กฏแห่งกรรม ตอนที่ 12
ตอนที่ ๑ ตอนที่ ๒ ตอนที่ ๓ ตอนที่ ๔ ตอนที่ ๕ ตอนที่ ๖ ตอนที่ ๗ ตอนที่ ๘ ตอนที่ ๙ ตอนที่ ๑๐ ตอนที่ ๑๑ ตอนที่ ๑๒
ตอนที่ ๑๒
พระบาลีแสดงกฏแห่งกรรม
๑.
กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตาย.
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ คือ ให้ทรามและประณีต.
(ม.อุ ๑๔/๓๘๕/๕๙๖)
(คำอ่าน => กัม-มัง-สัต-เต-วิ-ภะ-ชะ-ติ-ยะ-ทิ-ทัง-หี-นัป-ปะ-ณี-ตะ-ตา-ยะ.)
๒.
ยงฺกิญฺจิ สิถิลํ กมฺมํ น ตํ โหติ มหปฺผลํ.
การงานอะไร ๆ ที่ย่อหย่อน ย่อมไม่มีผลมาก.
(นัย. สํ. ส. ๑๕/๖๘/๒๓๙)
(คำอ่าน =>ยัง-กิญ-จิ-สิ-ถิ-ลัง-กัม-มัง-นะ-ตัง-โห-ติ-มะ-หัป-ผะ-ลัง.)
๓.
สานิ กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคตึ.
กรรมของตนเอง ย่อมนำไปสู่ทุคติ.
(ขุ. ธ. ๒๕/๔๗/๒๘)
(คำอ่าน => สา-นิ-กัม-มา-นิ-นะ-ยัน-ติ-ทุค-คะ-ติง.)
๔.
สุกรํ สาธุนา สาธุ.
ความดีอันคนดีทำง่าย.
(วิ. จุล. ๗/๑๙๕/๓๘๘ ขุ. อุ. ๒๕/๑๖๗/๑๒๔)
(คำอ่าน => สุ-กะ-รัง-สา-ธุ-นา-สา-ธุ.)
๕.
สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ.
กรรมดีอันคนชั่วทำยาก.
(วิ. จุล. ๗/๑๙๕/๓๘๘ ขุ. อุ. ๒๕/๑๖๗/๑๒๔)
(คำอ่าน => สา-ธุ-ปา-เป-นะ-ทุก-กะ-รัง.)
๖.
อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย.
กรรมชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า.
(สํ. ส. ๑๕/๒๘/๒๓๙ ขุ. ธ. ๒๕/๕๖/๓๒)
(คำอ่าน => อะ-กะ-ตัง-ทุก-กะ-ฏัง-ไสย-โย.)
๗.
ปจฺฉา ตปฺปติ ทุกฺกฏํ
ความชั่วย่อมเผาผลาญในภายหลัง.
(สํ. ส. ๑๕/๖๘/๒๓๙ ขุ. ธ. ๒๕/๕๖/๓๒)
(คำอ่าน => ปัจ-ฉา-ตัป-ปะ-ติ-ทุก-กะ-ฏัง.)
๘.
กตญฺจ สุกตํ เสยฺโย.
ความดี ทำนั่นแล ดีกว่า.
(สํ. ส. ๑๕/๖๘/๒๓๙ ขุ. ธ. ๒๕/๕๖/๓๒)
(คำอ่าน => กะ-ตัญ-จะ-สุ-กะ-ตัง-ไสย-โย.)
๙.
น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ.
ทำกรรมใดแล้วร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำแล้วนั้นไม่ดี.
(สํ. ส. ๑๕/๘๑/๒๘๑ ขุ. ธ. ๒๕/๒๓/๑๕)
(คำอ่าน => นะ-ตัง-กัม-มัง-สา-ธุ-ยัง-กัตะ-วา-อะ-นุ-ตัป-ปะ-ติ.)
๑๐.
ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ.
ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำแล้วนั้นแลเป็นดี.
(สํ. ส. ๑๕/๘๑/๒๘๑ ขุ. ธ. ๒๕/๒๓/๑๕)
(คำอ่าน => ตัญ-จะ- กัม-มัง-กะ-ตัง-สา-ธุ-ยัง-กัตะ-วา-นา-นุ-ตัป-ปะ-ติ.)
๑๑.
สุกรานิ อสาธูนิ อตฺตโน อหิตานิ จ.
การที่ไม่ดีและไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ทำได้ง่าย
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๗/๒๒)
(คำอ่าน => สุ-กะ-รา-นิ-อะ-สา-ธู-นิ-อัต-ตะ-โน-อะ-หิ-ตา-นิ-จะ. )
๑๒.
