เด็กหลุดจากระบบการศึกษาเป็นศูนย์ (Zero Dropout)
มีเป้าหมายเพื่อให้จำนวนเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา ‘เป็นศูนย์’ โดยเฉพาะในการศึกษาภาคบังคับ (ป.1 - ม.3) เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เด็กมีโอกาสพัฒนาชีวิต ออกจากความยากจน ประเทศจะได้แรงงานคุณภาพ เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ และจัดเก็บรายได้มากขึ้น โดยกุญแจสำคัญเพื่อให้ทำนโยบายเป็นจริงได้คือ ‘ระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น'
Thailand Zero Dropout
เด็กทุกคนต้องได้เรียน เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เทคโนโลยีข้อมูลในการตามหาเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาและพากลับเข้าสู่ระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้เป็นศูนย์ โดยเฉพาะการศึกษาภาคบังคับ (ป.1 – ม.3) ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา สร้างโอกาสที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน เด็กมีโอกาสพัฒนาชีวิต ก้าวพ้นความยากจน กลายเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวได้
การมีห้องเรียนรูปแบบเดียวจึงไม่เอื้อให้เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาให้กลับสู่ระบบได้ เพราะการเรียนรูปแบบเดียวไม่สามารถตอบโจทย์เงื่อนไขชีวิตที่แตกต่างกันของเด็กละคน ดังนั้น แนวคิด 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ซึ่งก็คือ การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ถือเป็นรูปแบบห้องเรียนที่ยืดหยุ่นมากพอที่จะรองรับผู้เรียนในทุกรูปแบบควบคู่ไปกับการตามหาเด็กที่ตกหล่นจากระบบ ให้พวกเขาเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่เสียค่าใช้จ่าย และได้วุฒิการศึกษาอีกด้วย
การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา
โรงเรียนถิ่นโอภาสวิทยา จังหวัดแพร่ ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการการติดตามช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบนั้น ฝากกระบวนการ และกรอบแนวทาง 3 ด้าน ในการ “ป้องกัน แก้ไข ส่งต่อ”
การป้องกัน
1. ศึกษา แนวทางและเทคนิควิธีการทำให้เด็กได้รับการศึกษาในระบบ ไม่ให้เด็กหลุดออกนอกระบบ
2. แต่งตั้งคณะกรรมการ ร่วมกันวางแผนป้องกันแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษาเป็นศูนย์ (Zero Dropout) ประกอบไปด้วยฝ่ายวิชาการ กิจการนักเรียน ครูประชั้น และเครือข่ายในชุมชนผู้ปกครอง
3. ประชุม ระดมความร่วมมือจากเครือข่าย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบให้ได้รับการศึกษา
การแก้ไข
4. วิเคราะห์และนำสาเหตุที่เด็กหลุดออกนอกระบบมาจัดทำแนวทางในการแก้ไข
5. ช่วยเหลือร่วมกับเครือข่าย ในการติดตามและนำเด็กกลับมาเรียนในระบบการศึกษา
6. การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่ มีการนำกระบวนการติดตามและส่งต่อเด็กนอกระบบการศึกษาให้กับเข้าสู่ระบบการศึกษา
การส่งต่อ
7. นำเข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับ เด็กอายุ 13 – 15 ปี ในโรงเรียน หรือบันทึกส่งต่อให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาแพร่ พร้อมแนบเอกสารการติดตามประกอบตามระบบของโรงเรียน
8. นำเข้าสู่ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน เด็กอายุ 16 – 18 ปี ส่งต่อให้กับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกรมส่งเสริมการเรียนรู้
9. กรณีเด็กยากจนส่งข้อมูลให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อดูแลช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ และกรณีเด็กที่ไม่ต้องการเข้าสู่ระบบการศึกษา ให้ส่งต่อข้อมูลให้จัดหางานจังหวัด
ปรับปรุงข้อมูลโดย นางสาววิวารัตน์ กวางประสิทธิ์