ด่วนที่สุด
เรื่อง ชักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเนินผลการเลียนรู้และการสอนซ่อมเสริมเสริม
เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต
อ้างถึง หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ศธ ๐๔๐๑๐/ว๓๙๕๒ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๖๖๖๖๖
ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นพื้นฐาน ชักชักชัยมความเข้าใจ
เกี่ยวกับการวัดและประเมินผลในชั้นเรียน การตัดสินผลการเรียน การสอนซ่อมเสริม และบทบาทของผู้เกี่ยวข้อง
ในการลดปัญหาของผู้เรียนในการติด 0 ร มส ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ เรียนดี มีความสุข ยกระดับ
คุณภาพการศึกษาทั้งผู้เรียน ผู้สถน เพื่อให้การเรียนดีขึ้น ลดใญหาขอะเรียบการดิต ๓ ระน๓ นั้น
ในการนี้ เพื่อเน้นย้ำให้สถานศึกษากำกับ ติดตาม ช่วยเหลือ สอนซ่อมเสริม และดำเนินการวัด
และประเมินผลการเรียน กรณีนักเรียนมีผลการเรียนไม่สมบูรณ์ (ติด 0 ร มส)
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงขอซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้และการสอนซ่อมเสริม ดังนี้
๑. การวัดและประเมินผลในชั้นเรียน เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม วิเคราะห์ ตีความ บันทึก ข้อมูลที่ได้จากการวัดและประเมินผล แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการตลอดระยะเวลาของการจัดการเรียนการสอน ทั้งก่อนการเรียนการสอน ระหว่างการเรียนการสอน และหลังการเรียนการสอน โดยใช้เครื่องมือละวิธีการที่หลากหลาย เพื่อเป็นข้อมูลย้อนกลับ รายงานความก้าวหน้า จุดเด่น จุดที่ต้องปรับปรุงใรวมถึงวางแผนออกแบบการจัดการเรียนการสอนของครูให้การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
๒. การตัดสินผลการเรียน สถานศึกษาสามารถกำหนดสัดส่วนคะแนนระหว่างเรียนและคะแนนปลายปีปลายภาคได้ตามความเหมาะสม
๒.๑ คะแนนระหว่างเรียน สถานศึกษาสามารถนำคะแนนระหว่างการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนแบบ Onsite หรือแบบผสมผสาน (Hybrid Learning) ในแบบต่าง ๆ ที่ครูผู้สอน
อบหมายให้นักเรียนปฏิบัติ เช่น การตอบคำถาม การพูดคุย การนำเสนองาน ฯลฯ ด้วยวิธีกา
หลากหลาย เช่น ซูม ไลน์ เฟซบุ๊ก ฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุคุณภาพตามมาตรฐานและตัวชี้วัดที่หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๕๑ กำหนด
๒.๒ คะแนนปลายปี หรือปลายภาคเรียน สถานศึกษาไม่จำไม่จ้าเป็นต้องใช้ข้อสอบ
ย่างเดียว อาจพิจารณาจากผลงาน ชิ้นงาน แฟ้มสะสมงาน การสอบปากเปล่า ผ่านซูม ไลน์ เฟซ
อช่องทางอื่น ได้ตามความเหมาะสมตามบริบทและความพร้อมของสถานศึกษาและผู้เรียน โ
คุณภาพผู้เรียนเป็นสำคัญ
๓. การสอนซ่อมเสริม กรณีที่ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรือเจตคติ คุณลักษณะ
ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสริมเป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจาก
การสอนตามปกติ เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและตอบสนอง
ความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อแก้ไขช้อบกพร่องของผู้เรียนอย่างทันท่วงที
๔. บทบาพของผู้ที่เกี่ยวข้องในการลดปัญหาของผู้เรียนในการติด ๑ มส ดังนี้