ยํ เว หิตญฺจ สาธุญฺจ ตํ เว ปรมทุกฺกรํ.
การใดแลเป็นประโยชน์ด้วย ดีด้วย การนั้นแลทำได้ยากยิ่ง.
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๗/๒๒)
(คำอ่าน => ยัง-เว-หิ-ตัญ-จะ-สา-ธุญ-จะ-ตัง-เว-ปะ-ระ-มะ-ทุก-กะ-รัง.)
๑๓.
น หิ ตํ สุลภํ โหติ สุขํ ทุกฺกฏการินา.
สุขไม่เป็นผลอันคนทำความชั่วจะได้ง่ายเลย.
(สํ. ส. ๑๕/๑๐๔/๓๓๖)
(คำอ่าน => นะ-หิ-ตัง-สุ-ละ-ภัง-โห-ติ-สุ-ขัง-ทุก-กะ-ฏะ-กา-ริ-นา.)
๑๔
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ.
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
(สํ. ส. ๑๕/๓๓๓/๙๐๓ ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๘๔/๒๙๔)
(คำอ่าน => กัล-ยา-ณะ-กา-รี-กัล-ยา-ณัง-ปา-ปะ-กา-รี-จะ-ปา-ปะ-กัง.)
๑๕.
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม.
(ม. ม. ๑๓/๖๔๘/๗๐๗ ขุ. สุ. ๒๕/๔๕๗/๓๘๒)
(คำอ่าน => กัม-มุ-นา-วัต-ตะ-ติ-โล-โก.)
๑๖.
นิสมฺม กรณํ เสยฺโย.
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ดีกว่า.
(ว. ว. = สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
(คำอ่าน => นิ-สัม-มะ-กะ-ระ-ณัง-ไสย-โย.)
๑๗.
กตสฺส นตฺถิ ปฏิการํ
สิ่งที่ทำแล้ว ทำคืนไม่ได้.
(ส. ส. = สมเด็จพระสังฆราช สา )
(คำอ่าน => กะ-ตัส-สะ-นัต-ถิ-ปะ-ฏิ-กา-รัง.)
๑๘.
ปฏิกจฺเจว ตํ กยิรา ยํ ชญฺญา หิตมตฺตโน.
รู้ว่าการใดเป็นประโยชน์แก่ตน พึงรีบทำการนั้นเทียว.
(สํ. ส. ๑๕/๘๑/๒๘๑)
(คำอ่าน => ปะ-ฏิ-กัจ-เจ-วะ-ตัง-กะ-ยิ-รา-ยัง-ชัญ-ญา-หิ-ตะ-มัต-ตะ-โน.)
๑๙.
กยิรา เจ กยิราเถนํ.
ถ้าจะทำ ก็พึงทำการนั้น (จริง ๆ ).
(สํ. ส. ๑๕/๖๗/๒๓๙ ขุ. ธ. ๒๕/๕๖/๓๒)
(คำอ่าน => กะ-ยิ-รา-เจ-กะ-ยิ-รา-เถ-นัง.)
๒๐.
กเรยฺย วากฺยํ อนุกมฺปกานํ.
ควรทำตามถ้อยคำของผู้เอ็นดู.
(ขุ. ชา. ทสก. ๒๗/๒๗๒/๒๓๒๖)
(คำอ่าน => กะ-ไรย-ยะ-วาก-ยังอะ-นุ-กัม-ปะ-กา-นัง.)
๒๑.
กาลานุรูปํว ธุรํ นิยุญฺเช.
พึงประกอบธุระให้เหมาะแก่กาลเดียว
(ว. ว. = สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
(คำอ่าน => กา-ลา-นุ-รู-ปัง-วะ-ธุ-รัง-นิ-ยุญ-เช.)
๒๒.
รกเขยฺย อตฺตโน สาธุํ ลวณํ โลณตํ ยถา.
พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม.
(ส. ส. = สมเด็จพระสังฆราช สา )
(คำอ่าน => ระ-กะ-ไขย-ยะ-อัต-ตะ-โน-สา-ธุง-ละ-วะ-ณัง-โล-ณะ-ตัง-ยะ-ถา.)
๒๓.
กิจฺจานุกุพฺพสฺส กเรยฺย กิจฺจํ.
พึงทำกิจแก่ผู้ช่วยทำกิจ.
(ขุ. ชา. ทสก. ๒๗/๘๔/๒๙๕)
(คำอ่าน => กิจ-จา-นุ-กุพ-พัส-สะ-กะ-ไรย-ยะ-กิจ-จัง.)
