บทที่1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

1.ประวัติคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ในยุคแรก จะเป็นสิ่งประดิษฐ์เพื่อช่วยในการคำนวณ โดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิคมาช่วย 

สิ่งที่เป็นประวัติศาสาตร์ที่ยังมีให้เห็นในปัจจุบันก็คือ  ลูกคิด ลูกคิดนั้นประดิษฐ์ขึ้นจากชาวจีนเพื่อใช้ในการคิดเลข

มีประวัติศาสตร์นานกว่า 2,500 ปี

จำแนกคอพิวเตอร์แต่ละประเภทได้ 3ประเภทดังนี้

1.1 แอนะล็อกคอมพิวเตอร์  เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิคที่ไม่ได้ใช้ตัวเลขเป็นหลักในการคำนวณ แต่จะใช้แรงดันไฟฟ้าแทน

1.2 ดิจิตอลคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบันการทำงานจะใช้ตัวเลขในการคำนวณเป็นหลักซึ่งมีสองตัวคือ 0 กับ 1

1.3 ไฮบริดคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์แบบผสมี่ทำลักษณะของการทำงานจาก แอนะล็อกและดิจิตอล

 

2.วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์

ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีนั้นก้าวไกลมาก โดยเฉพาะทางด้านคอมพิวเตอร์ เราจะสามารถแบ่งยุคของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ได้ 5 ยุค ดังนี้

2.1 ยุคที่ 1 หลอดสุญญากาศ(พ.ศ.2488 - 2501) ศาสตราจารย์ Howard Aiken แห่งมหาวิทยาลัย Haward ได้พัฒนาเครื่องคำนวณตามแนวคิดของ Babbage ซึ่งร่วมกับบริษัท IBM และทำสำเร็จในปี 2487 มีเชื่อว่า “MARK I” เป็นเครื่องจักรกลไฟฟ้าและเป็นเครื่องคำนวณแบบอัตโนมัติ เครื่องแรกของโลก แล้วถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นเครื่อง “ENIAC” ต่อมาในปี พ.ศ.2494 มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ของประเทศอังกฤษ ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเรียกว่า “EDSAC” จากนั้นได้พัฒนาขึ้นมาเป็นเครื่อง “UNIVAC” ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ก้าวเข้าสู่ตลาด สู่ภาคเอกชนกันอย่างแพร่หลาย

2.2 ยุคที่ 2 ทรานซิสเตอร์ (พ.ศ. 2502 - 2506)  เป็นการใช้ทรานซิสเตอร์ แทนหลอดสุญญากาศ ทรานซิสเตอร์ถูกสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2490 โดยห้องปฏิชัติการเบล Bell Lab  ในอเมริกา เป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของคอมพิวเตอร์ เพราะอุปกรณ์มีความเร็วสูง มาความคงทนสูง มีขนาดเล็ก และราคาถูก

2.3 ยุค วงจรรวม (พ.ศ. 2507 - 2512) ได้สร้างทรานซิสเตอร์จำนวนมากลงในแผ่นซิลิคอนขนาดเล็กและเกิดเป็นแผ่นวงจรรวมเรียกว่า IC : Integrated CirCuit เป็นผลงานของบริษัท Texas Intruments Co.,Ltd.

2.4 p68muj 4 VLSI (พ.ศ. 2514 - 2527)  เป็นยุคเทคโนโลยีทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ยังคงพัฒนาต่อเนื่องมีการสร้างวงจรรวมที่มีขนาดใหญ่มารวมกันในแผ่นซิลิคอนเรียกว่า VLSI เป็นวงจรที่มีทรานซิสเตอร์จำนวนมากนับแสนนับล้านตัวมาบรรจุอยู่ในแผ่นซิลิคอมขนาดเล็กจึงก่อให้เกิดเป็นหน่วยประมวลผลที่ซับซ้อน เรียกว่า Microprocessor และใช้ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงก่อให้เกิดเป็น PC และมีผู้ใช้งานอย่างแพร่หลายมาก

2.5 ยุค เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ปัจจุบัน – อนาคต) มีการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายในองกรจึงเกิด LAN ขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงหลายๆเครือข่ายเข้าด้วยกันเกิดเป็นเครือข่ายเมืองหรือประเทศซึ่งมีขนาดใหญ่เรียกว่า WAN  ต่อมาก็มีการพัฒนาขึ้นเป็นแบบสากลที่สามารถใช้ได้ทั่วโลกก็คือ Internet

 

3.ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์

มี 4 ประเภทดังนี้

3.1 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์  เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเป็นตู้ขนาดใหญ่มีอุปกรณ์ประกอบต่างๆมากมาย ทำงานร่วมกับอุปกรณ์หลายๆอย่างด้วยความเร็วสูงสมารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมาก ซึ่งจะใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร มหาวิทยาลัย และองค์กรขนาดใหญ่ต่างๆ เป็นต้น

3.2ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่แต่เล็กกว่า เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มีความสามารถประมวณผลได้เร็วมากเพราะถูกส้รางขึ้นมาเน้นในการคำนวณเป็นหลัก

3.3 มินิคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์มากส่วนมากแล้วจะใช้ในหมู่องค์กรที่มีขนาดกลางและขนาดเล็กที่ใช้การประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มากนักและต้องการเสถียรภาพในการประมวลผลที่สูง ซึ่งถูกออกแบบมาทำงานเฉพาะอย่างเท่านั้น

3.4ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ราคาถูกมีไว้ใช้สำหรับงานส่วนตัวและยังเป็นเครื่องลูกข่ายได้อีกด้วย

เช่น Desktop Computer  คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ  Pocket PC พ็อกเก็ตพีซี Smartphone สมาร์ตโฟน เป็นต้น