๔.๑ บทบาทสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
กำกับ ติดตาม และให้ความช่วยเหลือการดำเนินงานของสถานศึกษาให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย
และมีประสิทธิภาพ
๔.๒ บทบาทสถานศึกษา
๓) สำรวจและจัดทำข้อมูลมูลนักเรียนที่ติด ๑ มส และนักเรียนที่มีแนวโน้มที่จะติด
๐ ร มส ให้เป็นปัจจุบัน
๒) จัดทำแนวปฏิบัติการแก้ไข ๑ ๑ มส โดยกำหนดแนดแนวทางการสอนซ่อมเสริมและ
ระยะเวลาในการแก้ไข ๐ s มส อย่างชัดเจน
๓) ร่วมกับครูในการสื่อสารสร้างความเข้าใจแก่นักเรือน และผู้ปกครองเกี่ยวกับ
แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และแนวปฏิบัติการแก้ไข 5 มส
๔) ให้มีการสอนซ่อมเสริม และสอบซ่อม หรือแก้ไข o s มส อย่างทันท่วงที
โดยมีระบบการติดตามช่วยเหลือนักเรียนเกี่ยวกับการแก้ไข ๑ s มส อย่างเหมาะสม
๕) กำกับ ติดตาม ช่วยเหลือ และแก้ปัญหานักเรียนที่ติด ๐ ร มส และนักเรียน
ที่มีแนวโน้มที่จะติด ๑ s มส โดยเฉพาะกรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อการจบการศึกษาหรือการเรียนในระดับที่สูงขึ้น
รวมทั้งอาจส่งผลให้นักเรียนออกกลางคัน
๔.๓ บทบาทครู
๔.๓.๑ ครูผู้สอน
๑) ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๕๕๕๕
๒) จัดกิจกรรมการเรือนรู้และการวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับศักยภาพ
ของนักเรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลที่หลากหลาย
ตามสภาพจริง โดยเน้นการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน
๓) จัดหาสื่อเสริมการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนเพื่อให้สามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง
๔) จัดทำข้อมูลนักเรียนในรายวิชาที่สอนให้เป็นปัจจุบัน เช่น เวลาเรียน การสอบ
กลางภาค การส่งผลงาน ชิ้นงาน เป็น เพื่อกินคราะที่กลุ่มนักเรียนที่นี่แบวโน้ด ๑ มส
๕) กรณีพบนักเรียนที่มีแนวโน้มที่จะติด ๑ ร มส ให้เร่งดำเนินการพัฒนาและ
ซ่อมเสริมนักเรียน รวมทั้งติดตาม ช่วยเหลือ ตักเตือน ให้คำปรึกษาและดูแลอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด
๖) ประสานงานกับครู่ที่ปรึกษา ผู้ปกครอง หรือฝ่ายอื่น ๆ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา
อย่างทันท่วงทีและเหมาะสม
๔.๓.๒ ครูที่ปรึกษา
๑) จัดทำข้อมูลนักเรียน ทั้งข้อมูลการเรียนและข้อมูลส่วนตัว เพื่อการติดตาม
ช่วยเหลือนักเรียนเมื่อเกิดปัญหา
๒) ประสานงานกับครูผู้สอนทุกรายวิชา และผู้ปกครองนักเรียนอย่างสม่ำเสมด
เพื่อร่วมกันให้คำแนะนำ คำ คำปรึกษา ดูแล ช่วยเหลือ และติดตามนักเรียนอย่างใกล้ชิตและต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการเรียน
และเรื่องส่วนตัว
๔.๔ บทบาทนักเรียน
๑) ติดตาม ประสานกับครู่ผู้สอนทุกรายวิชาในเรื่องเรียน ผลการเรียน คะแบนสอบ
และการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นปัจจุบัน
๒) มีวินัยและความรับผิดชอบในหน้าที่การเรียนของตนเอง
ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสำคัญจึงเรียนมาเพื่อทราบและแจ้งสถานศึกษาในสังกัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขอแสดงความนับถือ ว่าที่ร้อยตรี (ธนุ วงษ์จินดา)
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
"เรียนดี มีความสุข"