๒๔.
นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ.
ไม่พึงทำประโยชน์แก่ผู้มุ่งความพินาศ.
(ขุ. ชา. ทสก. ๒๗/๘๔/๙๕)
(คำอ่าน => นา-นัต-ถะ-กา-มัส-สะ-กะ-ไรย-ยะ-อัต-ถัง.)
๒๕.
มา จ สาวชฺชมาคมา.
อย่ามาถึงกรรมอันมีโทษเลย.
(ส. ฉ. = สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ฉิม)
(คำอ่าน => มา-จะ-สา-วัช-ชะ-มา-คะ-มา.)
๒๖.
อติสีตํ อติอุณฺหํ
อติสายมิทํ อหุ
อิติ วิสฺสฏฺฐกมฺมนฺเต
อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว.
ประโยชน์ทั้งหลายย่อมล่วงเลยคนผู้ทอดทิ้งการงาน
ด้วยอ้างว่าหนาวนัก ร้อนนัก เย็นเสียแล้ว.
(พุทฺธ)
(ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๙/๑๘๕)
(คำอ่าน => อะ-ติ-สี-ตัง-อะ-ติ-อุณ-หัง-อะ-ติ-สา-ยะ-มิ-ทัง-อะ-หุ-อิ-ติ-วิส-สัฏ-ฐะ-กัม-มัน-เต-
อัต-ถา-อัจ-เจน-ติ-มา-ณะ-เว.)
๒๗.
อถ ปาปานิ กมฺมานิ
กรํ พาโล น พุชฺฌติ
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ
อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก
เขาเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้.
(พุทฺธ)
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๓/๒๐)
(คำอ่าน =>อะ-ถะ-ปา-ปา-นิ-กัม-มา-นิ- กะ-รัง-พา-โล-นะ-พุช-ฌะ-ติ-
เส-หิ-กัม-เม-หิ-ทุม-เม-โธ-อัค-คิ-ทัฑ-โฒ-วะ-ตัป-ปะ-ติ.)
๒๘.
ยาทิสํ วปเต พีชํ
ตาทิสํ ลภเต ผลํ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ
ปาปการี จ ปาปกํ.
บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว
(พุทฺธ)
(สํ. ส. ๑๕/๓๓๓/๙๐๓)
(คำอ่าน => ยา-ทิ-สัง-วะ-ปะ-เต-พี-ชัง-ตา-ทิ-สัง-ละ-ภะ-เต-ผะ-ลัง-
กัล-ยา-ณะ-กา-รี-กัล-ยา-ณัง-ปา-ปะ-กา-รี-จะ-ปา-ปะ-กัง.)
๒๙.
โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ
กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ
อตฺถา ตสฺส ปลุชฺชนฺติ
เย โหนฺติ อภิปตฺถิตา.
ผู้ใด อันผู้อื่นทำความดี ทำประโยชน์ให้ในกาลก่อน
แต่ไม่รู้สึก (คุณของเขา), ประโยชน์ที่ผู้นั้นปรารถนาย่อมฉิบหาย.
(ทฬฺหธมฺมโพธิสตฺต)
(ขุ. ชา. สตฺตก. ๒๗/๒๒๘/๑๐๖๙)
(คำอ่าน => โย-ปุพ-เพ-กะ-ตะ-กัล-ยา-โณ-กะ-ตัต-โถ-นา-วะ-พุช-ฌะ-ติ-
อัต-ถา-ตัส-สะ-ปะ-ลุช-ชัน-ติ-เย-โหน-ติ-อะ-ภิ-ปัต-ถิ-ตา-.)
๓๐.
โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ
กตตฺโถ มนุพุชฺฌติ
อตฺถา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ
เย โหนฺติ อภิปตฺถิตา.
ผู้ใด อันผู้อื่นทำความดี ทำประโยชน์ให้ในกาลก่อน
ย่อมสำนึก (คุณของเขา) ได้ ประโยชน์ที่ผู้นั้นปรารถนาย่อมเจริญ.
(ทฬฺหธมฺมโพธิสตฺต)
(ขุ. ชา. สตฺตก. ๒๗/๒๒๘/๑๐๗๐)
(คำอ่าน => โย-ปุพ-เพ-กะ-ตะ-กัล-ยา-โณ-กะ-ตัต-โถ-มะ-นุ-พุช-ฌะ-ติ-
อัต-ถา-ตัส-สะ-ปะ-วัฑ-ฒัน-ติ-เย-โหน-ติ-อะ-ภิ-ปัต-ถิ-ตา.)
