ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เมืองราชบุรีนี้เป็นที่นับถือว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก มีประชาชนไปบูชากราบไหว้อยู่เสมอมิเคยขาด เป็นสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งชาวจังหวัดราชบุรีเคารพบูชากราบไหวมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ หลักเมืองราชบุรีเรียกกันว่าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนั้น ตั้งขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ ๒
เมืองราชบุรีในสมัยโบราณ ได้มีการสร้างและโยกย้ายไปหลายแห่งในอาณาบริเวณไม่สู้ห่างไกลจากกันมากนัก พื้นแผ่นดินซึ่งที่ตั้งจังหวัดราชบุรีในปัจจุบันนี้ จากหลักฐานทางโบราณวัตถุและโบราณสถานที่ได้ค้นพบ ทำให้เชื่อได้ว่า มีผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่มาตั้งแต่ยุคหินกลาง ซึ่มีอายุประมาณ ๑๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว แต่หลักฐานเกี่ยวกับการสร้างบ้านแปลงเมืองนั้น ได้ปรากฏหลักฐานแน่ชัดในสมัยทวารวดี หลังจากที่ได้ค้นพบโบราณสถานสมัยทวารดี ที่ตำบลคูบัว อำเภอเมืองราชบุรี แล้วซึ่งทำให้เชื่อได้ว่าตำบลคูบัวนี้เคยเป็นที่ตั้งเมืองราชบุรีเก่า
ครั้นถึงสมัยลพบุรี เมืองราชบุรีได้ย้ายมาตั้งอยู่บริเวณวัดมหาธาตุ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่วัดมหาธาตุหรือมีวัดมหาธาตุเป็นแกนเมือง ตั้งอยู่ ณ ริมแม่น้ำแม่กลองฝั่งตะวันตก (ฝั่งขวา) ส่วนนอกเมืองก็จะมีวัดอรัญญิก ซึ่งบริเวณเมืองราชบุรีในสมัยลพบุรีนี้อยู่ในเขตท้องที่ ตำบลเจดีย์หัก และตำบลหลุมดิน ส่วนหนึ่งของเนินดิน กำแพงเมืองด้านตะวันออก ถูกถมทำเป็นถนนสายที่ผ่านไปยังเขางู เมืองราชบุรี ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่วัดมหาธาตุนั้น เท่าที่ปรากฏหลักฐานได้ตั้งอยู่เป็นเวลาหลายร้อยปี นับว่าเป็นเมืองตั้งอยู่ที่เดิมได้นานที่สุดเมืองหนึ่งในประเทศไทย มีอายุยืนนานมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงดำริว่าที่ตั้งเมืองวซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกหรือฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลองเสียเปรียบในเชิงยุทธศาสตร์กับพม่าที่เข้ามารุกรานอยู่เสมอ จึงได้โปรดเกล้าให้ย้ายเมืองไปตั้งทางฝั่งตะวันออกหรือฝั่งซ้ายของแม่น้ำแม่กลอง เพื่อให้ข้าศึกเข้าถึงตัวเมืองได้ยากขึ้น และมีทางถอยเมื่อเสียเปรียบ การย้ายเมืองครั้งนี้ได้มีการกำหนดฤกษ์ทำพิธีฝังหลักเมืองด้วย
อาคารศาลแขวงราชบุรีสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2448–2450 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นที่ทำการศาลมณฑลราชบุรี ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 รัฐบาลได้ยกเลิกศาลมณฑลราชบุรี แล้วตั้งขึ้นเป็นศาลจังหวัด อาคารหลังนี้จึงใช้เป็นที่ทำการศาลจังหวัดมาจนถึงปี พ.ศ. 2500 หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นที่ทำการศาลแขวงมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 อาคารศาลแขวงราชบุรีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติโดยกรมศิลปากร และในปี พ.ศ. 2532 ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
อาคารศาลแขวงราชบุรีเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ผังพื้นอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมเกือบจัตุรัส ตรงกลางอาคารของทั้งสองชั้นเป็นห้องโถงพิจารณาคดีขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยระเบียงทั้ง 4 ด้าน ด้านหน้าอาคารเป็นโถงพักคอยและบันได จุดเด่นของอาคาร คือ ด้านสกัดด้านหน้าแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนกลางสูงและกว้างกว่าริมสองข้าง หน้าจั่วส่วนกลางเป็นจั่วแบบวิหารกรีก หน้าบันปูนปั้นประดับพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หลังคาริมสองข้างเป็นหลังคาแบบเพิงชนกับผนังโถงกลางชั้นบนที่ระดับใต้คอสองรับจั่ว ผนังภายนอกโชว์แนวเสาโดยลดระดับผนังให้ลึกเข้าไป หน้าต่างเป็นซุ้มโค้งกลม ช่องแสงเหนือบานประตูและหน้าต่างเป็นไม้ฉลุ ผนังภายในมีแผงประดับเป็นไม้ฉลุลวดลายงดงาม
