เขาแก่นจันทร์ เดิมชื่อ เขาจันทร์แดง ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 2 กม. มีความสูงประมาณ 141 เมตร มีถนนตัดขึ้นไปถึงยอดเขา บนยอดมีวิหารประดิษฐานพระพุทธนิโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระสี่มุมเมือง” เป็นพระ 1 ใน 4 องค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น แล้วพระราชทานไปประดิษฐานไว้ ณ เมืองต่าง ๆ สี่เมืองได้แก่ ราชบุรี ลำปาง สระบุรี และพัทลุง ด้านบนสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ตัวเมืองราชบุรี
บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ชาวราชบุรีได้พร้อมใจกันสร้างในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 และสร้างเป็นสวนสาธารณะจักรีอนุสรณ์สถาน
วัดอรัญญิกาวาส ตั้งอยู่ในเขตตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เดิมชื่อ "วัดเจริญธรรมวิหาร" เป็นวัดที่สร้างมาแต่สมัย โบราณ ปัจจุบันวัดนี้มีเนื้อที่ 73 ไร่ 2 งาน 48 วา วัดนี้ เป็นวัดโบราณสมัยขอม ประมาณศตวรรษที่ 10 ถึง 16 มีปูชนียสถาน คือ ปรางค์ขอม-เขมร ที่นับถือศาสนา พราหมณ์
ในบริเวณที่วัดอรัญญิกาวาสตั้งอยู่นั้น ใกล้ ๆ กันยังมีวัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ ภายในวัดมีปรางค์ใหญ่และ ปรางค์เล็ก 4 มุม ปรางค์ใหญ่อยู่กลางสูงประมาณ 1 เส้น เศษ (40 เมตร) หลังปรางค์มีพระนอนทำด้วยหินแดงก้อน ใหญ่ ๆ เรียงก่อเป็นรูปพุทธบรรทมตะแคงขวา ยาวประมาณ 12 ศอกเศษ (6 เมตร) สมัยลพบุรี ประมาณศตวรรษที่ 16-17 เดิมเป็นวัดร้างมานาน
พระปรางค์นั้น สร้างเมื่อ พ.ศ. 2030 - 2035 รวมอายุได้ราว 523 ปี เป็นเจดีย์ 5 องค์ แบบบัวผันสร้างไว้ 4 มุม รอบพระปรางค์ ซึ่งปัจจุบันนี้เหลือทางทิศใต้เท่านั้น ลักษณะเป็นหินทราย ผู้สร้าง ขุนหาญ บุญไทย บูรณะครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2425 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2440
หมู่ถ้ำ “เขางู” (Kho ngu chaitya hall Caves) ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 6 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3291 จากแยกเจดีย์หักไปบรรจบสายแยกทางหลวงหมายเลข 3087 เลี้ยวขวาไปทางถนนสาย 3089 ประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงปากทางเข้า “ถ้ำเขางู” หรือ “อุทยานหินเขางู” ที่มีรูปสลักของพระปางลีลาขนาดใหญ่เป็นจุดสังเกตทางซ้ายมือ
หมู่ถ้ำโบราณที่ “เขางู” เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว ตรงลานด้านหน้าเขาทางทิศใต้ เคยถูกใช้เป็นที่ตั้งของวัดโบราณอย่างน้อย 2 ครั้ง และเคยถูกทางการมาใช้พื้นที่หน้าเขานี้ทำเป็นเรือนจำในช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะย้ายไปสร้างที่เขาบิน
ในช่วงก่อนทศวรรษ 2490 มีข่าวลือกันไปทั่วว่าภายในหมู่ถ้ำโบราณทั้งหลายของเขางู มีทรัพย์สมบัติโบราณฝังอยู่จำนวนมาก โดยมีจารึกและพระพุทธรูปรูปนั่งทำนิ้วบอกใบ้ (นิ้วชี้จรดนิ้วหัวแม่มือทำเป็นรูปวงกลม) เป็น “ลายแทง” กลุ่มคนผู้ (ไทยแท้) ที่งมงายและละโมบโลภมาก ได้พากันแอบเข้ามาขุดคุ้ยถ้ำเพื่อหาสมบัติโบราณ จนพื้นถ้ำต่าง ๆ พรุนไปด้วยรูโพรงขุดหาสมบัติอย่างกับโดนทิ้งระเบิด
เล่ากันว่า แม้แต่ภาพปูนปั้นเก่าแก่บนผนังถ้ำ ก็ยังถูกทุบทำลายเพื่อหาสมบัติที่เพียง “อาจ” ซ่อนอยู่ภายในเนื้อปูน โบราณวัตถุในยุคทวารวดีในจุดต่าง ๆ ถูกแกะรื้อนำออกไปขายเป็นจำนวนมาก
วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สร้างตั้งแต่สมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งเขมร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ถนนเขางู ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ตั้งอยู่เกือบใจกลางเมืองราชบุรี ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำแม่กลอง เดิมเรียกว่า “วัดหน้าพระธาตุ” “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ” มีพระปรางค์ก่อด้วยศิลาแลงสูง 12 วา ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่พระปรางค์ เป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
แรกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 13 ต่อมาในราวพุทธศตวรรษที่ 18 วัฒนธรรมเขมรจากราชอาณาจักรกัมพูชาได้แพร่เข้าสู่ดินแดนราชบุรี จึงได้มีการก่อสร้างและดัดแปลงศาสนสถานกลางเมืองราชบุรีขึ้นเป็นพระปรางค์ และสร้างกำแพงศิลาแลงล้อมรอบเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของเมืองตามคติความเชื่อ เรื่องภูมิจักรวาลของเขมร ต่อมาในสมัยอยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 20 – 21 ได้มีการก่อสร้างพระปรางค์แบบอยุธยาขึ้งซ้อนทับและสร้างพระปรางค์บริวารขึ้น อีก 3 องค์บนฐานเดียวกัน
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย ได้ทรงพระกรุณาโปรกเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองราชบุรีจากฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออก ประชาชนก็ย้ายตามความเจริญไปด้วย วัดมหาธาตุจึงกลายเป็นวัดร้างไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. 2338 พระภิกษุองค์หนึ่งชื่อพระบุญมา ได้ธุดงค์มาเห็นวัดนี้มีสถานที่ร่มรื่น เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมจึงได้ขอความร่วมมือจากพุทธศาสนิกชนช่วยกันปัด กวาดซ่อมแซมเสนาสนะต่างๆ ในที่สุด วัดมหาธาตุจึงกลับมาเป็นศูนย์กลางของศาสนาเช่นเดิม และยังคงเป็นมาจนถึงปัจจุบัน