๓๑.
โย ปุพฺเพ กรณียานิ
ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ
วรุณกฏฺฐํ ภญฺโชว
ส ปจฺฉา อนุตปฺปติ.
ผู้ใด ปรารถนาทำกิจที่ควรทำก่อน ในภายหลัง ผู้นั้นย่อมเดือดร้อนในภายหลัง
ดุจมานพ (ผู้ประมาทแล้วรีบ) หักไม้กุ่มฉะนั้น
(โพธิสตฺต)
(ขุ. ชา. เอก. ๒๗/๒๓/๗๑)
(คำอ่าน => โย-ปุพ-เพ-กะ-ระ-ณี-ยา-นิ-ปัจ-ฉา-โส-กา-ตุ-มิจ-ฉะ-ติ-
วะ-รุ-ณะ-กัฏ-ฐัง-ภัญ-โช-วะ-สะ-ปัจ-ฉา-อะ-นุ-ตัป-ปะ-ติ.)
๓๒.
สเจ ปุพฺเพ กตเหตุ
สุขทุกฺขํ นิคจฺฉติ
โปราณกํ กตํ ปาปํ
ตเมโส มุญฺจเต อิณํ.
ถ้าประสพสุขทุกข์ เพราะบุญบาปที่ทำไว้ก่อนเป็นเหตุ
ชื่อว่าเปลื้องบาปเก่าที่ทำไว้ ดุจเปลื้องหนี้ฉะนั้น.
(โพธิสตฺต)
(ขุ. ชา. ปญฺญาส. ๒๘/๒๕/๕๙)
(คำอ่าน => สะ-เจ-ปุพ-เพ-กะ-ตะ-เห-ตุ-สุ-ขะ-ทุก-ขัง-นิ-คัจ-ฉะ-ติ-
โป-รา-ณะ-กัง-กะ-ตัง-ปา-ปัง-ตะ-เม-โส-มุญ-จะ-เต-อิ-ณัง.)
๓๓.
สุขกามานิ ภูตานิ
โย ทณฺเฑน วิหึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน
เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ.
สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผู้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน
เบียดเบียนเขาด้วยอาชญา ผู้นั้นตายไปแล้ว ย่อมไม่ได้สุข.
(พุทฺธ)
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๒/๒๐)
(คำอ่าน => สุ-ขะ-กา-มา-นิ-ภู-ตา-นิ-โย-ทัณ-เฑ-นะ-วิ-หิง-สะ-ติ-
อัต-ตะ-โน-สุ-ขะ-เม-สา-โน-เปจ-จะ-โส-นะ-ละ-ภะ-เต-สุ-ขัง.)
๓๔.
สุขกามานิ ภูตานิ
โย ทณฺเฑน น หึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน
เปจฺจ โส ลภเต สุขํ.
สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผู้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน ไม่เบียดเบียนเขาด้วยอาชญา ผู้นั้นตายไปแล้ว ย่อมได้สุข
(พุทฺธ)
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๒/๒๐)
(คำอ่าน => สุ-ขะ-กา-มา-นิ-ภู-ตา-นิ-โย-ทัณ-เฑ-นะ-นะ-หิง-สะ-ติ-
อัต-ตะ-โน-สุ-ขะ-เม-สา-โน-เปจ-จะ-โส-ละ-ภะ-เต-สุ-ขัง.)
๓๕.
อุฏฐาตา กมฺมเธยฺเยสุ
อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ
สุสํวิหิตกมฺมนฺโต
ส ราชวสตึ วเส.
ผู้หมั่นในการงาน ไม่ประมาท มีปัญญาเห็นประจักษ์
จัดการงานได้เรียบร้อย, เขาพึงอยู่ในวงราชการได้.
(พุทฺธ)
(ขุ. ชา. มหา. ๒๘/๓๓๙/๙๖๙)
(คำอ่าน => อุฏ-ฐา-ตา-กัม-มะ-ไธย-เย-สุ-อัป-ปะ-มัต-โต-วิ-จัก-ขะ-โณ-
สุ-สัง-วิ-หิ-ตะ-กัม-มัน-โต- สะ-รา-ชะ-วะ-สะ-ติง-วะ-เส.)
๓๖.
ปาปญฺเจ ปุริโส กริยา
น นํ กริยา ปุนปฺปุนํ
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ
ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย.
ถ้าคนพึงทำบาป ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อยๆ ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น เพราะการสั่งสมบาป ย่อมนำทุกข์มาให้.