ตั้งอยู่ริมถนนวรเดช ตำบลหน้าเมือง ใกล้กับหอนาฬิการิมแม่น้ำแม่กลอง อาคารพิพิธภัณฑ์เคยใช้เป็นศาลากลางจังหวัดมาก่อน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ.2465 และจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในปี พ.ศ.2526 และบูรณะเรื่อยมา จนในปีพ.ศ.2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จฯทรงเป็นประธานเปิด พิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ
ผู้สนใจสามารถชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับราชบุรีใน ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชาติพันธุ์วิทยา ธรณีวิทยา ศิลปะพื้นบ้าน เครื่องมือเครื่องใช้ในการจับสัตว์น้ำ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของกลุ่มชนต่าง ๆ ในจังหวัดราชบุรี เช่น ลาวโซ่ง กะเหรี่ยงและไท-ยวน รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัด โบราณวัตถุที่โดดเด่นนอกจากพระแสงดาบราชศัสตราประจำมณฑลราชบุรีแล้ว ยังมี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะขอมแบบบายน เป็น 1 ใน 5 องค์ที่ขุดพบในประเทศไทยซึ่งมีสภาพสมบูรณ์งดงามที่สุด
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–16.00 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท (เด็กเข้าชมฟรี) ชาวต่างชาติ 100 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 3232 1513 โทรสาร 0 3232 7235
การก่อสร้างสะพานธนะรัชต์เกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕o๓ เกิดจากหลังเหตุการไฟไหม้เมืองราชบุรี เกิดขึ้นบริเวณถนนราษฎรยินดี ในเมืองราชบุรี.
(เช่นเดียวกับในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ คือเคยเกิดเหตุไฟไหม้ใหญ่ ที่ถนนราฎรยินดีนี้ถึง ๒ ครั้ง คือ พ.ศ.๒๔๙๙ และ พ.ศ.๒๕o๓.)
ภายหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ (พ.ศ.๒๕o๓) จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มาตรวจเยี่ยมหลังเกิดเหตุแล้ว จึงได้มีคำสั่งให้สร้างสะพานธนะรัชต์ขึ้นเนื่องจากตอนที่เกิดเหตุไฟไหม้ รถดับเพลิงเข้าไปยังพื้นที่ได้ลำบาก ประกอบกับ รถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียงไม่สามารถเข้าดับไฟได้ทันท่วงทีและเรือดับเพลิงซึ่งลอยลำเรืออยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ก็ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก จึงมีคำสั่งให้สร้างสะพาน ธนะรัชต์ขึ้น เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองคู่ขนานกับสะพานรถไฟหรือสะพานจุฬาลงกรณ์ โดยใช้ชื่อสะพานจากนามสกุลของท่าน "สะพานธนะรัชต์ ราชบุรี "
อุทยานหินเขางู อยู่ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 8 กิโลเมตร ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี แต่เดิมเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินที่สำคัญของไทยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเป็นปูนที่มีคุณภาพดี ต่อมาทั้งภาครัฐและประชาชนได้เล็งเห็นถึงความเสื่อมโทรมของสภาพภูมิประเทศ และวิวทิวทัศน์ อีกทั้งที่เขางูนี้ยังเป็นศาสนสถานอันเก่าแก่ จึงได้มีการยกเลิกสัมปทานการระเบิดและย่อยหินที่บริเวณนี้ไป หลังจากยกเลิกสัมปทาน เขางูกลายเป็นเหมืองร้าง มีสภาพทรุดโทรม ทางจังหวัดราชบุรีจึงได้พัฒนาเขางูให้เป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณคดี ได้สร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ เต็มพื้นที่หน้าผา สร้างจากการยิงแสงเลเซอร์ลงหน้าผาหิน ภายในอุทยานหินเขางูแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง ซึ่งจะเป็นถ้ำที่อยู่บนภูเขามีถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถและถ้ำจีน-จาม แต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไต่เขาไปค่อนข้างสูง บริเวณรอบๆก็จะมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ภายในอุทยานหินเขางูแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง ซึ่งจะเป็นถ้ำที่อยู่บนภูเขามีถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถและถ้ำจีน-จาม แต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไต่เขาไปค่อนข้างสูง บริเวณรอบๆก็จะมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ภายในถ้ำต่างๆนี้พบพระพุทธรูปจำหลัก หรือพระพุทธรูปที่สลักหินที่ฝาผนังถ้ำอยู่หลายองค์ ซึ่งพระพุทธรูปเหล่านี้เป็นพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยทวารวดีเลยทีเดียว
