มีฤดูแล้งสลับให้เห็นเด่นชัด ฝนส่วนใหญ่ตกในฤดูร้อน ปริมาณนำฝนมากกว่า 1,200 มิลลิเมตรต่อปี ในฤดูหนาวอากาศแห้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมทางกายภาพ
กับการประกอบอาชีพ
ภาคกลางมีภูมิประเทศเป็นที่ราบกว้างขวางที่สุดของประเทศ มีโครงสร้างทางธรณีวิทยาเป็นดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนแม่น้ำ ซึ่งเป็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่มีทรัพยากรแร่ธาตุอยู่น้อย แต่เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์
แม่น้ำในภาคกลางซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากภูเขาในภาคเหนือไหลงลงสู่ที่ราบจะมีความกว้างเพิ่มขึ้นและไหลช้าลง มีการสร้างเขื่อนและขุดคลองชลประทานขึ้นใช้อย่างทั่วถึง จึงมีแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทั้งๆ ที่มีฝนตกน้อยกว่าหลายภาค ภาคกลางจึงเหมาะแก่การทำเกษตรกรรม
นอกจากนี้ การที่ภาคกลางมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบและตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ จึงเหมาะแก่การตั้งถื่นฐานที่อยู่อาศัย เป็นศูนย์กลางความเจริญทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และอำนาจการปกครอง
อาชีพหลักของประชากรในภาคกลาง ได้แก่ การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การประมง การอุตสาหกรรม การค้าและบริการ
เขาหลวง อยู่ในเขตเมืองฯ และอำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์
หลายพื้นที่ของภาคกลางมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาโดด ๆ เช่น ในเขตจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี และด้านตะวันตกของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งสันนิษฐานว่าในอดีตเคยเป็นเกาะที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเล เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยายกตัวสูงขึ้นเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้เกาะกลายเป็นภูเขาโดดๆ ลักษณะภูมิประเทศภาคกลาง แบ่งได้เป็น 4 เขต ดังนี้
1. เขตที่ราบภาคกลางตอนบน
ที่ราบภาคกลางตอนบน ได้แก่ บริเวณตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ขึ้นไปถึงจังหวัดสุโขทัย ประมาณ 2 ใน 3 ของพื้นที่ มีลักษณะภูมิประเทศสูงๆ ต่ำๆ คล้ายลูกคลื่น ที่ราบดังกล่าวนี้เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ ทำให้พื้นดินสึกกร่อนจนกลายเป็นที่ราบลูกระนาด โดยมีภูเขาโดดๆ และเนินเตี้ยๆ อยูปะปน
2. เขตที่ราบภาคกลางตอนล่าง
ที่ราบภาคกลางตอนล่าง ได้แก่ บริเวณใต้จังหวัดนครสวรรค์ลงมาจนถึงอ่าวไทย เป็นที่ราบดินตะกอนที่เกิดจากการกระทำของแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง พัดพาเอาตะกอนมาทับถมกันสูงขึ้นจนเปลี่ยนสภาพจากทะเลกลายมาเป็นที่ราบดินตะกอนใหม่ เรียกบริเวณนี้ว่า ที่ราบดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ ทุ่งเจ้าพระยา
3. เขตที่ราบชายขอบด้านทิศตะวันออก
ที่ราบชายขอบด้านทิศตะวันออก ได้แก่ บริเวณพื้นที่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี และนครนายก เขตนี้มีเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ราบสลับกับเนินเขาเตี้ยๆ ซึ่งสึกกร่อนมาจากหินปูน หินดินดาน และหินชนวน จึงทำให้ดินแถบนี้เป็นสีเทาดำ
4. เขตที่ราบชายด้านทิศตะวันตก
เขตที่ราบชายด้านทิศตะวันตก ได้แก่ บริเวณที่ราบเชิงเขาแคบๆ ทางตะวันตกของจังหวัดกำแพงเพชร อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี และนครปฐม บริเวณนี้เป็นที่ราบที่เกิดจากการทับถมของตะกอนเชิงเขาของเทือกเขาถนนธงชัยและเทือกเขาตะนาวศรี มีลักษณะเป็นที่ราบขั้นบันได ลาดเอียงจากทางตะวันตกลงไปทางตะวันออกและทางใต้
แหล่งข้อมูลศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
https://th.wikipedia.org/wiki/ภาคกลาง
คำขวัญประจำจังหวัดภาคกลาง
คำขวัญประจำจังหวัดจะบ่งชี้ถึงภูมิลักษณ์ (สภาพทั่ว ๆ ไปของผิวโลก ซึ่งประกอบด้วยสิ่งที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติและที่มนุษย์ดัดแปลงขึ้น) และอัตลักษณ์ (ผลรวมของลักษณะเฉพาะของสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้สิ่งนั้นเป็นที่รู้จักหรือจำได้)
ของแต่ละท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถเข้าไปดูคำขวัญของแต่ละจังหวัดได้ในแหล่งสืบค้นข้อมูลที่นำมาไว้ ดังนี้
คำขวัญประจำจังหวัด
ลุ่มน้ำหลักและการจัดการลุ่มน้ำในประเทศไทย
คณะกรรมการอุทกวิทยาแห่งชาติ ได้แบ่งพื้นที่ประเทศไทยออกเป็นลุ่มน้ำสำคัญ 25 ลุ่มน้ำ และแบ่งออกเป็นลุ่มน้ำย่อย 254 ลุ่มน้ำย่อย มีพื้นที่ลุ่มน้ำรวมทั้งประเทศประมาณ 511,361 ตร.กม. (ยังไม่รวมพื้นที่เกาะต่างๆ ยกเว้นเกาะภูเก็ต)
แหล่งข้อมูลศึกษาค้นคว้า
ปัญหาและผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประชากรกับสิ่งแวดล้อมในภาคกลาง
ด้วยสภาพพื้นที่ภาคกลางเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสายไหลมารวมกันแล้วออกสู่ทะเลในพื้นที่นี้ ทำให้มีการใช้พื้นที่เพื่อการประกอบอาชีพต่าง ๆ มากมาย
ประกอบกับภาคกลางเป็นศูนย์ความเจริญในทุกด้าน จึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นและมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชากร ดังนี้
1. ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ที่ดิน ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ที่ดินในภาคกลางที่สำคัญ คือ การใช้ที่ดินไม่เหมาะสมกับสภาพของดิน เช่น เอาที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์มากซึ่งเหมาะกับการเพาะปลูกไปใช้สำหรับการอุตสาหกรรม หรือสร้างเมืองใหม่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง และปริมณฑลรอบๆ กรุงเทพฯ
2. ปัญหาเกี่ยวกับน้ำ ถึงแม้ว่าจะมีแม่น้ำหลายไหลมารวมกันในพื้นที่ภาคกลาง แต่ก็มีปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง อันเป็นผลสืบเนื่องการที่เกษตรกรใช้น้ำเพื่อการทำนาปรัง ทำให้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคขาดแคลน นอกจากนี้ยังมีปัญหาน้ำเน่าเสียอันเป็นผลมาจากการทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำโดยเฉพาะในเขตเมือง และจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตรอีกด้วย
3. ปัญหาเกี่ยวกับป่าไม้ ภาคกลางเป็นภาคที่มีการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อใช้เป็นพื้นที่ทำการเกษตรมากกว่าทุกภาค จนทำให้พื้นที่ป่าของภาคกลางบริเวณภาคกลางตอนบนแถบจังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สภาพป่าที่ถูกทำลายในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบรณ์
(ภาพจาก https://indodang.wordpress.com/2012/07/page/2/)