(พุทฺธ)
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๐/๑๙)
(คำอ่าน => ปา-ปัญ-เจ-ปุ-ริ-โส-กะ-ริ-ยา-นะ-นัง-กะ-ริ-ยา-ปุ-นัป-ปุ-นัง-
นะ-ตัม-หิ-ฉัน-ทัง-กะ-ยิ-รา-ถะ-ทุก-โข-ปา-ปัส-สะ-อุจ-จะ-โย.)
๓๗.
โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ
กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ
ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน
กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ.
ผู้ใด อันผู้อื่นทำความดีทำประโยชน์ให้ในกาลก่อน แต่ไม่รู้สึก (คุณของเขา) เมื่อกิจเกิดขึ้นภายหลัง ผู้นั้น ย่อมไม่ได้ผู้ช่วยทำกิจ
(ขุ. ชา. เอก. ๒๗/๒๙/๙๐)
(คำอ่าน => โย-ปุพ-เพ-กะ-ตะ-กัล-ยา-โณ-กะตัต-โถ-นา-วะ-พุช-ฌะ-ติ-
ปัจ-ฉา-กิจ-เจ-สะ-มุป-ปัน-เน-กัต-ตา-รัง-นา-ธิ-คัจ-ฉะ-ติ.)
๓๘.
สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส
สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา
น หเนยฺย น ฆาตเย.
สัตว์ทั้งปวง ย่อมหวาดต่ออาชญา ย่อมกลัวต่อความตาย บุคคลทำตนให้เป็นอุปมาแล้ว ไม่พึงฆ่าเอง ไม่พึงให้ผู้อื่นฆ่า (สัตว์อื่น)
(พุทฺธ)
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๒/๒๐)
(คำอ่าน => สัพ-เพ-ตะ-สัน-ติ-ทัณ-ฑัส-สะ-สัพ-เพ-ภา-ยัน-ติ-มัจ-จุ-โน-
อัต-ตา-นัง-อุ-ปะ-มัง-กัต-วา-นะ-หะ-ไนย-ยะ-นะ-ฆา-ตะ-เย.)
๓๙.
ปาโปปิ ปสฺสติ ภทฺรํ
ยาว ปาปํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจติ ปาปํ
อถ ปาปานิ ปสฺสติ.
คนชั่วเห็นกรรมชั่วว่าดี ตลอดเวลาที่กรรมชั่วยังไม่ให้ผล แต่เมื่อใด กรรมชั่วให้ผล เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นว่ากรรมชั่วนั้นชั่วจริง ๆ.
(พุทฺธ)
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๐/๑๙)
(คำอ่าน => ปา-โป-ปิ-ปัส-สะ-ติ-ภัท-รังยา-วะ-ปา-ปัง-นะ-ปัจ-จะ-ติ- ยะ-ทา-จะ-ปัจ-จะ-ติ-ปา-ปัง-
อะ-ถะ-ปา-ปา-นิ-ปัส-สะ-ติ)
๔๐.
ภโทฺรปิ ปสฺสติ ปาปํ
ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจติ ภทฺรํ
อถ ภทฺรานิ ปสฺสติ.
แม้คนดีย่อมเห็นกรรมดีว่าไม่ดี ตลอดเวลาที่กรรมดียังไม่ให้ผล แต่เมื่อใด กรรมดีให้ผล เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นว่า กรรมดีนั้นดีจริง ๆ
(พุทฺธ)
(ขุ. ธ. ๒๕/๓๑/๑๙)
(คำอ่าน => ?-ระ-ปิ-ปัส-สะ-ติ-ปา-ปัง-ปัส-สะ-ติ-ปา-ปัง-ยา-วะ-ภัท-รัง-นะ-ปัจ-จะ-ติ-
ยะ-ทา-จะ-ปัจ-จะ-ติ-ภัท-รัง-อะ-ถะ-ภัท-รา-นิ-ปัส-สะ-ติ.)
จบบริบูรณ์
เริ่มทำเมื่อ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๕ เสร็จเมื่อ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๕ เวลา ๒๓.๓๐ น. ณ โชคชัยบ้านเช่า อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี.
นำลงใหม่เมื่อ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ณ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
ขึ้นข้างบน กลับหน้าแรก หน้าสารบัญ
ตอนที่ ๑ ตอนที่ ๒ ตอนที่ ๓ ตอนที่ ๔ ตอนที่ ๕ ตอนที่ ๖ ตอนที่ ๗ ตอนที่ ๘ ตอนที่ ๙ ตอนที่ ๑๐ ตอนที่ ๑๑ ตอนที่ ๑๒