ถ้ำในบริเวณอุทยานหินเขางู
ยอดเจดีย์องค์นี้หักทลายลงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 องค์พระเจดีย์ก่อด้วยอิฐสอด้วยดินผสมยางไม้ ฐานเป็นรูปแปดเหลี่ยมรองรับองค์ระฆังทรงกลมรูปสูงเพรียวคล้ายกับกลุ่มเจดีย์แบบเมืองสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท และในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี รวมทั้งเจดีย์ที่เรียกว่าแบบอโยธยา ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ซึ่งสร้างขึ้นก่อนการตั้งกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 1893 จากการขุดแต่งและบูรณะ ได้พบร่องรอยของวิหารที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก และพบชิ้นส่วนพระพุทธรูปหินทรายสีแดงจำนวนมาก เป็นพุทธศิลปะแบบที่นิยมสร้างในสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา
ย้อนเวลากลับไปสู่ความรุ่งเรืองในสมัยทวารวดีของเมืองราชบุรี ผ่านโบราณสถานเมืองโบราณบ้านคูบัว ที่สะท้อนให้เห็นถึงอดีตของราชบุรีที่เคยเป็นเมืองท่าในยุคนั้น โดยลักษณะแผนผังของเมืองนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน วางตัวตามแนวเหนือ-ใต้ ขนาดกว้าง 800 เมตรและยาว 2,000 เมตร และมีลำน้ำไหลผ่านสองสาย คือ ห้วยคูบัวกับห้วยชินสีห์ ทั้งนี้ มีการสันนิษฐานว่าสถาปัตยกรรมในเมืองโบราณคูบัวนั้นได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะจากช่างสมัยราชวงศ์คุปตะ ประเทศอินเดีย พร้อมกับมีการค้นพบหลักฐานชี้ให้เห็นว่าพุทธศาสนาได้รุ่งเรืองในประเทศไทยมากว่า 1,000 ปีเลยทีเดียว ซึ่งพบร่องรอยโบราณสถานมากกว่า 60 แห่ง และส่วนใหญ่เป็นศาสนสถานที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาทั้งในลัทธิเถรวาทและมหายาน โดยวัตถุที่ขุดค้นในเขตเมืองคูบัวนั้น เป็นประติมากรรมปูนปั้นและดินเผา ที่ใช้ประดับอาคาร เช่น พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ เทวดาหรือบุคคลชั้นสูง ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องประดับต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางเทคโนโลยีขั้นสูงในยุคนั้น และทำให้สันนิษฐานได้ว่าเมืองคูบัวเจริญรุ่งเรืองอยู่ในยุคทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 11-16 และโบราณวัตถุที่ค้นพบส่วนใหญ่ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี และบางส่วนเก็บรักษาไว้ที่วัดโขลงสุวรรณคีรี
“อุทยานหินเขางู” เป็นอุทยานหิน สวนป่า ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 8 กิโลเมตร แต่เดิมเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินที่สำคัญของไทยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเป็นปูนที่มีคุณภาพดี
ต่อมาทั้งภาครัฐและประชาชนได้เล็งเห็นถึงความเสื่อมโทรมของสภาพภูมิประเทศ และวิวทิวทัศน์ อีกทั้งที่เขางูนี้ยังเป็นศาสนสถานอันเก่าแก่ จึงได้มีการยกเลิกสัมปทานการระเบิดและย่อยหินที่บริเวณนี้ไป
หลังจากยกเลิกสัมปทาน เขางูกลายเป็นเหมืองร้าง มีสภาพทรุดโทรม ทางจังหวัดราชบุรีจึงได้พัฒนาเขางูให้เป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณคดี และได้สร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ เต็มพื้นที่หน้าผา สร้างจากการยิงแสงเลเซอร์ลงหน้าผาหิน
ภายในอุทยานหินเขางูแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง ซึ่งจะเป็นถ้ำที่อยู่บนภูเขา มี ถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถ และถ้ำจีน-จาม ถ้ำต่างๆ นี้พบพระพุทธรูปจำหลัก หรือพระพุทธรูปที่สลักหินที่ฝาผนังถ้ำอยู่หลายองค์ ซึ่งพระพุทธรูปเหล่านี้เป็นพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยทวารวดี แต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไต่เขาไปค่อนข้างสูง บริเวณรอบๆ ก็จะมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ที่อยู่ : ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี
เปิดบริการ : 8.00 น. – 18.00 น. ทุกวัน
ค่าเข้า : ไม่เสียค่าเข้า